แบบการติดตามประเมินผลการดำเนินกิจกรรมของโครงการ (Process Evaluation)
กิจกรรม | ระยะเวลา | เป้าหมาย/วิธีการ | ผลการดำเนินงาน | ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ตามแผน | ปฏิบัติจริง | ตามแผน | ปฏิบัติจริง | ตามแผน | ปฏิบัติจริง | ||
กิจกรรมเวทีประชุมสนทนากลุ่ม ครั้งที่ 1 และการประชุมคณะกรรมการโครงการฯ | 1 ต.ค. 2560 | 7 ต.ค. 2560 |
|
กิจกรรมเวทีประชุมสนทนากลุ่ม ครั้งที่ 1 และการประชุมคณะกรรมการโครงการฯ |
|
เพศ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 64.7 รองลงมาคือเพศหญิง ร้อยละ 35.3 ตามลำดับ
สถานภาพ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส ร้อยละ 70.6 รองลงมาคือโสด ร้อยละ 15.7 หย่าร้าง ร้อยละ 7.8 และอื่นๆ ได้แก่ แยกกันอยู่ เป็นต้น น้อยที่สุด ร้อยละ 5.9 ตามลำดับ
ระดับความรู้ทางสามัญ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 31.4 รองลงมาคือสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป ร้อยละ 25.5 สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 23.5 และสำเร็จการศึกษาในระดับประถมศึกษา น้อยที่สุด ร้อยละ 19.9 ตามลำดับ
ระดับความรู้ทางศาสนา กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับอิสลามตอนปลาย (ซานาวีห์) ร้อยละ 43.1 รองลงมาคือสำเร็จการศึกษาในการศึกษาระดับอิสลามตอนกลาง (มุตาวะซิตห์) ร้อยละ 31.4 สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี (กุลลียะห์) ร้อยละ 11.8 สำเร็จการศึกษาในระดับอิสลามตอนต้น (อิบติดาอีห์) ร้อยละ 9.8 และสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทขึ้นไป น้อยที่สุด ร้อยละ 3.9 ตามลำดับ การมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
จากการสัมภาษณ์ด้วยการสนทนากลุ่มกับโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และประชาชนในชุมชน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ต่อการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีประเด็นดังนี้ 1 บทบาทของยุติธรรมชุมชนในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส การสัมภาษณ์ด้วยการสนทนากลุ่มกับโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และประชาชนในชุมชน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง พบว่า ภารกิจของยุติธรรมชุมชน เพื่อนำไปสู่การจัดระบบของภารกิจงานที่ภาครัฐ หรือภาคประชาชนเข้าไปดำเนินการในชุมชน ได้ดังนี้ 1) การเสริมพลัง คือการกระตุ้นให้ประชาชนซึ่งมีความรู้ ศักยภาพ ประสบการณ์ ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถิ่นได้นำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาจัดการปัญหาอาชญากรรม หรือความขัดแย้ง หรือปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นและเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส 2) การป้องกันปัญหาอาชญากรรม และการกระทำผิดทางอาญา คือการกระทำใดๆ ที่เป็นการนำไปสู่การลด ละ เลิก หยุดยั้งในด้านการกระทำความผิดต่างๆ ที่ไม่ใช่อาชญากรรม เช่น การเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การดื่มสุราและทำความเสียหาย หรือในด้านการกระทำผิดทางอาชญากรรมต่างๆ เป็นต้น ในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส 3) การเยียวยา คือการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอาชญากรรม หรือการกระทำผิดกฎเกณฑ์ กติกาสังคมในการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ได้แก่ ผู้เสียหาย ผู้กระทำผิด และชุมชนเอง 4) การจัดการความขัดแย้ง คือการกระทำใดๆ ที่ทำให้ข้อขัดแย้ง การทะเลาะวิวาท การไม่เข้าใจกันและพฤติกรรมที่นำไปสู่ความรุนแรง ลดน้อยลงและหายไปในที่สุดโดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจกัน มีการชดใช้หรือบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน ประชาชนในชุมชนและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้พยายามส่งเสริมบทบาทของประชาชนตามหลักยุติธรรมชุมชนด้วยการส่งเสริมการจัดให้มีการรวมตัวเป็นเครือข่ายที่เรียกว่า “เครือข่ายยุติธรรมชุมชน” และได้ส่งเสริมให้เครือข่ายภาคประชาชนในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสมีบทบาทที่เป็นรูปธรรมหลายประการ เช่น - บทบาทในการช่วยดูแลให้คำแนะนำและแก้ปัญหาในเบื้องต้นกับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพ หรือต้องการคำแนะนำเบื้องต้นทางด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม - บทบาทในการลดข้อพิพาท และความขัดแย้งในชุมชน - บทบาทในการป้องกันอาชญากรรมต่างๆ ในชุมชน - บทบาทในการแจ้งข่าว แจ้งเบาะแส และให้ความร่วมมือในงานด้านนิติวิทยาศาสตร์
2 การมีส่วนร่วมของชุมชนร่วมกันหามาตรการต่อการป้องกันผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญา ในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
การสัมภาษณ์ด้วยการสนทนากลุ่มกับโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และประชาชนในชุมชน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง พบว่า มาตรการในการป้องกันปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญา ในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบดังนี้
1) เรื่องการจัดทีมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านร่วมกับประชาชนที่มีจิตอาสา ซึ่งเป็นวิธีการที่มุ่งช่วยเป็นหูเป็นตาแทนกันในระหว่างที่ประชาชนทำธุระที่อื่น หรือต่างถิ่น โดยเฉพาะเมื่อไม่มีคนดูแลบ้าน ซึ่งนอกจากประชาชนเพื่อนบ้านจะเป็นหลักในการช่วยเอาใจใส่ดูแลเคหสถานแล้ว ยังสามารถร้องขอทีมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เพื่อสนับสนุนการดูแลของประชาชนเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการเกิดปัญหาเหตุการณ์สร้างสถานการณ์หรือความรุนแรงขึ้น หรือการลักทรัพย์สินขึ้นบ้านในเวลากลางคืน เป็นต้น เพื่อป้องกัน คลี่คลายและแก้ไขความไม่สงบและอาชญากรรมทั่วไปด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้านตำบลของตนเอง และเพื่อการยับยั้งผู้ที่มีแนวโน้มจะกระทำการให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและอาชญากรรมทั่วไป เนื่องจากความเกรงกลัวการจับกุมของทีมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านตำบล ฉะนั้น การจัดทีมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านร่วมกับประชาชนที่มีจิตอาสาในชุมชนดังกล่าว มีหน้าที่ในการตรวจหมู่บ้านตำบลดังกล่าวโดยสม่ำเสมอต่อเนื่องจากการกำหนดพื้นที่รับผิดชอบของประชาชน โต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และผู้ใหญ่บ้าน ในการป้องกันความไม่สงบและอาชญากรรมทั่วไปด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 2) ให้มีสายตรวจของฝ่ายปกครองร่วมกับประชาชนที่มีอายุ 20 ปี ขึ้นไปดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ในตำบลเจ๊ะเห โดยจัดให้มีขึ้นในการจัดการหมุนเวียน เพื่อรับผิดชอบตรวจตราในเขตพื้นที่ของตน นอกจากการทำหน้าที่สายตรวจบ้านเรือน เคหสถาน หรือสถานที่ที่ผิดจากสภาวะปกติแล้ว สายตรวจฝ่ายปกครองร่วมกับประชาชนดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ตำบลเจ๊เห ในแต่ละวันใช้เวลาในการดูแลเป็น 3 ช่วงๆ ละ 8 ชั่วโมง ได้แก่ ช่วงเช้า ช่วงเย็น และช่วงกลางคืน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะให้อำนวยความสะดวกความเรียบร้อยแก่ประชาชนในหมู่บ้าน ตำบลเจ๊เห โดยมีเป้าหมายร่วมกันของสายตรวจของฝ่ายปกครองร่วมกับประชาชนดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ตำบลเจ๊เห ก็คือ ช่วยให้มีความปลอดภัยจากอาชญากรรมทั่วไปที่มีต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ ทำให้เกิดการส่งเสริมความสัมพันธ์ และความอบอุ่นภายในหมู่บ้าน ตำบลเจ๊เห ดังนั้น เมื่อสายตรวจของฝ่ายปกครองร่วมกับประชาชนดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ตำบลดังกล่าวได้ตรวจพบสถานการณ์ที่น่าสงสัยเกิดขึ้นในบริเวณใดจะแจ้งเหตุดังกล่าวให้กับโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน โดยไม่ชักช้า หลังจากนั้น ผู้ใหญ่บ้านจะเร่งมาถึงสถานที่เกิดเหตุพร้อมรับการให้ข้อมูลดังกล่าวของฝ่ายปกครองดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน เพื่อให้ผู้ใหญ่บ้าน ได้มีการตัดสินใจร่วมกับประชาชนในการแก้ปัญหาไปในทิศทางใดแล้ว ฝ่ายปกครองดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน จะดำเนินการตามแผนและขั้นตอนที่ได้มีการตัดสินใจของผู้นำดังกล่าวร่วมกับประชาชน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้านและตำบลดังกล่าว เป็นสำคัญ
3) ให้ประชาชนเพื่อนบ้านแจ้งเหตุไม่ปกติและภัยกันเอง อันเป็นมาตรการหนึ่งจากหลายมาตรการของการป้องกันอาชญากรรมทั่วไปด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้าน ตำบลเจ๊เห ที่อาศัยความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในหมู่บ้าน ช่วยกันสอดส่องและแจ้งเหตุไม่ปกติและภัยพฤติกรรมบุคคล และยานพาหนะที่ต้องสงสัย ไปยังประชาชน โต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน ในหมู่บ้าน ตำบลของตนเอง ด้วยวิธีการทางโทรทรัพย์ หรือไลน์ ดังนั้น ประชาชนเพื่อนบ้านจะแจ้งเหตุไม่ปกติและเตือนภัยจึงทำให้ช่วยเพิ่มความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างประชาชนกับโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และผู้ใหญ่บ้าน ในการป้องกันความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินตลอดจนชีวิตร่างกายของประชาชนในหมู่บ้าน ตำบลดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีระหว่างกัน และการดำเนินกิจกรรมที่มีเป้าหมายร่วมกัน และเพื่อป้องกันและแก้ไขอาชญากรรมทั่วไปด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้าน ตำบลเจ๊ะเห ได้
4) มีมาตรการในการจัดโครงการสร้างเสริมความปลอดภัยในหมู่บ้านตำบลดังกล่าวของตนเองให้มีความปลอดภัยในทุกๆ ด้าน ดังตัวอย่างของโครงการให้ความปลอดภัยหมู่บ้าน ซึ่งเป็นโครงการสร้างเสริมความปลอดภัยของหมู่บ้านที่กำหนดพื้นที่ความปลอดภัยจากอาชญากรรมทั่วไป และปัญหาสารเสพติด เป็นต้น โดยมีการดำเนินงานในรูปแบบของจัดตั้งจุดตรวจความไม่ปลอดภัยและเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์กระทำความผิดต่อกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นๆ เป็นต้น |
|
กิจกรรมเวทีประชุมสนทนากลุ่ม ครั้งที่ 4 และการประชุมคณะกรรมการโครงการฯ | 7 ธ.ค. 2560 | 7 ธ.ค. 2560 |
|
กิจกรรมเวทีประชุมสนทนากลุ่ม ครั้งที่ 4 และการประชุมคณะกรรมการโครงการฯ |
|
การดำเนินโครงการเรื่องการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญา : กรณีศึกษาตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นการจัดประชุมเวทีสนทนากลุ่มพร้อมกับการสัมภาษณ์ จำนวน 3 ครั้ง เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ตลอดจนการจัดประชุมเวทีนำเสนอผลการดำเนินโครงการสู่สาธารณะ อันเป็นองค์ความรู้ยุติธรรมชุมชนเบื้องต้นนำสู่ประชาชน สำหรับบทนี้ คณะผู้บริหารโครงการจะนำมาสรุปผล และแนวทางแก้ไขจากผลการดำเนินโครงการ ตามลำดับ ดังนี้ 1.ข้อคิดเห็น 1.2การมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
จากการสัมภาษณ์ด้วยการสนทนากลุ่มกับโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และประชาชนในชุมชน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ต่อการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีประเด็นดังนี้ 2)การมีส่วนร่วมของชุมชนร่วมกันหามาตรการต่อการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญา ในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
พบว่า มาตรการในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญา ในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ คือ1) เรื่องการจัดทีมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านร่วมกับประชาชนที่มีจิตอาสา2) ให้มีสายตรวจของฝ่ายปกครองร่วมกับประชาชนที่มีอายุ 20 ปี ขึ้นไปดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ในตำบล3) ให้ประชาชนเพื่อนบ้านแจ้งเหตุไม่ปกติและภัยกันเอง 4) มีมาตรการในการจัดโครงการสร้างเสริมความปลอดภัยในหมู่บ้านตำบลดังกล่าวของตนเองให้มีความปลอดภัยในทุกๆ ด้าน 3) มีวิธีในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
พบว่าวิธีในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ คือ
(1) ประชาชนมีส่วนร่วมกับโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชนและผู้ใหญ่บ้าน ติดต่อ และประสานงานกับผู้ปกครอง หรือญาติสนิท หรือผู้ที่สามารถไว้วางใจได้ เพื่อเจราจาพามามอบตัวต่อทางการอำเภอ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยมีเงื่อนไขว่าจะให้ความเป็นธรรมและความยุติธรรมทุกฝ่าย จะดำเนินการใช้กระบวนการสันติวิธีเป็นหลักด้วยการเยียวยาที่เหมาะกับผู้เสียหายทางอาญาในการแก้ไขปัญหาคดีอาญาดังกล่าวในหมู่บ้าน ตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ 4) ปัจจัยเงื่อนไขสำคัญที่ผลักดันให้ยุติธรรมชุมชนในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาเกิดความสำเร็จในสังคมตำบลเจ๊ะเห ตำบลตากใบ จังหวัดนราธิวาส พบว่าปัจจัยเงื่อนไขสำคัญที่ผลักดันให้ยุติธรรมชุมชนในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาเกิดความสำเร็จในสังคมตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สรุปได้คือ1) ปัจจัยเงื่อนไขเชิงนโยบายอาญาและทิศทางการพัฒนาระบบงานยุติธรรมแห่งอนาคต 2) ปัจจัยเงื่อนไขด้านการบริหารจัดการระบบยุติธรรมรัฐต้องให้ความสำคัญ “ยุติธรรมชุมชน” 3) ปัจจัยเงื่อนไขเกี่ยวกับสารัตถะของ “ยุติธรรมชุมชน” โดยกรอบและสารัตถะของ “ยุติธรรมชุมชน” ต้องชัดเจนและเหมาะสมกับ “ชุมชน” และ “ภูมิสังคม4) ปัจจัยเงื่อนไขเชิงคุณลักษณะของชุมชน และ 5) ปัจจัยเงื่อนไขว่าด้วยกฎหมาย สามารถใช้กฎหมายให้เกิดสัมฤทธิ์ผลในการยุติธรรมชุมชนได้ในทุก 5) การมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาตำบลเจ๊ะเห ตำบลตากใบ จังหวัดนราธิวาส
พบว่าชุมชนมีบทบาทสำคัญต่อการช่วยเหลือผู้เสียหายหรือเหยื่ออาชญากรรมในการใช้สิทธิดําเนินคดีแพ่งและคดีอาญากับผู้กระทําความผิด เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ตนเองจากการกระทําผิดกฎหมายทางอาญาได้ หรือเหยื่ออาชญากรรมที่จะฟ้องผู้กระทําผิดต่อศาล เพื่อนําผู้กระทําผิดมาลงโทษทางอาญาตามกฎหมาย อีกทั้งมีสิทธิฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทําผิดเหยื่ออาชญากรรมที่สูญเสียทรัพย์สินเนื่องจากการกระทําความผิดของผู้กระทําความผิด สิ่งเหล่านี้จะมีความสําคัญและเป็นแนวความคิดหลักที่สําคัญอยางยิ่งในการดําเนินกระบวนการยุติธรรมตามแนวทางสันติวิธีในชุมชน โดยวิธีของการดําเนินกระบวนการยุติธรรมตามแนวทางสันติวิธีที่ต้องการให้ทุกฝ่าย หรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกนเพื่อให้เกิดสันติสุขขึ้นในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส 2.ข้อเสนอแนะ หรือแนวทางแก้ไขจากผลของการดำเนินโครงการดังกล่าวต่อชุมชนและชุมชนอื่นๆ นำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญา 2.6 ชุมชนต้องมีส่วนร่วมประกอบด้วยโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน ประชาชนในชุมชน และผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ควรมีมาตรการหรือแนวทาง และสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เกิดขึ้น หรืออาจมีกระบวนการสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยมีขั้นตอน ลำดับและรูปแบบของการดำเนินงาน หรือการจัดกิจกรรมสร้างเสริมความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ยึดหลักการร่วมแรงร่วมใจกันของประชาชนเป็นพื้นฐานสำคัญ 2.7 ชุมชนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบ หรือเหตุรุนแรงในเขตพื้นที่ดังกล่าวได้ หรือสามารถคลี่คลายและหลีกเลี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้านและตำบลได้ด้วยภาวะความเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ สร้างความศรัทธา ความความร่วมมือ และความไม่ไว้วางใจของประชาชน ที่มีต่อโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง อันเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในพื้นที่ได้ เพื่อนำพาสู่สถานการณ์ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด 2.8 ประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในพื้นที่ ชุมชนต้องมีส่วนร่วมประกอบด้วยโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และผู้ใหญ่บ้าน ควรต้องปรับใช้ปัจจัยภายนอก คือการนำนโยบายของรัฐบาลที่มีต่อการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคภาคใต้ และนโยบายของหน่วยงานภาครัฐที่เปลี่ยนแปลงตามผู้บังคับบัญชา และความร่วมมือ ความศรัทธา และความไว้วางใจของประชาชน มาเป็นฐานและใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ปกครองของตนเอง เป็นต้น รวมทั้งปรับปัจจัยภายใน คือนำความรู้ความสามารถทางการศึกษา ทักษะในการปกครอง ภาวะความเป็นผู้นำในการปกครอง และความมั่นใจ ความเชื่อมั่นของตนเองและความกล้าของผู้นำดังกล่าวในการตัดสินใจในการแก้ปัญหาดังกล่าว 2.9 ชุมชนควรสร้างความไว้วางใจ ประสานงาน บูรณาการในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในพื้นที่ของตนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีประประสิทธิผลและประสิทธิภาพขึ้น |
|
กิจกรรมเวทีประชุมสนทนากลุ่ม ครั้งที่ 2 และการประชุมคณะกรรมการโครงการฯ | 15 ก.ค. 2561 | 24 ต.ค. 2560 |
|
กิจกรรมเวทีประชุมสนทนากลุ่ม ครั้งที่ 2 และการประชุมคณะกรรมการโครงการฯ |
|
เพศ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 64.7 รองลงมาคือเพศหญิง ร้อยละ 35.3 ตามลำดับ
สถานภาพ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส ร้อยละ 70.6 รองลงมาคือโสด ร้อยละ 15.7 หย่าร้าง ร้อยละ 7.8 และอื่นๆ ได้แก่ แยกกันอยู่ เป็นต้น น้อยที่สุด ร้อยละ 5.9 ตามลำดับ
ระดับความรู้ทางสามัญ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 31.4 รองลงมาคือสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป ร้อยละ 25.5 สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 23.5 และสำเร็จการศึกษาในระดับประถมศึกษา น้อยที่สุด ร้อยละ 19.9 ตามลำดับ
ระดับความรู้ทางศาสนา กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับอิสลามตอนปลาย (ซานาวีห์) ร้อยละ 43.1 รองลงมาคือสำเร็จการศึกษาในการศึกษาระดับอิสลามตอนกลาง (มุตาวะซิตห์) ร้อยละ 31.4 สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี (กุลลียะห์) ร้อยละ 11.8 สำเร็จการศึกษาในระดับอิสลามตอนต้น (อิบติดาอีห์) ร้อยละ 9.8 และสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทขึ้นไป น้อยที่สุด ร้อยละ 3.9 ตามลำดับ การมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
จากการสัมภาษณ์ด้วยการสนทนากลุ่มกับโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และประชาชนในชุมชน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ต่อการมีส่วนร่วมของชุมชนในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีประเด็นดังนี้
|
|
กิจกรรมเวทีประชุมสนทนากลุ่ม ครั้งที่ 3 และการประชุมคณะกรรมการโครงการฯ | 15 ก.ค. 2561 | 15 พ.ย. 2560 |
|
กิจกรรมเวทีประชุมสนทนากลุ่ม ครั้งที่ 3 และการประชุมคณะกรรมการโครงการฯ |
|
เพศ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 64.7 รองลงมาคือเพศหญิง ร้อยละ 35.3 ตามลำดับ
สถานภาพ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรส ร้อยละ 70.6 รองลงมาคือโสด ร้อยละ 15.7 หย่าร้าง ร้อยละ 7.8 และอื่นๆ ได้แก่ แยกกันอยู่ เป็นต้น น้อยที่สุด ร้อยละ 5.9 ตามลำดับ
ระดับความรู้ทางสามัญ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 31.4 รองลงมาคือสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไป ร้อยละ 25.5 สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ร้อยละ 23.5 และสำเร็จการศึกษาในระดับประถมศึกษา น้อยที่สุด ร้อยละ 19.9 ตามลำดับ
ระดับความรู้ทางศาสนา กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาในระดับอิสลามตอนปลาย (ซานาวีห์) ร้อยละ 43.1 รองลงมาคือสำเร็จการศึกษาในการศึกษาระดับอิสลามตอนกลาง (มุตาวะซิตห์) ร้อยละ 31.4 สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี (กุลลียะห์) ร้อยละ 11.8 สำเร็จการศึกษาในระดับอิสลามตอนต้น (อิบติดาอีห์) ร้อยละ 9.8 และสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโทขึ้นไป น้อยที่สุด ร้อยละ 3.9 ตามลำดับ 2 ปัจจัยที่ทำให้ยุติธรรมชุมชนไม่มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในหมู่บ้าน ในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส
จากการสัมภาษณ์ในการสนทนากลุ่มกับโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน ประชาชนในชุมชน รวมทั้งหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง พบว่า เนื่องด้วยพระราชบัญญัติความมั่นคง ระดับความรู้ทางการศึกษา ภาวะความเป็นผู้นำ (บางคน) การกล่าวอ้างว่าเลือกปฏิบัติในการตัดสินปัญหา และบางส่วนของประชาชนไม่ให้ความร่วมมือต่อโต๊ะอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิด ประธานชุมชน และผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่าประชาชนบางส่วนในพื้นที่ดังกล่าวมองว่า ผู้ใหญ่บ้านถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนกลางผ่านราชการส่วนภูมิภาคเป็นกลุ่มเดียวกันกับหน่วยงานของความมั่นคงของรัฐ คือเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการแก้ไขปัญหาผู้กระทำความผิดในกระบวนการยุติธรรมและการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทางอาญาในหมู่บ้าน ในตำบลเจ๊ะเห อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ส่งผลต่อการเกิดความไม่ไว้วางใจของประชาชนทั่วไปส่วนหนึ่งและประชาชนที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐ จึงทำให้ประชาชนสองกลุ่มดังกล่าวเกิดความหวาดระแวงและความไม่เข้าใจกันต่อผู้ใหญ่บ้านเอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ดังกล่าว |
|
โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนา จชต. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | 15 ก.ค. 2561 | 15 ก.ค. 2561 |
|
|
|
ได้ความรู้ทุกเรื่องที่สอนมา |
|