แบบรายงานการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์
รายงานฉบับสมบูรณ์
องค์กร???
“ การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน ”
300/122 หมู่บ้านออมทอง หมู่ที่ 4 ต.รุสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี
หัวหน้าโครงการ
นางสาวสีตีคอรีเยาะยีดือเระ รองประธานเครือข่ายฯ
ชื่อโครงการ การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ที่อยู่ 300/122 หมู่บ้านออมทอง หมู่ที่ 4 ต.รุสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี จังหวัด ปัตตานี
รหัสโครงการ เลขที่ข้อตกลง
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 กันยายน 2560 ถึง 31 ธันวาคม 2560
กิตติกรรมประกาศ
"การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน จังหวัดปัตตานี" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน 300/122 หมู่บ้านออมทอง หมู่ที่ 4 ต.รุสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ องค์กร??? ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน
บทคัดย่อ
โครงการ " การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน " ดำเนินการในพื้นที่ 300/122 หมู่บ้านออมทอง หมู่ที่ 4 ต.รุสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี รหัสโครงการ ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 กันยายน 2560 - 31 ธันวาคม 2560 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 248,500.00 บาท จาก องค์กร??? เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 210 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ
บทคัดย่อ
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
วัตถุประสงค์โครงการ
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
ผลลัพธ์ที่ได้
การประเมินผล
ปัญหาและอุปสรรค
ข้อเสนอแนะ
เอกสารประกอบอื่นๆ
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส มีประชาชนที่มีวัฒนธรรม การดำเนินชีวิตที่หลากหลาย ทั้งคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ คนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามและคนไทย ที่นับถือศาสนาคริตส์ ตั้งแต่อดีตมาจะอยู่ร่วมกันในพื้นที่อย่างสุขสงบไม่ขัดแย้ง หรือหวาดกลัวซึ่งกันและกัน ไม่สนใจเรียนรู้ถึงความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายมาบังคับใช้ ไม่ทราบถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งความจริงแล้วกฎหมายมีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของประชาชนทุกคน เครือข่ายอาสาสมัครยุติธรรมทางเลือก เห็นความสำคัญ และความจำเป็นที่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างหลากหลายภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน กฎหมายที่ให้ความคุ้มครองความปลอดภัย และความยุติธรรม กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ไม่เกิดความแตกแยก ในระหว่างคนไทยพุทธ คนมุสลิม ที่มีวิถีชีวิตวัฒนธรรมต่างกันต่อไปอีกซึ่งการให้ความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายนี้ และความจำเป็นที่รัฐต้องนำกฎหมายมาบังคับใช้ เมื่อประชาชนในพื้นที่เข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญ นำไปปฏิบัติแล้ว ก็จะส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสงบสุข
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- เพื่อให้ความรู้การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมาย
- เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ มีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้ง
กิจกรรม/การดำเนินงาน
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 2
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 1
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 3
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 2
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 4
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 3
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 5
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 4
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 6
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 5
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 7
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 6
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 8
- จัดทำรายงานผลการดำเนินงาน
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 1
- การอบรมการบันทึกข้อมูล โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ใขปัญหาและพัฒนา จชต.
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์**
กิจกรรมของโครงการ ผลผลิต* ผลผลิตที่ตั้งไว้ ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง
1. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 1
วันที่ 26 กันยายน 2560กิจกรรมที่ทำ
คณะกรรมการประชุมวางแผนการดำเนินการ กิจกรรม และหารือและแต่งตั้งคณะกรรมการการรับผิดชอบโครงการฯและได้กำหนดวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าประสงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
คณะกรรมการได้รับมอบหมายงานที่ทำในการดำเนินกิจกรรมในการประชุม และสามารถดำเนินงานตามมอบหมาย
10
10
2. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 2
วันที่ 2 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำ
คณะกรรมการประชุมวางแผนการกิจกรรม
องค์ความรู้ที่นำไปบรรยาย พหุวัฒนธรรม
กิจกรรม work shop
จัดทำเอกสาร เกี่ยวกับ พหุวัฒนธรรม
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลการประชุม ได้ออกแบบกิจกรรม และออกแบบรูปแบบกิจกรรม เป็นลักษณะกึ่งงานวิชาการสอดแทรกตัวอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นที่ ประสานงานเครือข่ายในพื้นที่ และวิทยากรที่เกี่ยวข้อง รูปแบบดำเนินกิจกรรม เป็น work shop จัดทำเอกสารและวีดีทัศน์นำเสนอ กิจกรรมแรกจะเป็นรูปแบบเวทีปูพื้นฐานให้ความรู้
10
10
3. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 1
วันที่ 4 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำ
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลการดำเนินงาน
แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น
ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ)
ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต.
ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป
ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
70
70
4. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 3
วันที่ 10 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำ
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย
แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
10
10
5. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 2
วันที่ 16 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำ
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลการดำเนินงาน
แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น
ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ)
ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต.
ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป
ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
70
70
6. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 4
วันที่ 19 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำ
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมที่สองจ จัดเวที่
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย
แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
10
10
7. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 5
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำ
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรม จัดเวที่
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย
แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
10
10
8. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 3
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำ
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลการดำเนินงาน
แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น
ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ)
ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต.
ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป
ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
70
70
9. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 4
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำ
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลการดำเนินงาน
แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น
ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ)
ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต.
ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป
ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
70
70
10. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 6
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำ
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย
แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
10
10
11. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 5
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำ
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลการดำเนินงาน
แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น
ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ)
ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต.
ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป
ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
70
70
12. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 7
วันที่ 4 ธันวาคม 2560กิจกรรมที่ทำ
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย
แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
10
10
13. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 6
วันที่ 14 ธันวาคม 2560กิจกรรมที่ทำ
การดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลการดำเนินงาน
แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น
ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ)
ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต.
ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป
ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
70
70
14. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 8
วันที่ 18 ธันวาคม 2560กิจกรรมที่ทำ
คณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย
แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้
ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม
ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน
ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2
ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
10
10
15. การอบรมการบันทึกข้อมูล โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ใขปัญหาและพัฒนา จชต.
วันที่ 14 กรกฎาคม 2561กิจกรรมที่ทำ
การอบรมบันทึกข้อมูล โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ใขปัญหาและพัฒนา จชต.
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ได้เรียนรู้ถึงการบันทึกข้อมูล รายละเอียดกิจกรรมขององค์การภาคประชาสังคม
111
111
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ สถานการณ์ เป้าหมาย ผลผลิต อธิบาย
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
1. เพื่อให้ความรู้การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมาย
2. เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ มีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งบทคัดย่อ*
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค สาเหตุ ข้อเสนอแนะ
การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน จังหวัด ปัตตานี
รหัสโครงการ
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
................................
( นางสาวสีตีคอรีเยาะยีดือเระ รองประธานเครือข่ายฯ )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......
องค์กร???
“ การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน ”
300/122 หมู่บ้านออมทอง หมู่ที่ 4 ต.รุสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานีหัวหน้าโครงการ
นางสาวสีตีคอรีเยาะยีดือเระ รองประธานเครือข่ายฯ
ชื่อโครงการ การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ที่อยู่ 300/122 หมู่บ้านออมทอง หมู่ที่ 4 ต.รุสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี จังหวัด ปัตตานี
รหัสโครงการ เลขที่ข้อตกลง
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 กันยายน 2560 ถึง 31 ธันวาคม 2560
กิตติกรรมประกาศ
"การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน จังหวัดปัตตานี" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน 300/122 หมู่บ้านออมทอง หมู่ที่ 4 ต.รุสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ องค์กร??? ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน
บทคัดย่อ
โครงการ " การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน " ดำเนินการในพื้นที่ 300/122 หมู่บ้านออมทอง หมู่ที่ 4 ต.รุสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี รหัสโครงการ ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 กันยายน 2560 - 31 ธันวาคม 2560 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 248,500.00 บาท จาก องค์กร??? เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 210 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ | |
บทคัดย่อ | |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล | |
วัตถุประสงค์โครงการ | |
กิจกรรม/การดำเนินงาน | |
กลุ่มเป้าหมาย | |
ผลลัพธ์ที่ได้ | |
การประเมินผล | |
ปัญหาและอุปสรรค | |
ข้อเสนอแนะ | |
เอกสารประกอบอื่นๆ |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือจังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส มีประชาชนที่มีวัฒนธรรม การดำเนินชีวิตที่หลากหลาย ทั้งคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ คนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามและคนไทย ที่นับถือศาสนาคริตส์ ตั้งแต่อดีตมาจะอยู่ร่วมกันในพื้นที่อย่างสุขสงบไม่ขัดแย้ง หรือหวาดกลัวซึ่งกันและกัน ไม่สนใจเรียนรู้ถึงความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายมาบังคับใช้ ไม่ทราบถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งความจริงแล้วกฎหมายมีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของประชาชนทุกคน เครือข่ายอาสาสมัครยุติธรรมทางเลือก เห็นความสำคัญ และความจำเป็นที่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างหลากหลายภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน กฎหมายที่ให้ความคุ้มครองความปลอดภัย และความยุติธรรม กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ไม่เกิดความแตกแยก ในระหว่างคนไทยพุทธ คนมุสลิม ที่มีวิถีชีวิตวัฒนธรรมต่างกันต่อไปอีกซึ่งการให้ความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมายนี้ และความจำเป็นที่รัฐต้องนำกฎหมายมาบังคับใช้ เมื่อประชาชนในพื้นที่เข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญ นำไปปฏิบัติแล้ว ก็จะส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่กลับมาใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างสงบสุข
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- เพื่อให้ความรู้การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมาย
- เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ มีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้ง
กิจกรรม/การดำเนินงาน
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 2
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 1
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 3
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 2
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 4
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 3
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 5
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 4
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 6
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 5
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 7
- เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 6
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 8
- จัดทำรายงานผลการดำเนินงาน
- ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 1
- การอบรมการบันทึกข้อมูล โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ใขปัญหาและพัฒนา จชต.
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้ |
---|
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์** กิจกรรมของโครงการ | ผลผลิต* | |
---|---|---|
ผลผลิตที่ตั้งไว้ | ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง | |
1. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 1 |
||
วันที่ 26 กันยายน 2560กิจกรรมที่ทำคณะกรรมการประชุมวางแผนการดำเนินการ กิจกรรม และหารือและแต่งตั้งคณะกรรมการการรับผิดชอบโครงการฯและได้กำหนดวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าประสงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคณะกรรมการได้รับมอบหมายงานที่ทำในการดำเนินกิจกรรมในการประชุม และสามารถดำเนินงานตามมอบหมาย
|
10 | 10 |
2. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 2 |
||
วันที่ 2 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำคณะกรรมการประชุมวางแผนการกิจกรรม
องค์ความรู้ที่นำไปบรรยาย พหุวัฒนธรรม
กิจกรรม work shop ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผลการประชุม ได้ออกแบบกิจกรรม และออกแบบรูปแบบกิจกรรม เป็นลักษณะกึ่งงานวิชาการสอดแทรกตัวอย่างเกี่ยวกับวัฒนธรรมพื้นที่ ประสานงานเครือข่ายในพื้นที่ และวิทยากรที่เกี่ยวข้อง รูปแบบดำเนินกิจกรรม เป็น work shop จัดทำเอกสารและวีดีทัศน์นำเสนอ กิจกรรมแรกจะเป็นรูปแบบเวทีปูพื้นฐานให้ความรู้
|
10 | 10 |
3. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 1 |
||
วันที่ 4 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำการดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
|
70 | 70 |
4. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 3 |
||
วันที่ 10 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำคณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
|
10 | 10 |
5. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 2 |
||
วันที่ 16 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำการดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
|
70 | 70 |
6. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 4 |
||
วันที่ 19 ตุลาคม 2560กิจกรรมที่ทำคณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมที่สองจ จัดเวที่ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
|
10 | 10 |
7. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 5 |
||
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำคณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรม จัดเวที่ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
|
10 | 10 |
8. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 3 |
||
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำการดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
|
70 | 70 |
9. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 4 |
||
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำการดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
|
70 | 70 |
10. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 6 |
||
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำคณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
|
10 | 10 |
11. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 5 |
||
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560กิจกรรมที่ทำการดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
|
70 | 70 |
12. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 7 |
||
วันที่ 4 ธันวาคม 2560กิจกรรมที่ทำคณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
|
10 | 10 |
13. เวที่ยุติธรรมทางเลือกผสานฟื้นฟูวัฒนธรรม ในพื้นที่ 3 จชต. ครั้งที่ 6 |
||
วันที่ 14 ธันวาคม 2560กิจกรรมที่ทำการดำเนินกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นกรแบ่งกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม เพื่อเปิดพื้นที่ในการพุดคุยเกียวกับประเด็น พหุวัฒนธรรม ภายใต้กฏหมายเดียวกัน ส่วนช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายให้ความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นพหุวัฒนธรรม และสรุปประเด็นการนำเสนอของแต่ละกลุ่ม ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผลการดำเนินงาน แง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน (เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป รวมถึงจะได้สรุปเป็น ข้อเสนอต่อรัฐบาลในภาพรวมโครงการ) ประการที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าแนวทางสนับสนุนทุนต่อการทำงานโครงการของภาคประชาสังคมในการพัฒนาสังคมชายแดนใต้นั้น เป็นแนวทางที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่งแต่ก็มีความสำคัญในแง่ในการกระบวนการของการสนับสนุนทุน ซึ่งที่ผ่านยังมีความยืดเยื้อและไม่มีกรอบที่ชัดเจน เช่น การนิยามของการเป็นองค์กรภาคประชาสังคมนั้น ยังไม่ใช่ชัดเจนเท่าที่ควรจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะเป็นโครงการแรกที่ดำเนินงานเช่นนี้ภายใต้การสนับสนุนของ ศอบต. ประการที่สอง การดำเนินโครงการเกี่ยวกับประเด็นพัฒนาความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนใต้นั้น เป็นโครงการสำคัญมากที่ไม่ควรถูกละเลยแต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการทำความเข้าใจ ให้ความรู้เรื่องเช่นนี้ ในระดับชุมชนน้อยหรือไม่หลากหลายแง่มุมพอจนทำให้อคติการอยู่ร่วมกันยังซ่อนอยู่ในชุมชน ดังนั้นควรจะให้มีการต่อยอดสำหรับเวทีการสร้างการเรียนรู้เช่นนี้ต่อไป ประการที่สาม คุณค่า ความรู้ เกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรมนั้น ยังมีการทำงานวิจัยอยู่น้อย ทำให้แง่มุมคำว่า พหุวัฒนธรรมเลยมีแง่มุมเดียว ดังนั้นเพื่อให้ก่อเกิดองค์ความรู้และการเผยแพร่ ควรจะสนับสนุนให้เกิดงานวิจัย เรื่อง สังคมพหุวัฒนธรรมในบริบทความขัดแย้งอย่างเช่นชายแดนใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง และควรให้มีการจัดทำโดยสถาบันวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะ เช่น ศูนย์สันติศึกษา ศูนย์ทรัพยากรสันติภาพ หรือนักวิชาการด้านสังคมมนุษย์วิทยา ในพื้นที่ชายแดนใต้
|
70 | 70 |
14. ประชุมคณะกรรมการโครงการขับเคลื่อนการมีส่วยร่วมภาคประชาสังคม จชต. ครั้งที่ 8 |
||
วันที่ 18 ธันวาคม 2560กิจกรรมที่ทำคณะกรรมการประชุมสรุปกิจกรรมแรก จัดเวที่ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นข้อสรุปจากกิจกรรมแรก ลงเวที ในแง่ปริมาณผู้เข้าร่วมเกินเป้าหมายที่วางไว้ เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละกิจกรรมคือ 70 คน แต่เมื่อจัดจริงมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 70 คนเกือบทุกเวที แต่ความหลากหลายในเวทีแต่ละครั้งนั้นยังไม่สมดุลเท่าที่ควรเพราะบางเวทีก็มีคนพุทธน้อย และผู้หญิงน้อย ขณะที่บางเวทีก็มีผู้ชายน้อย แง่คุณภาพของวัตถุประสงค์คือการมีทัศนคติที่ดีต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมภายใต้กฎหมายไทย และสถานการณ์ความขัดแย้งนั้น ถือว่าถึงเป้าหมายอยู่ในระดับปานกลาง พิจารณาดังนี้ ประการที่หนึ่ง กลุ่มเป้าหมายมีความสนใจแลกเปลี่ยนพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ทางสังคมและความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า พหุวัฒนธรรม ประการที่สอง กลุ่มเป้าหมายสะท้อนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาพร้อมมีข้อเสนอระหว่างผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง ในการปรับทัศนคติต่อการอยู่ร่วมกัน ประการที่สาม กลุ่มเป้าหมายมีการชักชวนผู้เข้าร่วมคนใหม่ๆที่มีบทบาทในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม แลกเปลี่ยนในเวทีครั้งที่ 2 ประการที่สี่ กลุ่มเป้าหมายบางส่วนมีข้อเสนออยากจะนำแนวการเรียนรู้ที่ทางโครงการดำเนินไปต่อยอดในงาน ของตัวเองที่เป็นรูปธรรม
|
10 | 10 |
15. การอบรมการบันทึกข้อมูล โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ใขปัญหาและพัฒนา จชต. |
||
วันที่ 14 กรกฎาคม 2561กิจกรรมที่ทำการอบรมบันทึกข้อมูล โครงการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการแก้ใขปัญหาและพัฒนา จชต. ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้เรียนรู้ถึงการบันทึกข้อมูล รายละเอียดกิจกรรมขององค์การภาคประชาสังคม
|
111 | 111 |
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ | สถานการณ์ | เป้าหมาย | ผลผลิต | อธิบาย |
---|
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) |
---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | ||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) |
บทคัดย่อ*
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค | สาเหตุ | ข้อเสนอแนะ |
---|---|---|
การอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรมหลากหลายภายใต้กฎหมายเดียวกัน จังหวัด ปัตตานี
รหัสโครงการ
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
( นางสาวสีตีคอรีเยาะยีดือเระ รองประธานเครือข่ายฯ )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......