เพื่อตรวจสอบเอกสารและจัดทำรายงานปิดโครงการ
ตรวจสอบเอกสารและจัดทำรายงานปิดโครงการ
-ตรวจสอบเอกสารและจัดทำรายงานปิดโครงการ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการและเหรัญญิก
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อสรุปกิจกรรมโครงการทั้งหมดและนำเสนอในที่ประชุมหมู่บ้านให้ประชาชนทราบและหาแนวทางการจัดกิจกรรมต่อเนื่องต่อไป
คณะกรรมการโครงการประชุมสรุปผลกิจกรรมในช่วงเช้าเพื่อนำผลสรุปกิจกรรมทั้งหมดเสนอในเวทีประชุมประจำเดือนหมู่บ้านในตอนเที่ยงถึงเย็น
ผลการการดำเนินงานโครงการของกลุ่มสิ่งประดิษฐ์และกลุ่มพืชสมุนไพรที่มีการจัดกิจกรรมการปลูกพืชและทำปุ๋ย รวมทั้งแปรรูปได้เป็นลูกประคบ การะบูนผ้าใยบัวดูดสารพิษ ขายให้กับชุมชนและรพสต.สลุย และมีการปันส่วนเป็นค่าบริหารจัดการของกลุ่มจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีรายได้ในระยะแรก 2,350 บาท จากการหักจากรายได้ร้อยละ 20 แล้วเก็บไว้ที่กรรมการกลุ่ม และกลุ่มต้องมีการประชุมอย่างต่อเนื่อง มีการเก็บรายได้นั้น และอื่น ๆ ชุมชนรับทราบทุกกิจกรรมที่ผ่านมา คนในชุมชนเข้าใจและมีการเสนอให้ขยายของกลุ่มไปยังครอบครัวของสมาชิกได้ผลดีต่อไปทางกลุ่มหาข้อมูลเพิ่มเพื่อเป็นแนวทางต่อไป เช่นเรื่องเด็กและเยาวชน ผู้ด้อยโอกาส
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่มและคณะกรรมการโครงการ คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน/ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและทหารหน่วยจิตเวชชุมชน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อติดตามผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและจัดทำรายงาน
ประชุมประชาชนในชุมชนและผู้ทีี่เกี่ยวข้อง นำผลสรุปการดำเนินโครงการแจ้งให้ที่ประชุมทราบ เตรียมดำเนินงานในปีต่อไป
ทีมงานมีการจัดทำกิจกรรมโครงการครบตามที่กำหนดตั้งแต่การจัดทำบัญชีครัวเรือนของแกนนำชุมชนที่สามารถเป็นแบบอย่างในเรื่องของการลดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือย(หวย เหล้าและบุหรี่) การเพิ่มรายได้ในการทำอาชีพเสริมด้วยการทำลูกประคบขายให้รพสต.สลุย การทำเครื่องแกงส่งขายตลาดนัด และทำดอกไม้สด/ผ้าใยบัวในกิจกรรมวันสำคัญและฝากขายตามงานจัดกิจกรรมของอำเภอ มีการออมเพิ่มขึ้น(ร่วมกับกองทุนหมู่บ้านที่มีอยู่เดิม) ร่วมกันทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะโดยเฉพาะแปลงสาธิตพื้นสมุนไพร สองฝั่งริมถนนและสวนป่าชุมชน มีกลุ่มสมุนไพรและกลุ่มสิ่งประดิษฐ์ที่มีการบริหารจัดการร่วมกันในการบริหารจัดการกลุ่ม การตลาด จัดทำกติกากลุ่มและทำงานอย่างต่อเนื่อง มีการผลจากการศึกษาดูงานมาใช้ในการทำลูกประคบเพื่อใช้และขาย การจัดทำปุ๋ยที่ใช้กับแปลงพืชผักสมุนไพร/สวนครัวในบ้านของสมาชิกกลุ่ม ซึ่งสรุปได้ว่าชุมชนนี้การส่วนร่วมกันมากขึ้นเห็นได้จากประชาชนมีการออมกันมากขึ้น(มีสมาชิกเพิ่มจำนวนและวงเงินออม)มีการนำรายได้จากการขายผลผลิตร้อยละ๒๐จำนวน ๒,๓๕๐ บาท และประชาชนได้บริโภคพืชผักสมุนไพรของตนเองพร้อมทั้งมีการแลกเปลี่ยนกันภายในชุมชนและใกล้เคียง หนี้สินครัวเรือนยังไม่ลดลงที่ชัดเจนแต่ประชาชนสนใจและมีส่วนร่วมมากขึ้น(จากการประชุมที่มีคนเข้าร่วมประชุม/กิจกรรมมากขึ้น)มีการร่วมเสนอแนวคิดในการจัดกิจกรรมโครงการในปีต่อไป ด้วยการนำกลุ่มด้อยโอกาสอื่น ๆ พร้อมทั้งเยาวชนกลุ่มเสี่ยงเข้าร่วมกิจกรรมให้มากขึ้น ด้วยการมีส่วนร่วมของหน่วยงานต่าง ๆในพื้นที่และทหาร (พื้นที่ต.สลุยติดต่อกับชายแดนพม่า)
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการ ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รองนายกอบต.สลุยและทีมงาน ทหารและประชาชนทั่วไป
ไม่มี
ไม่มี
สรุปผลกิจกรรมทั้งหมด พร้อมทั้งขอข้อเสนอแนะจากแกนนำและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาต่อเนื่องกืจกรรมที่มีภาวะเสี่ยงของชุมชน
เพื่อทราบถึงการแบ่งปันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ประชุมร่วมกันของคณะกรรมการชุมชน คณะกรรมการโครงการ และประชาชนในชุมชนเพื่อทบทวนผลการดำเนินกิจกรรมที่ผ่านมา
มีการประชุมทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะกรรมการชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อนำปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานมาปรับปรุงแก้ไข ช่วยเหลือและแบ่งปันในส่วนต่าง ๆที่ทีมงานต้องให้ความร่วมมือและขอความช่วยเหลือจากส่วนต่างๆ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในครั้งนี้ทำให้ทีมงานต้องปรับหน้าที่ในการสรุปผลการดำเนินการ การรวบรวมผลงานและรายได้ที่เกิดขึ้นทั้งที่เป็นส่วนรวมและของกลุ่ม มีการมอบหมายหน้าที่ เพื่อที่จะนำเข้าที่ประชุมในครั้งต่อไป
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่ม 7 คน และคณะกรรมการโครงการ 11 คน
คณะกรรมการหมู่บ้าน 14 คนและประชาชนทั่วไป23 คน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อทำลูกประคบสมุนไพรในแต่ละครัวเรือน
จัดทำลูกประคบสมุนไพร
สมาชิกกลุ่มทั้งหมดได้นำสมุนไพรที่ตนเองปลูกไว้และที่แปลงสาธิตนำมาจัดทำแปรรูปเป็นลูกประคบสมุนไพรโดยมีปราชญ์ชาวบ้านเป็นผู้สอนและมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข(แผนไทย)เป็นผู้ควบคุมดูแล สมาชิกสามารถนำไปทำที่กลุ่มบ้านของตนเองได้และนำส่งให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้กับผู้รับบริการที่รพสต.สลุย และเป็นรายได้เสริมกับสมาชิก
การประคบสมุนไพร
การประคบสมุนไพร คือการใช้สมุนไพรหลายอย่างมาห่อรวมกัน ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหย โดยนำมานึ่งให้ร้อนประคบบริเวณที่ปวดหรือเคล็ดขัดยอกซึ่งน้ำมันหอมระเหยเมื่อถูกความร้อน จะระเหยออกมา ความร้อนจากลูกประคบจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และยังมีสารสำคัญจากสมุนไพรบางชนิดที่ซึมเข้าทางผิวหนัง ช่วยรักษาอาการเคล็ด ขัด ยอก และลดปวดได้
ตัวยาที่นิยมใช้ทำลูกประคบ
1. ไพล (500 กรัม) แก้ปวดเมื่อยลดการอักเสบ
2. ผิวมะกรูดถ้าไม่มีใช้ใบแทนได้ (200 กรัม) มีน้ำมันหอมระเหย แก้ลมวิงเวียน
3. ตะไคร้บ้าน (100 กรัม) แต่งกลิ่น
4. ใบมะขาม (300 กรัม) แก้อาการคันตามร่างกาย ช่วยบำรุงผิว
5. ขมิ้นชัน (100 กรัม) ช่วยลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนัง
6. เกลือ (1 ช้อนโต๊ะ) ช่วยดูดความร้อนและช่วยพาตัวยาซึมผ่านผิวหนังได้สะดวกขึ้น
7. การบูร (2 ช้อนโต๊ะ) แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ
8. ใบส้มป่อย (100 กรัม) ช่วยบำรุงผิว แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน
วิธีการทำลูกประคบ
1. หั่นหัวไพล, ขมิ้นชัน. ต้นตะไคร้, ผิวมะกรูด, ตำพอหยาบ ๆ (เวลาประคบจะทำให้ระคายผิว)
2. นำใบมะขาม, ใบส้มป่อย(เฉพาะใบ)ผสมกับสมุนไพร ข้อ1 เสร็จแล้วให้ใส่เกลือ, การบูร คลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกันแต่อย่าให้แฉะเป็นน้ำ
3. แบ่งตัวยาที่เรียบร้อยแล้วใส่ผ้าดิบห่อเป็นลูกประคบประมาณลูกส้มโอ รัดด้วยเชือกให้แน่น (ลูกประคบเวลาถูกความร้อนยาสมุนไพรจะฝ่อลงให้รัดใหม่ให้แน่นเหมือนเดิม)
4. นำลูกประคบที่ได้ไปนึ่งในหม้อนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 15-20 นาที
5. นำลูกประคบที่รับความร้อนได้ที่แล้วมาประคบคนไข้ที่มีอาการต่าง ๆ โดยสับเปลี่ยนลูกประคบ
วิธีการประคบ
1. จัดท่าคนไข้ให้เหมาะสม เช่น นอนหงาย, นั่ง, นอนตะแคง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่จะทำการประคบสมุนไพร
2. นำลูกประคบที่รับความร้อนได้ที่แล้วมาประคบบริเวณที่ต้องการประคบ (การทดสอบความร้อนของลูกประคบคือแตะที่ท้องแขนหรือหลังมือ)
3. ในการวางลูกประคบบนผิวหนังคนไข้โดยตรงในช่วงแรก ๆ ต้องทำด้วยความเร็ว ไม่วางแช่นาน ๆ เพราะคนไข้จะทนความร้อนไม่ได้มาก
4. เมื่อลูกประคบคลายความร้อนลงก็สามารถเปลี่ยนลูกประคบอีกลูกหนึ่งแทน (นำลูกเดิมไปนึ่งต่อ) ทำซ้ำตาม ข้อ 2,3,4
ประโยชน์ของการประคบ
จากตัวยาสมุนไพรและความร้อน
1. บรรเทาอาการปวดเมื่อย
2. ลดอาการบวม อักเสบของกล้ามเนื้อ, เอ็น, ข้อต่อหลัง 24-48 ชั่วโมง
3. ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
4. ช่วยให้เนื้อเยื่อ, พังผืด ยึดตัวออก
5. ลดการติดขัดของข้อต่อ
6. ลดอาการปวด
7. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ข้อควรระวัง
1. ห้ามใช้ลูกประคบที่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะกับบริเวณผิวหนังอ่อน ๆ หรือบริเวณที่เคยเป็นแผลมาก่อน ถ้าต้องการใช้ควรมีผ้าขนหนูรองก่อนหรือรอจนกว่าลูกประคบจะคลายร้อนลงจากเดิม
2. ควรระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยเบาหวาน อัมพาต เด็ก และผู้สูงอายุ เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวความรู้สึกตอบสนองต่อความร้อนช้า อาจจะทำให้ผิวหนังไหม้ พองได้ง่าย ถ้าต้องการใช้ควรจะ "ใช้ลูกประคบที่อุ่น ๆ"
3. ไม่ควรใช้ลูกประคบสมุนไพรในกรณีที่มีแผล การอักเสบ (ปวด, บวม, แดง, ร้อน) ในช่วง 24 ชั่วโมง
4. หลังจากประคบสมุนไพรแล้ว ไม่ควรอาบน้ำทันทีเพราะจะไปชะล้างตัวยาออกจากผิวหนัง และอุณภูมิของร่างกายปรับเปลี่ยนไม่ทันอาจจะทำให้เป็นไข้ได้
วิธีเก็บรักษา
1. ลูกประคบสมุนไพรที่ทำในแต่ละครั้ง สามารถเก็บไว้ใช้ซ้ำได้ 3-5 วัน
2. ควรเก็บลูกประคบไว้ในตู้เย็น จะทำให้เก็บได้นานขึ้น (ควรเช็คลูกประคบด้วย ถ้ามีกลิ่นบูดหรือเหม็นเปรี้ยวไม่ควรเก็บไว้)
3. ถ้าลูกประคบแห้ง ก่อนใช้ควรพรมด้วยน้ำหรือเหล้าขาว
4. ถ้าลูกประคบที่ใช้ไม่มีสีเหลืองหรือสีเหลืองอ่อนลงแสดงว่ายาที่ใช้จืดแล้ว (คุณภาพน้อยลง) จะใช้ไม่ได้ผลควรเปลี่ยนลูกประคบใหม่
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สมาชิกกลุ่มแปรรูปสมุนไพรและชาวบ้าน จำนวน 30 คน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อทราบถึงวิธีการทำเครื่องแกง และการจัดเตรียมวัตถุดิบ
1.จัดเตรียมวัตถุดิบ และวัสดุอุปกรณ์ 2.ลงมือทำเครื่องแกง ได้แก่ เครื่องแกงกะทิ เครื่องแกงคั่ว
- จัดเตรียมวัตถุดิบและวัสดุอุปกรณ์
เครื่องแกงกะทิ ได้แก่ ตะไคร้ ข่า พริกแห้ง กระเทียม ขมิ้น กระชาย เกลือ
เครื่องแกงคั่ว ได้แก่ ตะไคร้ ข่า พริกแห้ง กระเทียม ขมิ้น กระชาย เกลือ พริกไทยดำ
2.ลงมือทำเครื่องแกง
2.1 เครื่องแกงกะทิ
วิธีการทำ - นำตะไคร้ ข่า กระเทียม ขมิ้น กระชาย มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วพักไว้ - หลังจากนั้นนำพริกแห้งล้างให้สะอาด แล้วนำวัถุดิบที่หั่นเสร็จแล้วเทลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วเติมเกลือ - นำส่วนผสมที่คลุกเคล้าเสร็จแล้วเข้าเครื่องบด จะได้เครื่องแกงที่ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ แต่ถ้าต้องการให้ละเอียดให้นำเข้าเครื่องบดเป็นรอบที่ 2
- หลังจากบดเสร็จเรียบร้อยนำมาตักใส่ถุง พร้องจำหน่าย 2.2 เครื่องแกงคั่ว - ใช้วิธีการเดียวกับเครื่องแกงกะทิ แต่ให้เพิ่มพริกไทยดำลงไป 3.ผลที่ได้คณะกรรมการ สมาชิกและชาวบ้านได้รู้จักนำสมุนไพรมาปรรูปได้ถูกวิธี เป็นอาหารครัวเรือน เพื่อลดรายจ่ายครัวเรือน และสามารถนำพืชสมุนไพรไปขายให้กับกลุ่มเครื่องแกงแม่บ้านได้
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
สมาชิกกลุ่มแปรรูปสมุนไพร
วัตถุดิบในการทำเครื่องแกงไม่เพียงพอจากการนำมาของสมาชิกจึงต้องขออนุญาตซื้อเพิ่มเติม
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อติดตามผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง
ผู้รับผิดชอบโครงการสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา แจ้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมทราบ พร้อมทั้งชี้แจงการถอดบทเรียนจากการทำกิจกรรมโครงการ เพิื่อให้ได้คุณค่าที่ดีของโครงการ
ประชาชนในชุมชนได้เรียนรู้จากการสรุปผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมาทั้งในเรื่องการจัดกลุ่มประกอบอาชีพเสริมที่มีการทำดอกไม้สด ดอกไม้ผ้าใยบัว การผูกผ้าตามงานสำคัญในชุมชน การปลูกพืชสมุนไพร การทำลูกประคบ เป็นต้น ทำให้ประชาชนเห็นความสำคัญปรับพฤติกรรมตนเองในการใช้ชีวิตประจำวันใหม่ การให้ความสำคัญกับเวทีประชุมประจำเดือน และการมีส่วนร่วมกับชุมชนมากขึ้นจากผู้นำที่เข็มแข็ง เสียสละและเป็นแบบอย่างกับชุมชน พร้อมทั้งจัดทำการประเมินคุณค่าโครงการที่นำไปสู่การต่อยอดงบประมาณในปีต่อไปด้วยการนำทีมแกนนำเยาวชนและผู้สูงอายุเป็นกลไกสำคัญในการจัดกิจกรรมที่ดี ตลอดจนจัดเป็นทีมต้นแบบของครอบครัวและชุมชนอบอุ่นต่อไป
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
แกนนำชุมชนประกอบด้วยนายกอบต.สลุย ประธานสภาฯ ผู้ทรงคุณวุฒิ ป่าไม้ และประชาชนทั่วไป
ไม่มี
ไม่มี
จัดทำรายงานพร้อมทั้งวิเคราะห์ผลการประเมินคุณค่าที่ได้ของโครงการมาจัดกิจกรรมต่อยอดในปีต่อไป
เพื่อปรับวิถีชีวิตชุมชนกิจกรรมที่เน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อจัดกิจกรรมที่เน้นการปรับวิถีชีวิตชุมชนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีในชุมชน
คณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการมีการประชุมปรับกิจกรรมให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่ฝนแล้งทำให้พืชผักในแปลงสาธิตตายลงบางส่วนเนื่องจากการขาดนำ้ จึงมีมติให้สมาชิกกลุ่มปรับวิธีการปลูกที่บ้านของสมาชิกเองเพราะมีแหล่งนำ้และสะดวกต่อการดูแลรักษาและทุกคนในครัวเรือนได้มีเวลาใกล้ชิดกันในการทำกิจกรรมร่วมกันอีกด้วย เพื่อทำให้กลุ่มสามารถเดินต่อไปได้ และมีผลผลิตอย่างต่อเนื่องของโครงการและชุมชน ในการสมาชิกกลุ่มและผู้นำชุมชนเห็นชอบด้วยและเน้นให้ทุกครัวเรือนนำไปปฏิบัติ โดยกำหนดว่าทุกครัวเรือนต้องมีพืชผักสมุนไพรที่ปลอดสารพิษอย่างน้อย ๕ชนิด และแกนนำชุมชนต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่ม 7 คน และคณะกรรมการโครงการ 11 คน
คณะกรรมการหมู่บ้าน 14 คน และชาวบ้าน 70 คน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อทราบถึงแนวทางและความรู้ที่สามารถนำมาปรับใช้ในสวนสมุนไพร
- ศึกษาดุงาน ณ โครงการอนุรักษพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดําริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร
- ศึกษาดูงาน ณ โรงพยาบาลท่าแซะ
ศึกษาดุงาน ณ โครงการอนุรักษพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดําริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร
1. พื่นที่ทั้งหมด มี 1,945 ไร่ แบ่งเป็น
1.1 สวนพฤษศาสตร์ 500 ไร่
1.2 สวนสมุนไพร 300 ไร่
1.3 โรงเรือนและอื่นๆ 1,145 ไร่
2. สวนสมุนไพรมีแปลงปักชำต้นกล้าทั้งหมด 9 โรงเรือน มีรั้วรอบขอบชิด
ตัวอย่างสมุนไพรที่ปลูก ได้แก่
2.1 เหงือกปลาหมอ ต้นควินิน แก้อักเสบ
2.2 ต้นตะขาบ ต้นกระวาน บำรุงร่างกาย
2.3 พญายอหรือเสลดพังพอน แก้พิษ
2.4 สบู่ส้ม บำรุงเลือด สบู่ดำ แก้ท้องเสีย
2.5 หนุมานถวายแหวน มาต้มกินแก้ปวดเมื่อย
2.6 ฤาษีนางครวญ
2.7 ราก 30 หรือสามร้อยห้ว บำรุงร่างกาย
2.8 ใบหูเสือ มะสัง มะแข่ง
2.9 ต้นกำจัด เป็นยาระบายท้อง มะกล่ำต้น
2.10 อบเชย
ศึกษาดูงาน ณ โรงพยาบาลท่าแซะ
1. ห้องแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลท่าแวะ
- เป็นหน่วยงานด้านการผลิตยา ได้แก่
1.1 ยาใช้ทาภายนอก
1.2 ยาใช้กิน
- วัตถุดิบรับซื้อจากกลุ่มในพื้นที่ อำเภอท่าแซะ
- ส่วนใหญ่จะผลิตยาสมุนไพรแผนโบราณ
ผลที่ได้ คณะกรรมการและสมาชิกได้เรียนรุ้ เข้าใจเรื่อพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และได้แนวคิดในการนำความรุ้ไปปรับใช้กับตนเอง ครอบครัวและกลุ่มสมุนไพรของชุมชนในการประสานวัสถุดิบและการตลาดของพืชสมุนไพร
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
สมาชิกกลุ่มพืชสมุนไพร
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อติดตามผลการดำเนินโครงการ
ประชุมสรุปผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ตั้งแต่การคัดเลือกสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มทำดอกไม้ผ้าใยบัว ดอกไม้สด การปลูกพืชผักปลอดสารพิษ การทำลูกประคบ และการศึกษาดูงานในหน่วยโรงพยาบาลท่าแซะและโครงการพระเทพฯ พร้อมทั้งการประเมินคุณค่าของโครงการ
คณะทำงานและคณะกรรมการหมู่บ้านมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้นเห็นความสำคัญของการบันทึกบัญชีครัวเรือน การทำอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้โดยมีการส่งลูกประคบขายกับประชาชนในชุมชนและรพ.สต.สลุยที่มีการบริการนวดประคบ กลุ่มมีการรับจัดดอกไม้ตามงานสำคัญๆของหมู่บ้านโดยไม่ต้องจ้างบุคคลภายนอกทำให้ประหยัดรายจ่ายครัวเรือน และมีการรับประทานพืชผักที่ปลูกเองที่ปราศจากสารพิษซึ่งเหลือขายให้กับคนในชุมชนเป็นรายได้อีกส่วนหนึ่ง ผู้บริหารชุมชนส่งเสริมและสนับสนุนเป็นอย่างดี ร่วมประชุมและให้ข้อเสนอแนะต่อทีมงานอย่างสมำ่เสมอ ความเข็มแข็งของทีมงานและประชาชนทำให้หมู่บ้านนี้ได้รับการหนุนเสริมจากนายกอบต.สลุยและหน่วยงานต่าง ๆ เช่น รพ.สต.สลุย กองทัพภาค๔และสำนักงานเกษตรอำเภอท่าแซะ และธกส.
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ คณะทำงาน คณะกรรมการหมู่บ้าน และผู้นำชุมชน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อทบทวนกิจกรรมของทุกกลุ่มในการดำรงชีวิตที่รู้จักพอประมาณ
ทบทวนกิจกรรมของทุกกลุ่มเพื่อการดำรงชีวิตที่รู้จักพอประมาณ
ทบทวนกิจกรรมของทุกกลุ่มเพื่อการดำรงชีวิตที่รู้จักพอประมาณ คณะกรรมการและสมาชิกได้รับรู้ถึงกิจกรรมที่ทำผ่านมาของทุกกลุ่ม รู้จักการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและครัวเรือน อยู่อย่างพอเพียง รู้จักใช้ รู้จักประหยัด และรู้จักใช้อย่างจำเป็น คณะกรรมการโครงการรับทำตนเองเป็นต้นแบบ
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่ม คณะกรรมการโครงการ คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อทำปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้ประโยชน์ในแปลงสมุนไพร
1.ฟังบรรยายถึงประโยชน์ของปุ๋ยอินทรีย์และการทำปุ๋ยอินทรียืไว้ใช้ในแปลงจากวิทยากรในหมู่บ้าน 2.จัดหาอุปกรณ์เพื่อที่จะทำปุ๋ยอินทรีย์ 3.ลงมือทำปุ๋ยอินทรีย์
1.ฟังบรรยายถึงประโยชน์ของปุ๋ยอินทรีย์และการทำปุ๋ยอินทรียืไว้ใช้ในแปลงจากวิทยากรในหมู่บ้าน - ปุ๋ยอินทรีย์ (Organic Fertilizer) คือ ปุ๋ยที่ได้จากอินทรีย์สารซึ่งผลิตขึ้นโดยกรรมวิธีต่างๆ และจะเป็นประโยชน์ต่อพืชก็ต้องผ่านขบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทางชีวภาพเสียก่อน มีวัตถุหลายประเภทที่สามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ - ข้อดีของปุ๋ยอินทรีย์ - ช่วยปรับปรุงดินให้ดีขึ้น โดยเฉพาะคุณสมบัติทางกายภาพของดิน เช่น ความโปร่ง ความร่วนซุย ความสามารถในการอุ้มน้ำ และการปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดิน - อยู่ในดินได้นานและค่อย ๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารพืชอย่างช้า ๆ จึงมีโอกาสสูญเสียน้อยกว่าปุ๋ยเคมี - เมื่อใส่ร่วมกับปุ๋ยเคมี จะส่งเสริมปุ๋ยเคมีให้เป็นประโยชน์แก่พืชอย่างมีประสิทธิภาพ มีธาตุอาหารรอง / เสริม อยู่เกือบครบถ้วนตามความต้องการของพืช - ส่งเสริมให้จุลชีพในดินโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงดินให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น -ข้อจำกัดของปุ๋ยอินทรีย์ - มีปริมาณธาตุอาหารพืชต่ำ - ใช้เวลานานกว่าปุ๋ยเคมี ที่จะปลดปล่อยธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ให้แก่พืช - ราคาแพงกว่าปุ๋ยเคมี เมื่อคิดเทียบในแง่ราคาต่อหน่วยน้ำหนักของธาตุอาหารพืช - หายาก พิจารณาในด้านเมื่อต้องการใช้เป็นปริมาณมาก - ถ้าใส่สารอินทรีย์มากเกินไป เมื่อเกิดการชะล้างจะทำให้เกิดการสะสมของไนเตรท ในน้ำใต้ดินซึ่งเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคได้ - การใช้สารอินทรีย์ที่สลายตัวยาก เช่น ขี้เลื่อย เมื่อใช้วัสดุคลุมดิน ถ้าใช้ขี้เลื่อยสดใส่ทับถมกันแน่น จะทำให้เกิดการหมักในสภาพไร้ออกซิเจน ทำให้อุณหภูมิสูงมาก จนเกิดสารสีดำหรือน้ำตาล ในสภาพนี้ขี้เลื่อยจะอิ่มตัวไปด้วยสารพิษซึ่งเป็นกรดอินทรีย์ชนิดระเหยง่าย มีกลิ่นฉุนมาก และเกิดไอที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้เป็นอันตรายแก่พืชหลายชนิดได้ อย่างไรก็ตาม ขี้เลื่อย เปลือกไม้สามารถนำมาใช้ได้โดยใช้ในดินที่ไม่เป็นกรดจัดเกินไป และมีปุ๋ยไนโตรเจนเพียงพอ ควรเป็นขี้เลื่อยเก่าที่ย่อยแล้ว หรือปล่อยให้ตากแดดตากฝนระยะหนึ่ง การใช้ปูนขาวควบคู่ไปด้วยในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเป็นพิษลงได้ - มูลสัตว์ที่ไม่ผ่านการหมักหรือการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนก่อนจะมีโรค แมลงศัตรูพืช และวัชพืชติดมาด้วย ทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดภายหลังได้ - ปุ๋ยอินทรีย์สลายตัวอยาก เช่น ขี้เลื่อย ซึ่งมีอัตราส่วนของคาร์บอนต่อไนโตรเจนสูง เมื่อใส่ในดินปลูกพืชจุลินทรีย์จะแย่งไนโตรเจนในดินไปใช้ในขบวนการย่อย มีผลทำให้พืชขาดไนโตรเจนชั่วคราว ถ้าไม่มีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนพืชจะขาดจนกว่าจุลินทรีย์เหล่านี้จะมีกิจกรรมลดลง จึงจะได้ไนโตรเจนกลับคืนสู่ดิน - ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลสัตว์และวัสดุเหลือทิ้งจากโรงงาน ส่งกลิ่นเหม็นไม่เป็นที่จูงใจผู้ใช้และสกปรก - การใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากของเหลือทิ้งจากท่อระบายน้ำโสโครก ตามอาคารบ้านเรือนก่อให้เกิดการปนเปื้อนของโลหะหนักหลายชนิดที่เป็นพิษ เช่น ตะกั่ว ปรอท - การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ยังสลายตัวไม่เต็มที่หรือยังอยู่ระหว่างการย่อยสลายจะทำให้เกิดความร้อน จากการย่อยสลาย เป็นอันตรายต่อรากพืช เช่น การใช้มูลสด ๆ ใส่ใกล้โคนปลูกพืช และการใช้มูลที่มีทั้งอุจจาระและปัสสาวะสัตว์ปน โดยไม่มีการเจือจาง จะทำให้ต้นพืชเหี่ยวเฉาได้เนื่องจากความเค็มของกรดในน้ำปัสสาวะ 2.จัดหาอุปกรณ์เพื่อที่จะทำปุ๋ยอินทรีย์ - อุปกรณ์ในการทำ 1. มูลสัตว์ ได้แก่ ขี้หมู , ขี้วัว 2. กากกาแฟ , กากปาล์ม , รำข้าวละเอียด 3. กากน้ำตาล 4. ปุ๋ยยูเรีย 5. พลั่ว 6. พลาสติกหรือผ้าใบ 3.ลงมือทำปุ๋ยอินทรีย์ - วิธีการทำ 1. หมักปุ๋ยโดยการใช้มูลสัตว์ตากแห้ง (ขี้หมู , ขี้วัว)และกากกาแฟ , กากปาล์ม ,และรำข้าวละเอียดมาผสมกับปุ๋ยยุเรีย แล้วใช้พลั่วเคล้าให้เข้ากัน 2. หลักจากคลุกเคล้าเสร็จเรียบร้อยให้นำกากน้ำตาลมาผสมให้เข้ากัน ขณะผสมให้เติมน้ำเพื่อเพิ่มความชื้น 3. ปริมาณความชื้นดังกล่าววัดได้โดยการนำมูลสัตว์ที่ผสมเรียบร้อยแล้ว นำมากำด้วยมือถ้าปล่อยมือออกมูลสัตว์ยังคงรุปได้แสดงว่าปุ๋ยมีความชื้นพอเหมาะ แต่ถ้ากำแล้วปล่อยก้อนมูลสัตว์ออกเป็นก้อนๆแสดงว่าปริมาณน้ำยังไม่พอ ให้เติมน้ำอีก 4. หลังจากที่ผสมคลุกเคล้าแล้วให้พลาสติกหรือผ้าใบมาคลุมเพื่อป้องกันฝนและไม่ให้ความชื้นระเหยออก 5. หลังจากนั้น 3 วันให้ทำการกลับกองปุ๋ยครั้งที่ 1 และถัดจากนั้น 3 วันนับไปอีก 7 วัน กลับกองปุ๋ยเป็นครั้งที่ 2 และครั้งต่อไปทุกๆ 7 วันจนกว่ากองปุ๋ยไม่มีความร้อน มีสีดำและร่วนซุย ได้ปุ๋ยทั้งหมด 700กิโลกรัม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สมาชิกกลุ่มสมุนไพรแปรรูปสมุนไพรและแปรรูปปุ๋ยอินทรีย์
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อปรับการดำเนินการของแต่ละกลุ่ม
จัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อปรับการดำเนินการของแต่ละกลุ่ม และทบทวนการออม
คณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการมีการทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของประชาชนในการได้รับความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การประหยัดและการออม การเป็นกลุ่มสมาชิกที่มีการทำดอกไม้จากผ้าใยบัว การทำดอกไม้สดเพื่อใช้ในกิจกรรมของชุมชนไม่ต้องจ้างบุคคลจากภายนอกมาจัดถือว่าเป็นการประหยัดรายจ่ายส่วนหนึ่ง มีการปลูกพืชผักสมุนไพรปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือนและไว้ทำลูกประคบสำหรับการดูแลสุขภาพ การเตรียมวัสดุอุปกรณ์การทำปุ๋ย มอบหมายผู้รับผิดชอบในการรวบรวมรายงานพร้อมทั้งการรับ-จ่ายเงินของกลุ่มเพื่อจัดทำเป้นเงินออมของกลุ่ม มีการติดต่อประสานการตลาดเพื่อจำหน่ายลูกประคบและพืชสมุนไพร และปรับแผนการดำเนินการของแต่ละกลุ่มต่อไป
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการและสมาชิกกลุ่ม
ไม่มี
ขอใช้งบประมาณในกิจกรรมที่เหลือจากหมวดอื่นๆ เพื่อเป็นค่าอาหารเนื่องจากประชุมทั้งวันและไม่ได้กำหนดไว้
ไม่มี
เพื่อปรับแผนการปฏิบัติและข้อกำหนดการลดสิ่งฟุ่มเฟือย การออม และสร้างรายได้เสริม
ปรับแผนการปฏิบัติและข้อกำหนดการลดสิ่งฟุ่มเฟือย การออม และสร้างรายได้เสริม
- ในการปรับแผนการปฎิบัติกลุ่มของเรานั้น มีการลดสิ่งฟุ่มเฟือยและการออม มีรายได้เกิดขึ้นจริง ซึ่งมีชาวบ้านครูและนักเรียนเข้าร่วมด้วย
- จากการประชุมในจำนวน 50 คน มีผู้สมัครใจเข้าร่วมทำบัญชีครัวเรือน 30 ครัวเรือน
- การทำบัญชีครีวเรือนยังไม่สมบูรณ์ทั้งหมดแต่มี 3 ครัวเรือนที่มีการบันทึกที่สมบูรณ์โดยให้เด็กนักเรียนเป็นแกนนำในการนำร่อง ทำบัญชีครัวเรือนต้นแบบ
- จากผลสรุปเงินออม เดือน ส.ค. - ต.ค. ดังนี้
4.1) เด็กหญิงสุดารัตน์ ขาวมรดก 3 เดือน
เงินที่ได้รับ 4,010 บาท ค่าขนม 560 บาท ค่าน้ำดื่ม 440 บาท ค่าอาหาร 790 บาท ค่าอุปกรณ์การเรียน 405 บาท รวมทั้งหมด 2,195 บาท เหลือเก็บ 1,815 บาท 4.2) นางสาวอุไรวรรณ ฐานะกาญจน์ 3 เดือน
เงินที่ได้รับ 2,390 บาท ค่าขนม 135 บาท ค่าน้ำดื่ม 275 บาท ค่าอาหาร 535 บาท ค่าอุปกรณ์การเรียน 660 บาท ค่าเสื้อผ้า 350 บาท
รวมทั้งหมด 1,955 บาท เหลือเก็บ 435 บาท 4.3) นางสาวสุพาภรณ์ ขุนดำ 3 เดือน เงินที่ได้รับ 1,820 บาท ค่าขนม 115 บาท ค่าอาหาร 660 บาท ค่าน้ำดื่ม 75 บาท ค่าอุปกรณ์การเรียน 245 บาท รวมทั้งหมด 1,095 บาท เหลือเก็บ 725 บาท
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่ม คณะกรรมการโครงการ คณะกรรมการหมู่บ้าน และเยาวชน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อทำน้ำสมุนไพรใช้ในการรักษาและดื่มเพื่อสุขภาพ
1.ศึกษาข้อมูลการทำน้ำกระเจี๊ยบ 2.จัดเตรียมอุปกรณ์ 3.ลงมือทำน้ำกระเจี๊ยบ
1.ศึกษาข้อมูลการทำน้ำกระเจี๊ยบ - กระเจี๊ยบแดง (อังกฤษ: Roselle) ภาคเหนือ เรียก ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง เงี้ยว แม่ฮ่องสอนเรียก ส้มปู จังหวัดตาก เรียก ส้มตะแลงเครง ภาคกลาง เรียก กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยวเป็นพืชสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 3–6 ศอก ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบเรียบ บางทีก็มีรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกเป็นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงก็จะเจริญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็นสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดเอาไว้ภายใน - การขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดปลูก ควรปลูกในหน้าฝน พรวนดินก่อนปลูก ขุดหลุมปลูกหลุมละ 2-3 เมล็ด ระยะห่างของหลุมประมาณ ½-1 เมตร พอต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นที่อ่อนแอกว่าออกไปเอาต้นที่แข็งแรงไว้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดวัชพืชออกให้หมด การใช้ประโยชน์ - กระเจี๊ยบแดงสามารถนำไปทำเป็นเครื่องดื่มแก้กระหายได้ นอกจากนี้น้ำกระเจี๊ยบสามารถใช้ทดสอบสารอาหารที่มีโปรตีนได้ โดยอัตราส่วน 1:2 ซึ่งสีแดงของน้ำกระเจี๊ยบจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือสีอื่น ชาวแอฟริกาตะวันออกนำทั้งใบและผลไปต้มดื่มแก้อาการไอ ชาวอียิปต์ใช้กลีบเลี้ยงสีแดงต้มน้ำดื่มแก้ความดันโลหิตสูง ชาวมอญและพม่านิยมนำผลและใบกระเจี๊ยบไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง ใบนำไปยำ หั่นใส่ข้าวยำหรือกินแนมกับอาหารรสจัด ต้ม แกงส้ม ผัดและจิ้มน้ำพริก สรรพคุณ - น้ำต้มจากดอกกระเจี๊ยบพบว่าใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้ดี เป็นยาลดความดันโลหิตสูงได้ และช่วยลดการอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ป่วยที่ผ่าตัดนิ่วในไตได้ดี 2.จัดเตรียมอุปกรณ์ อุปกรณ์ - กระเจี๊ยบสดหรือแห้ง - น้ำตาลทราย - เกลือ - น้ำเปล่า - หม้อ - เตาถ่าน - ผ้าขาวบาง - กะละมัง 3. ลงมือทำน้ำกระเจี๊ยบ - นำกระเจี๊ยบไปล้างน้ำให้สะอาด - นำหม้อใส่น้ำตั้งไฟแล้วใส่กระเจี๊ยบลงไป - เคี่ยวประมาณ 30-40 นาทีหรือรอจนกระเจี๊ยบเปื่อย แล้วยกลงจากเตา สีของน้ำที่ต้มจะเป็นสีแดงสด - นำน้ำกระเจี๊ยบในหม้อ มากรองด้วยผ้าขาวบาง 2 ชั้น ใส่ในกะละมังเพื่อเอากากออก - ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย แล้วเติมเกลื่อป่นเล็กน้อย - ชิมรสชาติให้หวานนำ เมื่อใส่แก้วพร้อมกับน้ำแข็งจะกลมกล่อมพอดี
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
สมาชิกกลุ่มสมุนไพร
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อทราบถึงสรรพคุณของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด วิธีการปลูกบำรุงรักษาแปลงและการใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม
1) ความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด
2) วิธีการปลูกการบำรุงรักษาแปลง
3) การใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม
1) ความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด
1.1) ฟ้าทะลายโจร
จัดเป็นพืชล้มลุกที่มีความสูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร หรือประมาณ 1-2 ศอก ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม แตกกิ่งมาก ทุกส่วนของต้นมีรสขม กิ่งเป็นใบสีเหลี่ยม ลักษณะเป็นใบเดี่ยว แผ่นใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ลักษณะของใบรียาว ปลายใบแหลม ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและตามซอกใบ ดอกมีขนาดเล็กสีขาว มีดอกย่อย กลีบดอกมีสีขาวโคนกลีบติดกัน ปลายแยกเป็น 2 ปาก ปากบนมี 3 กลีบ (มีเส้นสีม่วงแดงพาดอยู่) ส่วนปากล่างมี 2 กลีบ ผลฟ้าทะลายโจร ลักษณะเป็นฝัก ฝักจะคล้ายกับฝักต้อยติ่ง (หรือเป๊าะเป๊ะ) ฝักอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่ฝักจะเป็นสีน้ำตาล และแตกได้ ภายในฝักมีเมล็ดจำนวนมาก สีน้ำตาลอ่อน
- สรรพคุณ
ฟ้าทะลายโจรช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย รวมไปถึงช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวในร่างกายให้จับกินเชื้อโรคได้ดียิ่งขึ้น มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งใบใช้เป็นยาขมช่วยทำเจริญอาหาร ช่วยป้องกันและแก้อาการหวัด คัดจมูก แก้อาการปวดหัวตัวร้อน อาการปวดหัวแบบไม่มีสาเหตุ ระงับอาการอักเสบ แก้อาการเจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบแก้อาการติดเชื้อ ระงับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่เป็นเสาหตุทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน เป็นบิด รักษากระเพาะลำไส้อักเสบ ช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยเร่งให้ตับสร้างน้ำดี
1.2) มะรุม
จัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทย มีประโยชน์อเนกประสงค์ ทั้งทางด้านอาหาร ยาและอุตสาหกรรม เป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ทนแล้ง ปลูกง่ายในเขตร้อน อาจจะเติบโตมีความสูงถึง 4 เมตรและออกดอกภายในปีแรกที่ปลูก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชนิดที่แตกใบย่อย 3 ชั้น ยาว 20 - 40 ซม. ออกเรียงแบบสลับ ใบย่อยยาว 1 - 3 ซม. รูปไข่ ปลายใบและฐานใบมน ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่าและมีขนเล็กน้อยขณะที่ใบยังอ่อน ใบมีรสหวานมัน ออกดอกในฤดูหนาว บางพันธุ์ออกดอกหลายครั้งในรอบปี ดอกเป็นดอกช่อ สีขาว กลีบเรียง มี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 กลีบแยกกัน ดอกมีรสขม หวาน มันเล็กน้อย ผลเป็นฝักยาว เปลือกสีเขียวมีส่วนคอดและส่วนมน เป็นระยะ ๆ ตามยาวของฝัก ฝักยาว 20 - 50 ซม. ฝักมีรสหวาน เมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยม มีปีกบางหุ้ม 3 ปีก เส้นผ่าศูนย์กลางของเมล็ดประมาณ 1 ซม.
- สรรพคุณ
(ใบ) ใช้ถอนพิษไข้ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ แก้แผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับปัสสาวะ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต
(ยอดอ่อน) ใช้ถอนพิษไข้
(ดอก) ใช้แก้ไข้หัวลม เป็นยาบำรุง ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันมะเร็ง
(ฝัก) แก้ไข้ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต
(เมล็ด) เมล็ดปรุงเป็นยาแก้ไข้ แก้บวม แก้ปวดตามข้อ ป้องกันมะเร็ง
(ราก) รสเผ็ด หวาน ขม สรรพคุณ แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ รักษาโรคหัวใจ รักษาโรคไขข้อ (rheumatism)
(เปลือกลำต้น) รสร้อน สรรพคุณขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อน ๆ แก้ลมอัมพาต ป้องกันมะเร็ง คุมกำเนิด เคี้ยวกินช่วยย่อยอาหาร
(ยาง gum) ฆ่าเชื้อไทฟอยด์ ซิฟิลิส (syphilis) แก้ปวดฟัน (earache, asthma)
1.3) ชุมเห็ดเทศ
เป็นพรรณไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นมีความสูง 2-3 เมตร ก้านใบนั้นยาว ในก้านหนึ่งนั้นจะมีใบแตกออกเป็น 2 ทาง มีลักษณะคล้ายใบมะยม แต่จะโตและยาวกว่าประมาณ 10-12 ซม. และกว้างประมาณ 3-6 ซม.
- สรรพคุณ
(ใบสด) รักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน ฝีและแผลพุพอง
(ดอก) ใบสดหรือแห้ง - เป็นยาระบาย ยาถ่าย ถ่ายพยาธิลำไส้
(เมล็ด) ขับพยาธิ เป็นยาระบายอ่อน
1.4) ว่านหางจระเข้
เป็นต้นพืชที่มีเนื้ออิ่มอวบ จัดอยู่ในตระกูลลิเลี่ยม (Lilium) แหล่งกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา พันธุ์ของว่านหางจระเข้มีมากมายกว่า 300 ชนิด ซึ่งมีทั้งพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่มากจนไปถึงพันธุ์ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตร ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายกับเข็ม เนื้อหนา และเนื้อในมีน้ำเมือกเหนียว ว่านหางจระเข้ผลิดอกในช่วงฤดูหนาว ดอกจะมีสีต่างๆกัน เช่น เหลือง ขาว และแดง เป็นต้น
- สรรพคุณ
(ใบ) - รสเย็น ตำผสมสุรา พอกฝี
(ทั้งต้น) - รสเย็น ดองสุราดื่มขับน้ำคาวปลา
(ราก) - รสขม รับประทานถ่ายโรคหนองใน แก้มุตกิด
(ยางในใบ) - เป็นยาระบาย
(น้ำวุ้นจากใบ) - ล้างด้วยน้ำสะอาด ฝานบางๆ รักษาแผลสดภายนอก น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ทำให้แผลเป็นจางลง ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกันและรักษาอาการไหม้จากแสงแดด ทาผิวรักษาสิวฝ้า และขจัดรอยแผลเป็น
(เนื้อวุ้น) - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร
(เหง้า) - ต้มรับประทานแก้หนองใน โรคมุตกิด
1.5) บัวบก
เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในแถบเอเชีย ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาแผลให้หายได้เร็วขึ้นและยังช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้ดี เพราะมีกรดมาเดคาสสิก กรดอะเซียติก และสารอะเซียติโคไซด์ ยาแผนปัจจุบันทำเป็นรูปครีมผงโรยแผล ยาเม็ดรับประทาน เพื่อใช้รักษาแผลสดและแผลผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นแผลไฟไหม้ หรือแผลฝีหนองหรือแผลสด โดยใช้ใบและต้นสดตำละเอียดคั้นน้ำทานวันละ 3 - 4 ครั้ง หรืออาจใช้กากพอกบริเวณแผลด้วยก็ดี ในศรีลังกาใส่ในข้าวต้ม โดยต้มข้าวกับน้ำซุปผักจนสุกนุ่ม ใส่กะทิ ปรุงรสด้วยเกลือ ยกลงแล้วจึงใส่ใบบัวบก ในไทยใช้เป็นผักแนม กินกับผัดไทย ผัดหมี่ หมี่กะทิ ขนมจีน ลาบ ทำยำใบบัวบก หรือคั้นทำน้ำใบบัวบก ทางภาคใต้ใส่ในแกงพริกหมู
- สรรพคุณ
(ใบ) - มีสาร Asiaticoside ทำยาทาแก้แผลโรคเรื้อน
(ทั้งต้นสด)
- เป็นยำบำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า
- รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือมีการชอกช้ำจากการกระแทก แก้พิษงูกัด
- ปวดศีรษะข้างเดียว
- ขับปัสสาวะ
- แก้เจ็บคอ
- เป็นยาห้ามเลือด ส่าแผลสด แก้โรคผิวหนัง
- ลดความดัน แก้ช้ำใน
(เมล็ด) - แก้บิด แก้ไข้ ปวดศีรษะ
2) วิธีการปลูกการบำรุงรักษาแปลง
2.1) ฟ้าทะลายโจร
- ใช้กิ่งปักชำได้แต่เพาะเมล็ดง่ายกว่า เวลางอกเป็นต้นจะขึ้นพร้อมเพรียงกันสวยงาม เมล็ดเก็บจากจากฝักแก่สีน้ำตาลเข้ม เปลือกหุ้มแข็ง ก่อนหว่านควรกระตุ้นการงอกโดยนำเมล็ดไปแช่น้ำธรรมดาสัก 2 คืนหรือแช่น้ำร้อน 80-100 องศาเซลเซียส ประมาณ 5-10 นาที
- โดยทั่วไปปลูกโดยไม่ต้องทำแปลง ยกเว้นพื้นที่ค่อยข้างลุ่มก็อาจทำแปลงยกร่องกว้าง 1-2 เมตร ไถพรวนดิน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักพอประมาณไม่ต้องมาก ถ้าดินร่วนซุยอุดมสมบูรณ์อยู่แล้วก็แทบไม่จำเป็น หากมีเมล็ดมากพอและพื้นที่กว้าง ใช้วิธีหว่านเมล็ดโดยผสมกับทรายหยาบ เพื่อช่วยให้หว่านง่ายขึ้น หว่านให้หนาสักหน่อยถ้าหว่านบางเกินไปฟ้าทะลายโจรจะขึ้นสู้หญ้าไม่ได้ แต่หนาเกินไปก็สิ้นเปลืองเมล็ด
2.2) มะรุม
- สภาพพื้นที่ปลูกเจริญเติบโตได้ดีกับดินทุกชนิด โดยเฉพาะดินร่วนปนทราย ทนแล้งได้ดี และไม่ชอบพื้นที่ที่น้้าท่วมขัง การให้น้้า เนื่องจากมะรุมเป็นพืชทนแล้งได้ดี และออกดอกออกฝักตามฤดูกาล การให้น้้า ถ้าเป็นระยะแรกของการปลูก หรือปลูกในฤดูฝนจะไม่มีปัญหาเรื่องการให้น้้า แต่ในฤดูแล้งควรมีการให้น้้าเช้าและเย็น หรือใช้ระบบน้้าหยด จะท้าให้ฝักมีขนาดที่โตและยาวมากขึ้น
2.3) ชุมเห็ดเทศ
- สามารถขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่ชอบดินร่วนซุย ชอบน้ำและแสงแดด เจริญเติบโตเร็ว การปลูกโดยทั่วไปมักปลูก โดยใช้เมล็ด สามารถทำได้ 2 วิธี คือ หยอดลงหลุม หรือเพาะชำเมล็ดเป็นต้นกล้าก่อน จึงย้ายลงหลุม เมื่อพืชอายุได้ 3 เดือนขึ้นไป ควรพรวนดินเข้าโคน และทำให้เป็นร่องโดยรอบรัศมีทรงพุ่ม เพื่อใช้สำหรับเก็บขังน้ำ และแนวใส่ปุ๋ย
2.4) ว่านหางจระเข้
- ถ้าต้นว่านหางจระเข้มีลำต้นยาวมาก ควรตัดลำต้นให้สั้นลงให้เหลือลำตันเพียง 2 - 3 นิ้ว ลำต้นที่ ถูกตัดนี้จะงอกรากใหม่อย่างรวดเร็ว การลงดินอย่าลงลึกไปหรือตื้นไป คืออย่าลึกจนเวลาลดน้ำดินไปกลบยอดได้ หรืออย่าตื้นจนต้นโยกเยกเวลารดน้ำ
2.5) บัวบก
- ระบบรากของต้นบัวบกลึกประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร บัวบกชอบดินที่มีความชุ่มชื้นสูงมากและชอบร่มเงา ต้นจะเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ด้วยการแตกไหล ต้นบัวบกสามารถปลูกได้ตลอดปี มีอายุเก็บเกี่ยว 1-2 เดือน นิยมปักชำด้วยต้นอ่อนๆ ที่งอกจากไหลจะแพร่ขยายได้รวดเร็ว หลังจากต้นตั้งตัวได้แล้วให้ใส่ปุ๋ยยูเรีย สามารถปลูกได้ในกระถางและภาชนะอื่นๆ
3) การใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม
3.1) ฟ้าทะลายโจร
- ใส่ปุ๋ยคอกจะเร่งให้ต้นยอดและกอใหญ่ขึ้น ฟ้าทะลายโจรปลูกครั้งเดียวก็พอ ในปีต่อๆ ไปก็จะเกิดขึ้นเอง ไม่ต้องปลูกอีก
3.2) มะรุม
- การใส่ปุ๋ย ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก โดยใส่รอบๆโคนต้น หลังจากนั้นพรวนดินกลบ
3.3) ชุมเห็ดเทศ
- ควรให้ปุ๋ย 2 ระยะ คือ ระยะแรก อายุ 1-2 เดือน ใส่ปุ๋ยเดือนละ 1 ครั้ง ระยะที่สอง อายุ 3 เดือนขึ้นไป ทุกๆ 3 เดือน และลดการให้ปุ๋ยในช่วงเดือน ธ.ค.-ก.พ. เพราะเข้าฤดูหนาว และจะใส่ครั้งต่อไป เมื่อทำการตัดแต่งกิ่ง เสร็จเรียบ ร้อยแล้ว
3.4) ว่านหางจรเข้
- การใส่ปุ๋ยให้กับว่านหางจรเข้ ให้ใส่ปุ๋ยปีละ 1 - 2 ครั้ง
3.5) บัวบก
- ครั้งแรกใส่ปุ๋ยหลังจากปลูก 15 - 20 วัน ทุกครั้งที่มีการใส่ปุ๋ยเสร็จแล้วจะต้องรดน้ำให้ชุ่ม สำหรับอัตราการใส่ปุ๋ยทุกครั้งจะดูการเจริญเติบโต ความอุดมสมบูรณ์ของดินและความสมบูรณ์ของต้นบัวบกด้วย จึงจะทำให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการ สมาชิกกลุ่มและชาวบ้าน 53 คน วิทยากรแพทย์แผนไทยจาก รพ.สต.สลุย 2 คน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อวิเคาระห์ผลการทำบัญชีครัวเรือนและการจัดทำข้อกำหนดชุมชน
1.วิเคราะห์ผลของการจัดทำบัญชีครัวเรือน 2.จัดทำข้อกำหนดรวมทั้งการลดสิ่งฟุ่มเฟือย การออม และสร้างรายได้เสริม
- วิเคราะห์ผลของการจัดทำบัญชีครัวเรือน - หลังจากที่จัดการอบรมให้ความรู้เรื่องแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านคันธทรัพย์ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 เด็กนักเรียนได้นำความรู้ที่ได้จากการอบรมพร้อมกับสมุดจดบัญทึกรายรับ-รายจ่ายไปแนะนำกับพ่อแม่ของตนเองในเรื่องของการจัดทำบัญชี แนะนำการออม การลดสิ่งฟุ่มเฟือย และการสร้างรายได้เสริม ในระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาได้สอบถามกับเด็กนักเรียนอีกครั้งผลปรากฏว่าทุกครอบครัวมีเงินเหลือใช้มากขึ้น มีการหารายได้เสริมในช่วงที่ว่างจากงานประจำเช่น การปลูกผักสวนครัวและการปลูกสมุนไพรเพื่อนำไปขาย มีการลดการใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น
- จัดทำข้อกำหนดในการทำบัญชีครัวเรือน - จดบันทึกรายรับ - รายจ่ายในครอบครัวทุกวันให้ติดเป็นนิสัย - สรุปยอดเงินรายรับ - รายจ่ายประจำวัน เพื่อยกยอดเงินในบัญชีรายรับ-รายจ่ายไปไว้ในวันถัดไป
- การลดสิ่งฟุ่มเฟือย
- ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น
- มีเงินสดติดตัวเท่าที่จำเป็นใช้ในแต่ละวันและไม่พกบัตรเต็มกระเป๋า
- การออม - เงินที่เหลือจากใช้จ่ายในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเหรียญหรือธนบัตรให้นำมาเก็บออมเงินไว้ และต้องทำให้ตัวเองนั้นออมเงินให้ติดเป็นนิสัย
- การสร้างรายได้เสริม - รายได้เสริม คือ อาชีพที่เพิ่มจากอาชีพประจำที่มีอยู่ เป็นการเพิ่มช่องทางการทำเงินหรือเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่มคณะกรรมการโครงการ และชาวบ้านผู้เข้าร่วมโครงการรวมทั้งหมด
ไม่มี
ไม่มี
ให้นำข้อมูลการวิเคราะห์บัญชีครัวเรือนไปปรับใช้ในการจัดกิจกรรมกลุ่มประชาชนที่มีหนี้สินเพื่อเป็นการหารายได้เพิ่มเติม
เพื่อรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ สสส.
รับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ สสส.
คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ สสส. (somboon(Trainer))
- วันที่ 14 มิ.ย. 57 ค่าเดินทางถูกต้อง ส่วนค่าที่พักจะได้แค่ 900.- บาทตามบิล แต่ค่าอาหารอีก 100.- บาท เบิกไม่ได้ครับ ดังนั้นใบสำคัญจ่ายจึงต้องแก้ไขใหม่
- วันที่ 26 มิ.ย. 57หัวเรื่องเขียนผิด เขียนว่า ส่งหนังสือสัญญาคืน สสส. แต่ใบรายละเอียดเขียนเบิกค่าเปิดบัญชี 500.- บาท และค่าอาหาร 200.- และแนบใบเสร็จค่าส่งเอกสารและใบเสร็จค่าน้ำมันมาให้มูลค่า 70และ 500.- บาทใบในเสร็จค่าน้ำมัน เขียนคำว่า "สด" ซึ่งใช้ไม่ได้
- ค่าป้ายโครงการที่ระบุในใบเสร็จใบเดียวกับค่าป้ายปลอดบุหรี่ ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่จะต้องเบิกเงินจากโครงการ จึงไม่สามารถเบิกได้ ประกอบกับทางโครงการได้ไม่ถ่ายป้ายที่ทำถูกต้องและแล้วเสร็จมาแนบ จึงไม่ทราบว่าเป็นป้ายที่ถูกต้องตามแบบที่กำหนดหรือไม่
- การบันทึกรายการกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมหลักและกิจกรรมย่อย ในปฏิทิน ยังคาบหมวดและยังไม่ถูกต้อง รบกวนโครงการปรับหมวดหมู่ของกิจกรรมให้ถูกต้องด้วยครับ โดยให้ดูจากงบในแต่ละกิจกรรมหลัก และในแต่ละกิจกรรมหลักนั้นมีกิจกรรมย่อยหรือทำกี่ครั้งก็ให้เฉลี่ยค่าใช้จ่าย และรวมแล้วทุกกิจกรรมย่อยจะต้องไม่เกินจากค่าใช้จ่ายของหมวดกิจกรรมใหญ่ เช่น การประชุมประจำเดือน กำหนด 12 ครั้ง แต่โครงการบันทึกแค่ 10 ครั้ง ขาดอีก 2 ครั้ง ประกอบกับกิจกรรมปฐมนิเทศ โครงการนำไปบรรจุเอาไว้ในกิจกรรมประชุมประจำเดือน ซึ่งไม่ถูก จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในหมวดนี้ไม่ตรงกัน เป็นต้น
- หากเป็นไปได้ โครงการปรับปรุงรายการเบิกค่าใช้จ่ายและใบเสร็จแนบตามที่แจ้งแล้ว ควรนำมาให้ผม (สมบูรณ์)ดูอีกครั้งพร้อมสำเนาสมุดบัญชีที่ปรับรายการแล้ว เพื่อสามารถปิดงวด 1 ได้ทันภายในวันที่ 30 ต.ค. 57 เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินทางไปปิดงวดที่ มอ.
- หากเป็นไปได้ รบกวนพี่เลี้ยงในพื้นที่ช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย
( ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆที่มอบให้ จะนำไปปรับปรุงและแก้ไข ถ้าหากโครงการนี้มีข้อบกพร่องประการใด ผู้จัดทำต้องขออภัย แล้วจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในโอกาสต่อไป ) By เกศินี สุวรรณรัตน์
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ประธานโครงการร่วมสร้างชุมชนบ้านเนินทองน่าอยู่ด้วยทรัพยากรท้องถิ่น
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อทราบถึงความก้าวหน้าของโครงการ และแผนการดำเนินงานครั้งต่อไป
ประชุมคณะกรรมการกลุ่มและคณะกรรมการโครงการพร้อมทั้งชี้แจงการขยายผลผลิตทุกชนิดที่เกิดขึ้นในกลุ่ม และการบริหารจัดการ
1) การขยายผลผลิตในกลุ่มปลูกพืชสมุนไพรที่ผ่านมานั้น ผลผลิตยังไม่สามารถนำไปขายได้ แต่ทางกลุ่มได้นำผลผลิตสมุนไพรบางชนิดที่ขายพันธ์ได้เร็ว ไปขยายพันธ์ปลูกเพิ่มเติม เช่น ข่า ขมิ้น ว่านหางจระเข้ กระชาย และในบางชนิดสามารถนำไปแปรรูปได้เลย เช่น
- ตะไคร้หอม : นำไปเป็นส่วนผสมของลูกประคบ
: นำไปสกัดเป็นสารระเหยกันยุงได้
- ตะไคร้แกงและขมิ้นเหลือง : นำไปทำเครื่องแกง
2) การบริหารจัดการ
- ประธานกลุ่มได้แจ้งกับสมาชิกให้นำสมุนไพรไปปลูก เพื่อที่จะนำผลผลิตที่ได้มาขายกับทางกลุ่ม โดยประธานกลุ่มได้ติดต่อประสานงานหาตลาดรองรับไว้เรีบยร้อยแล้ว คือ รพ.สต. และพ่อค้าจากตลาดนัด แต่มีข้อแม้ว่าผลผลิตที่สมาชิกนำมาขายกับทางกลุ่มจะต้องเหลือกินและใช้ในครัวเรือนแล้ว
- ทางกลุ่มจะจัดอบรมในเรื่องการนำสมุนไพรไปแปรรูป เช่น อบรมทำลูกประคบ ทำเครื่องแกง การสกัดสารระเหยจากตะไคร้หอม และการทำน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่มและกรรมการโครงการ และชาวบ้านผู้เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งสิ้น 30 คน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อติดตามผลการดำเนินโครงการ
ประชุมคณะทำงาน ทบทวนผลการจัดทำกิจกรรมโครงการ รับทราบปัญหาอุปสรรคและหาแนวทาวแก้ไข
เข้าร่วมประชุมผลการติดตามโครงการที่ผ่านมา พบว่า ผู้รับผิดชอบโครงการและทีมงานได้จัดทำโครงการไปแล้วในเรื่องการรับสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มการปลูกพืชสมุนไพร กลุ่มทำดอกไม้ประดิษฐ์จากผ้าใยสังเคราะห์และกลุ่มดอกไม้สด รวมทั้งการจัดทำแปลงสาธิตการปลูกพืชสมุนไพรที่มีในท้องถิ่นมารวมไว้ ประกอบด้วยไพร รางจืด ขมิ้นชัน ตะไคร้หอม ย่านาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพริก ข่า ขมิ้นและกระชายเป็นต้น
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ คณะทำงาน และกรรมการชุมชน
มีสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านมารบกวนจึงต้องจัดทำรั้วลวดหนาวเป็นแนวกั้นด้วยการสมทบทุนจากสมาชิกกลุ่ม
ไม่มี
จัดทำกิจกรรมตามปฏิทินโครงการอย่างสมำ่เสมอดีมาก
เพื่อทราบถึงความก้าวหน้าของโครงการ และแผนการดำเนินงานครั้งต่อไป
ประชุมคณะกรรมการกลุ่มและคณะกรรมการโครงการพร้อมทั้งชี้แจงการเก็บเงินออมสมาชิกคนละ 30 บาทเพื่อความเป็นเจ้าของ
ประชุมคณะกรรมการประจำเดือนในเรื่องการเก็บเงินออมสมาชิกคนละ 30 บาทเพื่อความเป็นเจ้าของ โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) คณะกรรมการกลุ่มได้จัดเก็บเงินไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม 2557 คนละ 30 บาท พร้อมทั้งจัดทำบัญชีครัวเรือนของสมาชิก เพื่อลดสิ่งฟุ่มเฟือนในครัวเรือน 2) การจัดเก็บเงินออมคนละ 30 บาทนั้น สมาชิกสมัครเพื่อความเป็นเจ้าของ ทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งมีสมาชิกรวม 43 คน แบ่งเป็น 2.1) กลุ่มสมาชิกปลูกพืชสมุนไพร มีสมาชิก 23 คน 2.2) กลุ่มสมาชิกทำสิ่งประดิษฐ์ มีสมาชิก 20 คน รวมทั้งหมด 43 คน เป็นเงิน 1,290 บาท 3) เงินในส่วนนี้ทางคณะกรรมการกลุ่ม ได้จัดทำบัญชีไว้เพื่อต่อยอด เมื่อสมาชิกนำรายได้เข้ากลุ่ม ถึงสิ้นปีทางกลุ่มจะมีปันผลจากการขายผลผลิตให้กับสมาชิก เพื่อความเป็นขวัญกำลังใจให้กับสมาชิกต่อไป
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่มและกรรมการโครงการ
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อจัดดอกไม้สดตามงานพิธีต่างๆในช่วงเทศกาล
1.ประธานกลุ่มจะเป็นผู้มอบหมายงานให้กับสมาชิกในกลุ่ม 2.สมาชิกกลุ่มร่วมกันจัดดอกไม้สดตามงานพิธีต่างๆ ในช่วงเทศกาล
1.สมาชิกในกลุ่มจัดดอกไม้สดหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ ที่ทำการหมู่บ้าน หมู่ที่ 6 ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร 2.สมาชิกในกลุ่มจัดซุ้มถ่ายรูปวันแม่ ณ โรงเรียนบ้านทรายขาว 3.สมาชิกในกลุ่มจัดบอร์ดประกาศข่าวสารวันแม่ ณ โรงเรียนบ้านทรายขาว
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สมาชิกกลุ่มจำนวน 20 คน
มีฝนตกมากในตอนเช้า จึงเปลี่ยนมาจัดตอนฝนแล้ง
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อให้สมาชิกแต่ละครัวเรือน จัดทำแปลงพืชสมุนไพรที่บ้าน
1.สมาชิกกลุ่มพืชสมุนไพรจัดทำแปลงปลูกพืชสมุนไพร 2.หาพันธ์พืชสมุนไพรมาปลูก
1.แต่ละครัวเรือนจัดทำแปลงพืชสมุนไพร 2.หาพันธ์พืชมาปลูก หลักๆอย่างน้อย 5 ชนิด 1.ชุมเห็ดเทศ 2.ตะไคร้หอม 3.ขมิ้นขัน 4.ฟ้าทะลายโจร 5.ว่านหางจรเข้ 6.เสลดพังพอน 3.ดูแลรักษา แลกเปลี่ยนความรู้
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
สมาชิกทำดอกไม้สด ทำกันในช่วงเช้า จำนวน 8 คน และสมาชิกกลุ่มพืชสมุนไพร 17 คน ที่ทางกลุ่มได้ย้ายฐานกิจกรรมไปยังบ้านพวกเขาเหล่านั้น เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและติดตามผล
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อจัดทำแปลงสมุนไพรสาธิตในพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้าน
1.นำเมล็ดพันธ์พืชลงปลูก 2.กำจัดวัชพืชที่อยู่รอบๆ
1.สมาชิกช่วยกันนำเมล็ดพันธ์พืชลงปลูกในแปลง ได้แก่ 1.ขมิ้นชัน 2.ฟ้าทะลายโจร 3.ว่านเอ็นเหลือง 4.ว่านหางจรเข้ 5.หนุมานประสานกาย 6.ตะไคร้ 7.หัวไพล 8.เสลดพังพอน 9.ทุเรียนน้ำ 10.ชุมเห็ดเทศ 2.ช่วยกันกำจัดวัชพืชที่อยู่รอบๆพร้อมกับรดน้ำ - โดยการถอน ดายหญ้า และตัดหญ้าบริเวณในร่องทางเดิน
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่มพึชสมุนไพร และชาวบ้านรวม 30 คน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อจัดทำแปลงสมุนไพรสาธิตในพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้าน
1.ปักหลักขุดหลุมเพื่อที่จะฝังเสา 2.คัดแยกพันธ์พืช 3.กำจัดวัชพืชที่อยู่ในแปลง
1.ขุดหลุมฝังเสาเพื่อที่จะล้อมรั้วกั้นไม่ให้สัตว์ใหญ่เข้ามาเหยียบย่ำสมุนไพรในแปลง 2.คัดแยกพันธ์สมุนไพรเพื่อที่จะนำไปปลูกในแปลง 3.กำจัดวัชพืชที่อยู่ในแปลง 4.นำพันธ์พืชที่คัดเรียบร้อยแล้วลงปลูกในแปลงพร้อมกับรดน้ำ
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
คณะกรรมการกลุ่มพึชสมุนไพร 7 คน และชาวบ้าน 43 คน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อปรับกติกาชุมชน การจัดการตลาด และประชาสัมพันธ์การใช้กติกา
1.ปรับกติกาชุมชน 2.วางแผนการจัดการตลาด 3.ประชาสัมพันธ์การใช้กติกา
- ปรับกติกาชุมชน จะแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ ดังนี้ หมวดที่ 1 บทความทั่วไป หมวดที่ 2 แนวทางการดำเนินงานการบริหาร หมวดที่ 3 อำนาจ – สิทธิ์ – หน้าที่คณะกรรมการกลุ่มฯและการเงิน หมวดที่ 4 การหมดวาระหรืการพ้นวาระของคณะกรรมการในตำแหน่ง หมวดที่ 5 สิทธิ์และหน้าที่ของสมาชิกกลุ่มฯ หมวดที่ 6 ข้อเพิ่มเติม
- วางแผนการตลาด
1. วางแผนการตลาดด้วยการจะนำผลผลิตจากการทำดอกไม้นำเสนอขายตามหน่วยงานต่างๆ
2. มีการกำหนดกติกาว่ารายได้ที่เกิดจากกลุ่มต้องหักค่าบริหารจัดการเข้ากลุ่มร้อยละ 20
3. สมาชิกต้องมีการออมคนละ30บาท พร้อมทั้งให้สมาชิกทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในเรื่องการออม ลดสิ่งฟุ่มเฟือยและสร้างรายได้เสริม - ประชาสัมพันธ์การใช้กติกา
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- คณะกรรมการกลุ่ม 7 คน
- คณะกรรมการโครงการ 11 คน
- คณะกรรมการหมู่บ้าน 14 คน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อให้สมาชิกทำดอกไม้จากผ้าใยบัวได้
ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับสมาชิกเกี่ยวกับการประดิษฐ์ดอกไม้ผ้าใยบัว
1.วิทยากรติดตามความก้าวหน้าของสมาชิกในกลุ่มที่บ้าน 2.ให้คำแนะนำเพิ่มเติมในส่วนที่สมาชิกไม่เข้าใจ 3.หลังจากการอบรมทำสิ่งประดิษฐ์ผ้าใยบัว สมาชิกในกลุ่มสว่นใหญ่สามารถทำสิ่งประดิษฐ์ได้โดยไม่ต้องให้วิทยากรให้คำแนะนำเพิ่มเติม
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
สมาชิกที่เข้ารับการอบรม 15 คน
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อทราบถึงวิธีการจัดดอกไม้สดที่ใช้ตามงานพิธีต่างๆ
1.อบรมให้ความรู้เรื่องของการจัดดอกไม้สด 2.สาธิตให้สมาชิกดูเป็นตัวอย่างก่อนที่จะให้สมาชิกลงมือปฎิบัติจริง 3.ให้สมาชิกลงมือปฎิบัติจริง พร้อมกับมีวิทยากรคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด 4.ให้คำแนะนำกับสมาชิกในเรื่องของประโยชน์การจัดดอกไม้สด
1.อบรมให้ความรู้เรื่องการจัดดอกไม้สด มีรายละเอียดดังนี้
- จัดดอกไม้สด เหมาะกับงานพิธีต่างๆ เช่น งานมงคล งานศพ ทำช่อดอกไม้งานรับปริญญา จัดกระเช้า
รอบเช้า
- จัดดอกไม้สำหรับตั้งโต๊ะและจัดดอกไม้สำหรับงานศพ
รอบบ่าย
- จัดดอกไม้สำหรับงานพิธีต่างๆ เช่น งานแต่ง งานบวช
2.สอนจัดดอกไม้สดโดยการทำเป็นแบบอย่างให้ดู การปักทำมุม การปักใบ การปักดอก โดยเน้นตรงกลางแล้วมุมข้าง การเลือกดอกไม้ให้เลือกสีที่ตัดกัน
3.สมาชิกหัดทำพร้อมกับมีวิทยากรคอยให้คำแนะนำไปพร้อมกับการสอน
4.วิทยากรบอกถึงประโยชน์ในการจัดดอกไม้สด และการสร้างรายได้เสริม
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการและทีมงานพร้อมกับสมาชิกที่มาเข้าร่วมอบรม
ฝนตกหนักทำให้สมาชิกมาไม่ครบแต่วิทยากรมาสอนชดเชย โดยการนัดสมาชิกที่ไม่ได้มาในวันอบรมให้มาที่บ้านของวิทยากรเอง
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อให้สมาชิกได้รับความรู้ในเรื่องการทำดอกไม้ผ้าใยบัวและการจัดดอกไม้สด และสามารถเป็นรายได้เสริมให้กับในครอบครัวได้
- อบรมให้ความรู้เรื่องการทำดอกไม้ผ้าใยบัว
- ประดิษฐ์ดอกไม้ให้ดูเป็นตัวอย่างโดยวิทยากร
- ให้สมาชิกที่เข้าร่วมอบรมทดลองทำด้วยตนเอง
- ให้คำแนะนำพร้อมกับตรวจดูเป็นรายบุคคล
1.อบรมให้ความรู้เรื่องการทำดอกไม้ผ้าใยบัว มีรายละเอียดดังนี้
- ดอกไม้ผ้าใยบัวเหมาะกับการทำช่อดอกไม้รับปริญญา แจกันตั้งโต๊ะ กระเช้าตั้งโต๊ะ เป็นของขวัญให้ญาติผู้ใหญ่ งานมงคลต่างๆ
- สามารถนำดอกไม้ผ้าใยบัวมาดัดแปลงเป็น ดอกไม้การะบูล ใช้สำหรับตั้งหน้ารถ ใส้ตู้เสื้อผ้า ห้องต่างๆ เพื่อดับกลิ่นอับ
- ดอกไม้การะบูลสามารถนำมาทำเป็นของชำร่วยงานต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับคนที่ว่างงาน
รอบเช้า
ดอกไม้การบูร
อุปกรณ์
1.ผ้าใยบัว(สีอะไรก็ได้)
2.การบูร
3.ลวด(สีอะไรก้ได้)
4.ด้าย
5.ฟรอร่าเทปสีเขียว
6.กรรไกร
7.ก้านดอกไม้
วิธีทำ
1.นำลวดมาบิดเกลียว 2 เส้น บิดเกลียวรวมกันไว้ที่โคนด้านล่างแล้วหุ้มด้วยผ้าใยบัวจะได้ 1 กลีบ ทำทั้งหมด 5 กลีบ
2.นำการบูรมาปั้นเป็นลูกเล็กๆ หรือขนาดตามที่เราต้องการ
3.นำก้านดอกมาเสียบกับการบูรแล้วหุ้มด้วยผ้าใยบัว
4.นำกลีบดอกที่เตรียมไว้มาเข้าดอกโดยการหักโคนดอกที่บริเวณด้ายที่มัดไว้ด้านหลังวางต่อกันจนครบ 5 กลีบ นำด้ายมามัดให้เรียบร้อย
5.นำฟรอร่าเทปสีเขียวมาพันทับเพื่อเก็บงานให้เรียบร้อย เป็นอันเสร็จการทำดอกไม้จากการบูร
รอบบ่าย
ดอกไม้ผ้าใยบัว(ดอกลีลาวดี)
อุปกรณ์
1.ผ้าใยบัวสีเขียว(ใช้ทำใบ)
2.ผ้าใยบัวสีอะไรก็ได้(ตามที่ตนเองชอบ)
3.ลวด(สีอะไรก้ได้)
4.ด้าย
5.ฟรอร่าเทปสีเขียว
6.กรรไกร
7.ก้านดอกไม้
วิธีทำ
1.ขั้นตอนการทำกลีบดอก ให้ทำเหมือนกับดอกไม้การบูร(ขั้นตอนที่ 1) จำนวน 5 กลีบ
2.นำกลีบดอกลีลาวดีมาหุ้มผ้าใยบัวสีที่ตนเองชอบพันด้ายให้เรียบร้อย
3.นำกลีบดอกลีลาวดีที่หุ้มผ้าใยบัวเสร็จเรียบร้อยแล้วมาเข้าดอกโดยการนำกลีบอันแรกมาพันกับก้านดอก ทำเหมือนกันจนครบ 5 กลีบ
4.นำลวดมาดัดเหมือนกับกลีบดอกลีลาวดี แต่หุ้มผ้าสีเขียวเพื่อทำใบ จำนวน 3 ใบ
5.นำฟรอร่าเทปมาพันปิดก้านดอกพร้อมกันติดใบ เพื่อเก็บงานให้เรียบร้อย
6.การดัดดอกลีลาวดีทำได้โดยการดัดบริเวณปลายกลีบโค้งไปด้านหลัง เป็นอันเสร็จเรียบร้อยการทำดอกไม้ผ้าใยบัวดอกลีลาวดี
3.ให้สมาชิกที่เข้าร่วมอบรมหัดทำ พร้อมกับวิทยากรให้คำแนะนำไปพร้อมกับการสอน
4.สอนทำดอกไม้การะบูล โดยการทำนำลวดมาบิดให้เป็นสปริงแล้วยืดออก มาเข้าโครงให้เป็นกลีบดอก กุ้มด้วยผ้าใยบัว นำการะบูลมาห่อด้วยผ้าใยบัว และนำมาเข้าเป็นดอกพร้อมกับติดใบ พันก้านให้เรียบร้อย
5.วิทยากรให้คำแนะนำไปพร้อมกับการสอน
6.แนะนำถึงประโยชน์การทำดอกไม้ผ้าใยบัว
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการและทีมงานพร้อมกับสมาชิกที่มาเข้าร่วมอบรม
ฝนตกหนักทำให้สมาชิกมาไม่ครบแต่วิทยากรมาสอนชดเชย โดยการนัดสมาชิกที่ไม่ได้มาในวันอบรมให้มาที่บ้านของวิทยากร
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อให้ประชาชนทราบถึงแนวคิดเศรฐกิจพอเพียง การจัดทำบัญชีครัวเรือน ข้อมูลการลดรายจ่าย การเพิ่มรายได้ การออม และการดำรงชีวิตที่รู้จักพอประมาณ
1.อบรมให้ความรู้เรื่องแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง 2.แจกสมุดบันทึก รายรับ - รายจ่าย
อบรมให้ความรู้เรื่องแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง โดย อาจารย์โกวิทย์ ยังปักษี และอาจารย์กัลยารัตน์ บรรพต อาจารย์จากโรงเรียนบ้านคันธทรัพย์ พร้อมทั้งอาจารย์ณัฐวุฒิ วิวัฒภิญโญ เป็นผู้เปิดโครงการ
เนื้อหาที่อบรมหลักๆมีดังนี้
1).ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
3 ห่วง >>> ห่วงที่ 1 ความพอประมาณ หมายถึง พอประมาณในทุกอย่าง ความพอดีไม่มากหรือว่าน้อยจนเกินไปโดยต้องไม่เบียดเบียนตนเอง หรือผู้อื่นให้เดือดร้อน
ห่วงที่ 2 ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
ห่วงที่ 3 การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
2 เงื่อนไข >>> เงื่อนไขที่ 1 ความรู้ คือ มีความรอบรู้เกี่ยวกับ วิชาการต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการ วางแผน และความระมัดระวังในขั้นตอนปฏิบัติ คุณธรรมประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
เงื่อนไขที่ 2 คุณธรรม คือ มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
2).ความพอดี 5 ประการ หลักเหตุผล 5 ประการ หลักภูมิคุ้มกัน 2 หลัก
ความพอดี 5 ประการ
ประการที่ 1 >>> ความพอดีด้านจิตใจ คือ ต้องเข็มแข็ง พึ่งตนเองได้ มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร และนึกถึงประโยชน์ส่วนรวม
ประการที่ 2 >>> ความพอดีด้านสังคม คือ ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน รู้จักผนึกกำลัง และมีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากรากฐานที่มั่นคงและแข็งแรง
ประการที่ 3 >>> ความพอดีด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม คือ รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดรอบคอบ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนสูงสุด และใช้ทรัพยากรใน ประเทศเพื่อพัฒนาประเทศ ให้มั่นคงอยู่เป็นขั้นเป็นตอนไป
ประการที่ 4 >>> ความพอดีด้านเทคโนโลยี คือ รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการ และควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้านของเราเองเพื่อสอดคล้องและเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมของเราเอง
ประการที่ 5 >>> ความพอดีด้านเศรษฐกิจ คือ เพื่อรายได้ ลดรายจ่าย ดำรงชีวิตอย่างพอควร พออยู่ พอกิน สมควรตามอัตภาพและฐานะของตน
หลักเหตุผล 5 ประการ
1).ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีวิต
2).ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีวิต
3).ละเลิกการเก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันในทางการค้าขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง
4).ไม่หยุดนิ่งที่หาหนทางในชีวิต หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก
5).ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี ลด เลิก สิ่งยั่วกิเลสให้หมดสิ้นไป ไม่ก่อความชั่วให้เป็นเครื่องทำลายตัวเอง ทำลายผู้อื่น พยายามเพิ่มพูนรักษาความดี ที่มีอยู่ให้งอกงามสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการและทีมงานพร้อมกับประชาชนที่มาเข้าร่วมอบรม
ประชาชนที่เข้ารับการรับฟังติดภารกิจ (งานศพ) มีมาเข้าร่วมบ้างเล็กน้อย จึงให้เด็กนักเรียนเป็นตัวแทนเข้ารับการรับการอบรมแทน
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อจัดทำข้อมูลแผนการดำเนินงานการออมและลดภาวะหนี้สิน พร้อมกับร่างกติกาชุมชน และแจ้งให้ประชาชนทราบในเวทีประชุมประจำเดือน
1).จัดทำข้อมูลแผนการดำเนินงานเพื่อการออมและลดภาวะหนี้สิน
2).ร่างกติกาชุมชน
3).แจ้งให้ประชาชนทราบในเวทีประชุมประจำเดือน
1).จัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อการออมและลดภาวะหนี้สินโดย - จัดทำสมุดบัญชีครัวเรือน รายรับ - รายจ่าย จำนวน 150 เล่ม 2).ร่างกติกาชุมชน โดยมีเนื้อหาแบ่งเป็นหมวดหมู่ ดังนี้ หมวดที่ 1 บทความทั่วไป หมวดที่ 2 แนวทางการดำเนินงานการบริหาร หมวดที่ 3 อำนาจ – สิทธิ์ – หน้าที่คณะกรรมการกลุ่มฯและการเงิน หมวดที่ 4 การหมดวาระหรืการพ้นวาระของคณะกรรมการในตำแหน่ง หมวดที่ 5 สิทธิ์และหน้าที่ของสมาชิกกลุ่มฯ หมวดที่ 6 ข้อเพิ่มเติม 3).แจ้งให้ประชาชนทราบในเวทีประชุมประจำเดือน พร้อมกับเชิญชวนให้เข้ารับการอบรมในวันที่ 10 กรกฎาคม 2557 เวลา 9.00 น. ในหัวข้อเรื่อง อบรมให้ความรู้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการและทีมงานพร้อมกับประชาชนที่มาเข้าร่วมรับฟัง
คนที่เข้าร่วมกิจกรรมในตอนเช้ามีน้อย เพราะติดภารกิจในสวน จะมีเฉพาะผู้รับผิดชอบโครงการและทีมงาน จึงเปลี่ยนมาชี้แจงในตอนบ่ายในเวทีประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ของโครงการ
ประชุมชี้แจงถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของโครงการ กิจกรรมดำเนินการ การกำหนดแผนและเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการ กรรมการติดตามโครงการ และรับสมัครผู้เข้าร่วมกิจกรรมตามกลุ่มที่กำหนดทั้งกลุ่มปลูกพืชสมุนไพร ทำดอกไม้และทำปุ๋ย และร่วมกันร่างกติกาชุมชน
ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องความเป็นมาของโครงการที่มีมาจากการวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน การจัดทำโครงการโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ รวมทั้งได้คณะทำงานที่ช่วยกันร่างกติกาหมู่บ้านเกี่ยวกับการทำกิจกรรมเพื่อให้มีความมั่นคงต่อไป
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ทีมผู้รับผิดชอบโครงการ ผู้ใหญ่บ้าน ครู เยาวชน อสม. นักวิชาการสาธารณสุข และประชาชน
ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมน้อยเนื่องจากต้องตัดทุเรียนในสวนของตนเอง จึงได้มีเยาวชนและนักเรียนเข้าร่วมประชุม
ไม่มี
การจัดกิจกรรมต่อไปต้องให้สอดคล้องกับการประกอบอาชีพปกติต้องจัดในช่วงเย็นหลังจากทุกคนเสร็จภาระกิจประจำในช่วงนี้
เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและอาชีพให้กับประชาชนในชุมชน ให้สามารถพึ่งตนเอง มีสุขภาพที่ดี มีการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และลดภาวะหนี้สินโดยใช้ทรัพยากรและทุนท้องถิ่นเดิมที่มีอยู่ในชุมชนตามแนวทางเศรฐกิจพอเพียง
1).ได้ทำความรู้จัก ชื่อพี่เลี้ยงผู้ติดตามในพื้นที่ของ สสส. 2).ให้ความรู้เรื่องแนวคิดเศรฐกิจพอเพียงห้กับประชาชนในชุมชน ให้สามารถพึ่งตนเอง มีสุขภาพที่ดี มีการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และลดภาวะหนี้สิน 3).จัดตั้งกลุ่มชุมชน 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสมุนไพร กลุ่มทำสิ่งประดิษฐ์ พร้อมกับลงทะเบียนเป็นสมาชิก
1).ให้คำแนะนำแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
- การจัดทำบัญชีครัวเรือน เพื่อลดรายจ่าย - เพิ่มรายได้ ให้กับคนในชุมชน โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู้หัว ที่เรียกว่า (ปรัชญาเศรษฐกิจพิเพียง)3 ห่วง 2 เงื่อนไข ให้ประชาชนอยู่อย่างพอมีพอกิน
2).การจัดตั้งกลุ่ม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มพืชสมุนไพร
- กลุ่มทำสิ่งประดิษฐ์
3).การลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกของกลุ่ม
- การลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกของกลุ่มสามารถลงสมัครได้ทุกคนทุกเพศทุกวัย และได้ทุกวันที่ 8 ของเดือน ที่มีการประชุม ที่ศาลาประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน สามารถลงสมัครได้ที่ประธานของกลุ่ม
4).ชี้แจงรายละเอียดกิจกรรมที่จะต้องทำตลอดปีงบประมาณ 2557
- การชี้แจงรายละเอียดที่จะต้องจัดทำกิจกรรมตลอดปีงบประมาณ 2557 มีทั้งหมดประมาณ 30 กิจกรรม
5).พูดคุยขอความคิดเห็นกับประชาชนที่เข้าประชุม
6).แกว่งแขนลดโรค
- เคล็ดลับดีๆจากหัวหน้าฝ่ายโรคเรื้อรัง โรงพยาบาลท่าแซะ การแกว่งแขนติดต่อกันเป็นเวลา 20 นาที เป็นการลดโรคที่สะสมในร่างกายเช่น ความดันโลหิต เบาหวาน การสะสมของไขมัน ช่วยลดอาการเครียด ช่วยลดโอกาศเกิดโรคหัวใจและหลอกเลือด
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการและทีมงานพร้อมกับประชาชนที่มาเข้าร่วมรับฟัง
การประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆยังไปไม่ทั่วถึง ต้องใช้วันประชุมประจำเดือนของหมู่บ้านในการประชาสัมพันธ์ ทุกวันที่ 8 ของแต่ละเดือน
ไม่มี
ไม่มี
เพื่อรับทราบแนวทางการปฏิบัติตามกิจกรรมโครงการอย่างถูกต้อง
1).ได้ทำความรู้จักพี่เลี้ยง-ทีม สจรส.
2).ทบทวนโครงการทำแผนกิจกรรมที่ชัดเจน เช่น ลงรายละเอียด กำหนดวันที่ที่แน่นอน มีกิจกรรมอย่างน้อย 20 ครั้ง
3).อบรมและลงข้อมูลในระบบติดตามประเมินผล และระบบรายงานผ่าน WWW.happynetwork.org
4).ทำความเข้าใจเรื่องการทำรายงานและการเงิน
ได้รับความรู้ และเข้าใจถึงวิธีการจัดทำและลงรายงานทางwww.คนใต้สร้างสุขที่ถูกต้อง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการและทีมงาน
ความไม่สะดวกของระบบอินเตอร์เน็ต ต้องใช้โทรศัพท์พี่เลี้ยงในการเชื่อมกับคอมพิวเตอร์
ไม่มี
การให้คำแนะนำที่ถูกต้องและต่อเนื่อง