แบบรายงานผลการดำเนินโครงการประจำงวด 2
ชื่อโครงการ ร่วมสร้างชุมชนบ้านเนินทองน่าอยู่ด้วยทรัพยากรท้องถิ่น
ชุมชน ที่ทำการหมู่บ้าน ม.6 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
รหัสโครงการ 57-01502 เลขที่ข้อตกลง 57-00-0940
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2557 ถึง 30 มิถุนายน 2558
รายงานงวดที่ : 2 จากเดือน ตุลาคม 2557 ถึงเดือน มิถุนายน 2558
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินโครงการ (แสดงผลการดำเนินงานรายกิจกรรมที่แสดงผลผลิตและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์** กิจกรรมของโครงการ | ผลผลิต* | |
---|---|---|
ผลผลิตที่ตั้งไว้ | ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง | |
1. พบเจ้าหน้าที่ สสส. |
||
วันที่ 15 ตุลาคม 2557 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ สสส. ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ สสส. (somboon(Trainer))
- วันที่ 14 มิ.ย. 57 ค่าเดินทางถูกต้อง ส่วนค่าที่พักจะได้แค่ 900.- บาทตามบิล แต่ค่าอาหารอีก 100.- บาท เบิกไม่ได้ครับ ดังนั้นใบสำคัญจ่ายจึงต้องแก้ไขใหม่
- วันที่ 26 มิ.ย. 57หัวเรื่องเขียนผิด เขียนว่า ส่งหนังสือสัญญาคืน สสส. แต่ใบรายละเอียดเขียนเบิกค่าเปิดบัญชี 500.- บาท และค่าอาหาร 200.- และแนบใบเสร็จค่าส่งเอกสารและใบเสร็จค่าน้ำมันมาให้มูลค่า 70และ 500.- บาทใบในเสร็จค่าน้ำมัน เขียนคำว่า "สด" ซึ่งใช้ไม่ได้
- ค่าป้ายโครงการที่ระบุในใบเสร็จใบเดียวกับค่าป้ายปลอดบุหรี่ ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่จะต้องเบิกเงินจากโครงการ จึงไม่สามารถเบิกได้ ประกอบกับทางโครงการได้ไม่ถ่ายป้ายที่ทำถูกต้องและแล้วเสร็จมาแนบ จึงไม่ทราบว่าเป็นป้ายที่ถูกต้องตามแบบที่กำหนดหรือไม่
- การบันทึกรายการกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมหลักและกิจกรรมย่อย ในปฏิทิน ยังคาบหมวดและยังไม่ถูกต้อง รบกวนโครงการปรับหมวดหมู่ของกิจกรรมให้ถูกต้องด้วยครับ โดยให้ดูจากงบในแต่ละกิจกรรมหลัก และในแต่ละกิจกรรมหลักนั้นมีกิจกรรมย่อยหรือทำกี่ครั้งก็ให้เฉลี่ยค่าใช้จ่าย และรวมแล้วทุกกิจกรรมย่อยจะต้องไม่เกินจากค่าใช้จ่ายของหมวดกิจกรรมใหญ่ เช่น การประชุมประจำเดือน กำหนด 12 ครั้ง แต่โครงการบันทึกแค่ 10 ครั้ง ขาดอีก 2 ครั้ง ประกอบกับกิจกรรมปฐมนิเทศ โครงการนำไปบรรจุเอาไว้ในกิจกรรมประชุมประจำเดือน ซึ่งไม่ถูก จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในหมวดนี้ไม่ตรงกัน เป็นต้น
- หากเป็นไปได้ โครงการปรับปรุงรายการเบิกค่าใช้จ่ายและใบเสร็จแนบตามที่แจ้งแล้ว ควรนำมาให้ผม (สมบูรณ์)ดูอีกครั้งพร้อมสำเนาสมุดบัญชีที่ปรับรายการแล้ว เพื่อสามารถปิดงวด 1 ได้ทันภายในวันที่ 30 ต.ค. 57 เพื่อจะได้ไม่ต้องเดินทางไปปิดงวดที่ มอ.
- หากเป็นไปได้ รบกวนพี่เลี้ยงในพื้นที่ช่วยตรวจสอบอีกทางหนึ่งด้วย กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนพบเจ้าหหน้าที่ สสส.เพื่อรับคำแนะนำในการจัดทำโครงการ กิจกรรมที่ทำจริงรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ สสส.
|
2 | 2 |
2. วิเคราะห์ผลการทำบัญชีครัวเรือนและจัดทำข้อกำหนดชุมชน |
||
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2557 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อวิเคาระห์ผลการทำบัญชีครัวเรือนและการจัดทำข้อกำหนดชุมชน ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนการนำผลของการจัดทำบัญชีครัวเรือนมาวิเคราะห์ จัดทำข้อกำหนดรวมทั้งการลดสิ่งฟุ่มเฟือย การออม และสร้างรายได้เสริม กิจกรรมที่ทำจริง1.วิเคราะห์ผลของการจัดทำบัญชีครัวเรือน 2.จัดทำข้อกำหนดรวมทั้งการลดสิ่งฟุ่มเฟือย การออม และสร้างรายได้เสริม
|
32 | 50 |
3. ความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของพีชสมุนไพรแต่ละชนิด วิธีการปลูกบำรุงรักษาแปลง การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม |
||
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อทราบถึงสรรพคุณของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด วิธีการปลูกบำรุงรักษาแปลงและการใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง1) ความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนอบรมความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด วิธีการปลูกการบำรุงรักษาแปลง และการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม กิจกรรมที่ทำจริง1) ความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด
|
50 | 55 |
4. จัดทำน้ำสมุนไพรเพื่อใช้ในการรักษาและดื่มเพื่อสุขภาพ |
||
วันที่ 5 ธันวาคม 2557 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อทำน้ำสมุนไพรใช้ในการรักษาและดื่มเพื่อสุขภาพ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง1.ศึกษาข้อมูลการทำน้ำกระเจี๊ยบ - กระเจี๊ยบแดง (อังกฤษ: Roselle) ภาคเหนือ เรียก ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง เงี้ยว แม่ฮ่องสอนเรียก ส้มปู จังหวัดตาก เรียก ส้มตะแลงเครง ภาคกลาง เรียก กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยวเป็นพืชสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 3–6 ศอก ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบเรียบ บางทีก็มีรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกเป็นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงก็จะเจริญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็นสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดเอาไว้ภายใน - การขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดปลูก ควรปลูกในหน้าฝน พรวนดินก่อนปลูก ขุดหลุมปลูกหลุมละ 2-3 เมล็ด ระยะห่างของหลุมประมาณ ½-1 เมตร พอต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นที่อ่อนแอกว่าออกไปเอาต้นที่แข็งแรงไว้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดวัชพืชออกให้หมด การใช้ประโยชน์ - กระเจี๊ยบแดงสามารถนำไปทำเป็นเครื่องดื่มแก้กระหายได้ นอกจากนี้น้ำกระเจี๊ยบสามารถใช้ทดสอบสารอาหารที่มีโปรตีนได้ โดยอัตราส่วน 1:2 ซึ่งสีแดงของน้ำกระเจี๊ยบจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือสีอื่น ชาวแอฟริกาตะวันออกนำทั้งใบและผลไปต้มดื่มแก้อาการไอ ชาวอียิปต์ใช้กลีบเลี้ยงสีแดงต้มน้ำดื่มแก้ความดันโลหิตสูง ชาวมอญและพม่านิยมนำผลและใบกระเจี๊ยบไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง ใบนำไปยำ หั่นใส่ข้าวยำหรือกินแนมกับอาหารรสจัด ต้ม แกงส้ม ผัดและจิ้มน้ำพริก สรรพคุณ - น้ำต้มจากดอกกระเจี๊ยบพบว่าใช้เป็นยาขับปัสสาวะได้ดี เป็นยาลดความดันโลหิตสูงได้ และช่วยลดการอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะของผู้ป่วยที่ผ่าตัดนิ่วในไตได้ดี 2.จัดเตรียมอุปกรณ์ อุปกรณ์ - กระเจี๊ยบสดหรือแห้ง - น้ำตาลทราย - เกลือ - น้ำเปล่า - หม้อ - เตาถ่าน - ผ้าขาวบาง - กะละมัง 3. ลงมือทำน้ำกระเจี๊ยบ - นำกระเจี๊ยบไปล้างน้ำให้สะอาด - นำหม้อใส่น้ำตั้งไฟแล้วใส่กระเจี๊ยบลงไป - เคี่ยวประมาณ 30-40 นาทีหรือรอจนกระเจี๊ยบเปื่อย แล้วยกลงจากเตา สีของน้ำที่ต้มจะเป็นสีแดงสด - นำน้ำกระเจี๊ยบในหม้อ มากรองด้วยผ้าขาวบาง 2 ชั้น ใส่ในกะละมังเพื่อเอากากออก - ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย แล้วเติมเกลื่อป่นเล็กน้อย - ชิมรสชาติให้หวานนำ เมื่อใส่แก้วพร้อมกับน้ำแข็งจะกลมกล่อมพอดี กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนจัดทำน้ำสมุนไพรเพื่อใช้ในการรักษาและดื่มเพื่อสุขภาพ กิจกรรมที่ทำจริง1.ศึกษาข้อมูลการทำน้ำกระเจี๊ยบ 2.จัดเตรียมอุปกรณ์ 3.ลงมือทำน้ำกระเจี๊ยบ
|
30 | 17 |
5. ปรับแผนการปฏิบัติและข้อกำหนดการลดสิ่งฟุ่มเฟือย การออม และสร้างรายได้เสริม |
||
วันที่ 8 ธันวาคม 2557 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อปรับแผนการปฏิบัติและข้อกำหนดการลดสิ่งฟุ่มเฟือย การออม และสร้างรายได้เสริม ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนจัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อปรับแผนการปฏิบัติและข้อกำหนดการลดสิ่งฟุ่มเฟือย การออม และสร้างรายได้เสริม กิจกรรมที่ทำจริงปรับแผนการปฏิบัติและข้อกำหนดการลดสิ่งฟุ่มเฟือย การออม และสร้างรายได้เสริม
|
32 | 35 |
6. ปรับการดำเนินการของแต่ละกลุ่ม |
||
วันที่ 8 มกราคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อปรับการดำเนินการของแต่ละกลุ่ม ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการมีการทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของประชาชนในการได้รับความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การประหยัดและการออม การเป็นกลุ่มสมาชิกที่มีการทำดอกไม้จากผ้าใยบัว การทำดอกไม้สดเพื่อใช้ในกิจกรรมของชุมชนไม่ต้องจ้างบุคคลจากภายนอกมาจัดถือว่าเป็นการประหยัดรายจ่ายส่วนหนึ่ง มีการปลูกพืชผักสมุนไพรปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือนและไว้ทำลูกประคบสำหรับการดูแลสุขภาพ การเตรียมวัสดุอุปกรณ์การทำปุ๋ย มอบหมายผู้รับผิดชอบในการรวบรวมรายงานพร้อมทั้งการรับ-จ่ายเงินของกลุ่มเพื่อจัดทำเป้นเงินออมของกลุ่ม มีการติดต่อประสานการตลาดเพื่อจำหน่ายลูกประคบและพืชสมุนไพร และปรับแผนการดำเนินการของแต่ละกลุ่มต่อไป กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนจัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อปรับการดำเนินการของแต่ละกลุ่ม และทบทวนการออม กิจกรรมที่ทำจริงจัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อปรับการดำเนินการของแต่ละกลุ่ม และทบทวนการออม
|
32 | 48 |
7. ทำปุ๋ยอินทรีย์ |
||
วันที่ 21 มกราคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อทำปุ๋ยอินทรีย์ไว้ใช้ประโยชน์ในแปลงสมุนไพร ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง1.ฟังบรรยายถึงประโยชน์ของปุ๋ยอินทรีย์และการทำปุ๋ยอินทรียืไว้ใช้ในแปลงจากวิทยากรในหมู่บ้าน - ปุ๋ยอินทรีย์ (Organic Fertilizer) คือ ปุ๋ยที่ได้จากอินทรีย์สารซึ่งผลิตขึ้นโดยกรรมวิธีต่างๆ และจะเป็นประโยชน์ต่อพืชก็ต้องผ่านขบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทางชีวภาพเสียก่อน มีวัตถุหลายประเภทที่สามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ - ข้อดีของปุ๋ยอินทรีย์ - ช่วยปรับปรุงดินให้ดีขึ้น โดยเฉพาะคุณสมบัติทางกายภาพของดิน เช่น ความโปร่ง ความร่วนซุย ความสามารถในการอุ้มน้ำ และการปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดิน - อยู่ในดินได้นานและค่อย ๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารพืชอย่างช้า ๆ จึงมีโอกาสสูญเสียน้อยกว่าปุ๋ยเคมี - เมื่อใส่ร่วมกับปุ๋ยเคมี จะส่งเสริมปุ๋ยเคมีให้เป็นประโยชน์แก่พืชอย่างมีประสิทธิภาพ มีธาตุอาหารรอง / เสริม อยู่เกือบครบถ้วนตามความต้องการของพืช - ส่งเสริมให้จุลชีพในดินโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงดินให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น -ข้อจำกัดของปุ๋ยอินทรีย์ - มีปริมาณธาตุอาหารพืชต่ำ - ใช้เวลานานกว่าปุ๋ยเคมี ที่จะปลดปล่อยธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ให้แก่พืช - ราคาแพงกว่าปุ๋ยเคมี เมื่อคิดเทียบในแง่ราคาต่อหน่วยน้ำหนักของธาตุอาหารพืช - หายาก พิจารณาในด้านเมื่อต้องการใช้เป็นปริมาณมาก - ถ้าใส่สารอินทรีย์มากเกินไป เมื่อเกิดการชะล้างจะทำให้เกิดการสะสมของไนเตรท ในน้ำใต้ดินซึ่งเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคได้ - การใช้สารอินทรีย์ที่สลายตัวยาก เช่น ขี้เลื่อย เมื่อใช้วัสดุคลุมดิน ถ้าใช้ขี้เลื่อยสดใส่ทับถมกันแน่น จะทำให้เกิดการหมักในสภาพไร้ออกซิเจน ทำให้อุณหภูมิสูงมาก จนเกิดสารสีดำหรือน้ำตาล ในสภาพนี้ขี้เลื่อยจะอิ่มตัวไปด้วยสารพิษซึ่งเป็นกรดอินทรีย์ชนิดระเหยง่าย มีกลิ่นฉุนมาก และเกิดไอที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้เป็นอันตรายแก่พืชหลายชนิดได้ อย่างไรก็ตาม ขี้เลื่อย เปลือกไม้สามารถนำมาใช้ได้โดยใช้ในดินที่ไม่เป็นกรดจัดเกินไป และมีปุ๋ยไนโตรเจนเพียงพอ ควรเป็นขี้เลื่อยเก่าที่ย่อยแล้ว หรือปล่อยให้ตากแดดตากฝนระยะหนึ่ง การใช้ปูนขาวควบคู่ไปด้วยในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเป็นพิษลงได้ - มูลสัตว์ที่ไม่ผ่านการหมักหรือการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนก่อนจะมีโรค แมลงศัตรูพืช และวัชพืชติดมาด้วย ทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดภายหลังได้ - ปุ๋ยอินทรีย์สลายตัวอยาก เช่น ขี้เลื่อย ซึ่งมีอัตราส่วนของคาร์บอนต่อไนโตรเจนสูง เมื่อใส่ในดินปลูกพืชจุลินทรีย์จะแย่งไนโตรเจนในดินไปใช้ในขบวนการย่อย มีผลทำให้พืชขาดไนโตรเจนชั่วคราว ถ้าไม่มีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนพืชจะขาดจนกว่าจุลินทรีย์เหล่านี้จะมีกิจกรรมลดลง จึงจะได้ไนโตรเจนกลับคืนสู่ดิน - ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลสัตว์และวัสดุเหลือทิ้งจากโรงงาน ส่งกลิ่นเหม็นไม่เป็นที่จูงใจผู้ใช้และสกปรก - การใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากของเหลือทิ้งจากท่อระบายน้ำโสโครก ตามอาคารบ้านเรือนก่อให้เกิดการปนเปื้อนของโลหะหนักหลายชนิดที่เป็นพิษ เช่น ตะกั่ว ปรอท - การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ยังสลายตัวไม่เต็มที่หรือยังอยู่ระหว่างการย่อยสลายจะทำให้เกิดความร้อน จากการย่อยสลาย เป็นอันตรายต่อรากพืช เช่น การใช้มูลสด ๆ ใส่ใกล้โคนปลูกพืช และการใช้มูลที่มีทั้งอุจจาระและปัสสาวะสัตว์ปน โดยไม่มีการเจือจาง จะทำให้ต้นพืชเหี่ยวเฉาได้เนื่องจากความเค็มของกรดในน้ำปัสสาวะ 2.จัดหาอุปกรณ์เพื่อที่จะทำปุ๋ยอินทรีย์ - อุปกรณ์ในการทำ 1. มูลสัตว์ ได้แก่ ขี้หมู , ขี้วัว 2. กากกาแฟ , กากปาล์ม , รำข้าวละเอียด 3. กากน้ำตาล 4. ปุ๋ยยูเรีย 5. พลั่ว 6. พลาสติกหรือผ้าใบ 3.ลงมือทำปุ๋ยอินทรีย์ - วิธีการทำ 1. หมักปุ๋ยโดยการใช้มูลสัตว์ตากแห้ง (ขี้หมู , ขี้วัว)และกากกาแฟ , กากปาล์ม ,และรำข้าวละเอียดมาผสมกับปุ๋ยยุเรีย แล้วใช้พลั่วเคล้าให้เข้ากัน 2. หลักจากคลุกเคล้าเสร็จเรียบร้อยให้นำกากน้ำตาลมาผสมให้เข้ากัน ขณะผสมให้เติมน้ำเพื่อเพิ่มความชื้น 3. ปริมาณความชื้นดังกล่าววัดได้โดยการนำมูลสัตว์ที่ผสมเรียบร้อยแล้ว นำมากำด้วยมือถ้าปล่อยมือออกมูลสัตว์ยังคงรุปได้แสดงว่าปุ๋ยมีความชื้นพอเหมาะ แต่ถ้ากำแล้วปล่อยก้อนมูลสัตว์ออกเป็นก้อนๆแสดงว่าปริมาณน้ำยังไม่พอ ให้เติมน้ำอีก 4. หลังจากที่ผสมคลุกเคล้าแล้วให้พลาสติกหรือผ้าใบมาคลุมเพื่อป้องกันฝนและไม่ให้ความชื้นระเหยออก 5. หลังจากนั้น 3 วันให้ทำการกลับกองปุ๋ยครั้งที่ 1 และถัดจากนั้น 3 วันนับไปอีก 7 วัน กลับกองปุ๋ยเป็นครั้งที่ 2 และครั้งต่อไปทุกๆ 7 วันจนกว่ากองปุ๋ยไม่มีความร้อน มีสีดำและร่วนซุย ได้ปุ๋ยทั้งหมด 700กิโลกรัม กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนดำเนินการทำปุ๋ยในแปลงสาธิตสมาชิกกลุ่ม โดยวัสดุที่ใช้ทำปุ๋ยส่วนใหญ่เช่น มูลสัตว์ ขุยมะพร้าว เปลือกกาแฟ และซังปาล์มจะใช้จากที่มีอยู่ในชุมชน กิจกรรมที่ทำจริง1.ฟังบรรยายถึงประโยชน์ของปุ๋ยอินทรีย์และการทำปุ๋ยอินทรียืไว้ใช้ในแปลงจากวิทยากรในหมู่บ้าน 2.จัดหาอุปกรณ์เพื่อที่จะทำปุ๋ยอินทรีย์ 3.ลงมือทำปุ๋ยอินทรีย์
|
30 | 55 |
8. ทบทวนกิจกรรมของทุกกลุ่มเพื่อการดำรงชีวิตที่รู้จักพอประมาณ |
||
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อทบทวนกิจกรรมของทุกกลุ่มในการดำรงชีวิตที่รู้จักพอประมาณ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงทบทวนกิจกรรมของทุกกลุ่มเพื่อการดำรงชีวิตที่รู้จักพอประมาณ คณะกรรมการและสมาชิกได้รับรู้ถึงกิจกรรมที่ทำผ่านมาของทุกกลุ่ม รู้จักการนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและครัวเรือน อยู่อย่างพอเพียง รู้จักใช้ รู้จักประหยัด และรู้จักใช้อย่างจำเป็น คณะกรรมการโครงการรับทำตนเองเป็นต้นแบบ กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนจัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อทบทวนกิจกรรมของทุกกลุ่มเพื่อการดำรงชีวิตที่รู้จักพอประมาณ กิจกรรมที่ทำจริงทบทวนกิจกรรมของทุกกลุ่มเพื่อการดำรงชีวิตที่รู้จักพอประมาณ
|
32 | 49 |
9. แลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายนอกหมู่บ้าน |
||
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อทราบถึงแนวทางและความรู้ที่สามารถนำมาปรับใช้ในสวนสมุนไพร ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงศึกษาดุงาน ณ โครงการอนุรักษพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดําริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร
1. พื่นที่ทั้งหมด มี 1,945 ไร่ แบ่งเป็น กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายนอกหมู่บ้าน 1. ศึกษาดุงาน ณ โครงการอนุรักษพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดําริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร ตําบลสลุยและตําบล สองพี่นอง อําเภอทาแซะ จังหวดชุมพร 2. ศึกษาดูงาน ณ โรงพยาบาลท่าแซะ กิจกรรมที่ทำจริง
|
20 | 12 |
10. ปรับวิถีชีวิตชุมชนกิจกรรมที่เน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม |
||
วันที่ 8 มีนาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อปรับวิถีชีวิตชุมชนกิจกรรมที่เน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการมีการประชุมปรับกิจกรรมให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่ฝนแล้งทำให้พืชผักในแปลงสาธิตตายลงบางส่วนเนื่องจากการขาดนำ้ จึงมีมติให้สมาชิกกลุ่มปรับวิธีการปลูกที่บ้านของสมาชิกเองเพราะมีแหล่งนำ้และสะดวกต่อการดูแลรักษาและทุกคนในครัวเรือนได้มีเวลาใกล้ชิดกันในการทำกิจกรรมร่วมกันอีกด้วย เพื่อทำให้กลุ่มสามารถเดินต่อไปได้ และมีผลผลิตอย่างต่อเนื่องของโครงการและชุมชน ในการสมาชิกกลุ่มและผู้นำชุมชนเห็นชอบด้วยและเน้นให้ทุกครัวเรือนนำไปปฏิบัติ โดยกำหนดว่าทุกครัวเรือนต้องมีพืชผักสมุนไพรที่ปลอดสารพิษอย่างน้อย ๕ชนิด และแกนนำชุมชนต้องเป็นแบบอย่างที่ดี กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนจัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อจัดกิจกรรมที่เน้นการปรับวิถีชีวิตชุมชนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีในชุมชน กิจกรรมที่ทำจริงจัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อจัดกิจกรรมที่เน้นการปรับวิถีชีวิตชุมชนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีในชุมชน
|
32 | 102 |
11. ทำเครื่องแกง |
||
วันที่ 15 มีนาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อทราบถึงวิธีการทำเครื่องแกง และการจัดเตรียมวัตถุดิบ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนทำเครื่องแกงสมุนไพรในแต่ละครัวเรือนของกลุ่มสมาชิกแปรรูปสมุนไพร(ทำเครื่องแกง) กิจกรรมที่ทำจริง1.จัดเตรียมวัตถุดิบ และวัสดุอุปกรณ์ 2.ลงมือทำเครื่องแกง ได้แก่ เครื่องแกงกะทิ เครื่องแกงคั่ว
|
30 | 15 |
12. ทำลูกประคบสมุนไพรในแต่ละครัวเรือน |
||
วันที่ 17 มีนาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อทำลูกประคบสมุนไพรในแต่ละครัวเรือน ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงสมาชิกกลุ่มทั้งหมดได้นำสมุนไพรที่ตนเองปลูกไว้และที่แปลงสาธิตนำมาจัดทำแปรรูปเป็นลูกประคบสมุนไพรโดยมีปราชญ์ชาวบ้านเป็นผู้สอนและมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข(แผนไทย)เป็นผู้ควบคุมดูแล สมาชิกสามารถนำไปทำที่กลุ่มบ้านของตนเองได้และนำส่งให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้กับผู้รับบริการที่รพสต.สลุย และเป็นรายได้เสริมกับสมาชิก
การประคบสมุนไพร
การประคบสมุนไพร คือการใช้สมุนไพรหลายอย่างมาห่อรวมกัน ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหย โดยนำมานึ่งให้ร้อนประคบบริเวณที่ปวดหรือเคล็ดขัดยอกซึ่งน้ำมันหอมระเหยเมื่อถูกความร้อน จะระเหยออกมา ความร้อนจากลูกประคบจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และยังมีสารสำคัญจากสมุนไพรบางชนิดที่ซึมเข้าทางผิวหนัง ช่วยรักษาอาการเคล็ด ขัด ยอก และลดปวดได้
ตัวยาที่นิยมใช้ทำลูกประคบ
1. ไพล (500 กรัม) แก้ปวดเมื่อยลดการอักเสบ
2. ผิวมะกรูดถ้าไม่มีใช้ใบแทนได้ (200 กรัม) มีน้ำมันหอมระเหย แก้ลมวิงเวียน
3. ตะไคร้บ้าน (100 กรัม) แต่งกลิ่น
4. ใบมะขาม (300 กรัม) แก้อาการคันตามร่างกาย ช่วยบำรุงผิว
5. ขมิ้นชัน (100 กรัม) ช่วยลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนัง
6. เกลือ (1 ช้อนโต๊ะ) ช่วยดูดความร้อนและช่วยพาตัวยาซึมผ่านผิวหนังได้สะดวกขึ้น
7. การบูร (2 ช้อนโต๊ะ) แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ
8. ใบส้มป่อย (100 กรัม) ช่วยบำรุงผิว แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน
วิธีการทำลูกประคบ
1. หั่นหัวไพล, ขมิ้นชัน. ต้นตะไคร้, ผิวมะกรูด, ตำพอหยาบ ๆ (เวลาประคบจะทำให้ระคายผิว)
2. นำใบมะขาม, ใบส้มป่อย(เฉพาะใบ)ผสมกับสมุนไพร ข้อ1 เสร็จแล้วให้ใส่เกลือ, การบูร คลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกันแต่อย่าให้แฉะเป็นน้ำ
3. แบ่งตัวยาที่เรียบร้อยแล้วใส่ผ้าดิบห่อเป็นลูกประคบประมาณลูกส้มโอ รัดด้วยเชือกให้แน่น (ลูกประคบเวลาถูกความร้อนยาสมุนไพรจะฝ่อลงให้รัดใหม่ให้แน่นเหมือนเดิม)
4. นำลูกประคบที่ได้ไปนึ่งในหม้อนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 15-20 นาที
5. นำลูกประคบที่รับความร้อนได้ที่แล้วมาประคบคนไข้ที่มีอาการต่าง ๆ โดยสับเปลี่ยนลูกประคบ
วิธีการประคบ
1. จัดท่าคนไข้ให้เหมาะสม เช่น นอนหงาย, นั่ง, นอนตะแคง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่จะทำการประคบสมุนไพร
2. นำลูกประคบที่รับความร้อนได้ที่แล้วมาประคบบริเวณที่ต้องการประคบ (การทดสอบความร้อนของลูกประคบคือแตะที่ท้องแขนหรือหลังมือ)
3. ในการวางลูกประคบบนผิวหนังคนไข้โดยตรงในช่วงแรก ๆ ต้องทำด้วยความเร็ว ไม่วางแช่นาน ๆ เพราะคนไข้จะทนความร้อนไม่ได้มาก
4. เมื่อลูกประคบคลายความร้อนลงก็สามารถเปลี่ยนลูกประคบอีกลูกหนึ่งแทน (นำลูกเดิมไปนึ่งต่อ) ทำซ้ำตาม ข้อ 2,3,4
ประโยชน์ของการประคบ
จากตัวยาสมุนไพรและความร้อน
1. บรรเทาอาการปวดเมื่อย
2. ลดอาการบวม อักเสบของกล้ามเนื้อ, เอ็น, ข้อต่อหลัง 24-48 ชั่วโมง
3. ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
4. ช่วยให้เนื้อเยื่อ, พังผืด ยึดตัวออก
5. ลดการติดขัดของข้อต่อ
6. ลดอาการปวด
7. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ข้อควรระวัง
1. ห้ามใช้ลูกประคบที่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะกับบริเวณผิวหนังอ่อน ๆ หรือบริเวณที่เคยเป็นแผลมาก่อน ถ้าต้องการใช้ควรมีผ้าขนหนูรองก่อนหรือรอจนกว่าลูกประคบจะคลายร้อนลงจากเดิม
2. ควรระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยเบาหวาน อัมพาต เด็ก และผู้สูงอายุ เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวความรู้สึกตอบสนองต่อความร้อนช้า อาจจะทำให้ผิวหนังไหม้ พองได้ง่าย ถ้าต้องการใช้ควรจะ "ใช้ลูกประคบที่อุ่น ๆ"
3. ไม่ควรใช้ลูกประคบสมุนไพรในกรณีที่มีแผล การอักเสบ (ปวด, บวม, แดง, ร้อน) ในช่วง 24 ชั่วโมง
4. หลังจากประคบสมุนไพรแล้ว ไม่ควรอาบน้ำทันทีเพราะจะไปชะล้างตัวยาออกจากผิวหนัง และอุณภูมิของร่างกายปรับเปลี่ยนไม่ทันอาจจะทำให้เป็นไข้ได้
วิธีเก็บรักษา
1. ลูกประคบสมุนไพรที่ทำในแต่ละครั้ง สามารถเก็บไว้ใช้ซ้ำได้ 3-5 วัน
2. ควรเก็บลูกประคบไว้ในตู้เย็น จะทำให้เก็บได้นานขึ้น (ควรเช็คลูกประคบด้วย ถ้ามีกลิ่นบูดหรือเหม็นเปรี้ยวไม่ควรเก็บไว้)
3. ถ้าลูกประคบแห้ง ก่อนใช้ควรพรมด้วยน้ำหรือเหล้าขาว
4. ถ้าลูกประคบที่ใช้ไม่มีสีเหลืองหรือสีเหลืองอ่อนลงแสดงว่ายาที่ใช้จืดแล้ว (คุณภาพน้อยลง) จะใช้ไม่ได้ผลควรเปลี่ยนลูกประคบใหม่
กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนทำลูกประคบสมุนไพรในแต่ละครัวเรือน กิจกรรมที่ทำจริงจัดทำลูกประคบสมุนไพร
|
30 | 30 |
13. การแบ่งปันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน |
||
วันที่ 8 เมษายน 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อทราบถึงการแบ่งปันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงมีการประชุมทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะกรรมการชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อนำปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานมาปรับปรุงแก้ไข ช่วยเหลือและแบ่งปันในส่วนต่าง ๆที่ทีมงานต้องให้ความร่วมมือและขอความช่วยเหลือจากส่วนต่างๆ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในครั้งนี้ทำให้ทีมงานต้องปรับหน้าที่ในการสรุปผลการดำเนินการ การรวบรวมผลงานและรายได้ที่เกิดขึ้นทั้งที่เป็นส่วนรวมและของกลุ่ม มีการมอบหมายหน้าที่ เพื่อที่จะนำเข้าที่ประชุมในครั้งต่อไป กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนจัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อการแบ่งปันและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กิจกรรมที่ทำจริงประชุมร่วมกันของคณะกรรมการชุมชน คณะกรรมการโครงการ และประชาชนในชุมชนเพื่อทบทวนผลการดำเนินกิจกรรมที่ผ่านมา
|
32 | 55 |
14. สรุปผลการดำเนินงานโครงการ |
||
วันที่ 8 พฤษภาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อสรุปกิจกรรมโครงการทั้งหมดและนำเสนอในที่ประชุมหมู่บ้านให้ประชาชนทราบและหาแนวทางการจัดกิจกรรมต่อเนื่องต่อไป ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงผลการการดำเนินงานโครงการของกลุ่มสิ่งประดิษฐ์และกลุ่มพืชสมุนไพรที่มีการจัดกิจกรรมการปลูกพืชและทำปุ๋ย รวมทั้งแปรรูปได้เป็นลูกประคบ การะบูนผ้าใยบัวดูดสารพิษ ขายให้กับชุมชนและรพสต.สลุย และมีการปันส่วนเป็นค่าบริหารจัดการของกลุ่มจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีรายได้ในระยะแรก 2,350 บาท จากการหักจากรายได้ร้อยละ 20 แล้วเก็บไว้ที่กรรมการกลุ่ม และกลุ่มต้องมีการประชุมอย่างต่อเนื่อง มีการเก็บรายได้นั้น และอื่น ๆ ชุมชนรับทราบทุกกิจกรรมที่ผ่านมา คนในชุมชนเข้าใจและมีการเสนอให้ขยายของกลุ่มไปยังครอบครัวของสมาชิกได้ผลดีต่อไปทางกลุ่มหาข้อมูลเพิ่มเพื่อเป็นแนวทางต่อไป เช่นเรื่องเด็กและเยาวชน ผู้ด้อยโอกาส กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนจัดประชุมคณะกรรมการกลุ่มชุมชนและคณะกรรมการโครงการเพื่อสรุปกิจกรรมและประชาชนผู้ที่เกี่ยวข้อง กิจกรรมที่ทำจริงคณะกรรมการโครงการประชุมสรุปผลกิจกรรมในช่วงเช้าเพื่อนำผลสรุปกิจกรรมทั้งหมดเสนอในเวทีประชุมประจำเดือนหมู่บ้านในตอนเที่ยงถึงเย็น
|
150 | 150 |
15. พบพี่เลี้ยงโครงการเพื่อจัดทำรายงานสรุปปิดโครงการ |
||
วันที่ 11 พฤษภาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อตรวจสอบเอกสารและจัดทำรายงานปิดโครงการ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง-ตรวจสอบเอกสารและจัดทำรายงานปิดโครงการ กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนตรวจสอบเอกสารและจัดทำรายงานปิดโครงการ กิจกรรมที่ทำจริงตรวจสอบเอกสารและจัดทำรายงานปิดโครงการ
|
2 | 2 |
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความก้าวหน้าของการดำเนินงานโครงการและปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินโครงการ
ประเมินความก้าวหน้าของการดำเนินงานโครงการ
การดำเนินงานเมื่อเทียบกับการดำเนินงานทั้งโครงการ | ทั้งหมด | ทำแล้ว | 10% | 20% | 30% | 40% | 50% | 60% | 70% | 80% | 90% | 100% |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
การทำกิจกรรม | 29 | 29 | ✔ | |||||||||
การใช้จ่ายงบประมาณ | 137,750.00 | 139,422.00 | ||||||||||
คุณภาพกิจกรรม | 116 | 75 | ✔ |
ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินงานโครงการ (สรุปเป็นข้อ ๆ)
ประเด็นปัญหา/อุปสรรค | สาเหตุเพราะ | แนวทางการแก้ไขของผู้รับทุน |
---|---|---|
|
|
|
แผนงาน/กิจกรรม ที่จะดำเนินการในงวดต่อไป
(................................)
นางเกศินี สุวรรณรัตน์
ผู้รับผิดชอบโครงการ