ซอยปลักควายเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียง
เพื่อให้คนในชุมชนเกิดความตระหนักที่จะเรียนรู้ และสามารถนำความรู้มาทำใช้เองเพื่อลดรายจ่ายภายในรัวเรือนได้
กิจกรรม เรียนรู้อยู่อย่างพอเพียง ผลิตของใช้ใกล้ตัว
วันอาทิตย์ ที่ 29 เดือน พฤศจิกายน 2558
ณ โรงอาหารโรงเรียนบ้านควนเนียงใน
………………………………….
เวลา 11.00 น. น.ส.อมรรัตน์ ธรรมรัตน์ ผู้ดำเนินโครงการได้กล่าวต้อนรับสมาชิกในชุมชนซอยปลักควายผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน และได้เชิญให้ นายพร้อม ทองเอื้อ ผู้นำชุมชน มากล่าวทักทายและเชิญชวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมให้ความสนใจและตั้งใจในการเรียนรู้ เพื่อนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ในการผลิตน้ำยาล้างจาน และสบู่ ซึ่งเป็นของใช้สิ้นเปลืองที่มีความจำเป็นต้องใช้ภายในครัวเรือนทุกๆบ้าน
ฝึกการทำสบู่สมุนไพร และ น้ำยาล้างจาน
- เวลา 11.20-12.00 นนางสาวอมรรัตน์ ได้เชิญวิทยากร ซึ่งเป็นปราชญ์ชุมชน คือ นางสาวอัมไพ ธรรมรัตน์ ปราชญ์ ทางด้านการทำสบู่สมุนไพรมาสอนวิธีการทำสบู่ และบอกถึง ประโยชน์ของการใช้สมุนไพรในท้องถิ่นมาประยุกต์การทำสบู่ น.ส.อัมไพ ธรรมรัตน์ เริ่มการสอนวิธีการทำสบู่ โดยเริ่มจากแนะนำส่วนอุปกรณ์และส่วนประกอบที่ใช้ในการทำสบู่ ดังนี้
ลำดับที่ อุปกรณ์/ส่วนประกอบ ปริมาณ/จำนวน ประโยชน์
1 กรีเซอร์รีน 1 ก.ก. ทำให้เกิดฟองและแข็งตัว
2 ฟักข้าว 1 ลูก สมุนไพร บำรุงผิวพรรณ
3 ขมิ้นชัน 200 กรัม ช่วยให้ผิวขาว แก้ผดผื่น คัน
4 น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ ทำให้ผิวนุ่ม
5 น้ำผึ้งรวง 1 ช้อนโต๊ะ ช่วยสมานแผล กระชับรูขุมขน
6 กะทะก้นลึก 1 อัน ใช้ใส่น้ำรองก้นหม้อ
7 จวัก1 อัน สำหรับกวนกรีเซอร์รีน
8 น้ำเปล่า 1 ขวด ช่วยให้ละลายกรีเซอร์รีนผ่านความร้อน
9 หม้อ 1 ใบ ใสกรีเซอร์รีนและส่วนผสมของสมุนไพรสำหรับทำสบู่
10 เครื่องปั่น 1 ใบ ปั่นสมุนไพรทั้งหมด
11 หัวน้ำหอม 10 ซีซี เพิ่มความหอมสดชื่น
วิธีการทำ / ขั้นตอนการเตรียมน้ำสมุนไพร
1. ปอกเปลือกฟักข้าว พร้อมหั้นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ และน้ำมาใส่เครื่องปั่น
หั่นขมิ้น เป็นชิ้นเล็กๆ และนำมาใสในเครื่องปั่น
เติมน้ำเปล่าลงไปในฟักข้าวเล็กน้อยพร้อมปั่นให้ละเอียด
ต้มน้ำสมุนไพรที่ปั่นแล้ว และเมื่อเดือดได้ที่ แล้วยกลงจากเตา
เทใส่แก้ว ประมาณ 100 กรัม
- ขั้นตอนการกวนสบู่สมุนไพร
หั่นกรีเซอร์รีนเป็นชิ้นเล็กๆ และนำมาใส่ในหม้อที่เตรียมไว้
ตั้งกระทะพร้อมใส่น้ำ แล้วนำหม้อที่ใส่กรีเซอร์รีนและวางในกระทะที่มีน้ำ
กวนกรีเซอร์รีนเบาๆ เปิดไฟอ่อน พร้อมคนไปทางเดียวกันประมาณ 5 นาที จนละลายเป็นน้ำเหลวๆ
เทกรีเซอร์รีนที่เตรียมไว้ 100 กรัม และกวนให้ละลายผสมกับกรีเซอร์รีนประมาณ 10 นาทีจนเป็นเนื้อเดียวกัน
ยกลงจากเตา เติมหัวน้ำหอมกลิ่นที่ชอบลงไป(หากไม่ชอบกลิ่นก็ไม่ต้องใส่ลงไป) และคนให้น้ำหอมผสมให้เข้ากับน้ำสมุนไพร
เทใส่ภาชนะ หรือบล็อค ที่เตรียมไว้ พักไว้ประมาณ 30-60 นาที รอแห้ง
เวลา 12.30-13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
เวลา 13.00-15.00 น. เข้าสู่กิจกรรมภาคปฏิบัติการสอนวิธีการทำน้ำยาล้างจาน วิทยากรโดยปราชญ์ชุมชน นางสาว สุวิมล ทองเอื้อ ซึ่ง วิทยาการได้บอกขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์และส่วนผสม วิธีการทำ และประโยชน์ ตามรายละเอียดและขั้นตอน ดังนี้
ลำดับที่ อุปกรณ์/ส่วนประกอบ ปริมาณ/จำนวน ประโยชน์
1 N70 1 กก. ทำให้เกิดฟอง
2 F24 1 กก. ขจัดคราบมัน
3 เกลือ 1 กก. ทำให้น้ำยาแข็งตัว
4 น้ำหมักมะนาว 3 กก. ชำระล้างคราบ และกลิ่นติดจาน
5 กันเสีย 10 ซีซี กันบูด เน่าเสีย
6 สีผสมอาหาร 1 ซอง แยกประเภทน้ำยา
7 ผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชา แก้พื้น และแก้คันมือ ฆ่าเชื้อราที่มือและซอกเล็บ
8 น้ำเปล่า 14 ลิตร ละลายให้น้ำยาไม่แข็งตัวเกินไป
วิธีทำ
1.กวนN70 ไปทางเดียวกัน จนเป็นเนื้อครีมสีขาวขุ่น ใช้เวลา 15 นาที
2.ใช้เกลือ 1 กก. ผสมน้ำ 3 กก. คนละลายให้เข้ากน จนได้เกลืออิ่มตัว
3.เทN70 ใส่ลงไปในถังพลาสติก 1กิโลกรัม พร้อมเติมน้ำเกลื้อลงไป
4.เติมน้ำหมัก+F24กันเสีย +สีผสมอาหาร+ผงขมิ้นชัน กวนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
5.เติมกันเสีย พร้อมน้ำเปล่าทั้งหมดลงไป
6.กวนทั้วหมดให้เข้ากัน
7.พักทั้งไว้ พร้อมปิดฝาเบา รอฟองยุบ ประมาณ 1 วัน แล้วสมารถนำมาบรรจุใส่ขวดพร้อมใช้
- สรุปผลงาน ผลผลิต
จากที่สมาชิกได้ร่วมกันทำสบู่สมุนไพร และน้ำยาเอนกประสงค์ ผลิตที่ได้ คือ
1.สบู่สมุนไพร จากฝักข้าว จำนวน ....160.......... ก้อน
2.สบู่สมุนไพร จากขมิ้นชันจำนวน .......160.......ก้อน
3.น้ำยาเอนกประสงค์จำนวน...........240........... กก.
- คนในชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจในการทำสบู่สมุนไพร และน้ำยาเอนกประสงค์ และ สามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปปฏิบัติใช้จริงในการผลิต สบู่ และ น้ำยาล้างจาน ไว้ใช้เองภายในรัวเรือน
- เป็นการลดค่าใช้จ้ายสำหรับของใช้สิ้นเปลืองในชีวิตประจำวัน ทำให้คนในชุมชน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในสภาวะเศรษฐกิจตกต้ำ และสามารถพึ่งพาตัวเองได้
- เป็นการนำวัตถุดิบที่มีอยู่แล้วภายในชุมชน มาแปรรูปเป็นของใช้ประจำวันได้ เช่นการ ทำน้ำหมักจากมะนาว และลดปัญหาขยะในชุมชนด้วยที่เกิดจากผลผลิตที่เน่าเสีย
- ทำให้คนในชุมชนมีการพูดคุย และแบ่งปันกันมากขึ้น ทำให้สังคมน่าอยู่ เนื่องจากมีการรวมกลุ่มกันทำของใช้สิ้นเปลืองในครัวเรือน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- เด็กวัยเรียน ชาย 3 คน
- เด็กวัยเรียน หญิง 11 คน
- วัยทำงาน ชาย 13 คน
- วัยทำงาน หญ่ิง 36 คน
- ผู้สูงอายุชาย 6 คน
- ผู้สูงอายุ หญิง 12 คน
-
-
-