สานมือ รวมพลังสร้างสุขภาพบ้านหลาไม้ไผ่
เพื่อให้คนอ้วนและกลุ่มเสี่ยงมีความรู้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามหลัก 3 อ. และเรียนรู้การปลูกผักปลอดสารพิษ,วิธีล้างผักผลไม้ให้ปลอดภัย
เปิดประชุมโดยผู้ใหญ่บ้าน และมีนายกเทศมนตรีตำบลท่าแค ร่วมพบปะผู้เข้าประชุม หลังจากนั้นพิธีกร เชิญวิทยากร นางเอมอร ชะหนู นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ จาก รพ.สต.สี่แยกไสนายขัน อำเภอเขาชัยสน พูดบรรยายโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การล้างผักที่ปลอดภัย และมีเวทีทางด้านนอกลานมีกิจกรรมการขายอาหารการประมาณ 20 ร้าน
- นายกแจ้งเรื่องกิจกรรมเดือนม.ค.ปี 58 มหกรรมกวนข้าวยาโคของตำบลท่าแค วันที่ 16-18 ม.ค.58 มีกิจกรรม ดังนี้
วันที่ 16 กลุ่มของแม่บ้านท่าแค งบประมาณ 50,000 บาท
วันที่ 17 กวนข้าวยาโค งบประมาณ 250,000 บาท
วันที่ 18 กิจกรรมกองทุนหลักประกันสุขภาพ งบประมาณ 50,000 บาท
- หัวข้อหลักที่บรรยายในวันนี้คือ 1.โรคเบาหวาน 2.โรคความดันโลหิตสูง 3.การล้างผัก
2.1 โรคเบาหวาน เป็นการทำงานของตับอ่อน สาเหตุของโรคเบาหวานคุณหมอเอมอรบอกว่า บุคคลที่มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานมากที่สุดคือ บุคคลที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมคือ กินไม่เลือก อาการของโรคเบาหวาน ปัญสาวับ่อยขึ้น กระหายน้ำ และดื่มน้ำในปริมาณมากๆต่อครั้ง อ่อนเพลีย
2.2 โรคความดันโลหิตสูง
- ความหมาย > แรงดันของเลือดที่กระทำต่อผิวหนังหลอดเลือด
- อาการ > มึน งง ตาพร่ามัว
- สาเหตุ > ความอ้วน การสูบบุหรี่
โรคแทรกซ้อน โรคหัวใจ โรคไต
สุขภาพดีเริ่มที่ไหน คุณหมอเอมให้สังเกตุดูว่า คนในหมู่บ้านศาลาไม้ไผ่อยู่ในกลุ่มอะไร
เฝ้าระวังด้วย ปิงปองชีวิต 7 สี “สีขาวจะเป็นบุคคลสุขภาพดี”
สรุปเป้าหมายวันนี้ คือ จะทำอย่างไรให้คนศาลาไม้ไผ่กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น หลักการที่สามารถนำไปใช้ได้ คือ หลัก 3 อ. > 1.อาหาร 2.ออกกำลังกาย 3.อารมณ์
อันตรายของคนอ้วน คุณหมอแนะนำว่าการรับประทานอาหาร
ผู้หญิงควรกินข้าว 6 ทัพพีต่อวัน > ผู้ชายควรกินข้าว 10 ทัพพีต่อวัน
- ทำอย่างไรที่จะให้เซลลูโลสหายไปจากเรา
เคล็ดลับการกินอาหาร > เราควรเลือกกินผัก 5 สีบ้าง
3 อ ( ภารกิจพิชิตอ้วน พิชิตพุง )
1.อาหาร 2.ออกกำลังกาย 3.อารมณ์
3 ส > ส.สกัด คือ สกัดสั่งการกระตุ้นที่ทำให้หิว ส.สะกด คือ สะกดใจไม่ให้กินเกิน ตั้งสติ สติมา ปัญญาเกิด ส.สะกิด คือ สะกิดคนรอบข้างให้ช่วยกัน
3 ไม่ > ไม่กินข้าวแป้งมาก > ไม่กินหวาน > ไม่กินจุกจิก อาหารต่อจาน คือ 2:1:1 หมายความว่า ผัก 2 ส่วน, ข้าว 1 ส่วน และกับข้าว 1 ส่วน
- การล้างผัก
1.การแช่น้ำ – เริ่มด้วยการล้างผักรอบแรกให้สะอาดเสียก่อน หลังจากนั้นเด็กผักออกเป็นใบๆ แล้วนำมาแช่ในอ่างน้ำที่เตรียมไว้ประมาณ 15 นาที วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษจากฆ่ายาแมลงได้ประมาณ 7-33%
2.ล้างผักโดยให้น้ำไหลผ่าน – โดยเด็ดผักออกเป็นใบๆ นำมาใส่ในตะกร้าหรือตะแกรงโปร่ง แล้วเปิดน้ำให้แรงพอประมาณ ระหว่างล้างให้ใช้มือช่วยคลี่ใบผักและถูไปมาบนผิวใบของผักผลไม้ไปด้วยประมาณ 2 นาที วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 25-63
3.ปอกเปลือก – วิธีนี้ให้นำผักหรือผลไม้มาปอกเปลือกหรือการลอกใบผักชั้นนอกออก เช่น กะหล่ำปลี ฯลฯ โดยให้ลอกเปลือกหรือกาบด้านนอกออกทิ้งสัก 2-3 ใบ เพราะสารพิษส่วนใหญ่จะสะสมตกค้างบริเวณเปลือกด้านนอกหรือบริเวณกาบ แล้วจึงนำไปแช่ในน้ำสะอาดอีกประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 27-72%
4.ลวกผักหรือต้มผัก – ก่อนนำมาลวกให้นำผักมาล้างให้สะอาดเสียก่อน แล้วจึงนำมาลวกหรือต้ม โดยการลวกผักด้วยน้ำร้อนจะช่วยลดสารพิษได้ 50% ส่วนการต้มผักนั้นก็ช่วยลดสารพิษได้ประมาณ 50% เช่นกัน แต่การต้มผักจะมีสารพิษที่ตกค้างอยู่ในน้ำแกงได้ ดังนั้นจึงควรทิ้งน้ำที่ต้มครั้งแรกเสียก่อน แล้วจึงค่อยนำไปประกอบอาหารหรือรับประทาน (วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ดีและปลอดภัย แต่จะทำให้ผักและผลไม้เสียคุณค่าทางอาหารไปกับน้ำและความร้อน เช่น วิตามินบี1 วิตามินบี3 วิตามินซี เป็นต้น)
5.น้ำเกลือ – ให้ใช้เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับน้ำ 4 ลิตร แล้วนำผักผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 27-38% (วิธีนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เพราะลดปริมาณของสารพิษได้ไม่มาก และอาจทำให้ผักและผลไม้มีรสเค็มได้
6.น้ำซาวข้าว – ให้นำผักหรือผลไม้มาแช่ด้วยซาวข้าวประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ 29-38%
7.น้ำปูนใส (ทำมาจากปูนแดงหรือปูนขาวที่กินกับหมาก) – ให้เตรียมน้ำปูนใสอิ่มตัวที่ผสมกับน้ำเท่าตัว แล้วนำมาผักมาแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 34-52%
8.ผงปูนคลอรีน (Calcium Hypochlorite – แคลเซียมไฮโปคลอไรต์) – ให้ใช้ผงปูนคลอรีน 60% จำนวน 1/2 ช้อนชา (ความเข้มข้นของคลอรีน 50 พีพี เอ็ม) นำมาผสมกับน้ำ 20 ลิตร แล้วนำมาผักผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที วิธีนี้จะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ดีมาก
9.ด่างทับทิม (Potassium permanganate – โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต) – ให้ใช้ด่างทับทิมประมาณ 20-30 เกล็ด (ด่างทับทิมจะมีลักษณะเป็นผลึกหรือเกล็ดสีม่วง สามารถละลายน้ำได้) ที่ผสมกับน้ำ 4 ลิตร แล้วจึงนำผักมาแช่ไว้ในน้ำด่างทับทิมประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดประมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 35-43
10.น้ำส้มสายชู (Vinegar) – วิธีนี้ให้เตรียมน้ำสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้น 5% ของกรดน้ำส้ม นำมาผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 : 10 ส่วน แล้วจึงนำผักมาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกรอบหนึ่ง จะช่วยลดสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 60-84
11.เบกกิ้งโซดา หรือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) – บ้างเรียกว่า “โซดาทำขนมปัง” สามารถนำมาใช้ล้างสารพิษจากผักและผลไม้ได้ และเป็นวิธีที่นิยมกันมากด้วย ด้วยการใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 10 ลิตร แล้วนำผักหรือผลไม้มาแช่ไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษได้มากถึง 90-95% เลยทีเดียว
12.ผงฟู (Baking Powder) (เบกกิ้งโซดา + แป้ง) – ให้ใช้ผงฟู 1/2 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา 10 ลิตร แล้วนำผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้สามารถช่วยลดปริมาณของสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้มากกว่า 90% และเป็นวิธีที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตราย (เพราะผงฟูกินได้)
13.น้ำยาล้างผัก – การแช่ผักในน้ำยาล้างผักที่มีวางจำหน่ายกันอยู่ทั่วไป ให้เลือกใช้ที่มีความเข้มข้นประมาณ 0.3% ในน้ำ 4 ลิตร และนำผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 25-70
14.น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างขวดนม – การล้างผลไม้โดยใช้น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างขวดนมกับฟองน้ำถูเบาๆ จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อที่อยู่บริเวณผิวของผลไม้ได้ และการล้างไข่ก่อนทำอาหารก็สามารถใช้วิธีนี้ได้เช่นกัน โดยวิธีนี้จะช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อได้มากกว่
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ประชาชนคนอ้วน กลุ่มเสี่ยง และคณะทำงาน จำนวน 63 คน
ฝนตกหนัก มีผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครบตามเป้าหมายที่วางไว้
ไม่มี
ไม่มี