ซอยปลักควายเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียง

อบรมการปลูกพืช ผักปลอดสารพิษ และการปลูกมะนาวในลูกท่อ8 พฤษภาคม 2559
8
พฤษภาคม 2559รายงานจากพื้นที่ โดย นางสาวอมรรัตน์ ธรรมรัตน์
circle
วัตถุประสงค์

เพื่อเป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และเป็นการให้ความรู้การปลูกพืช และผักปลอดสารพิษทั้งแบบปลูกลงดิน และในภาชนะอื่น เช่น ท่อซีเมนต์ ล้อยางรถยนต์

circle
กิจกรรมตามแผน

circle
กิจกรรมที่ปฎิบัติรายละเอียดของการทำกิจกรรมที่ได้ปฎิบัติจริง

เริ่มการทำกิจกรรม

เวลา 08.50-09.15 น. ลงทะเบียนรายชื่อสมาชิกที่มาร่วมกิจกรรม การอบรม

เวลา 09.15.15-09.20 นางสาวอมรรัตน์ ธรรมรัตน์ ผู้ดำเนิน บอกที่มาของโครงการกล่าววัตถุประสงค์ของการทำกิจกรรมในครั้งนี้ พร้อมทั้งแนะนำ วิทยากร ที่มาบรรยาย คือ นางผ่อง นวลลออ และ วิทยากรรับเชิญคือ นายอธิศพัฒน์ วรรณสุทธิ์ ปราชญ์เกษตรอินทรีย์ จากไร่อธิศพัศน์ อ.ท่าลี่ จ.เลย พร้อมทั้งเชิญ นายผ่องนวล ละออง หมอดินอาสา ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง เริ่มบรรยยายการอบรม

เวลา 09.20-12.00 น. นายผ่อง นวลละออ วิทยากร เริ่มบรรยายกการปลูกผักปลอดสารพิษ โดยเริ่มจากให้ การให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการทำการเกษตร โดยยึดหลัก “ปรัชญาเศษฐกิจพอเพียง”เน้นการพึ่งพาตนเองในทุกๆ ขั้นตอน ของการเริ่มต้นการปลูกผักปลอดสารพิษ โดยเริ่มต้นจากพื้นที่เล็กๆ รอบๆ บ้าน ถ้ามีพื้นที่เยอะๆ ค่อยๆ ขยับขยายไปพื้นที่แปลงใหญ่ ขึ้น โดย ให้หลัก แนวคิด ว่า การปลูกผักปลอดสารพิษ ยุคใหม่ คือจากการผลิตและบริโภค เพื่ออิ่มมาเป็นบริโภค เพื่อสุขภาพ และชีวิตที่ยืนยาว และเป็นสุข มองเห็นธรรมชาติที่สบายตา ผสมผสามกลมกลืนระหว่างโลกไอทีในปัจจุบันและโรคธรรมชาติ นและ มีการสร้างจิตสำนักในการรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อนมนุษย์ และส่งต่อไปสู่ทายาทได้เต็มภาคภุมิ โดยให้แนวคิดเรื่องการปลูกพืชปลอดสารพิษใช้หลักต่างๆ ดังนี้ แนวทาง ปลูกพืชแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นทางรอดไม่ใช่ทางเลือก โดยการลดต้นทุนการผลิตเพราะเรามีเศษวัสดุที่เหลือใช้จากการเกษตรจำนวนมาก ไม่ต้องไมหาซื้อจากที่อื่น เช่น มูลสัตว์ ขี้วัว ขี้ไก่ หญ้า ซังข้าว วัสดุที่เหลือจากของเหลือใช้อีกมากมาย รวมถึงเศษอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่หาง่าย ราคาถูก แล้วยังทำให้ดินดี สิ่งแวดล้อมดี ผลผลิตที่ออกมามีคุณภาพ ทั้งนี้ผลผลิตที่ออกมายังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกมาก เป้าหมายที่สำคัญ คือ การกระตุ้นให้ผู้คนได้ตระหนักถึงภัยคุกคามของสารเคมีที่มีพิษร้ายในขบวนการผลิตพืชผลทางการเกษตร

เวลา 12.00-13.00 น.พักรับประทานอาหารเที่ยง

เวลา 13.00-14.00 น. นายอธิศพัศน์ วรรณสุทธิ์ ปราชญ์เกษตรอินทรีย์ วิทยากรรับเชิญ ได้แนะนำวิธีการปลูกผักกินใบ และการปลูกมะนาวในลูกท่อ โดยแนะนำการปลูกตามประเภทของพืชและวิธีการปลูกดังนี้

1.การปลูกผักกินใบระบบเกษตรอินทรีย์ เริ่มจาก การเตรียมดิน เมื่อเราไถตากดิน 7 วัน เรียบร้อยแล้ว ให้นำเชื้อไตรโคเดอร์ม่า สำหรับฆ่าเชื้อรา รากเน่าโคนเน่า ในดิน (ขอได้จากกรมพัฒนาที่ดิน)1ลิตร+น้ำหมักที่เรามีอยู่อีก1ลิตร(ถ้าไม่มีไม่เป็นไร) ผสมน้ำ 100 ลิตร รดบงในดินที่ไถแล้ว ให้ทั่วๆ หรือจะใช้วิธีฉีดพ่นก็ได้ หลังจากนั้นเติมปุ๋ยหมักลงไปประมาณ 1 กก./พื้นที่ 1 ตร.ม.คลุกเคล้าให้ทั้วกัน แล้วจึงขึ้นแปลง ขนาดกว้าง 70 ซม.ความยาวและแต่ขนาดพื้นที่ จากนั้นใช้ฟางหรือหญ้าแห้งที่เหลือใช้ทางการเกษตรคลุมแปลงไว้ เรียกว่า “ห่มดิน” แล้วพรม น้ำให้ชื้น ๆ ทิ้งไว้ต่ออีก 7-10 วัน จึงย้ายกล้าผักลงแปลง หรือจะใช้วิธีการหว่านก็นได้ หลังจาก 7 วันไปแล้ว ให้ใช้ปุ๋ยน้ำอินทรีย์ 2 ช้อนโต๊ะ+น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นได้ทุกๆ 3-7 วัน จนถึงวันเก็บเกี่ยว ผักจะแข็งแรงไม่เกิดโรคและแมลงรบกวน - ผักกินใบ เช่น คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง เป็นต้น

  1. การปลูกผักกินผลเช่น มะนาว มะละกอ มีความจำเป็นมากในเรื่องของการปรับปรุงดินให้แข็งแรง มีธาตุอาหารที่เพียงพอ มิฉะนั้นสิ่งที่ตามมาคือ แมลงและโรคพืช เราจะไม่ใช้วิธีการแก้ไข แต่จะใช้วิธีป้องกันซึ่ง จะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และปลอดภัย ลดต้นทุนการผลิตอย่างยั่งยืน
    วิธีการปลูก ระบบเกษตรอินทรีย์ -ลงดิน และลูกในลูกท่อและในวงล้อยาง รถยนต์ ขนาดหลุมปลูก กว้าง x ยาว x ลึก หน่วยเป็น เซนติเมตร (30 x 30 x 30)แต่สำหรับการปลูกในล้อยางรถยนต์ควรวางล้อยางให้สูงประมาณ 3 ชั้น หรือ 3 เส้น เพื่อรากจะได้หากินได้สะดวกและโตแร็ว เมื่อขุดหลุมเสร็จ ให้น้ำดินที่ขุดขึ้นมาจากหลุม มาผสมกับปุ๋ยหมัก ในอัตราส่วน ดิน 4 ส่วน + ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน แล้ววผสมด้วย ปุ๋ยน้ำอินทรีย์ + เชื้อไตรโคเดอร์ม่า+น้ำอัตราส่วน 1:1:100 ผสมดิน และปุ๋ยหมัก ใส่ลงไปในหลุมเหมือนเดิม หลังจากนั้นครุมหลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง ทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน -เมื่อครบกำหนด7 วันให้ย้ายต้นกล้าลงหลุม รดน้ำให้ชุ่ม แล้ววคลุมบริเวณโคนต้นหนา ๆ ด้วยฟ้าง และหญ้า หมั่นรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อผลไม้เริ่มแตกยอด (ประมาณ 15 วัน) จึงเริ่มให้ปุ๋ยน้ำหมัก รดทุก 15 วัน ควรทำอย่างสม่ำเสมอ หรือฉีดพ่นทางใบด้วยก็ได้ -การดูแลขณะมะนาวติดดอก ควรงดปุ๋ยอย่างน้อย 7-14 วัน เมื่อผ่านช่วงการผสมเกสรติดเป็นผลเล็กๆ ควรฉีดพ่นด้วยปุ๋ยน้ำหมัก ไม่ครบกำหนด จึงเก็บเกี่ยวผลผลิต -การดูแลหลังเก็บเกี่ยว ควรมีการตัดแต่งกิ่งที่ไม่สวยงามให้โปร่งโดยเฉพาะกิ่งกระโดน(กิ่งที่ตั้ง) หลังจากตัดแต่ง ควรเติมปุ๋ยหมักบริเวฯโคนต้น และคลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งให้หนา เพื่อรักษะระดับความชื้นไว้โดยไม่ต้องพรวนดิน แต่จะใช้ปุ๋ยหมักน้ำฉีดพ่นทุก 15 วัน อัตราส่วนผสม4 ช้อนโต๊ะ+น้ำ 20 ลิตร จนติดดอกออกผลในรอบต่อไป สรุป การให้ปุ๋ยทางดินและทางใบ+กับการให้น้ำที่สม่ำเสมะ จะทำให้ผลไม้ติดดอกออกผลตลอดทั้งปี

เวลา 14.30 น.ปิดการการบรรยาย

circle
ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้

 

circle
ผลที่เกิดขึ้นจริงผลผลิต (Output) / ผลลัพธ์ (Outcome) / ผลสรุปที่สำคัญของกิจกรรม
  1. คนในชุมชนมีความรู้ในการปลูกพืชและผักปลอดสารพิษมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 60 คน มาเข้าร่วมจริง 84 คน

  2. คนในชุมชนมีความรู้ในการปลูกมะนาวในลูกท่อ

  3. เกิดการทำงานร่วมกันของคนในชมชน

  4. คนในชุมชนมีความรู้ในการทำกระถางจากล้อยางรถยนต์ และสามารถทำได้ อย่างน้อย 40 ครัวเรือน

  5. เกิดภาคีร่วมสนับสนุนกิจกรรมในชุมชนคือสหกรณ์กษตรเนียง จำกัด

circle
กิจกรรมตามแผน
circle
ประเมินความสำเร็จของการดำเนินกิจกรรม

บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)

circle
กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วม
จำนวน 84 คน จากที่ตั้งไว้ 0 คน
ประกอบด้วย

ประชาชน ชาย-หญิง จำนวน 60 คน

circle
ปัญหา/แนวทางแก้ไข

-

circle
ชื่อผู้ติดตามในพื้นที่ของ
-
circle
ข้อเสนอแนะต่อ

-

circle
ข้อเสนอแนะต่อพื้นที่

-