กระจาดสานใจเครื่องแกงกู้ภัยเศรษฐกิจบ้านนาแยกเหนือ (ต่อยอดปี 2)
เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และสาธิตการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ
1.มีการประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดทำสถานที่ผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ ขนาดกว้าง 6 x 11 เมตร บริเวณขอบลานสนามของศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีประจำตำบล ก็ได้มีกลุ่มวัยทำงานที่อาสามาช่วยกันทำคอกปุ๋ยจนสำเร็จ
2.ฝ่ายจัดเตรียมวัตถุดิบก็ไปค้นหาวัตถุดิบไกลถึงปากพนัง ได้ขี้วัวมา ไปถึง ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ขี้หมูมา สั่งซื่้อขี้เคกปาล์มมา 1 คันหกล้อ กากน้ำตาลซื้อไว้พร้อมตอนทำน้ำหมักชีวภาพแล้ว รำละเอียด พด.ต่าง ๆ ผ้าคลุมกองปุ๋ย
3.หมู่บ้านนี้โชคดี ที่มีศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีประจำตำบลอยู่ ทำให้มีปราชญ์ชาวบ้านในการทำปุ๋ยหมักหลายคน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความรู้หลายอย่าง แม้กระทั่งคำรับรองของ "กลิ่น" เนื่องจากว่าสถานที่ทำกองปุ๋ยเป็นที่สาธารณะ และติดกับถนนสายหลักของตำบลด้วย หลายคนบอกว่า กลัวจะส่งกลิ่นเหม็น แต่ทางปราชญ์ชาวบ้านบอกว่า ถ้าเอาวัตถุดิบเหล่านี้ราดน้ำเปล่าหรือน้ำธรรมดา จะส่งกลิ่นเหม็นแน่นอน แต่นี้เราราดด้วยกากน้ำตาล ราดด้วยน้ำหมักชีวภาพ รับรองไม่ส่งกลิ่นเหม็นแน่นอน ตอนนั้นผู้รับผิดชอบโครงการใจคอไม่ค่อยดีเลย กลัวว่าหากมีกลิ่นแล้วจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน และสถานที่แห่งนั้นเขาใช้จัดงานประเพณี และงานวันชาวสวน เป็นงานสำคัญของตำบลอีก กลุ่มอยู่หลายวันแต่ขี่รถแวะเวียนดูอยู่ตลอด ปรากฎว่า กลิ่นไม่มีจริง ๆ ด้วย ก็จากการพูดคุยกันยังได้รู้ว่า กากน้ำตาลหรือน้ำหมักนี้สามารถนำไปราดในหลุมส้วม หรือที่น้ำขังเช่นโรงน้ำยาง เพื่อดับกลิ่นได้อีกด้วย
4.ขั้นตอนการทำ ก็นำวัตถุดิบมาใส่เรียงชั้นในคอกที่ได้ทำไว้แล้วนั้น ก็มี ขี้วัว ขี้หมู ขุยมะพร้าว หญ้าสด เคกปาล์ม รำละเอียด สลับชั้นกันไปจนหมด ราดด้วยกากน้ำตาลและน้ำหมักชีวภาพตลอดจนชุ่ม ก็ปิดกองปุ๋ยด้วยผ้าคลุมเอาไว้ รอการมาพลิกกลับกองปุ๋ย
ผลสรุป
- เมื่อมีการประชุม ก็เหมือนเป็นการระดมความคิด ระดมความรู้ ระดมแหล่งข้อมูล เช่น ต้องการหาขี้วัว ก็ซักถามในที่ประชุมว่าใครพอจะทราบแหล่งที่เขาขายเยอะ ๆ บ้าง ก็บอกๆ กันว่าให้ไปติดต่อกับเครือข่ายของลุงประยงค์ รณรงค์ ก็ไปติดต่อนอกจากได้แหล่งวัตถุดิบขี้วัวคือ อ.ปากพนังแล้ว ยังได้กากน้ำตาล ได้ขุยมะพร้าวอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าการทำปุ๋ยหมักชีวภาพเป็นเรื่องราวที่ดีมีประโยชน์ต่อชุมชนจริง ๆ เพราะเมื่อพูดคุยกันเรื่องนี้ปรากฎว่าคุยกันยาว จนไปถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ว่าสามารถนำเรื่องปุ๋ยนี้มาใช้เพื่อบำรุงดิน ยังลดต้นทุนการผลิตอีก และเมือนำมาปลูกผักได้บริโภคผักปลอดสารพิษ ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ใช้พื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นบริเวณบ้านหรือในสวนยางพาราที่เพิ่งโค่นใหม่ ๆ
ผลผลิต
- ได้กองปุ๋ยที่สมบูรณ์แบบ แต่ประมาณการน้ำหนักไว้ที่ 2,500 กก.- 3,000 กก. x กิโลละ 5 บาท = น่าจะได้ต้นทุนที 15,000 บาท
ผลลัพธ์
- ได้มีการเตรียมการว่า เมื่อปุ๋ยเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะนำให้ครัวเรือนไปใช้เพื่อปลูกผักสวนครัว และใช้ในแปลงสาธิตการปลูกพืชผักที่จะนำมาใช้ในการบดเครื่องแกง เช่น แปลงปลูกตะไคร้ แปลงปลูกขมิ้น แปลงปลูกพริกขี้หนู
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
กลุ่มที่เข้าร่วมประกอบ กลุ่มผู้นำท้องที่ เช่นผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มสตรี กลุ่ม อสม. เด็ก เยาวชน ชาวบ้านในหมู่บ้าน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี