เทศบาลตำบลพ่อมิ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อำเภอปะนาเระจังหวัดปัตตานี มีระยะทางห่างจากอำเภอปะนาเระประมาณ 10กิโลเมตรห่างจากจังหวัดปัตตานีประมาณ35กิโลเมตร เทศบาลตำบลพ่อมิ่งเป็นตำบลขนาดเล็กประกอบด้วยสี่หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1บ้านเคียน หมู่ที่ 2 บ้านนาจาก หมู่ที่ 3 บ้านพ่อมิ่ง และหมู่ที่ 4 บ้านใหม่ สภาพโดยทั่วไปทางทิศเหนือเป็นพื้นที่ราบเชิงเขา และทิศใต้เป็นแนวเทือกเขา บริเวณใจกลางของตำบลเป็นที่ราบลุ่ม โดยมีเนื้อที่ประมาณ4,750ไร่ หรือ19.40ตารางกิโลเมตร มีประชากรทั้งสิ้น2,939คน แยกเป็น เพศชาย 1,389คน เพศหญิง 1,550 คน มีความหนาแน่นเฉลี่ย151.49 คน/ตารางกิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลัก ส่วนรายได้หลักมาจากการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรในพื้นที่ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามมีเพียงบางส่วนโดยเฉพาะหมู่ที่ 1ที่มีประชากรที่นับถือศาสนาพุทธ ผู้นำและประชากรในตำบลทั้งสองศาสนามีความสัมพันธ์ที่ดีมีการไปมาหาสู่กันสามารถดำเนินกิจกรรมร่วมกันได้เป็นอย่างดี
จากการศึกษาของสถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้พบว่าสถานการณ์ปัจจุบันผู้ชายและเยาวชนชายในจังหวัดชายแดนใต้มีความจำเป็นต้องติดต่อกันทั้งฝ่ายราชการ ฝ่ายธุรกิจ ภาคองค์กรทางสังคม ตลอดจนพลเมืองด้วยกัน แต่เขาต้องประสบกับการจับจ้อง ถูกจับผิดรวมทั้งทัศนคติเชิงลบของสังคมในชีวิตประจำวันภายใต้สถานการณ์ความรุนแรงที่ต่อเนื่องเช่นนี้ นับว่าเป็นความทุกข์และความอึดอัดไม่สบายเป็นอย่างยิ่ง ข้อที่น่าสังเกต ได้แก่ ภาวการณ์ขาดความมั่นคงของมนุษย์ (Human insecurities) ของเยาวชนเหล่านี้เป็นผลลัพธ์ด้านลบที่ผู้กำหนดจากนโยบายและผู้ดำเนินการมิได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น (Unintended Consequences) ในเมื่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วไม่ตรงกับความคาดหวังและความตั้งใจ ผู้วางนโยบายจึงจำเป็นจะต้องปรับกระบวนทัศน์โดยหันไปให้ความสำคัญแก่ยุทธศาสตร์การสร้างความรู้ความความเข้าใจและให้ความสำคัญแก่การศึกษาเชิงลึกแก่ประเด็นที่มองข้ามเช่นนี้
ผลกระทบสำคัญสำหรับผู้ชายที่ถูกเฝ้าระวังจากรัฐคือ ผลกระทบระดับปัจเจก เรื่อง การขาดอิสระในการดำเนินชีวิต ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง และ การปลดหมาย พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ที่ไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ เพราะยังถูกติดตามเฝ้าระวังจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคง และความรู้สึกสูญเสียสถานภาพการยอมรับทางสังคม
นอกจากนั้นการว่างงานของเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาสำคัญโดยภาพรวม ภาวการณ์ว่างงานของเยาวชนในสามจังหวัดค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศ ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการว่างงานของเยาวชนชายมี 2 ประเด็น ได้แก่ 1)ระดับการศึกษาที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้โอกาสทางเลือกในการทำงานน้อย และ 2)ขาดแหล่งงานในพื้นที่รองรับ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ซบเซาจากสถานการณ์ความไม่สงบ การที่เยาวชนมุสลิมมีการศึกษาในระบบที่ค่อนข้างต่ำมีเงื่อนไขสำคัญที่เป็นอุปสรรคของการเรียนคือ การใช้ภาษาไทยไม่คล่อง ขณะเดียวกันก็มี ปัญหาด้านคุณภาพการศึกษาในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขอื่น ๆ ได้แก่ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวที่ไม่ดี การขาดทักษะฝีมือความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ผู้ประกอบการไม่เชื่อมั่นต่อแรงงานเยาวชนในพื้นที่ โอกาสรับรู้และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในเรื่องการพัฒนาศักยภาพและแหล่งงานมีน้อย การพัฒนาศักยภาพให้เยาวชนชายยังไม่สามารถทำให้ไปประกอบอาชีพได้จริง ทั้งนี้ยังมีปัจจัยเสริมที่สำคัญต่อการเรียนและการว่างงานของเยาวชนชายมุสลิมคือ การมีทัศนคติที่มองว่าคนที่เรียนน้อยและว่างงานเป็นเรื่องธรรมดาไม่เป็นปัญหา ขณะเดียวกันสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นก็เป็นปัจจัยหนุนที่ส่งผลต่อการว่างงานและการใช้ชีวิตโดยทั่วไปของเยาวชนชายลำบากยิ่งขึ้น
หากพิจารณาจากบริบทเฉพาะของตำบลพ่อมิ่งแล้ว สภาพปัญหาเยาวชนตำบลพ่อมิ่งที่ปรากฏว่า “เยาวชนตำบลพ่อมิ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างไม่เกิดประโยชน์เสี่ยงต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ไม่มั่นคงในอนาคต” ดังนั้นจากสภาพปัญหาดังกล่าวได้เกิดการวิเคราะห์ถึงสาตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสภาพปัญหาโดยการใช้เครื่องมือ “ต้นไม้ปัญหา” ( Problem Tree) มาใช้ในการวิเคราะห์ทำให้เห็นว่ามาจากปัจจัยหลัก 5 ปัจจัยด้วยกันคือ 1.ปัจจัยด้านการว่างงาน/การขาดรายได้ของเยาวชน2. ปัจจัยเสี่ยงต่อภัยจากยาเสพติด 3.ปัจจัยด้านการขาดโอกาสทางการศึกษา 4. ปัจจัยด้านความหวาดระแวงในการดำเนินชีวิตระหว่างเยาวชนกับคนในตำบลและเยาวชนกับเจ้าหน้าที่ทำให้เกิดการไม่ยอมรับและไม่ไว้วางใจในตัวเยาวชนจากคนในสังคม 5.ปัจจัยด้านสภาพปัญหาครอบครัวของเยาวชน ซึ่งห้าปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมายในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการขาดอิสรภาพเท่าที่ควรจะเป็น เกิดปัญหาการพึ่งพาเรื่องของยาเสพติด การลักเล็กขโมยน้อย และการขาดทักษะความรู้ในการใช้ชีวิตที่มั่นคงไม่ว่าจะเป็นเรื่องขาดคุณธรรมจริยธรรม ขาดทักษะการประกอบอาชีพ การขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตในสังคมอย่างที่ควรจะเป็น
กิจกรรมการดำเนินงานพัฒนากลุ่มเยาวชนในตำบลพ่อมิ่งเพื่อหาทางออกร่วมกันกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนในตำบลพ่อมิ่งทั้งในระดับเจ้าหน้าที่หน่วยงาน ผู้นำในพื้นที่ คณะทำงานตำบล เครือข่ายที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับเยาวชน โดยเน้นในเรื่องของการสร้างทักษะการเรียนรู้ทั้งด้านต่าง ๆ ทั้งกับเยาวชนเอง และทักษะการพัฒนาศักยภาพการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในสังคม เพื่อสร้างโอกาสและทางเลือกให้กับเยาวชนเพื่อให้เยาวชนสามารถแสดงและพัฒนาศักยภาพเพื่อเป็นทางเลือกและตัดสินใจในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของเยาวชนตำบลพ่อมิ่งในอนาคต โดยเน้นเรื่องการพัฒนาบทบาทเยาวชนกับการพัฒนาสังคมตำบลพ่อมิ่งให้น่าอยู่ เพื่อให้สังคมมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเยาวชนด้วยกัน เยาวชนกับคนในตำบลโดยเฉพาะในพื้นที่หมู่บ้านที่นับถือศาสนาพุทธและเยาวชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าใจ สร้างการยอมรับและความไว้วางใจเยาวชนในตำบลพ่อมิ่งเพิ่มขึ้น และเกิดการขยายเครือข่ายบทบาทเยาวชนกับการพัฒนาสังคมในสามจังหวัดชายแดนใต้
ผลลัพธ์จากการการดำเนินงา