งานสร้างคน เพื่อ พัฒนาชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
![](/file/ekaruk-pl/profile.photo.jpg?t=1544464489)
1.ประชาชนและเยาวชนมีความรู้และเข้าใจตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
- ต้องการให้ขวัญกำลังใจแก่แกนนำในพื้นที่ ที่ร่วมปฏิบัติและสนับสนุนโครงการในการทำกิจกรรมแกจกรรม และอุทิศตัวเองเพื่อโครงการ
2.เพื่อจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ในชุมชน
- ติดตามแกนนำและการเอาใจใส่ดูแลรวมถึงการร่วมมือในการทำแหล่งเรียนรู้ในชุมชน
- ให้รางวัลในการปฏิบัติตนดีเด่นจากผู้นำแหล่งเรียนรู้ในแต่ละฐานเรียนรู้ ที่มีการปฏิบัติตนตามสาธารณะประโยชน์ และร่วมสนับสนุนกิจกรรมในโครงการทุกกิจกรรม
วันที่ 12 มกราคม 2556 เวลา 12.00 น.-15.00น.นายศุภนนท์ ผลแก้ว นายวิจา ส้มจันทร์ และคณะทำงานของโครงการ ณ.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตากแดด
เป็นการประชุมและเป็นการกำหนดในโครงการไว้แล้วในการทำกิจกรรม เริ่มจากการประชุมหารือแกนนำในการพัฒนาศักยภาพและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ นอกเหนือจากกิจกรรมที่ทำอยู่ ผุ้ที่เป็นแกนนำในท้องถิ่นในแหล่งเรียนรู้ทั้ง 9 แหล่งได้แก่ การเลี้ยงไก่ไข่(ศูนย์การเรียนรู้รพ.สต.) -โรงเพาะเห็ดฟาง(ศูนย์การเรียนรู้ รพ.สต.) - การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก(นางสุกัญญา ชุ่มชื่น) -การเลี้ยงปลาดุกในบ่อกระชัง(นายสุรพล ชนะพาล) -การเลี้ยงปลาซิวเพื่อขยายพันธ์(นายยี เสมอภาค) -การปลูกผักไร้สารพิษ(นายฉลาด ชูดวง) -การเลี้ยงกบนา(นายประพิศ ชูดวง) -การปลูกข้าวไร่(ชุมชนบ้านสวนพริก) - การนวดแผนไทย(ศูนย์การเรียนรู้รพ.สต.) -ถอดบทเรียนฐานการเรียนรู้ทั้ง 9 ฐาน - จัดทำเป็นเอกสารเพื่อเป็นคู่มือการเรียนรู้ในชุมชน มีการพัฒนา แหล่งเรียนรู้อยู่เสมอ เนื่องจากแกนนำทั้ง 9 เป็นแกนนำเข้มแข็ง เมื่อรู้ว่าตัวเองมีบทบาทในชุมชน เป็นผู้ที่พัฒนา แหล่งเรียนรุ้อยู่เสมอ นอกเหนือจากกิจกรรมที่ทำไว้แล้วในแต่ละครั้งนั้น ถือว่าแกนนำทั้ง 9 คนได้มีศักยภาพมากในการเป็นผู้นำแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น ซึ่งแต่ละคนได้มีกลยุทธิ์ในการพัฒนาดังนี้
1).การเลี้ยงกบนา นายประพิศ ชูดวง มีการออกนอกพื้นที่ และศึกษาพันธ์กบที่เหมาะกับท้องถิ่น และเวลาว่างก้เข้าหากลุ่มเดียวกันให้คำแนะนำและให้ความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ตอนนี้มีสมาชิกการเลี้ยงกบเพิ่ม จาก 5 ครัว กลายเป็น 15 ครัวเรือน และนอกชุมชน อีก 10 กว่าครัวเรือน
2).การเลี้ยงไก่ไข่ นำโดยนางผกายศรี แสงมณี มีการ เช่าตู้ฟักไข่ และนำไข่มาฟักแจกจ่ายให้สามาชิกในกลุ่ม จาก 4 ครัวเรือนในชุมชน เพิ่มขึ้นเป็น 12 ครัวเรือน และต่อยอดไปฟักใข่เป้ด ตอนนี้อยุ่ในช่วงการทดลองดดยมีผุ้เลี้ยงเป็ดมาแนะนำอยุ่เสมอ
3). การปลุกผักไร้สารพิษ นำโดยนายฉลาด ชูดวง มีการรวมกลุ่มและประย่อยนอกเหนือกิจกรรม เพื่อแนะนำให้มีการปลุกพืชท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เช่นการเข้ามาขอพันธ์พืชจากโครงการ ซึ่งทางคณะกรรมการโครงการเห็นด้วยในฏารสนับสนุนพันธ์พืชสาธิต จำนวน 50 ต้น(ต้นผักเหลียง/ผักเหมียง) ให้ไปปลูกเป็นตัวอย่าง เพื่อให้กลายเป็นพ่อพันธ์และแม่พันธ์ต่อไป รวมถึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากกลุ่มนี้ ได้แก่ การใช้น้ำหมักมาเป็นสารในการกำจัดวัชพืช
4).การเลี้ยงปลาดุกในบ่อกระชัง โดยนายสุรพล ชนะพาล เมื่อมีการขายไปในแต่ละยอด นายสุรพลเองก็ได้นำมาเลี้ยงอีก เมื่อประสบปัญหา นายสุรพลก็ไปขอรับคำแนะนำจากเกษตรจังหวัด สนับสนุน ข้อมูลโดย นายสุขสันต์ เล็กน้อย เกษตรจังหวัดพังงา และเป็นผู้นำด้านวิทยากรที่ดี ร่วมกับกิจกรรมของโครงการทุกครั้ง โดยในหมู่บ้านมีผู้สนในการเลี้ยงปลาดุกในกระชังจำนวน 5 ราย จากครั้งแรกมีแค่นายสุรพลรายเดียว
5).การเลี้ยงปลาดุกในบ่อพลาสติก นำโดยนายแดง และนางสุกัญญ ชุ่มชื่น สองสามีภรรยา ตัวอย่างในการพัฒนาชุมชน ทั้งสองนอกจากเป็นวิทยากรของโครงการแล้ว ยังแจกจ่ายพันธ์ปลาและแนะแนวทางการตลาดให้กลุ่มนี้อีกด้วย โดยได้มีผู้ร่วมในกิจกรรมนี้ 8 รายจาก เดิมก่อนเริ่มโครงการมีเพียง 1 ราย
6).การนวดแผนไทย มีการสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากองค์กรอื่นๆ ที่เห็นความสำคัยและการเริ่มต้นจากชาวบ้านในชุมชน จากนวดกันแบบดั้งเดิม ปัจจุบันมีองค์กรเข้ามาสนับสนุน ให้ทุนและจัดสร้างโรงนวด โดยใช้อสม.ในชุมชนเป็นแกนนำ มีเวรการนวดทุกวัน โดยเสนอชั่วโมงละ 300 บาท และเป็นแหล่งเรียนรู้ในการสอนนวดรุ่นต่อไป นำโดย นางผกายศรี แสงมณี และนางสุกัญญา ชุ่มชื่น
7.การเลี้ยงปลาซืว โดยนายบุญยี เสมอภาค เป็นการเลี้ยงไว้เพื่อขยายพันธ์ และปัจจุบันมีชุมชนนิกพื้นที่มาศึกษาเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงเป้นอาหารซึ่งการบริโภคปลาซิวส่วนมาจะนำไปแกงส้ม หรือการทำปลาร้า ทั้งนี้นายบุญยี ก็สนับสนุน และเป็นผุ้เพาะเลี้ยงไว้ลงสู่ธรรมชาติ จึงเหมาะแก่การยกย่องให้เป็นบุคคลสาธารณะ
การสนับสนุนและให้รางวัลกับบุคคลเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะได้รายละ 500 บาทตามกรอบของโครงการที่ระเบียบกำหนด แต่ถือว่าเป็นรางวัลที่สร้างขวัญกำลังใจในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ไปตลอด เห้นควรที่จะให้มีอย่างนี้ไปตลอดเพื่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างแกนนำและกิจกรรมของดครงการ
สรุปผลที่เกิดขึ้นในกิจกรรมครั้งนี้
- 1).แกนนำได้ขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานและอุทิสร่วมกับชุมชน
- 2).แกนนำได้เห็นบทบาทของตัวเองในสังชุมชนที่ตนเองที่มีอยู่
- 3).เป็นการสนับสนุนและพัฒนาบทบาทและแหล่งเรียนรู้ของตนเองอยุ่เสมอ
- 4).ร้อยละ 50 ของผุ้เข้าร่วมกิจกรรม ได้รับความรู้และนำไปใช้ได้ทันทีจากกิจกรรมที่มาศึกษาหมายความว่า ผู้ที่เป็นแกนนำในการเป็นวิทยากรให้ความสนใจและเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองปฏิบัติอยู่เสมอ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- การเฝ้าติดตามถึงพฤติกรรมแกนนำและแหล่งเรียนรู้จากการร่วมกิจกรรมทุกครั้ง
- การให้กำลังทางด้านปัจจัยมีผลต่อการดำเนินกิจกรรมดังนั้นไม่ควรกำหนดขอบเขตจำนวนปัจจัย เพราะผู้จัดทำโครงการได้พิจารณาความสำคัญของรางวัลหรือจำนวนปัจจัยตามความเหมาะสมทุกครั้งก่อนที่จะเสนอให้กับคณะกรรมการในโครงการ
ยินดีและเห็นควรที่จะสร้างขวัญกำลังใจของคนในชุมชน