คนสร้างสุข

ทำรายงานฉบับสมบูรณ์ 1 เล่ม

ได้รายงานฉบับสมบูรณ์ 2 เล่ม และสามารถส่งรายงานให้ สสส.ได้ทันในเวลา

คณะกรรมการ

-

-

-

การประชุมร่วมกับ สสส. สจรส.ม.อ. และพี่เลี้ยงผู้ติดตาม  ทำเอกสารปิดงวด2

เกิดการเรียนรู้ ตรวจสอบเอกสารการเงินยังที่ไม่ถูกต้องหลายกิจกรรม ต้องแก้ไขและส่งให้พี่เลี้ยงตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนส่งรายงานมายัง สจรส.ม.อ.

ผู้ใหญ่บ้านและกรรมการ

-

-

-

• ถ่ายภาพกิจกรรม และคัดเลือกรูปภาพเพื่อทำรายงาน

• มีภาพถ่ายจำนวน 10 ภาพ ที่สามารถประกอบการทำรายงานได้

คณะทำงาน

-

-

-

เข้าร่วมประชุมงานสร้างสุขภาคใต้ วันที่ 3-5 ตุลาคม 2559 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เกิดการเรียนรู้กับชุมชนอื่นที่ทำกระบวนการเกิดเป็นชุมชน้ข้มแข็ง ซึ่งได้เรียนรู้ เรื่องการจัดการขยะ กระบวนการทำงานด้วยสภาชุมชน การดำเนินงานเศษฐกิจพอเพียง ที่สามารถสร้างรายได้ในชุมชนด้วยชุมชนเอง การสร้างตลาดกลางชุมชนการสนับสนุนเยาวชนในการเป็นแกนนำ อนุรักษ์วัฒธรรมดั้งเดิมด้วยผู้รู้ในชุมชน การสร้างกลุ่มในชุมชน เป็นต้น

• เข้าร่วมประชุมงานสร้างสุขภาคใต้ ปี 58 ได้รับความรูัเกี่ยวกับชุมชนเข้มแข็งทั้งด้านเศษฐกิจพอเพียง การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำการจัดการขยะ การอนุรักษ์วัฒนธรรมชุมชน ได้วิธีการทำเศฐกิจพอเพียง ที่ทำงานร่วมกันของประชาชนกับผู้ชุมชน อบต เทศบาล เพื่อนำไปเป็นแบบอย่าง

• ผู้ใหญ่บ้านและคณะทำงาน

-

-

-

สร้างสภาผู้นำที่เข็มแข็งในการมีส่วนร่วม ในการพัฒนา สรุปทบทวนการดำเนินงานของกิจกรรมวิธีการทำงานผลที่จะเกิดขึ้น สู่ความสำเร็จแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงาน บทบาท และ ศักยภาพของผู้นำ การมีส่วนร่วมในชุมชน จากการดำเนินงานโครงการมีการปรับจากการจัดการชุมชนด้วยผู้นำชุมชนร่วมกับกับการมัสยิด พัฒนาเป็นสภาชุมชน มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง และร่วมหารือในการดำเนินการกิจกรรม โดยมีตัวแทน กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี อสมร่วมเป็นคณะกรรมการของสภาชุมชน เช่นผลลัพธ์การดำเนินการสืบสานการสืบสานวิถีปฏิบัติดั้งเดิมของชุมชนเพื่อช่วยเหลือและระดมความร่วมมือในการพัฒนาอาชีพเพื่อลดต้นทน(การลงแขกสร้างอาชีพ) พบว่า กลุ่มเลี้ยงปลาดุเพาะเห็ดเลี่ยงไก่ รวม37ครัวเรือน สามารขายเป็นรายได้ 10 ครัวเรือน ครัวเรือนที่เหลือจะใช้สำหรับบริโภค นำไปมัศยิดเพื่อประกอบอาหารที่มัสยิดร่วมรับประทานสร้างความสามัคคีในชุมชนพบว่าต้องมีการจัดการทำอย่างไรให้ยังยืน เช่นมีคนเสนอ นำเงินออมให้สามารถเบิกจ่ายซื้อพันธ์ปลา ส่วนกองทุน มีผู้สมัครใจเข้าร่วมโครงการ 50 ครัวเรือน เป็นลักษณะเปิดบัญชีมีสมุดทะเบียนแต่ละคน โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นแกนนำในการดูแล มีผูร่วมดำเนินการงานกองทุน 5 คนโดยกฎเกณต้องออมทรัพย์ อย่างน้อย 5 ปี สามารถเบิกได้ เกณฑ์การเบืกอยู่ช่วงของการพิจาณา ต้องระบบการแล้ว 1 ข้อเบิกจ่ายซื้อพันธ์ปลาได้ จากการอบบรมการทำบัญชี พบว่า มีครัวเรือน 20 ที่ดำเนินการอย่างต่อดนื่อง มตืที่ประชุม มีข้อเนอให้ดำเนินการโครงการต่อเนือ่ง โดยให้สภาชุมชนติดตามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำแผนชุมชนจากการวิเคราะห์ข้อมูล โดยนำข้อมูลจากการสำรวจหลายๆส่วน คือ ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำรวจ ร่วมกับข้อมูลสำรวจ จปฐพบว่า ปัญหาด้านเศษฐกิจ ยังต้องขยายครัวเรือน แลเพิ่มรายได้ในครัวเรือน โดยการจัดเป็น สหกรณ์ชุมชน การผลิดสิ่งของที่ใช้เป็นประจำทำเองในชุมชน การสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มสตรีให้มีการร่วมกลุ่มสร้างผลิตภัณฑ์ ซึ่งได้เริ่รวมกลุ่มผลิตกกระเป๋าจากสายพลาสติก

สรุปทบทวนการดำเนินงานของกิจกรรม วิธีการทำงาน เพื่อ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ การทำงานทำให้เกิดการวางแผนในชุมชนทบทวนเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง กลุ่มเลี้ยงปลาดุเพาะเห็ดเลี่ยงไก่ รวม50ครัวเรือน ผู้สมัครใจเข้าร่วมโครงการ 37 ครัวเรือน ครัวเรือนทำบัญชี พบว่า มีครัวเรือน 20 ครัวเรือน

คณะทำงาน

-

-

-

สร้างสภาผู้นำที่เข็มแข็งในการมีส่วนร่วม ในการพัฒนา สรุปทบทวนการดำเนินงานของกิจกรรมวิธีการทำงานผลที่จะเกิดขึ้น สู่ความสำเร็จแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงาน บทบาท และ ศักยภาพของผู้นำ การมีส่วนร่วมในชุมชน จากการดำเนินงานโครงการมีการปรับจากการจัดการชุมชนด้วยผู้นำชุมชนร่วมกับกับการมัสยิด พัฒนาเป็นสภาชุมชน มีตัวแทน กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี อสม ได้ดำเนินการสืบสานการสืบสานวิถีปฏิบัติดั้งเดิมของชุมชนเพื่อช่วยเหลือและระดมความร่วมมือในการพัฒนาอาชีพเพื่อลดต้นทน(การลงแขกสร้างอาชีพ) พบว่า กลุ่มเลั้งปลาดุเพาะเห็ดเลี่ยงไก่ รวม50ครัวเรือน สามารขาพเป็นรายได้ 10 ครัวเรือน ครัวเรือนที่เหลือจะใช้สำหรับบริโภค นำไปมัศยิดเพื่อประกอบอาหารที่มัสยิดร่วมรับประทานสร้างความสามัคคีในชุมชนพบว่าต้องมีการจัดการทำอย่างไรให้ยังยืน นำเงินออมให้สามารถเบิกจ่ายซื้อพันธ์ปลา ส่วนกองทุน มีผู้สมัครใจเข้าร่วมโครงการ 37 ครัวเรือน เป็นลักษรณะเปิดชีมีสมุดทะเบียนแต่ละ โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นแกนนำในการดูแล มีผูร่วมดำเนินการงานกองทุน 5 คนโดยกฎเกณต้องออมทรัพย์ อย่างน้อย 5ปี จึงสามารถเบิกได้ เกณฑ์การเบิกอยู่ช่วงของการพิจาณา ต้องระบบการเบิกแล้ว 1 ข้อเบิกจ่ายซื้อพันธ์ปลาได้การจากการอบบรมการทำบัญชี พบว่า มีครัวเรือน 20 ที่ดำเนินการอย่างต่อดนื่อง มตืที่ประชุม มีข้อเสนอให้ดำเนินการโครงการต่อเนือ่ง โดยให้สภาชุมชนติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลของการขับเคลื่อนชุมชนเข้มแช็ง ได้เกิดการรวมกลุ่มสตรี สร้างอาชีพเกิดขึ้น โดย กลุ่มสตรีผลิตกระเป๋าจากพลาสติก ซึ่งสามารถนำไปจำหนายในงานต่างๆ ในชุมชนแลนอก ชุมชน เช่น มีคนเสนอให้ขายในงานของดีเมืองนรา หรือที่ตลาดนัด ที่นราิวาส รวมถึงให้มีการเสนอให้ใช้กระเป๋าที่ผลิตแทนถุงพลาสติกในชุมชนด้วย

สรุปทบทวนการดำเนินงานของกิจกรรม วิธีการทำงาน เพื่อ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ การทำงานทำให้เกิดการวางแผนในชุมชนทบทวนเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง กลุ่มเลี้ยงปลาดุเพาะเห็ดเลี่ยงไก่ รวม50ครัวเรือน ผู้สมัครใจเข้าร่วมโครงการ 37 ครัวเรือน ครัวเรือนทำบัญชี พบว่า มีครัวเรือน 20 ครัวเรือน

สภาผู้นำ ผู้นำศาสนา กลุ่มเยาวชน วัยทำงาน 

-

-

-

ซึ่งในเรื่องกองทุน มีผู้สมัครใจเข้าร่วมโครงการ 37 ครัวเรือน พบว่าเป็นครัวเรือนที่รายได้ 3000 บาทต่อวัน ส่วนผู่ที่มีรายได้ 7000 ยังไม่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ คิดว่าการออมวันละบาทน้อย ได้เงินก้อนช้า มติที่ประชุมให้พยายามชี้แจงและโน้มน้าวไปเรื่ิอยให้เข้าร่วม โดยให้ข้อคิดหลักการสร้างนิสัยการ และเปิดโอกาสการออมขั้นตำ่ 1 บาท แต่ถ้าใครจะออมมากกว่าวันละ 1 ได้เกิดกระบวนกร่วคิดทำ เกิดกฏกติกาการออมขั้นตำ่ 1 บาท แต่ถ้าใครจะออมมากกว่าวันละ 1 ได้

ทำให้เกิดสภาในชุมชนสามารถที่จะทำงานเป็นกลุ่มในชุมชนก็ได้เรียนรู้ หลักการทำงานต้องมีความสามัคคีเป็นหลัก ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดำรงชีวิตอยู่ได้ตามหลักเศฐกิจพอเพียง เกิดกฏกติกาการออมขั้นตำ่ 1 บาท แต่ถ้าใครจะออมมากกว่าวันละ 1 ได้

ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการ(กรรมการหมู่บ้าน)

-

-

-

เกิดกลุ่มเยาวชน และ กลุ่มจิตอาสากลุ่มครัวเรือน ร่วมกันลงแขกในแต่หล่ะบ้าน เดือนหล่ะ 5 ครัวเรือน จำนวน 50 ครัวเรือน กลุ่มเพาะเห็ดนางฟ้า กลุ่มเลี้ยงปลาดุก ปลูกผักริมรั้ว มีการทำงานร่วมกัน โดย ปรับเปลี่ยนการทำงานร่วมกัน พ่อแม่พี่น้องที่มาช่วยกัน ได้นำเด็กๆ ในชุมชนร่วมทำกิจกรรมร่วมกัน รวมถึงมีเจ้าหน้าที่จาก อบต ร่วมทำ แลได้ไปดูบ้านที่เสี้ยงปลาดุกแล้ว มีปลาเติบโตจนสามารถบริโภคได้แล้ว ให้กับครัวเรือนที่ยังไม่สนใจ เพื่อโน้มน้าวมารวมกลุ่มเป็นสมาชิกในอนาคตและให้ครัวเรือนสาธิตการทำอาหารปลาดุกแบบง่ายเพื่อลดต้นทุนด้วยการ นำห้วปลาดุกที่เลี้ยงไว้ รวมกับเศษปลาเศษเนื้อต่างที่ตำให้ละเอียด เปลือกหอย ที่ทุบตำละเอียด มาผสมกับรำ ใส่นำแล้วนวดให้เข้ากันปั้นเป็นก้อนกลมๆ วางที่มุมบ่อในแต่ละวันและมีการโน้มน้าวให้คนมาเป็นสมาชิกออมทรัพย์ด้วย

เกิดกลุ่มอาชีพเสริมในหมู่บ้าน คือ กลุ่มสตรี กลุ่มเยาวชน กลุ่มเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก กลุ่มเพาะเห็ดนางฟ้า และกลุ่มเลี้ยงไก่พี้นเมือง เกิดข้อตกลงของกลุ่มในการผลิตอาหารปลอดภัย

กลุ่มเยาวชนสตรีและกลุ่มจิตอาสา กลุ่มครัวเรือน ร่วมกันลงแขกในแต่ละบ้าน เดือนละ 5 ครัวเรือน จำนวน 50 ครัวเรือน ที่เป็นสมาชิก กลุ่มเพาะเห็ดนางฟ้า เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาดุในบ่อพลาสติก ปลูกผักริมรั้วรอบบ้าน และ ผลิตอาหารสัตว์ ด้วยตนเองจากเศษพืชผักที่เหลือจากการทำอาหารปฏิบัติ ดั่งเดิม ของชุมชนและระดมความร่วมมือในการพัฒนาอาชีพเพื่อพัฒนาชุมชน

-

-

-

ผู้ใหญ่บ้านได้ชี้แจงในการทำการเกษตรแบบเศษฐกิจพอเพียงในหมู่บ้านปลูกผักริมรั้วเลี้ยงปลาดุกเพาะเห็ดสามารถที่จะเก็บเป็นรายได้ลดรายจ่าย ดังนั้น ผู้ใหญ่บ้านก้อเลยให้ชาวบ้านทำแบบนี้ไปเรื่อยไจะได้ประหยัดรายจ่าย และ สามารถมีเงินออมในครัวเรือนมีการปลูกผักหมุนเวียน อย่างต่อเนื่อง ในรายที่ปลาขายได้ ให้เอาเงินมาออมได้ และ การเบิกเงินเพื่อซื้อพันธ์ปลา ิหรือซ่อมแซมบ่อปลาให้ตั้งมาตรการให้เบิดได้ร่วมถึงการเลี้ยงปลาดุกพบว่าบางบ้านซื้ออาหารปลามาเลี้ยงปลาร่วมกับการโยนเศษอาหารพวก ห้วปลา เศษไก่ที่เหลือจากการทำอาหารไม่ผลิดอาหารปลาเอง จึงมีคนเสนอในการสอนการทำอาหารให้กับกลุ่มเลี้ยงปลาดุกแบบ เรียนรู้กับบ้านที่ผลิดอาหารปลาเอง

คณะสภาผู้นำโครงการสามารถที่จะถ่ายทดอบทเรียน และ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมกันแก้ปญหา ประชุมวิเคราะห์ทุกๆเดือน เพื่อขับเคลื่อนงานต่อไป

ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการ(กรรมการหมู่บ้าน)

-

-

-

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คน ร่วมกันลงแขกขุดบ่อปลา ทำเล้าไก่ และเพาะเห็ดซึ่งพื้นที่ได้สร้างบ่อปลาดุในครัวเรือนใหม่ หลังจากนั้น มีคนเสนอว่าถ้าทำเสร็จบ่อปลาใหม่แล้ว ขอช่วยไปดูบ่อปลาเก่าที่เกิดชัดรุด พลาสติกเลื่อนลงไป จึงแบ่งคนที่ทำบ่อปลาใหม่ ไปแก้ไขบ่อปลาเก่าที่ลงปลาแล้วร่วมกันซ่อมแซม บ่อปลาจนสำเร็จ 2 ครัวเรือน ได้บ่อใหม่ 3 ครัวเรือน

ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดโดยทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก ซึ่งได้ดำเนินการ 5 ครัวเรือน และ ครัวเรือนที่เลี้ยงปลาตั้งแต่แรกๆ สามารถนำปลาไปบริโภคแล้ว และบางส่วนนำไปขายให้กับพ่อค้าปลาดุที่ตลาดเช้านราธิวาส

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คน

-

-

-

ประชุมทีมสภาผู้นำ เตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการลงแขก จากการสรุปปัญหาพบว่า มีครัวเรือนที่เป็นสมาชีก ทำบ่อปลาเสร็จแล้วได้ลงปลาแล้ว และ เล้าไก่ เกือชำรุด บางครัวเรืออยู่กันเป็นคนแก่ ไม่มีลูกหลานชาย มีหลานเล็กๆ เมื่อบ่อชำรุดแก้คนเดียวไม่ได้ ควรแบ่งคนที่ร่วมกันทำลงแขกในแต่ละครั้ง แบ่งคนไปช่วยตรัวเรือนที่ร้องขอและขอความช่วยเหลือซ่อมบ่อปลา เล้าไก่ และควนมีการติดตามการดำเนินการเลี้ยงปลาดุกแบบละแวกบ้าน แล้วมาแจ้งผลการติดตามในการปรชุม

• คณะกรรมการได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการและเตรียมพร้อมในการดำเนินการโครงการต่อไป
• ผู้ใหญ่บ้านได้บอกให้คณะกรรมการร่วมคิดวิเคราะห์ก่อนที่จะการทำลงมือและหลังทำกิจกรรมร่วมกันระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำกิจกรรมทุกครั้งจากข้อมูลการสำรวจพบว่าครัวเรือนที่เลี้ยงปลาตั้งแต่แรกๆ สามารถนำปลาไปบริโภคแล้ว และบางส่วนนำไปขายให้กับพ่อค้าปลาดุที่ตลาดเช้านราธิวาสและพบการชำรุดของบ่อปลาเกิดการช่วยซ่อม เกิดการเอื่อช่วยเหลือกันในชุมชน

ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการ(กรรมการหมู่บ้าน)

-

-

-

ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดเจ้าของบ้านได้จัดพื้นที่สำหรับขุดบ่อปลา ส่วนใหญ่ทำหลังบ้าน ในคนที่ไม่มีพื้นที่ใหล้บ้าน ก็จะใช้พื้นที่ข้างๆสวนยางในการทำการเพาปลูก และทำบ่อปลา เลี่ยงไก่ แต่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก ทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก

ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดโดยทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก ซึ่งได้ดำเนินการ 5 ครัวเรือน โดยในแต่ละครัวเรือนมีคนข่วยร่วมทำครัวเรือนละ 12 คน

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คน

-

-

-

ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดโดยทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก ซึ่งได้ดำเนินการ 5 ครัวเรือน ครัวเรือนที่ลงแขกวันนี้ส่วนใหญ่จะมีพื้นที่หลังบ้านว่างเปล่า ไม่มีการปลูกผักรอบบ้าน หลังจากเข้าร่วมอบรม มีความสนใจร่วเข้าเป็นสมาชิก และจัดพื้นที่หลังบ้านเป็นพื้นที่สร้างบ่อปลา ก่อนสร้างผู้ใหญ่บ้านให้ทุกคนนำแนวคิดแบบเศษฐกิจพอเพียงของในหลวงมาใช้ แลให้ทำจริงแบบพอมีพอกิน จะได้พึ่งพาตนเอง ลดรายจ่ายไม่ต้องไปซื้อให้หมดเงิน จได้มีเงินเหลือไว้ออมได้

เกิดกลุ่มสตรี หนึ่งกลุ่ม เกิดกลุ่มเยาวชนหนึ่งกลุ่มเกิดสภาผู้นำชุมชนสร้างเศรษฐกิจพอเพียง เกิดกลุ่มครัวเรือนที่มีอาชีพเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก เพาะเห็ดนางฟ้า เลี้ยงไก่พี้นเมือง เกิดความสามัคคีของคนในชุมชน เกิดกลุ่มออมทรัพย์ในชุมชนวันละบาทเพื่อสร้างนิสัยการออมทรัพย์ของครัวเรือนในชุมชนเกิดการร่วมคิดร่วมทำข้อตกลงของคนในชุมชน

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คน

-

-

-

ผู้ใหญ่บ้านได้บอกให้คณะกรรมการร่วมคิดวิเคราะห์ก่อนที่จะการทำลงมือและหลังทำกิจกรรมร่วมกันระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำกิจกรรมทุกครั้ง สรปได้ว่ากองทุนออมทรัพย์ ทุกคนเห็นด้วยและให้มีกองทุนออมทรัพย์ของชาวบ้าน ทุกคนร่วมกำหนดมาตรการการเบิกจ่าย โดยนำข้อเสนอจากชาวบ้าน เรื่อง ควรกำหนดจำนวนเงินในบัญขีเท่าไหร ที่สามารถที่จะเริ่มเบิกออกได้ เป็นต้น มาพูคุย

คณะกรรมการได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการและเตรียมพร้อมในการดำเนินการโครงการต่อไป

ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการ(กรรมการหมู่บ้าน)

- 

-

-

เกิดกลุ่มออมทรัพย์และคณะทำงานทำให้ชาวบ้านมีเงินออมเอาไว้เป็นรายได้เก็บในครอบครัวทำให้เกิดความช่วยเหลือซึ่งกันและกันสร้างเศษฐกิจพอเพียงในชุมชนสร้างกลุ่มจิตอาสาและกลุ่มเยาวชนทำให้เกิดความสามัคคีในชุมชนโดยมีทีมจัดเก็บเงิน โดยใช้ต้นแบบกองทุนออมทรัพย์ ชรบ ทุกคนเห็นด้วยและให้มีกองทุนออมทรัพย์ของชาวบ้าน ทุกคนร่วมกำหนดมาตรการการเบิกจ่าย มีคนเสนอว่า ควรกำหนดจำนวนเงินในบัญขีเท่าไหร ที่สามารถที่จะเริ่มเบิกออกได้ เป็นต้นแต่ละครัวเรือน เปิดบัญชีฝากเงิน ร่วมกัน 37 ครัวเรือน ผู้ใหญ่บ้านนำสมุดบัญชีมาอธิบายรายละเอียดหน้ามสมุด อธิบายถึงความสำคัญของการออม ว่าเป็นการสร้างเสริมความมีวินัยทางด้านเงินให้กับตนเอง เมื่อเรามีเป้าหมายและวางแผนการออมแล้ว เราก็ต้องมีความสม่ำเสมอในการเก็บเงิน เราก็ต้องมีวินัยเก็บออมให้ได้ทุกวัน แล้วมาส่งลงบัญชีเดือนลครั้งก็ได็ เป็นอาทิตย์ก้ได ไม่ใช่ว่าวันนี้ออมใส่กรปุก พุ่งนี้ไม่ใส่ แบบนี้ก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการออมได้ การออมเงินจึงเป็นการสร้างวินัยให้กับตัวเราไปในตัว
ทำให้มีเงินสำรองไว้ใช้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือต้องออกจากงานกะทันหัน กรีดยางไม่ได้ เพราะเวลากล้วงกระเป๋าแล้วพบแต่ความว่างเปล่าก็คงเป็นน่าเศร้าไม่น้อย การออมเงินจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในช่วงที่เรายังมีแรงมีงานประจำทำอยู่ ต้องรู้จักแบ่งปันรายได้ที่ได้รับทุกเดือนเอาไว้เป็นเงินออม

• มีกลุ่มออมทรัพย์ที่ชัดเจนทำให้คณะทำงานมีความสามัคคีเกิดความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทำให้เกิดเกลุ่มออมทรัพย์เกิดการเรียนรู้การออมทรัพย์ทำให้มีเงินไว้สำหรับการลงทุนสร้างอาชีพที่เราชอบในอนาคตข้อนี้เป็นข้อดีสำหรับคนที่ต้องการ เช่นนำไปต่อยอดอาชีพ เมื่อเราสามารถเก็บออมเงินได้จำนวนหนึ่ง เราสามารถเอาเงินออมไปต่อยอดให้ออกดอกออกผลได้ด้วยการลงทุนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทำธุรกิจ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ลงทุนในตราสารการเงินต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพูนมูลค่าของเงินออมให้มากขึ้นและสร้างความมั่งคั่งให้กับเราได้ในที่สุดทุกคนสนใจรับรู้และร่วมสมัครเป็นสมาชิก

กลุ่มสตรี เยาวชน จำนวน 100 คน

-

-

-

ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดโดยทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก ซึ่งได้ดำเนินการ 5 ครัวเรือน มีการเพาะเห็ดวันนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสตรี

เกิดการเรียนรู้การเพาะเห็ดนางฟ้า ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด ทีมสมาชิกได้หารือกันถึงสถานที่ส่งขายสินค้า

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คะนครัวเรือนเสนอว่าสนใจการทำการเพาะเห็ดเนื่องจากมีบ่อปลาแล้วที่บ้าน ซึ่งครัวเรือนได้เตรียมขี้เถ้า และถุง และได้เอาเชื้อเห็ดจากหมู่บ้านข้างเคียง ทุกคนร่วมกันบรรจุขขี้เถ้าลงถุงร่วมกับทำโรงเรือนแบบง่าย และมีครัวเรือนที่ทำการเพาะเห้ดแล้วมีความรู้เรื่องการเพาะเห็ดมาให้ความรู้ขณะบรรจุขี้เถ้า แลวิธีการดูแล

-

-

-

ชุุมชนและครัวเรือน พ่อแม่ลูกมาเรียนรู้ในการทำบันชีรายรับรายจ่ายในแต่หล่ะวันว่ามีรายรับและรายจ่ายในแต่วันเช่น ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพ ค่าศึกษาบุตร อื่นๆ ทำบัญชีครัวเรือน ความรู้เรื่องเศษฐกิจพอเพียง โดยมีวิทยกรในชุมชนมาให้ความรู้ ร่วมกับพัมนากรอำเภอ ข้อมูลที่ได้ทำมาทั้งหมดนำมาสรุป ถึงปัญญหา สาเหตุ สภาพรวมของปัญหาหมู่บ้าน ความเป็นอยู่ของคนในชุมชนและการประกอบอาชีพที่ทำให้ชุมชนเกิดความยันยืน

ข้อมูลที่ได้มาสามารถนำไปวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจชุมชนในการแก้ไขปัญหาเป็นลำดับขั้้น เช่น ข้อมูลพื้้นฐานหมู่บ้าน (จปฐ) เป็นหลักเกณฑ์ที่จะนำมาพัฒนาในด้านต่างๆของชุมชน ได้แก่ รายได้ อาชีพ การศึกษาและการติดหนี้การว่างงาน ยาเสพติด ที่ทำให้คนในชุมชนเกิดความวุนวาย ยังไม่สามารถแยกแยะของปัญหาที่เกิดขึ้นและที่ตัวเองประสบอยู่ การรวบรวมข้อมูลเหล่านีทำให้คนในชุมชนสามารถรับรู้ถึงที่มาที่ไปของสาเหตุ ทำให้เกิดการร่วมคิดร่วมทำแผนชุมชน จัดการเศรษฐกิจชุมชน และเกิดสภาผู้นำที่แข็มแข็ง ชุมชนมีความเชื่อถือของการทำงานต่อสภาผู้นำและคณะทำงานโครงการ โดยกลุ่มครัวเรือน กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี โดยมีพัฒนาชุมชน ประมงอำเภอเข้ามาให้ความรู้ด้านการเลี้ยงปลาดุกหน่วยงานของรัฐเข้ามาให้การความรู้แก่ชุมชนให้เกิดการยันยืน และนำข้อมูลจากวิเคราะห์ที่ได้จากการสำรวจและวิเคราะห์มาเสนอในที่ประชุมด้านปัญหาเศรษฐกิจที่บางส่วนที่คณะกรรมการได้หาวางแผนบางส่วนมาเสนอในที่ประชุม เพื่อหาข้อเสนอและข้อสรุปของชุมชนการทำบัญชี รายรับ รายจ่ายของครัวเรือนรายได้จากการทำอาชีพเสริมอาชีพหลักของแต่ละครัวเรือน รวมถึงการออมเงินเพื่อปฏิบัติเป็นนิสัย รวมถึงสอบถามลักษณะการใช้จ่าย หนี้ที่เกิดจากการว่างงาน ความเข้าใจในการทำบัญชีครัวเรือน รายรับ - รายจ่าย ด้านการออมเงินอต่ละครัเรือนมีการออมเงินเป็นเดือน เป็นวันตามความสามารถของแต่ละคนด้านการปลูกผักริมรั้วแต่ละบ้านมีการปลูกผักไว้ทานเอง เหลือจากการเหลือใช้ สามารถนำไปขายต่อ เพื่อเพิ่มมรายได้ให้แก่ครอบครัว ลดการใช้จ่ายภายในตัว กิจกรรมนี้ยังสามารถทำให้เกิดเป็นนิสัยภายในตัว และทำให้เกิดการส่งเสริมการรสร้างอาชึพของตัวเองรายละเอียดมี

กลุ่มเยาวชน สตรี และ อสม100 คน

-

-

-

• สภาผู้นำที่แข็มแข็ง ผู้ใหญ่บ้านมีความมุ่งมั่น พร้อมให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชน ทำให้ ชุมชนมีความเชื่อถือของการทำงานต่อสภาผู้นำและคณะทำงานโครงการผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า ข้อมูลที่ทีมงานได้ร่วมกับผู้แทนชุมชน โดยกลุ่มครัวเรือน กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี จัดเก็บข้อมูลแล้วนำมาสรุปผลให้กับชุมชนได้รู้สภาพของตนเองว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งรายได้/รายจ่ายทั้งในและนอก สภาชุมชนร่วมกับกลุ่มครัวเรือน กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี โดยมีพัฒนาชุมชน วิทยกรในชุมชนซึ่งจบด้านเกษตรได้ร่วมวิเคราะห์ที่ได้จากการสำรวจข้อมูลเศษฐกิจ ร่วมกับข้อมูล จปฐ และวิเคราะห์มาเสนอในที่ประชุม

ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้

• ปัญหาด้านปัญหาเศรษฐกิจด้านความรู้ควมเข้าใจการจัดการบัญชีครัวเรือนพบว่ามีการลงบัญชีครัวเรือน อย่างต่อเนือง 10 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ยังลงไม่ต่อเนื่อง พบครัวเรือนที่ดำเนินแต่ยังไม่สมบูณย์30ครัวเรือน ซึ่งต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องคณะกรรมการเสนอ ให้ สอนติดตาม รายครัวเรือน และทำเป็นละแวก ให้คณะกรรมและกลุ่มสตรีร่วมกับกลุ่มเยาวขนกลุ่มสตรี รวมถึงลูกหลานในบ้านมาเป็นแกนนำด้านบัญชีครัวเรือนสอนละแวกบ้านซ้ำและติดตามอย่างต่อเนื่องสำเสนอให้กับคณะกรรมการชุมชน ครัวเรือนทีเขียนหนังสือไม่ได้ ให้บุตรเป็นแกนนำในการดูแลร่วมกับพ่อแม่และช่วยบันทึกต้องให้ลูกหลานช่วย ด้านการเพิ่มรายได้ ด้วยการปลูกพืชสวนครัวไว้ทาเอง มีเหลือเอาไว้ขาย 20 ควรัวเรือน พบว่าครัวเรือนเลี้ยงปลาดุ 8 ครัวเรือนมีการออมทรัพย์ วันละบาทกับกองทุนออมทรัพย์ 37 ครัวเรือน ซึ่งดำเนินการทำหลังจากได้ประชาสัมพันธ์กองทุนออมทรัพย์ มีการสำรวจด้านการศึกษา พ่อ แม่ไม่ได้เรียนหนังสือด้านประกอบอาชีพ ส่วนใหญ่ทำอาชัพกรีดยาง และเป็นแม่บ้านส่วนใหญ่บริโภดอาหารถุงขนมกินเล่น จากรถเร่ที่มาข่ายในชุมชน ส่วน น้ำปลา น้ำตาล ซอสข้าวสาร จากร้านในตัวเมือง รวมถึงเสื้อผ้า ค่าเล่าเรียน ค่าขนมลูก ในชุมชนไม่มีสหกรณ์ชุมชนด้านรายได้ต่ำกว่า 5000 บาท รายจ่าย มากกว่า 5000 -15000 บาทพบครัวเรือนหนี้นอกระบบเพื่อใช้ในการทำสวนยาง การเล่าเรียนบุตร แลค่าใช้จ่ายในครัวเรือนด้านอาหารที่ส่วนใหญ่ซื้อจากร้านค้า เช่น ปลา ไก่ ผัก ถัว เป็นต้น จำนวนหนี้ประมาณครัวเรือนช่วง 2000 บาทขึ้นไปแต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในด้านอาชีพ จะเป็นด้านการซื้อปุยมาบำรุงยางพาราในการคืนข้อมูลในวันนี้ ได้แนะนำครัวเรือง การใช้จ่าย การลดรายจ่าย ลดการกู้หนี้อยู่แบบพอมีพอกิน การเพิ่มรายได้ จากผักสวนครัว กับการนำไก่ไปขาย ผู้ใหญ่เล่าว่า ถ้าทุกคนทึีเป็นสมาชีกเลี้ยงปลาดุ ทุกคนเลี้ยงปลาแบบทำอาหารปลาเอง ก็ลดต้นทุนได้ แถมยังมีปลากิน แล้วเรามารวมกลุ่มทำขายปลาดุกแบบเป็นกลุ่ม ให้คนมาซื้อที่กลุ่มชุมชน ก้จสามารถขยายเป็นตลาดชุมชน ที่สามารถสร้ารายได้ให้กับกลุม สามารถกำหนดราคาได้ เกิดความเข้มแข็งกว่าการไปขายกันเอง ทุกคนเห็นด้วย แต่จทำได้ ทุกคนต้องร่วมมือกัน
• ชาวบ้านในชุมชนได้เกิดความคิดร่วมคิดร่วมทำในการจัดการเศษฐกิจชุมชนและเกิดคณะทำงานได้เพิ่มรายได้แก้ครัวเรือนและได้เกิดความสามัคคี สร้างแผนการแก้ปัญหาด้วยชุมชน

ผู้นำชุมชน กลุ่มสตรี เยาวชน

-

-

-

ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดโดยทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก ซึ่งได้ดำเนินการ 5 ครัวเรือน

วันนี้ร่วมกันทำบ่อปลาดุก เพื่อเลี้ยงปลาและสร้างรายได้ให้กับสมาชิก

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คน

-

-

-

ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการเพื่อถอดบทเรียนและร่วมคิด ร่วมแก้ปัญหา ประชุมวิเคราะห์โครงการ ทุกเดือนๆละ 1ครั้ง เพื่อขับเคลื่อนโครงการก่อนและหลังการทำกิจกรรมจนนำไปสู่เกิดเป็นสภาชุมชนคณะกรรมการได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการและเตรียมพร้อมในการดำเนินการโครงการต่อไป

คณะกรรมการได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการและเตรียมพร้อมในการดำเนินการโครงการต่อไป

ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการ(กรรมการหมู่บ้าน)

-

-

-

1.ศึกษาสภาพปัญหา 2.สภาผู้นำรวมกันศึกษาสาเหตุของปัญหาร่วมกับกลุ่ม สตรี กลุ่มเยาวชน วิทยากรเกษตรชุมชน พัฒนากร 3. ความต้องการของชุมชนคือสาเหตุของปัญหาและความต้องการเป็นอย่างไรจึงเกิดการวางแผนดำเนินการแก้ไขปัญหาในขั้นต่อไปสิ่งสำคัญที่สุดในการวิเคราะห์ชุมชนคือประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ชุมชนถ้าหากประชาชนมีส่วนร่วมมากเท่าใดสภาผู้นำวิเคราะห์ถึงการแก้ปัญหาชุมชนสามารถนำข้อวิเคราะห์ถึงการสภาพปัญหาของชุมชนได้ ว่าชุมชนมีสภาพเป็นอย่างไร สามารถสอดคล้องถึงข้อมูลที่แท้จริงของชุมชน เพื่อทดสอบความรู้เดิมให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นเป็นการทดสอบความรู้ต่างๆ ยืนยันและเป็นการทำให้ความรู้เดิมนั้นน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นเป็นเรื่องของการที่จะสร้างแนวความคิดและทฤษฎีใหม่ขึ้นให้แก่ชุมชน การศึกษาชุมชนแบบแรกเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงต่อการทำงานพัฒนาในพื้นที่ รวมถึงศึกษาสาเหตุที่เกิดขึ้นภายในชุมชน ได้แก่ ปัญหาความยากจนไม่มีรายได้ รายใด้ส่วนใหญ่จากการกรีดยาง ทำให้หน้าผนไม่มีรายได้ การมีรายจ่ายมากกว่ารายได้จากการซื่อทุกอย่าง เข่านปลา เนื้อไก่ ผัก จากการไม่มีการปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ไว้กินเอง การใช้เงินฟุ่มเฟือยไม่นิยมออมเงิน ปัญหายาเสพติด และปัญหาการขาดแคลนอาชีพและด้านอื่นๆ คือปัญหาการมีหนี้สิน เช่น หนี้สินการกู้เงินซื้อปุยยางพารา หนี้สินร้านค้าในชุมชน หนี้สินการผ่นรถจัดยานยนต์ รถยนต์ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของสภาผู้นำเกิดความเข็มแข็งภายในตัวและคณะกรรมการสร้างความเชื่อถือต่อคนในชุมชนเพื่อแก้ปัญหาของคนในชุมชนอย่างแท้จริง คือชุมชนต้องการ สร้างรายได้ ชุมชนต้องการอาชีพ เป็นต้น

สภาผู้นำวิเคราะห์ กลุ่มเยาวชนและกลุ่มสตรีรวมวิเคราะห์ถึงการแก้ปัญหาชุมชนสามารถนำข้อวิเคราะห์ถึงการสภาพปัญหาของชุมชนได้ ว่าชุมชนมีสภาพเป็นอย่างไร สามารถสอดถึงข้อมูลที่แท้จริงของชุมชน เพื่อทดสอบความรู้เดิมให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นเป็นการทดสอบความรู้ต่างๆ ยืนยันและเป็นการทำให้ความรู้เดิมนั้นน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นเป็นเรื่องของการที่จะสร้างแนวความคิดและทฤษฎีใหม่ขึ้นให้แก่ชุมชน การศึกษาชุมชนแบบแรกเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงต่อการทำงานพัฒนาในพื้นที่ รวมถึงศึกษาสาเหตุที่เกิดขึ้นภายในชุมชน ได้แก่ ปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติด และปัญหาการขาดแคลนอาชีพและด้านอื่นๆและสภาผู้นำเกิดความเข็มแข็งภายในตัวและคณะกรรมการสร้างความเชื่อถือต่อคนในชุมชนพร้อมถึง ความต้องการของคนในชุมชนอย่างแท้จริง

  กลุ่มสตรี เยาวชน ชาวบ้าน จำนวน 50 คน

-

-

-

ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดโดยทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก ซึ่งได้ดำเนินการ 5 ครัวเรือน รวมทั้งหมด 20 ครัวเรือน ซึ่งกลุ่มครัวเรือนวันนี้ต้องการเลี้ยงไก่บ้าน และไก่ไข่ลูกผสม ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกสร้างเล้าไก่และซ่อมแซมเล้าไก่เดินไที่ไม่ได้เลียงแล้ว ให้สามารถได้เลี้ยงไก่เริ่มใหม่ เพื่อสร้างเป็นกลุ่มเลี้ยงไก่

วันนี้ลงเยี่ยมกลุ่มอาชีพเลี้ยงไก่พี้นเมือง ได้พุดคุยกับกลุ่มเลี้ยงไก่ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ขายไก่เพื่อสร้างอาชีพเสริมร่วมกัน

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คน

-

-

-

ผู้ใหญ่บ้านได้บอกให้คณะกรรมการร่วมคิดวิเคราะห์ก่อนที่จะการทำลงมือและหลังทำกิจกรรม

• คณะกรรมการได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการและเตรียมพร้อมในการดำเนินการโครงการต่อไป และเกิดกระบวนร่วมคิดร่วมทำร่วมวิเคราะห์
• ร่วมกันระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำกิจกรรมทุกครั้งเพราะว่ายังมีคนอยากเข้าร่วมโครงแต่บางครัวเรือนยังขาดงบประมาณที่จะเข้าร่วมโครงการเนื่องจากพันธ์ปลาจะต้องใช้งบประมาณครึ่งนึง รวมถึงเพาะเห็ด และเลี้ยงไก่ และทำให้คณะกรรมการได้เล็งเห็นว่าโครงการกองทุนเงินออมให้สามารถเบิกจ่ายในการจัดซื้อพันธ์ปลาการเพาะเห็ดการสร้างเล้าไก่ได้ และได้สรุปผลการดำเนินงานพบว่า ครัวเรือนที่ทำบ่อปลา ได้เริ่มปล่อยพันธ์ปลา และเลี้ยงปลา โดยทำอาหารปลาจากเศษอาหารและผัก และจะทำอย่างไร ให้มีการเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง กรณีจะขายจะหาตลาดที่ใหน มีคนเสนอว่า มีพ่อค้าที่รับซื่อปลาดุ ที่ อ เมือง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านร่วมกับคณะกรรมการ จะไปประสานอีกครั้ง

ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการเพื่อถอดบทเรียนและร่วมคิด ร่วมแก้ปัญหา ประชุมวิเคราะห์โครงการ ทุกเดือนๆละ 1ครั้ง เพื่อขับเคลื่อนโครงการก่อนและหลังการทำกิจกรรมจนนำไปสู่เกิดเป็นสภาชุมชน

-

-

-

กลุ่มเยาวชนสตรีและกลุ่มจิตอาสา กลุ่มครัวเรือนได้คัดเลือกครัวเรือนที่เข้าโครงการในเดือนนี้ 5 ครัวเรือนที่มีความพร้อม แล้วกลุ่มเยาวชนสตรีและกลุ่มจิตอาสา กลุ่มครัวเรือนได้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 12 คน จำนวน 5 กลุ่ม หลังจากชี้แจงการดำเนินงาน คือ การร่วมกันขุดบ่อปลาร่วมกัน ร่วมปลุกผักสวนครัว และมอบอุปกรณ์ เช่น พลาสติกคลุมบ่อซึ่งได้รับการขนับสนุน จาก อบต แล้วแต่ละกลุ่มก็แยกย้ายคำเนินการตามครัวเรือนที่รับผิดชอบ ร่วมลงแลก กลุ่มได้ร่วมมือกันทำงานอย่างสนุกสนาน มีการพูดคุย และแสดงความคิดเห็นถึงประโยขน์ ของโครงการที่ทำให้ตรัวเรือน มีปลาไว้บริโภค และขายได้ สามารถพึ่งตนเองได้ ผู้ใหญ่กล่าว บ้านที่ได้ดำเนินการเมื่v 2 เดือนที่แล้ว สามารถจับกินได้แล้ว ชาวบ้านภูมใจทีมีอาหารไว้บรโภคตนเอง

เกิดครัวเรือนพึ่งตนเอง 5 ครัวเรือน เกิดกลุ่มเยาวชนสตรีและกลุ่มจิตอาสา กลุ่มครัวเรือนสืบสารวัฒนธรรมลงแขกที่มีแต่ดั้งเดิมที่กำลังจะสูญหายให้คงอยู่อย่างต่อเนื่อง เกิดกิจกรรมในชุมชนอย่างต่อเนื่องในการสร้างความสามัคคีและสร้างจิตอาสาในชุมชน

กลุ่มเยาวชนสตรีและกลุ่มจิตอาสา กลุ่มครัวเรือน

-

-

-

ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดโดยทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก ซึ่งได้ดำเนินการ 5 ครัวเรือน ได้ครัวเรือนทั้งสิ้น 15 หลังคาเรือนผู้ใหญ่บ้ายได้แจ้งว่าได้ทำการซื้อพันธ์ปลาที่สะปอม พันธ์ปลาจะมาประมาณมาน 1 อาทิต โดยให้ครัวเรือนละ100 ตัว ให้ครัวเรือนออก 50 บาท กองกลางออก 50 บาท หลังจากนั้นทุกคนก็ร่วมกันขุดบ่อปลาและร่วมรัประทาอาหารร่วมกัน

เกิดกลุ่มสตรี หนึ่งกลุ่ม เกิดกลุ่มเยาวชนหนึ่งกลุ่มเกิดสภาผู้นำชุมชนสร้างเศรษฐกิจพอเพียง เกิดกลุ่มครัวเรือนที่มีอาชีพเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก เพาะเห็ดนางฟ้า เลี้ยงไก่พี้นเมือง เกิดความสามัคคีของคนในชุมชน เกิดกลุ่มออมทรัพย์ในชุมชนวันละบาทเพื่อสร้างนิสัยการออมทรัพย์ของครัวเรือนในชุมชนเกิดการร่วมคิดร่วมทำข้อตกลงของคนในชุมชน

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คน

-

-

-

คณะทำงานทำการเดินสำรวจข้อมูลครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการ การทำบัญชีครัวเรือนและการวางแผนของรายรับ รายจ่ายในครัวเรือน รวมถึงการหนี้ของคนในครัวเรือน ซึ่งเป็นสาเหตุ นำไปวิเคราะห์ข้อมูล ถึงปัญหา ต้นเหตุที่เป็นข้อเท็จจริง ความเข้าใจในการทำบัญชีครัวเรือน รายรับ - รายจ่าย ด้านการออมเงินในแต่ละบ้านมีการออมเงินแบบไม่ต่อเนื่อง เก็บไม่สมำาเสมอ จะเก็บเมื่ือมีเหลือ ไม่ได้สร้างนิสัย เก็บก่อนใช้ที่เหลือ ไม่นิยมหยอดกระปุกเป็นวันๆท การปลูกผักริมรั้วมีน้อย ส่วนใหญ่ซื่อตามรถเร่ มีครัวเรือนที่เป็นสมาชิกโครงการชุมชนน่าอญุ่ที่ ปลูกผักกินเอง แต่ยังไม่ได้นำไปขายต่อ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัวทำให้ลดการใช้จ่ายภายในตัว จากการสำรวจทำให้กลุ่มเยาวชนครัวเรือนที่สำรวจเข้าใจถึงที่มาของรายได้ รายจ่ายเข้าใจครอบครัวตนเองมากขึ้นเห็นความสำคัยของการออมขึ้นทีมสำรวจสอนการทำรายรับรายจ่ายในครัวเรือนที่ยังไม่เข้าใจ และสอนลูกให้ช่วยบันทึก พบว่ามีการลงบัญชีครัวเรือน อย่างต่อเนือง 10 ครัวเรือน ส่วนใหญ่ยังลงไม่ต่อเนื่อง พบครัวเรือนที่ดำเนินแต่ยังไม่สมบูณย์30ครัวเรือน พบว่าครัวเรือนเลี้ยงปลาดุ 8 ครัวเรือนมีการออมทรัพย์ วันละบาทกับกองทุนออมทรัพย์ 37 ครัวเรือน ซึ่งดำเนินการทำหลังจากได้ประชาสัมพันธ์และเป็นสมาชิกการศึกษา พ่อ แม่ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนหนังสือ และทำอาชีพกรีดยาง ในชุมชนไม่มีสหกรณ์ชุมชนด้านรายได้ต่ำกว่า 5000 บาท รายจ่าย มากกว่า 5000 -15000 บาทพบครัวเรือนหนี้นอกระบบเพื่อใช้ในการทำสวนยาง การเล่าเรียนบุตร แลค่าใช้จ่ายในครัวเรือนด้านอาหารที่ส่วนใหญ่ซื้อจากร้านค้า เช่น ปลา ไก่ ผัก ถัว เป็นต้น จำนวนหนี้ประมาณครัวเรือนช่วง 2000 -ขึ้นไปแต่ไม่เกินหนึ่งหมิ่นบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในด้านอาชีพ จะเป็นด้านการซื้อปุยมาบำรุงยางพารา

ครัวเรือนมีการทำรายรับ รายจ่าย ครัวเรือนสามารถ เข้าใจการทำบัยชีครัวเรือนครัวเรือนมีการวางแผนการใช้จ่ายและเห้นความสำคัญของการเก็บออมทรัพย์ และผู้สำรวจได้แนะนำวิธีการเขียนบันทึกให้เข้ามากขึ้น ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในชุมชนเกิดความรู้ความเข้าใจในการทำบัญชีครัวเรือน

กลุ่มสตรี อสม เยาชน

-

-

-

กลุ่มสตรี อสม เยาชนได้ลงพื้นที่เพื่อทำการสำรวจเกี่ยวกับ การทำบัญชี รายรับ รายจ่ายของครัวเรือนรายในแต่ละบ้านตามลแวกบ้าน มีการแบ่งพื้นที่การลงสำรวจ โดยทำการสำรวจเป็นคู่ กสุ่มสตรี คู่ เยาวชน เพื่อการเรียนรู้ร่วมกันซึ่งจากการสำรวจในวันนี้ มีการแนะนำครัวเรือน ในการใช้จ่าย การลดรายจ่าย ให้กับครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจมากขึ้น พยายามจะลดรายจ่าย และไม่สร้างหนี้ให้กับครัวเรือน ในครัวเรือนที่สามารถมาที่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านสำหรับผู้ที่มาที่ทำการผู้ใหย๋บ้านได้ให้วิทยากรชุมชนให้ความรู้ เรื่องการทำบัญชี รายรับ แนนำการปลูกผักริมรัว การพึ่งพาตนเอง หลังจากนั้น ก็ทำการสอบถามสำรวจข้อมูลโดยที่ม กลุ่มสตรี อสม เยาชน พบว่ามีผู้สอบถามเรื่องการเสียงปลาดุก จะเลี้ยงด้วยอาหารอไร จะทำอาหารปลาเองไดืมั้ย ซึ่งเป้นครัวเรือนที่ยังไม่เคยเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ไว้กินเอง จากการสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ ซื้อปลา ซื้อไก่ ผัก

ชาวบ้านรับความรู้หลังจากที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับการทำบัญชีครัวเรือน ชุมชนหรือครัวเรือนรู้วิธีการเขียนบัญชี ด้านรายรับรายจ่ายของทุกวัน ครัวเรือนสามารถ รับรู้ถึงการใช้จ่ายของครัวเรือนแต่ละวัน ครัวเรือนจ่ายไปเท่าไร ครัวเรือนสามารถทำบัญชีครัวเรือนด้วยตนเองและทำเป็นนิสัย เกิดกิจกรรมภายในตนเอง ชุมชนมีความรู้ในการใช้เงินอย่างประหยัด เพื่อดำเนินวิถีชีวิตย่างพอเพียง

กลุ่มสตรี อสม เยาชน

-

-

-

กลุ่มสตรีและกลุ่มเยาวชนนำแบบสอบถาม ให้แก่ครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการกรอกข้อมูลและเดินกรอกตามบ้าน ซึ่งในแบบสอบถามนั้นจะมีข้อมูลให้ครัวเรือนได้แก่ความรู้ความเข้าใจในการทำบัญชีครัวเรือน รายรับ - รายจ่าย ด้านการออมเงินในครัวเรือนมีการออมเงินเป็นเดือน เป็นวันตามความสามารถของแต่ละคน ก่อนลงสำรวจ กลุ่มสตรี อสม เยาชน ได้ปรชุมสรุปว่า แต่ลข้อที่ถามให้ถามด้วยว่าเพราะ อะไร ครัวเรือนที่ไม่เข้าใจ ให้แนนำในแต่หัวข้อพร้อมกับให้ความรู้ และโน้มน้าวให้เข้าโครงการเศษฐกิจพอเพียง ปลูกผักริมรั้ว เลี่ยงปลาดุก เลี่ยงไก่ ได้ไม่ต้องซื้อ ลดรายจ่ายได้

ชาวบ้านได้ความรู้ความเข้าใจในการทำบัญชีครัวเรือน รายรับ - รายจ่าย ด้านการออมเงินในแต่ละครัวเรือนมีการออมเงินเป็นเดือน เป็นวันตามความสามารถของแต่ละคน ด้านการปลูกผักริมรั้วในแต่ละบ้านมีการปลูกผักไว้ทานเอง เหลือจากการเหลือใช้ สามารถนำไปขายต่อ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว ลดการใช้จ่ายภายในตัว กิจกรรมนี้ยังสามารถทำให้เกิดเป็นนิสัยภายในตัว และทำให้เกิดการส่งเสริมการรสร้างอาชีพของตัวเอง รู้จักการวางแผนในการใช้จ่าย ตามหลักเศษฐกิจพอเพียง

กลุ่มสตรี อสม เยาชน

-

-

-

• ทำป้ายประชาสัมพันธ์ปลอดบุหรี่ขึ้นในชุมชน

ทุกคนเห็นป้ายและปัฏิบัติตามและไม่การสูบบหรี่ในมัสยิดมีป้ายติดตั้งในพื้นที่มัสยิด

• คณะกรรมการ

-

-

-

ผู้ใหญ่บ้านได้ให้คณะกรรมการสรุปผลของโครงการที่ผ่านมาและได้ให้คณะกรรมการเตรียมพร้อมในการทำโครงการต่อไป การดำเนินการลงแขก ได้รับการสนับสนุน อุปกรรื จาก นายกอบต ร่วมกับการเรี่ยรายเงินสบทบเพื่อซื้อ ถุงดำ จากการดำเนินการไป 5 หลังคาเรือน พบว่า ทุกคนพึงพอใจ ร่วมกันข่วยขุดบอปลาและทำเล้าไก่เกิดกิจกรรมร่วมด้วยช่วยกันของคนในชุมชน สร้างความสามัคคี รวมถึงการวาแผนการเก็บข้อมูลเศษฐกิจชุมชน จะทำแบบสำรวจอย่าง มีคนเสนอว่า ควรทำแบบสอบถาม โดยให้พ็ฒนากรร่วมกันออกแบบกับชาวบ้านโดยให้พัฒนาชุมชนเป็นที่รึกษา

เกิดกลุ่มสร้างเสริมเศษฐกิจชุมชนกระบวนการวิถีมุสลิมนำทำกิจกรรมเกิดความรัความสามัคคีร่วมทำกิจกรรมร่วมกันเกิดชุมชนเข็มแขง

กรรมการหมู่บ้าน และ ผู้นำชุมชน

-

-

-

ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดโดยทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก ซึ่งได้ดำเนินการ 5 ครัวเรือนเช้าจำนวน60คนได้เชิญโตะอีม่ามกล่าวร่มกับชาวบ้านครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกๆ 5 ครัวเรือน ผู้ใหญ่บ้ายได้แจ้งว่าได้ทำการซื้อพันธ์ปลาที่สะปอม พันธ์ปลาจะมาประมาณมาน 1 อาทิต โดยให้ครัวเรือนละ100 ตัว ให้ครัวเรือนออก 50 บาท กองกลางออก 50 บาท หลังจากนั้นทุกคนก็ร่วมกันขุดบ่อปลาและร่วมรัประทาอาหารร่วมกัน

เกิดกลุ่มสร้างเสริมเศษฐกิจชุมชนกระบวนการวิถีมุสลิมนำทำกิจกรรมเกิดความรัความสามัคคีร่วมทำกิจกรรมร่วมกันเกิดชุมชนเข็มแข็ง

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คน

-

-

-

• ประชุมจัดทำรายงานความก้าวหน้า นำเอกสารการเงินในงวดที่ 1 ให้ทาง สจรส.ม.อ.ตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนส่งรายงานให้ สจรส.ม.อ.

• ได้รับคำแนะนำเรื่องการจัดทำเอกสารการเงิน ต้องเขียนรายละเอียดค่าวิทยากรให้ชัดเจน และได้รับคำแนะนำเรื่องการเขียนผลรายงานกิจกรรม ต้องเขียนให้เห็นเนื้อหาของกิจกรรมที่ดำเนินการ
• ได้ทำารแก้ไขเอกสารการเงินที่ไม่ถกต้อง และเพิ่มเติมข้อมูลในรายงานเรียบร้อย สามารถส่งรายงานงวดให้ สจรส.ม.อ.ได้ภายในเวลา

ผู้รับผิดชอบโครงการและการเงินโครงการ

-

-

-

• ประชุมคณะกรรมสภาผู้นำชุมชน ถอดบทเรียนการทำกิจกรรมส่งเสริมอาชีพพึ่งตนเองที่ผ่านมา

• ผลการสรุปกิจกรรม

1. การจัดเตรียมสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ ต่างคนต่างก็พาวัสดุที่มีในแต่หล่ะบ้านมารวมกัน และมีการจัดระเบียบ และงานในแต่ละอย่าง
   
2. การสืบสานวิถีปฏิบัติดั้งเดิมของชุมชนเพื่อช่วยเหลือและระดมความร่วมมือในการพัฒนาอาชีพเพื่อลดต้นทน(การลงแขกสร้างอาชีพ) อุปกรณ์ในการขุดบ่อไม่เพียงพอ จึงมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยให้ผู้ที่มาร่วมนำอุปกรณ์ของตนเองมาช่วยทำให้มีอุปกรINเพียงพอ ดังนั้นในดำเนินกิจกรรมครั้งหน้าให้มีการประกาศในชุมชนซ้ำในครัวเรื่อนที่เข้าร่วมโครงการ.shนำอุปกรณ์ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนดำเนินการ

ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการ (กรรมการหมู่บ้าน)

• อุปกรณ์ไม่เพียงพอ

• ชาวบ้านในชุมชนได้ให้ความร่วมมือในการร่วมลงแขกในการขุดบ่อปลาแต่ละบ้าน และ การทำเล้าไก่ อย่างง่ายการเลี้ยงไก่ การเพาะเห็ดโดยทุกคนร่วมกันนำแกลบใส่ถุง และช่วยการปลูกผักริมรั้ว ผู้ใหญ่ได้เน้นให้กลุ่มเยาวชนกลุ่มสตรีและแกนนำในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมลงแขก ซึ่งได้ดำเนินการ 5 ครัวเรือน

• ทำให้ชาวบ้านได้เกิดความร่วมมือความสามัคคีของคนในชุมชน เกิดการช่วยเหลือกัน กิจกรรมในวันนี้ ทำให้เกิดบ่อปลาดุก เล้าไก่ และโรงเพาะเห็ด เกิดขึ้น จำนวน 5 ครัวเรือน

กลุ่มเยาวชน กลุ่มสตรี และ ประชาชน จำนวน 60 คน

-

-

-

• ผู้ใหญ่บ้านได้เปิดพิธีในการอบรมทักษะอาชีพเศรษฐกิจพอเพียงโดยยึดหลักให้ชาวบ้านในชุมชนรู้จักพึ่งตนเองเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัวโดยมมีการเลี้ยงปลาดุก เลี้ยงไก่ และ การเพาะเห็ด หลังจากนั้นวิทยกรได้สอนหลักการเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาดุก เลี้ยงไก่ และ การเพาะเห็ด สอนวิธีปฏิบัติขั้นตอนและวิธีการทำเน้นในเรื่องการดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิต จากนั้นผู้เข้าร่วมประชุม ลองปฏิบัติตามขั้นตอนที่วิทยากรนำเสนอ จนเข้าและสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

• ทำให้ชาวบ้านได้เกิดอาชีพในชุมชนและพึ่งพาตนเองได้จนทำให้เกิดรายได้เข้ามาในครัวเรือน มีสมาชิกครัวเรือนเข้าร่วมโครงการ 60 ครัวเรือน

กลุ่มเยาวชน และ กลุ่มสตรี

-

-

-

• ประชุมสภาผู้นำหรือ เรื่อง การจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพักษะอาชีพแบบพึ่งตนเอง

• ประธานได้แจ้งให้กับคณะกรรมการในเรื่องช่วยจัดเตรียมอุปกรณ์ในการประกอบกิจกรรม ในครั้งต่อไปการพัฒนาศักยภาพและฝึกอบรมทักษะอาชีพแบบพึ่งตนเองภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ( เลี้ยงปลาดุกด้วยบ่อพลาสติก การเพาะเห็ด เลี้ยงไก่ ) โดยมีการแบ่งคณะทำงานทีชัดเจนในการดำเนินงาน รวมถึงการสรรหาวิทยากรได้สอนหลักการเกี่ยวกับการเลี้ยงปลาดุก เลี้ยงไก่ และ การเพาะเห็ด สอนวิธีปฏิบัติขั้นตอนและวิธีการทำเน้นในเรื่องการดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งวิทยากรเน้นการสอนประชุมเชิงปฏิบัติการ สาธิตให้เห็นเป็นรูปธรรม

ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการ(กรรมการหมู่บ้าน)

-

-

-

• มีการอบรมสภาผู้นำในโครงการ โดยคณะกรรมการได้ร่วมกันคิดว่าจะช่วยกันในการทำกิจกรรมได้อย่างไร ได้สอบถามผู้ใหญ่บ้านว่าจะดำเนินงานแบบไหนต่างก็ลงความเห็นว่าจะมีการทำงานร่วมกันแบบลงแขกโดยให้แต่ละบ้านได้พาวัตถุดิบเอามารวมกันทำที่เดียว จากการพูดคุยเรื่องการพัฒนาศักยภาพผู้นำโดยลงมติพร้อมกันและพร้อมที่จะพลักดันในการทำงานร่วมกัน

• เกิดสภาผู้นำในการทำงาน ทางคณะกรรมการได้เข้าใจและเตรียมพร้อมในการทำงานมีการประชุมทุกเดือนเดือนละ 1 ครั้ง และร่วมกันคิดร่วมกันในการทำกิจกรรม

• ประชุมคณะสภาผู้นำชุมชนโครงการ(กรรมการหมู่บ้าน)

-

-

-

• ผู้ใหญ่บ้านได้กำหนดแผนการทำงานเพื่อให้โครงการได้ขับเขลื่อนในขั้นตอนการดำเนินงานเพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนทำแผนที่ชุมชนเพื่อที่จะติดตามผลการดำเนินงานและการทำกิจกรรมในโครงการคณะทำงานก็ได้สอบถามผู้ใหญ่บ้านในเรื่องระการทำงานและขั้นตอนการดำเนินงานทุกกิจกรรมซึ่ง ผู้ใหญ่ได้สรุปกิจกรรมในโครงการซ้ำ
• เรื่องที่ประชุมนั้นคุยกันเรื่องแนวคิดการระบบการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม การวางแผนเศรษฐกิจชุมชน รวมถึงการวางแผนการเงินและ สวัสดิการชุมชน โดยเน้นการทำงานด้วยเน้นการแสดงข้อมูลจากบัญชีครัวเรือนเข้าถึงแต่ละครัวเรือน เน้นให้ครัวเรือนเก้บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินผลตนเอง รวมถึงกองทุนต่างๆ ซึ่งผู้ใหญบ้านได้บอกว่า ชุมชนได้วางแผนเสริมการร่วมกลุ่มบ้านตะโละโละแน็งอามานจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ ซึ่งได้รับคำชื่นชมจากวิทยากรทั้งนี้สภาผู้นำชุมชนต้องมีการประชุมอย่างต่อเนื่องเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลปัญหาเพื่อถอดบทเรียนและแก้ปัญหาของชุมชน

• สภาผู้นำได้มีความรู้และเข็มแข็งมีศักยภาพในการทำงานโดยมีการวางแผนโครงการโดยชุมชนใช้กระบวนการร่วมคิดร่วมทำ
• ข้อสรุปจากที่ประชุมได้เรื่องว่าจะทำอะไรให้สภาผู้นำเข้มแข้ง คือการที่ชุมชนต้องมีแผนชุมชน เรื่องเศรษฐิจชุมชน แผนการเงินและสวัสดิการชุมชน การประชุมวางแผนติดตามกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

กรรมการหมู่บ้าน และ คณะทำงาน 30 คน

-

-

-

เบิกเงินค่าเปิดบัญ๙ีคืน 500 บาท เพื่อจัดทำรายงานการเงินงวดที่ 1

• สามารถจัดทำรายงานการเงินได้ถูกต้อง มียอดค่าใช้จ่ายตรงกับรายการที่เบิกจ่ายจริง

ผู้รับผิดชอบโครงการและการเงินโครงการ

-

-

-

09.00 – 10.00 น. หลักการและสาระสำคัญของการจัดทำรายงานโครงการ โดย ปรีดารัตน์ ศรัทธานนท์กุล : สสส.สำนัก 6

10.00 – 11.00 น. การเขียนรายงานผลการดำเนินโครงการ โดย คุณญัตติพงค์ แก้วทอง : สจรส.มอ.

11.00 – 12.00 น. การจัดการเอกสารการเงินและการทำรายงานการเงินที่ถูกต้อง โดย คุณนงลักษณ์ รักเล่ง และคุณเยาวลักษณ์ ศรีสุกใส : สจรส.มอ.

12.00 – 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน

13.00 – 16.00 น. แบ่งกลุ่มปฏิบัติการจัดทำรายงานและเอกสารการเงินที่ถูกต้อง กลุ่ม 1 : คุณพีรยา จินดามณี กลุ่ม 2 : คุณอารีย์ สุวรรณชาตรี กลุ่ม 3 : คุณใบเฟริ์น สุวรรณมณี กลุ่ม 4 : คุณนงลักษณ์ รักเล่ง กลุ่ม 5 : คุณญัตติพงค์ แก้วทอง กลุ่ม 6 : คุณเยาวลักษณ์ ศรีสุกใส กลุ่ม 7 : คุณฮามีด๊ะ หวันนุรัตน์

16.00 – 16.30 น. สรุปและถอดบทเรียนร่วมกัน

• มีความเข้าใจเรื่องการเขียนรายงานมากขึ้น ต้องเขียนผลให้เป็นเป็นผลผลิตและผลลัพธ์
• มีความเข้าใจเรื่องการจัดทำเอกสารการเงิน ต้องมีเอกสารที่ถูกต้องตามระเบียบ และต้องจ่ายภาษีให้สรรพากรในรายการที่มีค่าใช้จ่ายเกิน 1000 บาท
• ได้แลกเปลี่ยนกับผู้รับทุนในจังหวัดอื่น ทำให้ได้เรียนรู้การทำโครงการร่วมกัน

ผู้รับผิดชอบโครงการ และเจ้าหน้าที่การเงิน

-

-

-

• ผู้ใหญ่ชี้แจงวัตถุประสงค์โครงการในเรื่องการสร้างอาชีพในชุมชนและได้สอบถามชาวบ้านว่ามี่ปัญหาอะไรชาวบ้านก็ได้สอบถามเรื่องที่มาโครงการ สสส ซึ่งเป็นโครงการ ตะโละแน็งอามานสร้างสุข รู้จักพอเพียงและเพียงพอ เพื่อสร้างให้ชุมชนเข็มแข็งพึ่งพาตนเองได้ และจะได้แก้ไขปัญหาในชุมชน ยังสร้างอาชีพให้แก่ครัวเรือนชาวบ้านได้รับรู้และตอบรับโครงการเพื่อให้ความร่วมมือเพื่อที่จะสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง
• มีการซักถามแลกเปลี่ยนเรื่องการทำโครงการโดยคนในชุมชน เช่น ชุมชนสอบถาม เกี่ยวกับการลงแขก จะทำอย่าง ซึ่งผู้ใหญ่บ้านได้ตอบว่า การลงแขกเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ชุมชนใช้ในการช่วยกันในการทำกิจกกรรมของคนในชุมฃน ปัจจุบันนี้ วัฒนธรรมนี้กำลังจะสูญหายไป เยาวชนรุ่นหลังจะไม่ค่อยรู้จัก พวกเราชุมชนตะโละเน็งต้องอนุรักษ์ไว้ ดังนั้น ในการทำบ่อปลาดุก การทำแปลงปลูกผัก หรือ เล้าไก่ เราจึงแยกทำเดือนละ 5-10 ครัวเรือน โดยสมาชิในครัวเรือนที่ร่วมโครงการก็ไปช่วยกันขุดบ่อบ้านเพื่อนสมาชิก แล้วเพื่อนสมาชิกก็มาขุดบ่อบ้านเรา จะไดประหยัดค่าใช้จ่ายไปจ้างคนมาทำ แถมยังสร้างความรักความสามัคคีในบ้านเราด้วย

• ชาวบ้านให้ความร่วมมือร่วมใจจนทำให้เกิดความสามาคีในชุมชน ได้ครัวเรื่อนที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ 50 ครัวเรือนพบครัวเรือนที่สมัครจะเข้าร่วมโครงการเกินเป้าหมายซึ่งผู้ใหญ่บ้านได้กล่าวว่า ถ้าโครงการสำเร็จ ใน50 ครัวเรือน จะขยายบ้านเรือนเพิ่ม โดยเริ่มจากครัวเรือนที่ยากจน และครัวเรือนที่เคยเลี้ยงแล้วเลิกเลี้ยง -ประชาชน/ ชุมชนรับรู้เรื่องโครงการตะโละแน็งอามานสร้างสุข รู้จักพอเพียงและเพียงพอ
• ชุมชนมีความสนใจในเรื่องการดำเนินโครงการอย่างดี เห็นได้จากการสักถามการลงแขก
• เพื่อให้ชาวบ้านได้มารวมกลุ่มและชี้แจงโครงการชาวบ้านให้ความร่วมมือร่วมใจจนทำให้เกิดความสามาคีในชุมชนเนื่องจากในประเพณีอาซูรอทำให้ชาวบ้านออกมาช่วยกันทำกิจกรรมร่วมกัน
• จัดกิจกรรมในวันกวนอาชูรอ มีกิจกรรมกวนอาชูรอร่วมกันเพื่อรวมพลชาวบ้าน ด้วยวิถีมุสลิม

ประชาชน ม.9 บ้านตะโละแน็งอามานจำนวน 300 คน

-

-

-

สภาผู้นำชุมชุนซึ่ประกอบด้วยประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำทางศาสนา กลุ่มเยาวชน อสม กลุมแม่บ้าน แกนนำชุมชน จิตอาสา มาร่วมประชุมซึ่งพี่เลี้ยง ได้สร้างความเข้าใจของการสร้างชุมชนเข้มแข็ง โดยใช้ตัวแบบของไม้เรียง และหนองกลาง ด้วยการเรื่มจากการร่วมคิดร่วมทำ สร้างสภาชุมชนขับเคลื่อนและแก้ปัญหาชุมชนด้วยตัวชุมชนเองหลังจากดูวีดีโอ พี่เลี้ยงได้สอบสามกลับถึงกระบวนการการสร้างชุมชนเข้มแข็งโดยการนำด้วยสภาผุ้นำชุมชน ได้รับคำตอบจากหลายๆเสี่ยงว่า เป้นสิ่งจำเป็นและสำคํญที่การขับเคลือนชุมชนด้วยสภาชุมชน และคนในชุมชนมีส่วนร่วม ร่วมกันคิดร่วมแก้หลังจากนั้นพี่เลี้ยงได้ยกตัวอย่างและชี้แจงโครงการว่าเป็น ตัวแบบจนำร่องเบื้องต้นในการสร้างชุมชนเข้มแข็งโดยเริ่มจากการแก้ปัยญหาที่ชุมชนไดคัดเลือก คือ เรื่องตะโละแน็งอามานสร้างสุข รู้จักพอเพียงและเพียงพอและได้แจงรายละเอียดโครงการให้คณะทำงาน จากการสอบถามหลังแลกเปลี่ยนเรียนเรื่องชุมชนเข้มแข็งผู้เข้าร่วมประชุม 40 คน ร่วมคัดเลือกแต่งตั้งสภาผู้นำ 30 คน โดยทำคำสั่งแต่งตั้งเป็นลายลักษ์อักษร

มีคณะกรรมการ 1 ชุด ( สภาผู้นำ 30 คน)

สภาผู้นำชุมชนรับรู้กระบวนการการสร้างชุมชนเข้มแข็ง โดยใช้ตัวแบบของไม้เรียง และหนองกลาง

สภาผุ้นำชุมชนรับรู้รายละเอียดโครงการตะโละแน็งอามานสร้างสุข รู้จักพอเพียงและเพียงพอ

ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำทางศาสนา กลุ่มเยาวชน อสม กลุมแม่บ้าน แกนนำชุมชน จิตอาสา 

• พี่เลี้ยงพบปัญหาการเขียนรายงาน การเล่าเรื่องเพื่อรายงาน คนเขียนรายงานไม่อยู่ ทำให้กิจกรรมที่ดำเนินการไปแล้วไม่ได้รายงานในเวปอย่างทันท่วงที่ แก้ไขโดย  กำหนด วันที่คนเขียนรายงาน ทำการเขียนรายงานในวันที่ว่างในแต่ละสัปดาห์ หลังทำกิจกรรมในแต่ละกิจกรรม

-

-

• ผู้เข้าร่วมประชุม 40 คน ร่วมคัดเลือกแต่งตั้งสภาผู้นำ 30 คน โดยทำคำสั่งแต่งตั้งเป็นลายลักษ์อักษร และได้รับความร่วมมือชุมชน ว่าทำไมถึงต้องจัดตั้งสภาชุมชน เพราะพื้นที่ได้รับความรู้ถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนชุมชนด้วยสภาชุมชน และเข้าถึงรูปแบบโดยการใช้ตังอย่างจากชุมชนไม้เรียง ชุมชนหนองกลางดงซึ่งชุมชนได้เชิญพี่เลี่ยงโครงการ คุณนิมลต์ หะยีนิมะ มาเปิดวีดีโอ การสร้างชุมชนเข้มแข็งด้วยการขับเคลื่อนด้วยสภาผู้นำ ได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นแกนนำด้านต่างๆ ในการขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็งโดยนำด้ยโครงการ ตะโละเน็งอามานรู้จัดพอเพียงและเพียงพอ

• ได้คณะกรรมการสภาผู้นำ จำนวน 30 คน และได้รับทราบเป้าหมายการทำโครงการ รวมทั้งได้มอบหมายหน้าที่ให้กับทีมสภาผู้นำ

ผู้ใหญ่บ้าน 1 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 7 อบต 2 โตะอีหม่าม 1  และชาวบ้าน 19 

-

-

-

วันที่ 17 ตุลาคม 2558 09.00 – 09.30 น. ประชุมทีมสนับสนุนวิชาการ จ.นราธิวาส (พี่เลี้ยง)

09.30 – 10.00 น. กระบวนการติดตามสนับสนุนโครงการร่วมสร้างชุมชนให้น่าอยู่ภาคใต้ การทำงานร่วมกันระหว่าง สจรส.ม.อ. พี่เลี้ยง และผู้รับผิดชอบโครงการ
โดย ผศ.ดร.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ สถาบันการจัดการระบบสุขภาพภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

10.00 - 11.45 น        การบริหารจัดการโครงการ การรายงานผลผ่านเวบไซต์ การบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการ โดย อาหามะ เจ๊ะโซ๊ะ การจัดรายงานการเงิน (การเก็บหลักฐาน เอกสารการเงิน)
โดย คุณนิมลต์ หะยีนิมะ

11.45 – 12.30 น. การเข้าใช้งานระบบเวบไซต์คนใต้สร้าง happynetwork.org โดย คุณสุทธิพงษ์ อุสาหพงษ์สิน

12.30 – 13.15 น. รับประทานอาหาร (พี่เลี้ยง)

13.15 - 16.00 น.        ผู้รับผิดชอบโครงการกรอกข้อมูลรายละเอียดโครงการลงในเว็บไซต์
• รายละเอียดโครงการ (วัตถุประสงค์ ตัวชี้วัด กิจกรรม และงบประมาณ) • กำหนดปฏิทินการดำเนินงานใน 1 ปี • รายงานผู้รับผิดชอบ 16.00 – 16.30 น. สรุปผลการจัดประชุม กำหนดปฏิทินแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับ สจรส.ม.อ.

• ได้เรียนรู้การใช้เวบไซต์คนใต้สร้างสุข ได้ลงปฏิทินโครงการได้เสร็จ
• ได้ฝึกรายงานผลกิจกรรม ทำให้ได้เรียนรู้การรายงานกิจกรรมที่ถุกต้อง มีข้อมูลที่ชัดเจน ตอบเป้าหมายกิจกรรมโครงการ
• ได้เรียนรู้การจัดทำเอกสารการเงิน การทำใบเสร็จรับเงินให้ถูกต้อง
• เข้าใจหลักการทำโครงการ

ผู้รับผิดชอบโครงการและเจ้าหน้าที่การเงินโครงการ

-

-

-