แบบการติดตามประเมินผลการดำเนินกิจกรรมของโครงการ (Process Evaluation)
กิจกรรม | ระยะเวลา | เป้าหมาย/วิธีการ | ผลการดำเนินงาน | ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ตามแผน | ปฏิบัติจริง | ตามแผน | ปฏิบัติจริง | ตามแผน | ปฏิบัติจริง | ||
ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 2 | 2 ต.ค. 2560 | 2 ต.ค. 2560 |
|
คณะกรรมการประชุมวางแผนการกิจกรรม
องค์ความรู้ที่นำไปบรรยาย พหุวัฒนธรรม
กิจกรรม work shop |
|
ผลการประชุม ได้ออกแบบกิจกรรม และออกแบบรูปแบบกิจกรรม เป็นลักษณะกึ่งงานวิชาการสอดแทรกตัวอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นที่ ประสานงานเครือข่ายในพื้นที่ และวิทยากรที่เกี่ยวข้อง รูปแบบดำเนินกิจกรรม เป็น work shop จัดทำเอกสารและวีดีทัศน์นำเสนอ กิจกรรมแรกจะเป็นรูปแบบเวทีปูพื้นฐานให้ความรู้ |
|
เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 1 | 4 ต.ค. 2560 | 4 ต.ค. 2560 |
|
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม |
|
ผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้ |
|
ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 3 | 10 ต.ค. 2560 | 10 ต.ค. 2560 |
|
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่ |
|
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม |
|
เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 2 | 16 ต.ค. 2560 | 16 ต.ค. 2560 |
|
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม |
|
ผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้ |
|
ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 4 | 16 ต.ค. 2560 | 19 ต.ค. 2560 |
|
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมที่สองจ จัดเวที่ |
|
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม |
|
เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 3 | 7 พ.ย. 2560 | 13 พ.ย. 2560 |
|
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม |
|
ผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้ |
|
ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 5 | 10 พ.ย. 2560 | 10 พ.ย. 2560 |
|
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรม จัดเวที่ |
|
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม |
|
เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 4 | 13 พ.ย. 2560 | 13 พ.ย. 2560 |
|
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม |
|
ผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้ |
|
ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 6 | 15 พ.ย. 2560 | 15 พ.ย. 2560 |
|
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่ |
|
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม |
|
เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 5 | 23 พ.ย. 2560 | 23 พ.ย. 2560 |
|
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม |
|
ผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้ |
|
ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 7 | 4 ธ.ค. 2560 | 4 ธ.ค. 2560 |
|
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่ |
|
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม |
|
เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 6 | 14 ธ.ค. 2560 | 14 ธ.ค. 2560 |
|
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม |
|
ผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้ |
|
ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 8 | 18 ธ.ค. 2560 | 18 ธ.ค. 2560 |
|
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่ |
|
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม |
|
จัดทำรายงานผลการดำเนินงาน | 19 ธ.ค. 2560 |
|
|
|
|
|
|
ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 1 | 14 ก.ค. 2561 | 26 ก.ย. 2560 |
|
คณะกรรมการประชุมวางแผนการดำเนินการ กิจกรรม และหารือและแต่งตั้งคณะกรรมการการรับผิดชอบโครงการฯและได้กำหนดวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าประสงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ |
|
คณะกรรมการได้รับมอบหมายงานที่ทำในการดำเนินกิจกรรมในการประชุม และสามารถดำเนินงานตามมอบหมาย |
|
การอบรมการบันทึกข้อมูล โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ใขปัญหาและพัฒนา จชต. | 14 ก.ค. 2561 | 14 ก.ค. 2561 |
|
การอบรมบันทึกข้อมูล โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ใขปัญหาและพัฒนา จชต. |
|
ได้เรียนรู้ถึงการบันทึกข้อมูล รายละเอียดกิจกรรมขององค์การภาคประชาสังคม |
|