จากการสำรวจข้อมูล ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางอำเภอเมืองจังหวัดยะลาพบว่าประมาณ 80% เป็นชาวมุสลิมซึ่งต้องโทษจำคุกด้วยคดียาเสพติดอาชญากรรม ฉ้อโกงลักขโมยประทุษร้ายทำร้ายร่างกายโดยพบว่าส่วนใหญ่ต้องโทษจำคุกเนื่องจากมียาเสพติดในครอบครอง เป็นผู้เสพยาเสพติดและหรือเป็นผู้ค้ายาเสพติดศาลตัดสินว่ามีความผิดและต้องโทษจำคุก ตั้งแต่ระยะเวลา 6 เดือน,1ปี , 2 ปี-25ปี และระยะเวลานานที่สุด คือต้องโทษจำคุกตลอดชีพ แล้วแต่ความรุนแรงของคดีความสาเหตุมีปัจจัยหลายๆอย่าง ตั้งแต่ยากจนด้อยโอกาสไม่มีโอกาสด้านการศึกษามีการศึกษาน้อย ทั้งสายศาสนาและสายสามัญไม่มีอาชีพหลักที่มั่นคงมีรายได้น้อยเมื่อมีการชักชวนโน้มน้าว หลอกลวงหรือชี้ช่องทางที่จะนำมาซึ่งความร่ำรวย จากผู้ไม่หวังดีและหวังผลประโยชน์ในด้านการค้ายาเสพติดและด้านอื่นๆอาจจะหลงเชื่อปฏิบัติตามโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่คำนึงถึงความไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย และผิดหลักการศาสนาแต่อย่างใด
จากปัญหาดังกล่าวทำให้เชื่อมโยงถึงปัญหาครอบครัวปัญหาสังคมปัญหาเศรษฐกิจปัญหาการเมืองและประเทศชาติที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันซึ่งเครือข่ายมุสลีมะฮ์แห่งประเทศไทย สาขายะลาได้เคยไปเยี่ยมเยียนให้ความรู้ในช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 3 ปีต่อเนื่อง และได้รับการสะท้อนปัญหาและความต้องการของผู้องขังที่อยากจะเรียนรู้หลักการอ่านอัลกุรอานและหลักการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักการอิสลามกลุ่มเครือข่ายฯ จึงมีแนวคิดที่จะตอบสนองโดยจัดกิจกรรมให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องหลักศาสนาหลักการปฏิบัติในเรือนจำสัปดาห์ละ1 ครั้ง เป็นเวลา 4เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน - เดือนธันวาคม 2560 ทั้งผู้ต้องขังหญิงและผู้ต้องขังชาย