โครงการพัฒนาศักยภาพ เยาวชนนักพัฒนา (ผลัดกันแลลูกเธอลูกฉัน)
เพื่อให้เด็กๆ เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีของคนป่าชิง
วันนี้เราได้พาน้องๆ ออกเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งเป็นวันพิเศษที่น้องๆหลายคนรอคอยเพราะได้เรียนรู้และสนุกสนานไปในตัว โดยที่เราไม่ต้องมานั่งท่องจำ พี่ๆและน้องๆ ได้ออกเรียนรู้การทำนาของคนบ้านป่าชิง นำทีมโดยพี่จอย พี่วัจน์ พี่เจมส์ พี่ทราย น้องตะใคร่ น้องต้า น้องเชียร์ น้าเก่ง ป้าพิศ น้ารัตน์ น้องฝน น้องโต น้องมีน ก่อนเราจะลงดำนา เด็กๆ ลงเล่นน้ำที่ร่องนาซึ่งเป็นของลุงภาพ ลุงภาพได้ขุดร่องนาไว้เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตร ยามที่ฝนเล้ง รวมถึงได้เลี้ยงปลา ปลูกบัว ไว้เป็นพื้นที่พักผ่อน มีกระท่อมเล็กๆ ณ ปลายนา ให้เราได้หลบความร้อนจากแดดที่แผดเผา
บ่ายแก่ๆ แดดเริ่มสงบร่มรื่นขึ้น กรูกันลงจากกระท่อม ลงนา พี่จอยก็ใช้มือแกะเชือกมันกำกล้าซึ่งเป็นยอดเหรง (ใช้มัดกล้า เพื่อไม่ให้หลุดร่วง ออกจากกำ และง่ายต่อการปักดำ) พี่จอยแบ่งกล้าให้ทุกๆคน คนละกำเล็กๆ พี่วัจน์บรรยาย สอนน้องๆ”เราหยิบต้นกล้าออกมา 4-5 ต้น แล้วแต่ว่าต้นเล็กหรือใหญ่ ใช้นิ้วชี้และหัวแม่มือบีบเอาไว้เบาๆ แล้วปักลงไปในนาให้เป็นแถว โดยเราใช้นิ้วหัวแม่มือเป็นตัวนำ เมื่อถึงโคลนแล้วเราก็ปักต้นกล้าลง แล้วดึงมือกลับมาหยิบกอใหม่ ”ระหว่างบรรยายสอนน้องๆ พี่วัจน์ก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ทุกคนตื่นเต้นกับกอข้าวที่ตัวเองดำ แล้วถามเป็นระยะว่าของตนดำสวยรึยัง เราต่างช่วยกันดำนาจนเพลิน ใครเบื่อก็ผลัดกันไปเล่นน้ำ แล้วกลับมาดำนาต่อ
ส่วนน้องเจมส์น้องทรายก็รับหน้าที่ถ่ายทำสารคดี เรื่อง"นาข้าวบ้านป่าชิง" เป็นการพัฒนาการสื่อสารต่อจากที่ได้อบรมได้เนื่อครั้งก่อน
นาที่เราดำเสร็จไป รอฝนที่จะทำให้ข้าวแตกกอ งดงาม เขียวชอุ่ม บอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของทุ่งนาบ้านเรา กับวิถีของคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ถ่ายทอดไปยังเด็กๆรุ่นหลัง ได้สืบทอดต่อไป
เด็กได้เรียนรู้และสนุกสนานไปในตัว การเรียนรู้ที่ไม่ได้มีเฉพาะในห้องเรียน แต่มาจากสิ่งรอบข้าง เกิดความเพลิดเพลิน กว่านั่งที่หน้าจอเล่นเกมส์ เพราะเขายังได้เล่นน้ำ ได้ดำนา เป็นการปฏิบัติที่สอดความสนุขสนานไปในตัว
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
เด็กและเยาวชน 11 คน ทีมทำงาน 2 คน
เด็กยังขาดพื้นที่การเรียนรู้ที่ผู้ใหญ่คอยสนับสนุนเต็มที่เพราะ ผู้ใหญ่ยังไม่ไว้วางใจให้เด็กๆได้ลงมือทำ เพราะเป็นทักษะที่สามารถติดตัวเขาไป
-
-