คนพรุกระแชงสุขภาพดีด้วยภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย
- เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากสมุนไพร รู้จักวิธีการที่ถูกต้องในการใช้สมุนไพรรักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น โดยเน้นการนำเอาสมุนไพรมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สมุนไพรเป็นยา อาหารและเครื่องดื่ม
กิจกรรมศึกษาดูงานในโรงพยาบาลท่าฉาง ที่ใช้แพทย์แผนไทยในการรักษา / บำบัดผู้ป่วย
- เวลา 08.00 น. ออกเดินทางจากหมู่ 1 บ้านพรุกระแชง
- เวลา 10.00 น. ลงทะเบียน ห้องประชุมโรงพยาบาลท่าฉาง
- เวลา 10.00 น. - 12.00 น. ให้ความรู้เรื่อง การใช้ประโยชน์จากสมุนไพร
- เวลา 12.00 น. - 13.00 น. พักรับประทานอาหารเที่ยง
- เวลา 13.00 น. - 14.00 น. ชม ลานตากสมุนไพร
- เวลา 14.00 น. - 15.00 น. ชม ห้องจำหน่ายยาสมุนไพร
- เวลา 15.00 น. เดินทางกลับ
กิจกรรมศึกษาดูงานในโรงพยาบาลท่าฉาง ที่ใช้แพทย์แผนไทยในการรักษา / บำบัดผู้ป่วย มีผู้เข้าร่วม จำนวน 30 คน
กิจกรรม ให้ความรู้เรื่อง การใช้ประโยชน์จากสมุนไพร โดย นางสาวอรุณรัตน์ เนืองคีบ ตำแหน่งแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลท่าฉาง เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัว และจุดประสงค์ของการมาศึกษาดูงานในครั้งนี้ ว่าด้วยโครงการคนพรุกระแชงสุขภาพดีด้วยภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก สสส สำนักงานส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพ โดยวิธีการที่สำคัญของโครงการฯ คือ การส่งเสริมให้ชุมชนมีความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย โดยวิธีการดังนี้
- เรียนรู้ : ให้ความรู้เรื่องสมุนไพรในการดูแลสุขภาพ การแปรรูปสมุนไพร และการรักษาโรคด้วยการนวดไทย อบและประคบสมุนไพร
- ส่งเสริม : ส่งเสริมการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร การปลูกสมุนไพรในครัวเรือน
- รักษา : การรักษาอาการเจ็บป่วยเกี่ยวโรคกล้ามเนื้อ ด้วยการ นวด และประคบสมุนไพร
- ปรับเปลี่ยน : การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้วยหลัก 3 อ. 2 ส. โดยยึดหลัก "กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นยา"
จากนั้น วิทยากร ก็ได้ให้ความรู้เรื่องสมุนไพรในการดูแลสุขภาพ (การใช้สมุนไพรในการรักษาโรค) โดยยกตัวอย่าง 6 กลุ่มอาการ
- กลุ่มยาแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้แก่ กานพลู โหรพา มะรุม ว่านน้ำ อบเชยเทศ
- กลุ่มยารักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน ได้แก่ ทองพันชั่ง เหงือกปลาหมอ
- กลุ่มยาขับเสมหะ แก้ไอ ได้แก่ มะขามป้อม มะแว้งเครือ
- กลุ่มยาแก้ไข้ ลดความร้อน ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร ปลาไหลเผือก แก้ไขห้าราก
- กลุ่มอาการแก้ฟกช้ำ ปวดข้อ ได้แก่ ว่านนางคำ ไพล กำลังพญาเสือโคร่ง
- กลุ่มยารักษาริสีดวงทวาร ได้แก่ เพชรสังฆาต
- กิจกรรม ชมโรงตากสมุนไพรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ในการใช้ " พืชสมุนไพร " มาทำเป็นยารักษาโรคต่างๆ นั้น แพทย์แผนโบราณใช้ " พืชสมุนไพร " นี้ได้ทั้งสดๆ และตากแห้งแล้ว ในการใช้ " พืชสมุนไพร " ขณะที่ยังสดๆ อยู่เป็นวิธีการที่สะดวกมากใช้ก็ง่ายแต่ฤทธิ์ของตัวยาที่มีอยู่ใน " พืชสมุนไพร " อาจจะไม่คงที่ ในบางครั้งการออกฤทธิ์อาจจะดี แต่บางครั้งก็ออกฤทธิ์ไม่ดีนัก " พืชสมุนไพร " ที่ใช้กันสดๆ นั้นมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน เช่น ว่านหางจระเข้ รากหญ้าคา เป็นต้น แต่การใช้ยาสมุนไพรส่วนมากนิยมาใช้แห้งเพราะจะได้คุณภาพของยาที่คงที่ โดยเลือกเก็บยาสมุนไพรที่ต้องการตามฤดูกาลเก็บของพืช แล้วนำเอามาแปรสภาพโดยผ่านขบวนการที่เหมาะสมเพื่อเก็บยาเอาไว้ได้เป็นเวลานาน ในการแปรสภาพนั้น โดยทั่วไปก็จะต้องนำส่วนที่ใช้เป็นยามาผ่านการคัดเลือก ผ่านการล้าง การตัดเป็นชิ้นที่เหมาะสมแล้วใช้ความร้อนทำให้แห้ง เพื่อสะดวกในการเก็บรักษา วิธีการแปรสภาพยาสมุนไพรนั้นแตกต่างไปตามชนิดของ " พืชสมุนไพร " ส่วนที่ใช้เป็นยาและความเคยชินของแต่ละท้องที่ วิธีการที่ใช้บ่อยและจะเอาส่วนไหนของพืชที่เป็นยามาใช้ คือ
- รากและส่วนที่อยู่ใต้ดิน : ก่อนอื่นจะต้องคัดเอาขนาดที่พอๆ กันเอาไว้ด้วยกันเพื่อจะได้สะดวกในการแปรสาพต่อไปนั่นเอง ต่อจากนั้นก็ล้างดินและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ เอารากฝอยออกไปให้หมด หากว่าเป็นพืชที่มีเนื้อแข็งแห้งได้ยากจะต้องหั่นเป็นชิ้นที่เหมาะสมก่อน ถ้าเป็นพืชที่ไม่แข็งนำมาผ่านขบวนการให้ความร้อนตามแต่ชนิดของพืชนั้นๆ พืชที่ใช้หัวและรากประกอบด้วย โปรตีน แป้ง เอนไชม์ หากผ่านความร้อนตามแบบต้มหรือนึ่งจะทำให้สะดวกในการเอาไปทำให้แห้ง หลังจากผ่านความร้อนแล้ว นำเอามาติดเป็นชิ้นๆ แล้วอบให้แห้งในอุณภูมิที่เหมาะสม
- การเก็บรักษาพืชสมุนไพร : การเก็บรักษาพืชสมุนไพรเอาไว้เป็นเวลานาน มักจะเกิดการขึ้นราหรือเกิดมีหนอน เกิดการเปลี่ยนลักษณะของสี กลิ่น ทำให้ยาสมุนไพรเสื่อมคุณภาพลงได้ ทำให้เกิดไม่ออกฤทธิ์ในการบำบัดรักษา สูญเสียฤทธิ์ของยาไปเลย ด้วยเหตุนี้เอง จะต้องมีการเก็บรักษาที่ดีเพื่อประกันคุณภาพและฤทธิ์การรักษาของสมุนไพรนั้น ในการเก็บรักษานั้นควรปฏิบัติดังนี้
- ยาที่เก็บรักษาเอาไว้จะต้องทำให้แห้ง เพื่อป้องกันการขึ้นราและการเปลี่ยนลักษณะเกิดภาวะ " ออกชิไดซ์ " ยาที่ขึ้นราง่าย จะต้องเอาออกตากแดดอยู่เสมอ
- สถานที่ ที่เก็บรักษาจะต้องแห้ง เย็น การถ่ายเทอากาศจะต้องดี
- ควรแบ่งเก็บรักษาเป็นสัดเป็นส่วน ยาที่มีพิษ ยาที่มีกลิ่นหอมควรเก็บแยกเอาไว้อย่างมิดชิด ป้องกันการสับสนปะปนกัน
- จะต้องคอยหมั่นดูแลอย่าให้มีหนอน หนู แมลงต่างๆ มารบกวนรวมทั้งระวังเรื่องความร้อน ไฟ ที่อาจจะเกิดขึ้นก็ได้
- กิจกรรม เยี่ยมชมอาคารแพทย์แผนไทยหลังใหม่และ ร้านจำหน่ายยาสมุนไพร
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
ผู้เข้าร่วม 30 คน ประกอบด้วย
- คณะทำงานโครงการฯ 10 คน
- อสม. 14 คน
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 6 คน
- หลังจากรายงานปิดบัญชีงวดที่ 1 ยังไม่ได้รับงบประมาณจาก สสส. ผู้รับผิดชอบโครงการฯ จึงได้ขอยืมเงินจากชมรม อสม.
- อยากให้ทาง สสส. ได้แจ้งกำหนด วันโอนเงิน หรือ เหตุที่ล่าช้า เพราะโครงการฯ ต้องทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
-