พัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแก่ชุมชนบางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
วิธีการดำเนินงาน
1.ประสานวิทยากร
2.ประสานสถานที่
3.ประสานผู้เข้าร่วมในพื้นที่
4.จัดซื้ออุปกรณ์/เตรียมเอกสาร
5.จัดเวทีประเมินและถอดบทเรียนกิจกรรมโครงการ
6.สรุปผลกิจกรรม
สรุปกิจกรรมที่ 6 เวทีประเมินและถอดบทเรียนกิจกรรมโครงการ
ผู้ดำเนินการประชุม ได้เกริ่นนำกิจกรรมโครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแก่ชุมชนบางปู และเรียนเชิญกำนันอับดุลมาหน๊ะ สาและ กำนันตำบลบางปู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี กล่าวเปิดการประชุมกิจกรรมประเมินและถอดบทเรียนกิจกรรมโครงการ
กำนันอับดุลมาหน๊ะ สาและ กำนันตำบลบางปู ได้กล่าวว่า ประสบการณ์การไปศึกษาดูงานกับกลุ่มชุมชนท่องเที่ยวจังหวัดปัตตานี ที่จังหวัดสมุทรสงคราม สถานที่ๆ ไปดู คือ ไปดูหิ่งห้อยที่อัมพวา ท่านกำนันได้เปรียบเทียบ ว่าพื้นที่ ตำบลบางปูสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์มากกว่า และหิ่งห้อยมีมากกว่าหลายเท่าตัว หลังจากกลับจากศึกษาดูงานเสร็จได้มีการประชุมทีมงาน จนเกิดโครงการที่ทางชุมชนท่องเที่ยวอยากให้เกิด และได้นำเสนอให้กับจังหวัดถึงการจะส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
และกำนันได้กล่าวว่า นายโอฬาร บิลสัน นายอำเภอรับผิดชอบอำเภอยะหริ่ง และท่านเป็นผู้บุกเบิกพยายามผลักดันส่งเสริมสนับสนุนเรื่อง หิ่งห้อยให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และได้บอกว่าวันนี้ช่วงบ่ายกำนัน นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวจังหวัดจะลงเรือไปสำรวจดูเกาะกามเทพ เพราะเกาะนี้จะเป็นจุดประชาสัมพันธ์ในตำบลบางปู อีกหนึ่งจุดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ต่อไปอาจมีการจัดเทศกาลการแต่งงานและมีการจดทะเบียนที่เกาะกามเทพแห่งนี้ หลังจากนันกำนันได้กล่าวเปิดการประชุมเป็นทางการ
คุณยะห์ อาลี หัวหน้าโครงการฯ ได้กล่าวแนะนำตัวและคณะทำงาน พร้อมทั้งได้ชี้แจงความเป็นมาของโครงการฯ และได้กล่าวว่า “เครือข่ายวิทยุชุมชนจังหวัดปัตตานี ได้จัดทำโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจาก ศอ.บต. ในการทำงานในระดับพื้นที่ ซึ่งเครือข่ายวิทยุชุมชน จ.ปัตตานี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเรื่องการมีส่วนร่วมและชุมชนจัดการตนเองด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้ชุมชนบ้านบางปูเกิดความตระหนักและเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สามารถจัดการตนเองด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้เพิ่มมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนรู้เรียนระหว่างสื่อมวลชนกับชุมชน เพื่อให้สื่อมวลชนได้นำเรื่องราวของชุมชนบ้านบางปูเผยแพร่สู่สาธารณะ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ชุมชน และจังหวัดชายแดนใต้ ตลอดจนสร้างเยาวชนให้เป็นนักสื่อสารชุมชน อบรมผลิตคลิบวีดีโอสั้นด้วยมือถือให้กับเยาวชนในชุมชน และผลิตรายการวิทยุ ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องของวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตของชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สู่สาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ”
คุณยะห์ อาลี ได้กล่าวอีกว่า “แต่ด้วยงบประมาณที่มีจำกัด จึงเลือกพื้นที่ตำบลบางปูนำร่อง เพราะก่อนหน้านี้ เรามีการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลชุมชนที่ทำเรื่องท่องเที่ยว และได้ไปพบปะแกนนำชุมชนในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจต่อโครงการฯ หลังจากนั้นได้จัดอบรมให้ความรู้เรื่องการเป็นเจ้าบ้านที่ดี และมีการอบรมศักยภาพเยาวชนในการทำคลิปสั้นในพื้นที่ ตามด้วยกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสื่อมวลชน/สื่อชุมชน และต่อด้วยกิจกรรมการจัดรายการวิทยุ การดำเนินกิจกรรมทั้งโครงการเรามีการสรุปว่า ชุมชนได้อะไรบ้าง และชุมชนเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างในการดำเนินกิจกรรม
เวลา 10.30 น.
คุณมูฮำมัดอายุบ ปาทาน ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้ /บรรณาธิการอาวุโสศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ บรรยายใน เรื่อง “ชุมชนกับการพัฒนาและการสื่อสารเพื่อการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน”
คุณมูฮำหมัดอายุบ ปาทาน ได้กล่าวว่า มีประเด็นให้ชวนคิดเพื่อให้ชุมชนเกิดการคิดต่อ อยู่ 2 ประเด็น ด้วยกันคือ
1. เรื่องของชุมชน กล่าวคือถ้ามองเรื่องชุมชนในรอบ 4-5 ปี ที่ผ่านมา มันมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะมาก เพราะการสื่อสารมันไปไกลและเร็วมาก ฉะนั้นเทรนการสื่อสาร เทรนการท่องเที่ยว มันไปข้างหน้า อาจจะชอบหรือไม่นั้นมันต้องมีการปรับในบางเรื่อ งเพราะการสื่อสารมันทำให้การท่องเที่ยวเติบโตขึ้น ดังนั้นการท่องเที่ยวกับการสื่อสารต้องไปด้วยกัน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะมันมีความสัมพันธ์กันในชุมชน คุณมูฮำหมัดอายุบ ปาทาน ได้เน้นประโยคสำคัญ คือ “ถ้าไม่พูดเรื่องการสื่อสาร การท่องเที่ยวก็ไปไม่ได้ กลับกันถ้าไม่พูดเรื่องการท่องเที่ยวการสื่อสารก็ไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน”
แต่ในอดีตคนบ้านเราไม่กล้าที่จะเรียนรู้ทักษะเรื่องการสื่อสาร เพราะว่า ไม่มีความรู้ในเรื่องคอนเทนต์(เนื้อหา) ว่าต้องสื่อสารแบบไหน ทำให้คุณอัสรา รัฐการัณย์ กับ คุณยะห์ อาลี เข้ามาช่วยสอนคนในชุมชน การท่องเที่ยวต้องการคนเพิ่ม ต้องการคนมาดู ต้องการคนใหม่ๆ มาเที่ยว มาเยี่ยม มาดูสิ่งดีๆ ในชุมชน เป็นเทรนที่เปลี่ยนไปและน่าสนใจ
ผู้หญิง ถือว่าสำคัญเพราะผู้หญิงมักจะเป็นคนสื่อสารได้ดี และมักเป็นคนที่พูดต่อได้ดี ดังนั้นถ้าจะมีการขยายการสื่อสารต้องมี target กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงที่มีจำนวนมากกว่าผู้ชาย การสื่อสารเป็นการตลาดชนิดหนึ่ง ถ้าผู้หญิงพูดถึงบางปูมากเท่าไร การตลาดการท่องเที่ยวก็จะขยายมากขึ้นเท่านั้น เพราะถ้ามองการท่องเที่ยวเชิงนิเวศผู้หญิงมักชอบไปที่แบบนี้ และชอบมาแบบกลุ่มใหญ่ จะเห็นได้ว่าผู้หญิงจะมาเป็นอันดับหนึ่ง ฉะนั้นต้องมุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงให้คนรู้จักบางปู จะทำอย่างไรนั้น และจะขยายการสื่อสารในกลุ่มผู้หญิงแบบไหน คือโจทย์ที่ต้องคิดต่อ
เยาวชน เป็นกลุ่มคนที่มีความกล้าหาญ เป็นคนที่นำทางขบวนการท่องเที่ยวเยอะที่สุด เพราะมีเครื่องมือที่หลากหลายกว่า และมีพรรคพวก มีเครือข่าย ถ้าดูความเคลื่อนไหวทาง Social Media เช่น facebook กลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่นำทางในเรื่องการท่องเที่ยว มีการสื่อสารอย่างรวดเร็ว เป็นคนชอบแชร์ ชอบโพสต์ ทำให้สามารถช่วยสื่อสารเรื่องการท่องเที่ยวได้เยอะ การที่คนมาท่องเที่ยวในชุมชนบางปูมาก สิ่งที่ได้มากกว่าที่เห็นคือผลบุญที่จะได้รับในโลกหน้า
การบูรณาการ การสื่อสารเรื่องสภาวะแวดล้อม เพราะการสื่อสารบ่อยๆ จะเห็นสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ การสื่อสารจะทำให้เปลี่ยนวิธีคิดของคน เพราะถ้าไม่มีการสื่อสารก็จะมีแต่คนใน คนเดิมๆ เท่านั้นที่วนเวียนมาเที่ยว ไม่มีคนต่างจังหวัด ไม่มีคนต่างอำเภอ ประโยชน์ของคนที่อยู่พื้นที่รอบข้างเราสามารถที่จะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือแวดล้อมรอบข้างในเรื่องต่างๆ ได้ ต้องทราบว่าพื้นที่ใกล้เคียงมีอะไรดีๆ เด่นๆ บ้าง เพราะมันจะคาบเกี่ยวให้เห็นบรรยากาศรอบข้างด้วย ไม่ใช่เห็นเฉพาะ มัสยิดอัตตะอาวุลบางปู
การท่องเที่ยวต้องอยู่ในระบบในกรอบ ประเพณี วัฒนธรรมของพื้นที่ เช่น เกาะกามเทพ ไม่ควรจะไปจัดให้อยู่ใน เดือนกุมภาพันธ์ เพราะมันคาบเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ที่เป็นความเชื่อของคนมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลาม ต้องเขียนให้ดีถ้าเขียนไม่ดี จะเกิดความผิดพลาดตามมา
ที่กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นองค์ประกอบในเรื่องการตลาดเพื่อการท่องเที่ยว แต่ที่ต้องเน้นหนักและให้ถือเป็นหลักยุทธศาสตร์สำหรับชุมชน คือ ชุมชนต้องมีการเตรียมความพร้อมกับการประสบพบเจอเรื่องการเปลี่ยนแปลง และอย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะการสื่อสารเปลี่ยนวิธีคิดของคน การสื่อสารกับการท่องเที่ยวมันแยกไม่ออก
2. เรื่องการสื่อสาร
ประเด็นนี้คุณมูฮำมัดอายุบ ปาทาน เน้นว่า “ชุมชนต้องเน้นหนัก” เพราะสถานการณ์ถูกเปลี่ยนแน่นอนการสื่อสารเรื่องการท่องเที่ยวต้องคิดแบบใหม่ ชุมชนสู่การท่องเที่ยว ถ้า 2 อย่างนี้ไปได้ทุกอย่างก็ไปได้
ข้อควรคำนึงยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวชุมชน และต้องมีการสื่อสารทุกรูปแบบ เช่น
1. การสื่อสารปากต่อปากแบบอานาล๊อค คนในชุมชนต้องช่วยกันไม่ใช่เฉพาะอิหม่าม
2. การสื่อสาร Social Media ในมือถือในทุก Application เพราะมันเป็นต้นทุนที่ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องเช่า ไมต้องลงทุน ไม่ต้องเสียงบประมาณอะไรใดๆ เพราะถ้ารอจะให้ออกสื่อทีวี ไม่มีทาง และการสื่อสารต้องสื่อสารในที่อื่นๆ ด้วย เช่น ควรพูดคุยกับคนขับเรือด้วยว่า เขาขับเรือดูแลนักท่องเที่ยวตลอดรอดฝั่งไปถึงจุดหมาย เขารู้สึกอย่างไรบ้าง มีความสุขขนาดไหนที่ได้พานักท่องเที่ยวแล้วเกิดความประทับใจ สิ่งเหล่านี้ มันอาจจะไม่สำคัญ แต่มันคือความรู้สึกเล็กๆ ที่ถ้าคนนอกได้รับรู้ ได้อ่านมันจะยิ่งใหญ่ และคนข้างนอกเขาอยากจะรู้ เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกจริงที่ทำให้คนข้างนอกอยากมา การล่องเรือสัมพันธ์กับคนขับเรือ และมันเป็นหัวใจหลักที่สำคัญของการท่องเที่ยวของบางปู จะเห็นได้ว่าการสื่อสาร 2 ทางเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งคนในและคนนอกจะช่วยขยายเอง
3. เยาวชนคนรุ่นใหม่ ต้องรู้จักเขียนบทความให้คนข้างนอกได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้น เขียนแผนที่ท่องเที่ยวให้เป็นโครงสร้างทั้งหมด ทำเป็นแพคเก็จการท่องเที่ยวเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากที่อื่น
4. ต้องคำนึงว่าพื้นที่ มีจุดขายที่เด่น และน่าสนใจ ว่าหน้าหนาว หน้าร้อน หน้าฝน จะต้องเที่ยวจุดไหนอย่างไร บูรณาการทุกสิ่งให้คนรู้จักว่าบางปูมีอะไรบ้าง เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ในอนาคต ไม่แน่บางปู อาจจะมีการทำ Sky walk แต่ทั้งหมดพื้นที่ต้องเตรียมความพร้อมทั้งในทางดีและสิ่งที่ไม่ดี (เช่น สิ่งเสพติด การผิดประเวณี) เกิดขึ้นมาในชุมชนให้ดี
คุณมูฮำหมัดอายุบ ปาทาน ได้คำแนะนำเพิ่มเติม
- อนาคตอาจจะต้องมีศูนย์การประชาสัมพันธ์ชุมชน
- ต้องมีโครงสร้างการท่องเที่ยว
- ต้องมีรายละเอียดและสร้างเป็นแพคเก็จการท่องเที่ยว
- ต้องมีทีม Sale การท่องเที่ยวต้องมีทีม Sale สื่อสาร คือ การขายอย่างหนึ่ง และสิ่งที่ได้มามากกว่าที่เป็นรูปธรรมคือผลบุญ และไม่ค่อยเห็นมีคนทำ แต่การขายแบบนี้จะช่วยเราช่างน้ำหนักในการทำความดีในวันปรโลกได้
- ต้องประเมินตัวเองว่า เรามีศักยภาพขนาดไหน อย่าทำอะไรที่เป็นการเกินตัว ทำในสิ่งที่เราทำได้ การท่องเที่ยวจะทำอย่างเกินตัวไม่ได้ และค่อยๆ ขยับไปเรื่อยๆ
- การท่องเที่ยวต้องมีการสื่อสารซ้ำๆ เรื่อยๆ ต่อเนื่อง เรียนรู้ไป ปรับไป มันถึงจะมีความยั่งยืน
การถอดบทเรียนต้อง มี 4 อย่างที่เป็นสูตรสำเร็จในการทำงานกับพื้นที่
1. ต้องหาพื้นที่
2. เชื่อมต่อ
3. บอกต่อ
4. เครือข่าย
การมีพื้นที่สามารถเชื่อมคนได้ เมื่อไรที่เชื่อมคนได้เราจะมีการสื่อสาร/บอกต่อ และจะมีเครือข่ายเพิ่มขึ้น
คุณมูฮำมัดอายุบ ปาทาน ได้ให้ข้อสังเกตอนาคตได้อย่างน่าสนใจ ดังนี้ - ถ้าความรุนแรงลดลง การท่องเที่ยวจะมีคนพูดถึงขึ้นมาก พร้อมกับปัญหาสังคมที่มีความสัมพันธ์และคาบเกี่ยวกัน แต่ถือว่ามันเป็นประโยชน์ ถือเป็นจังหวะที่ดี และต้องมีการช่วงชิง - หากว่าการท่องเที่ยวเฟื่องฟูในอนาคตรับรองว่าจะโดดเด่นกว่าการเมือง
หลังจากนั้นได้เปิดโอกาสให้ถามวิทยากร
1. เยาวชนจะเพิ่มทักษะการเรียนรู้เรื่องการสื่อสารอย่างไรได้บ้าง?
ตอบ ส่วนหนึ่งอาจเป็นหน้าที่ของทีมงานที่ต้องมีการต่อยอด และส่งต่ออาจต้องหาแหล่งเครือข่ายในการทำเรื่องนี้ เช่น กลุ่ม mojo อาจจะเอาไปไม่ทั้งหมด ตรงนี้ต้องมีการคัดสรรและเลือกเฉพาะคนที่มีความสนใจและมีแววในเรื่องนี้ ทีมงานอาจจะต้องมีฐานข้อมูลสักหน่อย เยาวชนต้องอ่านเพิ่มความรู้มากขึ้น และต้องมีความกล้าเพราะความกล้า คือ หัวใจในการขยับตัวเองไปข้างหน้า ต้องทำระบบเทรนนิ่ง ต้องเรียนรู้ Application ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ต้องมีฐานข้อมูลของชุมชน ต้องมีเว็บไซต์ที่เป็นของกลุ่มเองที่สร้างเอง และต้องมีข้อมูลของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชม ต้องมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการขยับและเปลี่ยนแปลง ถ้ามีการสร้างข้อมูลในโลก Social ต้องมีช่องทางการโต้ตอบ ในการตอบคำถามหรือข้อสงสัยของลูกค้า, นักท่องเที่ยว
2. การที่จะสร้างร้านค้าภายในชุมชนต้องใช้งบประมาณเท่าไร?
ตอบ เบื้องต้นสามารถสร้างเพจได้เอง เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ต้องมีการสื่อสารเรื่องของชุมชน ต้องมีเรื่องที่สร้างสรรค์
3. หัวใจหลักของการสื่อสาร อยู่ที่ไหน?
ตอบ ทำยังไงก็ได้ให้คนรู้สึกว่าน่าสนใจ การเชิญชวนให้คนอื่นทำสิ่งที่ดี อย่าเพิ่งเบื่อง่าย และท้อแท้ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอและมีเครือข่าย
คุณมูฮำหมัดอายุบ ปาทาน ได้พูดถึงคนขับเรือในบางปู ที่เป็นชีวิตเล็กๆ ของคนในชุมชน สำหรับคนขับเรือถือเป็นคนต้นทางจนถึงปลายทางที่สำคัญมาก ต้องมีการพูดถึงและนำเสนอถึงคนเหล่านี้ด้วยเช่นกัน คนให้บริการถ้าพูดด้วยใจใครๆ ก็รับได้ และเชื่อว่าคนบางปูทำงานด้วยใจบริการ ถ้าทำด้วยใจก็จะได้ความจริงใจกลับมา เพราะคนอ่านออกว่าจริงใจหรือไม่จริงใจ จิตใจดี ทำด้วยใจ ผลบุญก็ตามมาและจะเกิดความประทับใจให้กับผู้มาท่องเที่ยว การท่องเที่ยวจะไปด้วยดีได้ต้องมีการเชื่อมต่อ ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา ควรให้ความสำคัญและต้องมีการบอกต่อให้เกิดการรับรู้ร่วมกัน เพราะบางเรื่องมันเป็นเรื่องใหญ่กว่าคนอย่างเราจะทำได้
หลังจากนั้นคุณยะห์ อาลี ได้สรุปทิ้งท้ายว่า “เราจะต้องทำฐานข้อมูลเด็ก เยาวชนในพื้นที่ การทำเว็ปไซต์ การขยายกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่าย ต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี คนขับเรือต้องมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และมีใจที่จะบริการ มีความจริงใจต่อกัน การสื่อสารแหล่งท่องเที่ยวทำหรือโพสต์ในสิ่งดีๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จักแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนมากขึ้น”
กิจกรรมแบ่งกลุ่มย่อย คุณอัสรา รัฐการัณย์ ได้ดำเนินการอธิบายให้กับผู้เข้าร่วม มีหัวข้อของการหารือโดยให้ผู้เข้าร่วมเขียนเป็นภาพ แล้วบรรยายภาพที่เขียนในกระดาษ วาด ระบายสี (แล้วแต่กลุ่ม) โดยได้แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประเด็นคำถาม ดังนี้
1. ได้อะไรจากกิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านมาในโครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแก่ชุมชนบางปู (อบรมการเป็นเจ้าบ้านที่ดี, อบรมการทำคลิปสั้น)
สรุปได้ข้อคิดเห็น ดังนี้
- ได้ทำวีดีโอเรื่องราวภายในชุมชนเพื่อไปเสนอต่อผู้คนนอกชุมชนหรือคนนอกพื้นที่
- ได้เรียนรู้การทำ video ที่แปลกใหม่
- ได้ทำสารคดี คลิปสั้นของชุมชนบางปู แล้วนำไปเผยแพร่ใน Social Media ทำให้มีผู้คนรู้จักบางปูมากขึ้น ทำให้บางปูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่ทำให้ผู้คนเข้ามาและเป็นที่สนใจของผู้คนอีกหลายๆ คน
- ทำให้ชุมชนได้มีการพัฒนา และดึงดูดผู้คน ได้รู้จักชุมชนบางปูเพิ่มขึ้น
- คนต่างถิ่นมองเห็นพื้นที่สีขาว ลบคำสบประมาทว่าเป็นพื้นที่สีแดง
- ชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
- ทำให้รู้จักวิธีการวางตัวต่อคนที่มาเยือนถิ่น - ผู้คนเข้ามาเที่ยวเพิ่มขึ้น จากการที่ได้เรียนอบรมจากโครงการฯ - ผู้คนเริ่มสนใจในการท่องเที่ยวชุมชนบางปูมากขึ้น ทำให้ได้กระแสตอบรับอย่างดี - มีคนในและคนต่างถิ่นมาท่องเที่ยวที่นี่มากขึ้น - ทำให้คนต่างถิ่นได้รู้จักชุมชนมากขึ้น - เป็นชุมชนสะอาด น่าอยู่ ทำให้ดึงดูดผู้คนได้มากขึ้น - ในเรื่องการท่องเที่ยว มีผู้คนมากมายมาท่องเที่ยวภายในชุมชน มาแต่ละครั้งเป็นทีมมากกว่าเป็นรายคน
- วาดฝันร่วมกัน (เขียนแผนที่ชุมชน) อาจจะคิดต่อว่าถ้าเราอยากทำการท่องเที่ยวในชุมชน ใคร/หน่วยงาน/องค์กรไหนบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เราต้องอาศัยใครบ้าง
แต่ละกลุ่มนำเสนอ
กลุ่มที่ 1
- นำเสนอมัสยิดโดยมีทางเข้าและทางออก โดยมีสินค้าของบางปู มีศูนย์ประชาสัมพันธ์ มีฟิตเนส มีสนามหญ้าเทียม
- มีที่จอดรถสำหรับนักท่องเที่ยว
- มีสถานพยาบาล
- ฝั่งชุมชนเทศบาลจะทำเป็นฟาร์มแพะ ให้นักท่องเที่ยวได้มีกิจกรรมการให้หญ้าแพะ ฝั่งจอดเรือจะเป็นจุดพักเรือทั้งหมดให้เป็นพื้นที่กลาง ข้างที่จอดเรือจะเป็นร้านค้าพื้นเมืองที่เป็นของดีชุมชน
- มีจุดขายเอาใจวัยรุ่น แบบแฮนแมด
- มีจุดร้านขายอาหาร ปลาแห้งแปรรูป เครื่องข้าวยำ
- จุดดูดาว มีการขึ้นเรือดูหิ่งห่อย มีบังกะโลให้นักท่องเที่ยวเช่า บังกะโลจะมีการสร้างสะพานผ่านน้ำ
- มีฟาร์มสัตว์ต่างๆ เช่น ปลา ฟาร์มปู ได้เห็นถึงวิธีการเลี้ยง มี แพะ แกะ กระต่าย อนาคตอาจจะเอาขนมาทำผลิตภัณฑ์
- มีสวนมะพร้าว จะมีสินค้าต่างๆ จากมะพร้าว เช่นเยลลี่มะพร้าว เค้ก คุกกี้ มะพร้าวแห้ง สินค้าประเภทของกินจะวางไว้ที่ปั้มน้ำมันด้วย
- มีจุดประชาสัมพันธ์
คุณอัสรา รัฐการัณย์ ได้ตั้งคำถามกลุ่มว่า ถ้าอยากทำให้โครงการที่วาดฝันไว้ได้เกิดขึ้นจริง จะเริ่มเฟสไหนก่อน? แล้วคิดว่าควรจะมีใครเข้ามามีส่วนร่วมบ้าง?
กลุ่มที่ 1 ตอบ
- จะเริ่มแถบมัสยิดก่อน และทำส่วนที่อยู่โซนทะเล
- คุยกับอิหม่าม และกรรมการ ก่อนอันดับแรก และไปที่กับเทศบาล, อบต
กลุ่มที่ 2
กลุ่มบูนาดารา ตะโละกาโปร์
ข้อดีของตะโละกาโปร์ ตะโละกาโปร์เป็นทางผ่านที่จะไป ตำบลแหลมโพธิ์ และถือว่าเป็นจุดเด่นของชุมชน เพราะถ้าประเมินจำนวนรถผ่านในแต่ละวัน เคยนับได้ว่า 1 วันมีรถผ่านไป 1,000 คัน เมื่อมีนักเดินทางมากกลุ่มบูนาดาราต้องการให้เกิดตลาดน้ำ วันนี้ได้คุยกับกรมทรัพยากรและกรมป่าไม้ ถือว่าสามารถทำได้แต่ตอนนี้ยังไม่มีงบประมาณ แต่ก่อนตลาดน้ำปัตตานีเกิดได้แค่ 2 ปี ก็ดับลง เพราะว่าไม่ได้เกิดจากคนในชุมชน ไม่ใช่เกิดในชุมชน และไม่ใช่คนในชุมชนบริหารเอง เวลาทำจึงไม่ใช่เกิดด้วยใจ แต่ถ้าชุมชนร่วมกันทำ จะทำให้คนในชุมชนต่างทำด้วยใจ
- อยากให้เกิดวัฒนธรรมชุมชนมากกว่าขายสิ่งของ
- อยากให้เกิดความสามัคคีด้วยการบูรณาการกับผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา
- อยากให้มีเวทีการแสดงพื้นบ้าน อนาชีด การแสดงซีละ คนมาซื้อของซื้อน้ำ เสร็จก็สามารถไปชมการแสดง
การจัดการเราต้องให้โอกาสกับเด็กเพื่อเสริมความกล้าแก่เด็กให้เพิ่มมากขึ้น ถ้าเด็กได้ทำในสิ่งดีๆ ผู้ปกครองจะมีความภาคภูมิใจมาก อยากฝากให้หน่วยงานช่วยหนุนโอกาสให้เด็กได้แสดงศักยภาพ
คุณมูฮำหมัดอายุบ ปาทาน ได้เพิ่มเติมเสนอแนะ ว่า
ถ้าคนข้างในเป็นคนพูดเอง ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะมันจะเห็นทิศทาง มองไกล เห็นภาพใหม่ไม่ใช่ภาพเดิม ถ้ามีความกล้านำเสนอสิ่งใหม่ เราจะมีการเปลี่ยนแปลง จินตนาการสำคัญเพราะคนข้างในจะมีข้อมูล โดยสภาวะแวดล้อม ถ้าสังคมเปลี่ยนแต่เราไม่เปลี่ยน เราจะต้องถูกปรับออกจากสังคม
กลุ่มที่ 3
อย่างแรกจะทำให้มีโฮมสเตย์ เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมักจะโทรมาถามว่าที่พักมีไหม จะทำโฮมสเตย์และรายได้บางส่วนจะมีการบริหารจัดการในการทำกิจกรรมต่างๆ ในหมู่บ้าน มีการทำตลาดน้ำเพราะบางปูจะติดกับถนนใหญ่ทำให้สะดวกในการเข้าถึง ในตลาดน้ำจะมีการขายขนมพื้นบ้านที่คนในชุมชนทำกันสดใหม่ทุกวัน และส่งเสริมให้คนที่ทำปลาแห้ง นำมาขายที่ตลาดน้ำ ให้นักท่องเที่ยวแถวรอบอ่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ในส่วนของกรมป่าไม้ ถ้าจะทำเราต้องเข้าไปคุยเพื่อขออนุญาตเขาก่อน
งบประมาณไม่ใช้เยอะ เพราะโฮมสเตย์เราจะทำกับวัสดุธรรมชาติ หลังหนึ่งใช้งบประมาณ 4 – 5 หมื่นบาท ถ้าให้เสนอ หน่วยแรกที่ต้องเสนอคือเทศบาล
คุณอัสรา รัฐการัณย์ แนะนำในว่าช่วงระหว่างนี้ ในเบื้องต้นอยากให้ทางกลุ่มร่างโครงการขึ้นมาก่อน
กลุ่มที่ 4 เยาวชนหญิง
ตำบลบางปูมีพื้นที่กว้าง
- จะเจาะจงไปที่ป่าชายเลน โดยทำรีสอร์ท และแคร่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมบรรยากาศ
- ทำ Sky walk เพื่อชมนกและวีถีชุมชนประมง มีท่าเทียบเรือ ในอุโมงค์จะมีร้านอาหารบุฟเฟ่ และขากลับจะมีจุดขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกชมและซื้อ
- มีของกินของชุมชนบางปู เช่น ขนมบาดูกาตง ไส้อั่ว ก๋วยเตี๋ยวแฝดที่เป็นร้านนิยมของคนในชุมชนชอบแวะไปกิน
- เฟสแรกที่คิดว่าเป็นไปได้ คือสินค้าโอท๊อป ซึ่งจะต้องไปคุยกับเทศบาล
คุณยะห์ อาลี ได้กล่าวมีแนะนำว่า ทั้ง 4 กลุ่มที่นำเสนอ ถ้าร่างโครงการจะได้ 4 โครงการ หากมีหน่วยงานใดเปิดโครงการให้เสนอโครงการ เราสามารถเอาโครงการที่ร่างนี้ไปนำเสนอได้เลย
คุณยะโกะ เวาะแห ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กล่าวปิดเวทีประเมินและถอดบทเรียนกิจกรรมโครงการ
“รู้สึกขอบคุณอัลลอฮฺ ที่ได้ทำให้บางปูเป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้ โดยส่วนตัวเป็นคนที่ใช้เครื่องมือสื่อสารแค่โทรออกและรับสาย ยอมรับว่าไม่ค่อยมีความรู้มาก แต่มีความรู้สึกดีใจมากที่ได้รับทราบและเรียนรู้เรื่องการสื่อสารจาก ประธานสภาประชาสังคมชายแดนใต้”
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้ฝากทิ้งท้ายก่อนทำการปิดพิธี “อยากให้เยาวชนได้เรียนรู้เพิ่มเติมให้มากขึ้น และบรรลุเป้าหมายตามที่ได้วางไว้ โอกาสนี้ขอให้อ่านดุอาขอพร และปิดกิจกรรมประเมินและถอดบทเรียน โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแก่ชุมชนบางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ขอบคุณครับ”
ปัญหาอุปสรรค
- แกนนำชุมชนบางคนไม่กล้าที่จะพูดในเวทีประเมิน
- ผู้เข้าร่วมมาช้าทำให้ต้องเลื่อนกำหนดการ
ข้อเสนอแนะ
- มีศูนย์ประชาสัมพันธ์ในชุมชน มีสินค้าของชุมชนบ้านบางปูจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว มีสถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส สนามหญ้าเทียม มีสถานพยาบาล และ มีที่จอดรถสำหรับนักท่องเที่ยว
- ทำฟาร์มแพะ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีกิจกรรมการให้หญ้าแพะ
- มีจุดพักเรือทั้งหมดให้เป็นพื้นที่กลาง มีร้านค้าพื้นบ้านที่เป็นของดี จะมีจุดขายเอาใจวัยรุ่น แบบแฮนด์เมด มีจุดร้านขายอาหาร ปลาแห้งแปรรูป เครื่องข้าวยำ
- มีบังกะโลให้นักท่องเที่ยวให้เช่า มีการสร้างสะพานผ่านน้ำจุดดูดาว มีการขึ้นเรือดูหิ่งห้อย
- มีฟาร์มสัตว์ต่างๆ เช่นปลา ฟาร์มปู ได้เห็นถึงวิธีการเลี้ยง มีแพะ แกะ กระต่าย อนาคตอาจจะเอาขนมาทำผลิตภัณฑ์
- สินค้าโอท๊อป มีสวนมะพร้าว จะมีสินค้าต่างๆ จากมะพร้าว เช่นเยลลี่มะพร้าว เค้ก คุกกี้ มะพร้าวแห้ง สินค้าประเภทของกินจะวางไว้ที่ปั้มน้ำมัน
- อยากให้เกิดวัฒนธรรมชุมชน มีเวทีการแสดงพื้นบ้าน การแสดงอนาชีด การแสดงซีละ
- อยากให้มีตลาดน้ำเพราะบางปูจะติดกับถนนใหญ่ทำให้สะดวกในการเข้าถึง ในตลาดน้ำจะมีการขาย
ขนมพื้นบ้านที่คนในชุมชนทำกันสดใหม่ทุกวัน นำมาขายที่ตลาดน้ำให้นักท่องเที่ยว
- ทำรีสอร์ท และแคร่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แวะชมบรรยากาศ
- ทำ Sky walk เพื่อชมนกและวีถีชุมชนประมง มีท่าเทียบเรือ ในอุโมงค์มีร้านอาหารบุฟเฟ่ และขากลับจะมีจุดขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกชม เลือกซื้อ
- ข้อเสนอต่อพื้นที่
- องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรสนับสนุนและต่อยอดกิจกรรมของชุมชนที่ได้มาร่วมรายการ เช่น สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของตำบลบางปู เพื่อทำให้คนในชุมชนมีรายได้ นักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยือนก็เกิดความรักและหวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
2. ข้อเสนอต่อหน่วยงาน
- หน่วยงานรัฐควรสนับสนุนและต่อยอดกิจกรรมของชุมชนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนในชุมชนมากยิ่งขึ้น
- รัฐควรเข้าไปส่งเสริมสนับสนุน เพื่อให้ความรู้แก่ชุมชน ทั้งเรื่องการดูแลทรัพยากร สิ่งแวดล้อม การพัฒนาสินค้าโอท้อป
ผลสรุปที่สำคัญของกิจกรรมได้บรรลุผลตามเป้าหมายที่ได้วางไว้
ผลสรุปตามตัวชี้วัด
ตัวชี้วัดเชิงคุณภาพ ที่วางไว้
ลำดับ ชื่อตัวชี้วัด/เป้าหมาย
1. ชุมชนบ้านบางปูเกิดความตระหนักและเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
2. ชุมชนบ้านบางปูสามารถจัดการตนเองด้านการท่องเที่ยว สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มมากขึ้น
3. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยชุมชน ด้วยการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
4 คนในชุมชนบ้านบางปูเกิดความสามัคคี และทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง
สรุปผลตัวชี้วัดด้านคุณภาพ
- ผู้เข้าร่วมแกนนำชุมชน 4 เสาหลัก กลุ่มเยาวชน ชายและหญิง กลุ่มผู้ประกอบการเรือ ในตำบลบางปู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ได้เรียนรู้และเข้าใจ การบริหารจัดการตนเองด้านการท่องเที่ยวชุมชนเชิงนิเวศ, เห็นคุณค่าของการหวงแหนและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลนให้คงอยู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน, ได้เรียนรู้การเป็นเจ้าบ้านที่ดี ทำให้รู้จักวิธีการวางตัวต่อคนที่มาเยือนถิ่น มาท่องเที่ยว, ผู้คนเริ่มสนใจการท่องเที่ยวชุมชนบางปูมากขึ้น ทำให้เกิดกระแสตอบรับอย่างดีมีทั้งคนในและคนต่างถิ่นมาท่องเที่ยวที่นี่มากขึ้น
- การพัฒนาศักยภาพของเยาวชนด้านการสื่อสารการผลิตสารคดีคลิปสั้น Mojo Mobile Journalism เล่าเรื่องราวของชุมชนบางปูแล้วนำไปเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้มีผู้คนรู้จักชุมชนบางปูมากยิ่งขึ้น สามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มมากขึ้น ทำให้คนในชุมชนบ้านบางปูเกิดการพัฒนา ด้านการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น และทำให้ชุมชนบ้านบางปูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่ทำให้ผู้คนเข้ามาและเป็นที่สนใจมากขึ้น ทำให้คนในชุมชนบ้านบางปูเกิดความสามัคคี และทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง และสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้นในจังหวัดปัตตานี และพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ ที่วางไว้
ลำดับ ชื่อตัวชี้วัด เป้าหมาย/จำนวน
หน่วยนับ
- เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเป็นนักสื่อสารชุมชน 80% คน
- สื่อมวลชนได้นำเรื่องราวของชุมชนบ้านบางปูเผยแพร่สู่สาธารณะ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ชุมชน 90% คน
- เกิดชิ้นงานคลิปวีดีโอสั้น เพื่อส่งเสริมวิถีชีวิต/การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ชุมชนบ้านบางปู 10 ชิ้น
สรุปผลตัวชี้วัดด้านปริมาณ
1. เยาวชนเข้าร่วมโครงการผลิตคลิปจากชุมชนบางปู จำนวน 23 คน สามารถเป็นนักสื่อสารชุมชน ได้ 20 คน คิดเป็น 86%
2. สื่อมวลชนได้นำเรื่องราวของชุมชนบ้านบางปูเผยแพร่สู่สาธารณะ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ชุมชน
โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชนบางปู จำนวน 15 คน ทั้งหมดได้นำเรื่องราวไปถ่ายทอดต่อ ในรายการวิทยุ, Live สด ผ่าน Facebook , Line กลุ่ม และ สื่อสารผ่าน Facebook ของทุกคน คิดเป็น 100%
สื่อมวลชนได้นำเรื่องราวในเวทีไปนำเสนอผ่าน รายการวิทยุ และ Facebook live ดังนี้
• รายการวิทยุร่วมแรงร่วมใจชายแดนใต้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ม.อ.ปัตตานี เวลา 15.00. - 17.00 น. โดย คุณเสาวณีย์ ดาโอ๊ะ และ คุณพัชรา ยิ่งดำนุ่น
• รายการ อสมท.เพื่อชุมชน ออกอากาศทางสถานีวิทยุ อสมท. เวลา 13.10 – 14.00 น. โดย คุณญารัชนี คงจันทร์
• รายการวิทยุเพื่อชุมชน ออกอากศทางสถานีวิทยุ ม.อ.ปัตตานี วันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 19.30 – 20.00 น. โดยดีเจซูเฮ็ง
• รายการ Sinarpetang คุยสบายๆ ยามเย็น ออกอากาศทางสถานีวิทยุ อสมท. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.00-17.00 น. จัดโดยดีเจซูเฮ็ง
• รายการเสียงวานีตา ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ม.อ.ปัตตานี วันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 19.30-20.00 น. จัดโดย คุณยะห์ อาลี , คุณหายาตี บูสะมัน , คุณวาซินีย์ แวโต
• คุณยะห์ อาลี Live สด เวทีแลกเปลี่ยนกับสื่อมวลชน ทาง Facebook Live ช่วงที่ ดร.สว่าง ทองไพ บรรยายพิเศษ
• คุณญารัชนี คงจันทร์ Live สด เวทีแลกเปลี่ยนกับสื่อมวลชน ทาง Facebook Live บรรยากาศในเวที และสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมงาน
• สื่อมวลชนที่เข้าร่วมงานทั้ง
- เกิดชิ้นงานคลิปวีดีโอสั้น เพื่อส่งเสริมวิถีชีวิต/การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ชุมชนบ้านบางปู 14 ชิ้น
เกินเป้าหมายที่วางไว้ โดยวางไว้ 10 ชิ้น
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็นข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ)
1. ศอ.บต.ควรสนับสนุน ต่อยอดโครงการแนวนี้ หรือโครงการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแก่ชุมชน เพื่อสนับสนุนชุมชนที่ต้องการการส่งเสริมการท่องเที่ยวและยังขาดโอกาสอยู่ และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนมีอาชีพและรายได้เพิ่มมากขึ้น
2. ศอ.บต.ควรสนับสนุน โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแก่ชุมชน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนใต้ และยังเป็นการส่งเสริมสันติภาพเชิงบวกให้กับพื้นที่ชายแดนใต้อีกด้วย
ประกอบด้วย
ผู้เข้าร่วมจากชุมชน 27 คน คน วิทยากร 1 คน และคณะทำงาน 6 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 34 คน