โครงการสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาวะระดับพื้นที่เพื่อชุมพรน่าอยู่
ประสานหน่วยงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลเพื่อนำเสนอ
มีข้อมุลการขับเคลื่อนผลลัพธ์1)การพัฒนาศักยภาพทีมทำงาน ทั้งทีมคณะทำงานคนเก่าและคนใหม่ ซึ่งการดำเนินการตามที่กล่าวในตอนต้น ทั้งการสนทนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการในทุกเดือน ทั้งแบบ Onsite และ Online รวมทั้งการสื่อสารข้อมูลความรู้ต่างๆ การเอื้ออำนวยให้เข้าร่วมพัฒนาศักยภาพที่หน่วยงาน องค์กรจัดให้มีขึ้น การจับคู่ระหว่างพี่เลี้ยงเก่า-ใหม่ ซึ่งก็มีทัศนะและทักษะการทำงานสร้างเสริมสุขภาพตามกรอบ SDH ได้ดีระดับหนึ่ง ยังคงต้องดำเนินการต่อเนื่องด้วยการเรียนรู้ท่ามกลางการปฏิบัติ น้อมนำประยุกต์ใช้ความรู้ และเชื่อมั่นในศักยภาพของความเป็นมนุษย์สามารถพัฒนาได้
2)การย่อยข้อมูลและแปรภาษาหลักการและวิชาการ เปรียบเทียบ เชื่อมโยงกับรูปธรรมการปฏิบัติ ซึ่งยังคงต้องดำเนินการเพิ่มขึ้น ละเอียดขึ้น โดยทีมทำงานที่ผ่านประสบการณ์ทำงานภาคสนามควบคู่กับวิชาการ เป็นผู้อธิบาย ขยายความ ในการสนทนา หรือการประชุมปรึกษาหารือของทีมทำงาน
(3)ข้อมูลผลลัพธ์การดำเนินงาน
การดำเนินงานของ Node Flagship Chumphon ทั้งในระดับการขับเคลื่อนประเด็นยุทธศาสตร์เกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ และประเด็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการจัดการโรคเรื้อรังแนวใหม่ ที่สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาจังหวัดชุมพร (พ.ศ.2566-2570) “ ชุมพรเมืองน่าอยู่ เศรษฐกิจดีและมีคุณค่า มุ่งสู่การพัฒนายั่งยืน” การบริหารจัดการหน่วยประสานจัดการ การติดตามสนับสนุนพื้นที่ปฏิบัติการ การประสานความร่มมือกับภาคียุทธศาสตร์ ตามที่กล่าวไว้ในตอนต้นนั้น ประเมินความก้าวหน้าในพัฒนาพร้อมขยายผลโมเดล 7 รูปแบบ อยู่ระดับ 50-60 % กับเป้าหมายที่ตั้งไว้
1) การดำเนินงานเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพระดับชุมชน/หมู่บ้าน
2) การดำเนินงานเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพระดับตำบล ( Best พื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จ)
3) การดำเนินงานเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพระดับอำเภอ/สมาพันธ์เกษตรฯ
4) การดำเนินงานเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพระดับเครือข่าย
5) การจัดการโรคเรื้อรังระดับชุมชน/หมู่บ้าน
6) การจัดการโรคเรื้อรังแนวใหม่ระดับหน่วยบริการ
7) การจัดการโรคเรื้อรังแนวใหม่ระดับตำบล
แต่ยังมีจุดอ่อนในการสื่อสารความสำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนากลไกและโครงข่ายสื่อสาร ซึ่งกำลังดำเนินการผลิตสื่อทั้งเขียนข่าว กราฟฟิค คลิบสั้น สื่อสารในช่องโซเชียลมีเดีย รวมทั้งการส่งต่อข้อมูลข่าวสารให้แก่เครือข่ายสื่อมวลชนท้องถิ่น ตามโอกาสและศักยภาพที่มี
นอกจากนี้ผลงานสำคัญ คือการประสานทรัพยากร องค์กรภาคียุทธศาสตร์และวิชาการ มาสนับสนุนการดำเนินงาน Node Flagship Chumphon วงเงิน 4.3 ล้านบาท และการเชื่อมโยงเครือข่ายและนโยบาย ทั้งในระดับเขต ระดับภาคใต้ รวมถึงระดับประเทศในประเด็นเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ(เกษตรกรรมยั่งยืน)
บทเรียนและข้อเรียนรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ อะไรเป็นข้อควรระวัง ข้อจำกัดและปัญหาอุปสรรค เงื่อนไขและปัจจัยสำคัญในการจัดการข้อมูลผลลัพธ์ทั้งในระดับโครงการย่อยและระดับประเด็นยุทธศาสตร์ ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบเก็บข้อมูล การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล การนำใช้ประโยชน์จากข้อมูลผลลัพธ์ในการสร้างการเรียนรู้กับภาคียุทธศาสตร์และการปรับปรุงการดำเนินงานของ
หน่วยจัดการ
1)การพัฒนาจัดการข้อมูลสารสนเทศ เพื่อนำใช้ประโยชน์ในพื้นที่ปฏิบัติการ พื้นที่ทางสังคม และพื้นที่นโยบาย โดยเฉพาะการสร้างการเรียนรู้กับภาคียุทธศาสตร์ ซึ่งได้ดำเนินการมาระดับหนึ่ง พร้อมกับสรุปผลในแต่ละเรื่อง แต่ละประเด็นเพื่อสื่อสารต่อสังคมและภาคียุทธศาสตร์
2)การแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง และการคำนึงถึง ประโยชน์ร่วม ของแต่ละฝ่ายที่ต้องมีอะไร อย่างไร บ้าง ? ในการประสานความร่วมมือกับภาคียุทธศาสตร์ ยังเป็นปัจจัยเงือนไขของความสำเร็จ ของความร่วมมือทั้งในปัจจุบันและอนาคต
Node Flagship Chumphon พยายามสร้างการเรียนรู้ ตอกย้ำ ปฏิบัติการของทีมทำงานและภาคียุทธศาสตร์ให้ได้ใช้บทเรียนที่สรุปไว้เมื่อปี 63 ในภารกิจที่ท้าทาย การสร้างและพัฒนาตัวแบบ-ต้นแบบ การเชื่อมโยงและสร้างความสัมพันธ์ ความร่วมมือในการขับเคลื่อนประเด็นเกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ และการจัดการโรคเรื้อรังแนวใหม่ โดยควรกระทำและสร้างความแตกต่างจากที่สังคมหรือหน่วยงานปกติเขากระทำอยู่แล้ว ประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อพื้นที่ให้มากที่สุด โดยใช้งบประมาณของ สสส.เป็นนำมันหล่อเลื่อนกระบวนการทางสังคม
(4)บทเรียนและข้อเรียนรู้อื่นๆ
1)การสร้างความรอบรู้ทางสุขภาพ (Health Literacy) หรือพลเมืองผู้รอบรู้ทางสุขภาพ ที่ทางสมาคมประชาสังคมชุมพร โดยกลไกศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพและคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดชุมพร ได้ใช้เป็นกลไกกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพของเครือข่ายต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 61 ยังคงเป็นทิศทางแนวทางที่สอดคล้องกับ ธรรมนูญสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ระบบสุขภาพที่เป็นธรรม ด้วยทิศทาง 3 ด้าน 1.การพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ/การเมือง ภาควิชาการ/วิชาชีพ และภาคประชาสังคม/เอกชน 2.การสร้างสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์ให้เอื้อต่อการมีสุขภาพดี 3.การให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในทุกกลุ่มวัยและทุกระดับ ทั้งในด้านทักษะต่าง ๆ เช่น ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (health literacy) ความรอบรู้ด้านดิจิทัล (digital literacy) ความรอบรู้ด้านสิ่งแวดล้อม (environmental literacy) และด้านการพัฒนาศักยภาพคนสู่ความเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ มีส่วนร่วมรับผิดรับชอบต่อสังคม (active citizen) มีคุณธรรม รู้คุณค่าในตัวเองและผู้อื่น เห็นแก่ส่วนรวมยอมรับในความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งยังเป็นภารกิจที่ท้าทายต้องดำเนินการ