การพัฒนาชุมชนที่ผ่านมาได้รับการให้ความสําคัญเป็นอย่างมากจะเห็นได้จากแผนพัฒนาประเทศฉบับต่างๆประชาชนเป็นกลุ่มเป้าหมายสำหรับการพัฒนาเป็นอันดับแรกการส่งเสริมและการประสานกิจกรรมด้านการพัฒนาของหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเป็นไปอย่างกว้างขวางรวมทั้งส่งเสริมให้มีการพัฒนาให้ประชาชนในแต่ละกลุ่มและองค์กรต่างๆในชุมชน การพัฒนาไม่ได้เป็นกิจกรรมเพื่อการสังคมสงเคราะห์อีกต่อไปแต่เป็นการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับประชาชนโดยให้ประชาชนเข้ามาร่วมรับรู้ปัญหาและแก้ไขปัญหาด้วยตนเองแต่ที่ผ่านมาแม้ว่าการกำหนดนโยบายการตัดสินใจการสั่งการในที่สุดประชาชนก็เป็นฝ่ายตอบสนองและปฏิบัติตามการให้ความร่วมมือในกิจกรรมหรือโครงการที่รัฐกำหนดไว้มากกว่าจะเป็นการมีส่วนร่วมตามความหมายที่แท้จริง (ยงยุทธบุราสิทธิ์,2533หน้า41) ทำให้องค์กรภายนอกภาครัฐส่วนใหญ่รวมทั้งประชาชนทั่วไปไม่ถือว่าเป็นปัญหาที่พลังของตนจะต้องเข้าไปร่วมแก้ไข เมื่อพลังทางสังคมส่วนใหญ่รวมทั้งวางเฉยทำให้กลไกรัฐอยู่ในสภาพที่ต้องแก้ไขปัญหาอย่างโดดเดี่ยวขาดพลังสร้างสรรค์ในการดำเนินการขาดระบบการประสานงานที่ดี ทำให้กลไกรัฐเพิ่มข้อจำกัดมากยิ่งขึ้นจนไม่อาจแก้ไขปัญหาด้วยพลังของตนเองได้โดยลำพัง หากกล่าวในด้านแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอดีตที่ผ่านมาก็มีแนวความคิดทำนองเดียวกันแนวคิดของระบบใหญ่ กล่าวคือปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่รัฐและกลไกรัฐเป็นเจ้าของปัญหาและต้องมีบทบาทหนาที่แกไขปญหานี้โดยตรงดังจะเห็นไดจาก มีการออกกฎหมายระบุโทษมาตรการทางกฎหมายและบังคับใชกฎหมายจึงเปนหลักสําคัญในการแกไขปญหายาเสพติดแม้ว่าในระยะหลังพัฒนาการของการแก้ไขปัญหายาเสพติดเริ่มมีมากขึ้นพรอมๆไปกับความซับซอนของตัวปญหายาเสพติดเอง แตบทบาทของรัฐก็ยังเปนสวนหลักในกลไกการแกไขปัญหาเชนการใชมาตรการทางกฎหมายการสงเสริมการปฏิบัติการจิตวิทยา การพัฒนาต่อกลุ่มประชาชนเพื่อมุ้งเน้นมาตรการป้องกันยาเสพติด โดยอาศัยศักยภาพของรัฐเปนตัวกลางในการเผยแพรความรูตางๆ ซึ่งแนวความคิดและการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามกรอบดังกล่าวแม้จะมีส่วนถูกต้องสอดคล้องกับบางกลุ่มเป้าหมายแต่หากล่าวโดยภาพรวมการระดมสรรพกำลังเฉพาภาครัฐยอมไมอาจแกไขปญหาใหลุลวงไปไดมูลเหตุสําคัญอยูที่ขอจํากัดของกลไกรัฐดังกลาว มาแลวนั้นโดยเฉพาะอยางยิ่งปญหาการแพรระบาดของยาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนมากที่สุดกลับมีความสลับซับซ้อนมากที่สุดในบรรดาวงจรของปัญหายาเสพติดมิติต่างๆและเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากลำบากที่สุดเนื่องเพราะตัวมันเองเปนทั้งตนเหตุ และปลายเหตุของปญหาในหวงเวลาเดียวกันอีกทั้งยังเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายๆด้าน ครอบคลุมไปถึงบุคคล ครอบครัว ชุมชนและสังคม
จากบทเรียนดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองกับมามองที่ประชาชน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพของ “คน”อย่างจริงจังเพื่อให้สามารถกำหนดและตัดสินใจอนาคตของตนเอง ในขณะที่บทบาทของรัฐต้องปรับบทบาทและทัศนะในการทำงาน โดยเรียนรู้ร่วมกับประชาชนโดยเชื่อว่าคนเป็นทรัพยากรที่มีความหมายและสำคัญที่สุด คนทุกคนมีความสามารถที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นถ้ามีโอกาส ดังนั้นการให้โอกาสจะช่วยให้พลังอันซ่อนเร้นในตัวคนออกมาใช้ประโยชน์ต่อส่วนรวมและการพัฒนาจะมีประสิทธิภาพต้องยึดหลักการรวมตัวและทำงานร่วมกัน(สนธยา พลศรี,2553,หน้า47) การส่งเสริมและพัฒนาดังกล่าวทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม ร่วมทำให้เกิดกลุ่มพลังและองค์กรประชาชนต่างๆทั้งในรูปแบบการเข้าไปส่งเสริมจากองค์กร พัฒนาภาครัฐภาคเอกชนและเกิดการรวมตัวของประชาชนตามธรรมชาติในชุมชน เช่น กลุ่ม อสม. กลุ่มหมอพื้นบ้าน กลุ่มสตรี กลุ่มเยาวชน กลุ่มเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ ซึ่งส่งผลให้การพัฒนาได้สร้างโอกาสหรือช่องทางสำหรับประชาชนให้สามารถพัฒนาศักยภาพหรือสะท้อนปัญหาที่แท้จริงมากขึ้น
ดังนั้นสภาเด็กและเยาวชนเทศบาลตำบลโกตาบารู ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และเห็นความสำคัญในการส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุดและส่งเสริมการศึกษาและเรียนรู้ เรื่องยาเสพติดท้ายที่สุดเพื่อสร้างแกนนำเครือข่ายการต่อต้านยาเสพติดทุกรูปแบบ จึงได้จัดโครงการต้นกล้าพันธุ์ใหม่สานฝันอนาคตไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ขึ้น ณ โรงเรียนศรีฟารีดาบารูวิทยาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชน มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงพิษภัยของยาเสพติด เพื่อสร้างเครือข่ายผู้นำเยาวชนในการป้องกันต่อต้านและป้องกันการแพร่ระบาดของยาเสพติดในสถานศึกษา และชุมชน และเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ทักษะทางความคิด สร้างภูมิคุ้มกันทางด้านร่างกายจิตใจให้กับนักเรียน ไม่ตกเป็นทาสของยาเสพติด