แบบรายงานผลการดำเนินโครงการประจำงวด 2
ชื่อโครงการ พัฒนาชุมชนราษฏร์บำรุงแบบเศรษฐกิจพอเพียง
ชุมชน ชุมชนราษฎร์บำรุง 222/1 ถ.ราษฎร์บำรุง ต.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 82110
รหัสโครงการ 57-02545 เลขที่ข้อตกลง 58-00-0103
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 16 ตุลาคม 2557 ถึง 15 พฤศจิกายน 2558
รายงานงวดที่ : 2 จากเดือน มีนาคม 2558 ถึงเดือน พฤศจิกายน 2558
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินโครงการ (แสดงผลการดำเนินงานรายกิจกรรมที่แสดงผลผลิตและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์** กิจกรรมของโครงการ | ผลผลิต* | |
---|---|---|
ผลผลิตที่ตั้งไว้ | ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง | |
1. -สรุปเป็นบทเรียนสำหรับเด็กและเยาวชน และผู้สนใจ |
||
วันที่ 30 มีนาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้1.เพื่อสรุปบทเรียนและองค์ความรู้จากโครงการ พัฒนาเป็นหลักสูตรท้องถิ่น 2.เพื่อนำบทเรียนและองค์ความรู้ที่ได้รับจากโครงการ ไปใช้ในการพัฒนา ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงได้หลักสูตรชุมชนและหลักสูตรอาหารพื้นบ้านลดหวานมันเค็ม กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน1.ลงทะเบียน 2.แนะนำปราชญ์ชาวบ้านและแกนนำให้เด็กๆรู้จัก 3.ดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ 4.พักรับประธานอาหาร 5.ทำกิจกรรม 6.จบกิจกกรม กิจกรรมที่ทำจริง1.ลงทะเบียน 2.แนะนำปราชญ์ชาวบ้านและแกนนำให้เด็กๆรู้จัก 3.ดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ 4.พักรับประธานอาหาร 5.ทำกิจกรรม 6.จบกิจกกรม
|
30 | 35 |
2. พัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น |
||
วันที่ 1 เมษายน 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อเตรียมการตามหลักสูตรท้องถิ่น ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงได้หลักสูตรต่างๆ และทำให้เห็นถึงความสามัคคีของชุมชน โดยมีผู้ให้ข้อมูลหลักสูตร คือ นายป่า ดอกไม้ กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนนำหลักสู่มาพัฒนาท้องถิ่นให้น่าอยู่ 1. ลงทะเบียน
5.ปิดกิจกรรมวันนี้ กิจกรรมที่ทำจริงนำหลักสู่มาพัฒนาท้องถิ่นให้น่าอยู่
5.ปิดกิจกรรมวันนี้
|
70 | 72 |
3. สืบถอดด้านวัฒนธรรมไทยเชื้อสายจีน |
||
วันที่ 3 เมษายน 2558 เวลา 09:00-16.00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อให้คนชุมชนได้รับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้านประเพณีไทยเชื้อสายจีน รักษาและอนุรักษ์ไว้ ให้ลูกหลานได้สืบทอด ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงกิจกรรมเป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหาต่อการดำเนินงานใดๆ ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ได้รับประโยชน์และความรู้ต่างๆจากการทำกิจกรรมนี้เป็นอย่างมาก พิธี เช็งเม้ง (ไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน ) ความหมาย ความรู้จากการทำพิธีนั้นต้องเป็นบุคคลที่มีความตั้งใจ ใจรักและมีศีลธรมม และยังมีการทำพิธีถือศีลกินเจที่ลูกหลานช่วยกันอนุรักษ์อีกด้วย ประเพณีกินเจ
ประวัติ
เทศกาลเจ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้วในประเทศจีน ตามตำนานระบุว่า เกิดขึ้นในสมัยที่ชาวจีนถูกแมนจูเข้ามาปกครอง และบังคับชนชาติจีนยอมรับวัฒนธรรมของตนสมัยนั้นเองมีคนจีนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันต่อต้านแมนจู โดยใช้หลักทางธรรมเข้าร่วมด้วย ชาวจีนกลุ่มนี้นุ่งขาว ห่มขาว และไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ตามความเชื่อว่า การประพฤติปฏิบัติตามแนวทางนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเองได้ คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า “หงี่หั่วท้วง” แต่ท้ายที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อแมนจู และพลีชีพไปจำนวนมากทุกวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของแมนจู จึงพร้อมใจกันถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึง “หงี่หั่วท้วง”นอกจากนั้น การกินเจยังเชื่อกันว่าเพื่อเป็นการสักการะพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ หรือดาวนพเคราะห์ทั้ง 9ในพิธีกรรมนี้งดเว้นการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต หันมาบำเพ็ญศีล โดยตั้งปณิธานการกินเจ งดเว้นอาหารคาว เพื่อสมาทานศีลคือ
1. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาบำรุงชีวิตของตน
2. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเลือดของตน
3. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเนื้อของตน
เทศกาลกินเจของคนเชื้อสายจีนในไทยก็เป็นไปตามความเชื่อข้างต้น ความหมายของเจ
คำว่า “เจ” ในภาษาจีนทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานมีความหมายว่า “อุโบสถ” เดิมหมายความว่า “การรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน” ตามแบบอย่างของชาวพุทธที่รักษาอุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 ที่จะไม่รับประทานอาหารหลังเที่ยงวันไปแล้ว แต่สำหรับพุทธนิกายมหายานนั้น การรักษาอุโบสถศีลจะรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วย เราจึงนิยมเรียกการไม่ทานเนื้อสัตว์รวมไปกับการกินเจ ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่า “กินเจ” ดังนั้นความหมายของคนกินเจ ไม่เพียงแต่ไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด ทั้งกาย วาจา ใจ การกินเจ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถึง การถือศีลอย่างญวนและจีนที่ไม่กินของสดคาว แต่บริโภคอาหารประเภทผักที่ไม่มีของสดของคาวผสม ซึ่งมาจากรากศัพท์คำภาษาจีนที่ว่า “เจียฉ่าย” หมายถึง การกินอาหารผัก อาหารที่มาจากพืชผักธรรมชาติ ไม่มีเนื้อสัตว์ปะปน และไม่ปรุงด้วยผักฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ และงดเว้นน้ำนมสด นมข้นด้วย เพราะถือว่าเป็นของสดของคาว
ช่วงเวลา ประกอบพิธี ๙ วัน ตั้งแต่วันขึ้น ๑ ค่ำ ถึง ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ของจีน (ตรงกับเดือน ๑๑ ของไทย)
ช่วงเวลากินเจ
ประเพณีกินเจที่ชาวจีนเรียกกันว่า “เก้าอ๊วงเจ” หรือ “กิ้วอ๊วงเจ” แปลว่า “เจเดือน 9″ เริ่มต้นในวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน รวม 9 วัน 9 คืน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย (ตามปฏิทินสากล) คำว่า “เก้าอ๊วง” หรือ “กิ้วอ๊วง” แปลว่า “พระราชา 9 องค์” หรือนพราชา หมายถึงผู้เป็นใหญ่ทั้ง 9 ซึ่งเป็นที่มาของประเพณีกินผักกินเจ
จุดประสงค์หลักของการกินเจ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
1. กินเพื่อสุขภาพ เพราะอาหารเจเป็นอาหารชีวจิต เมื่อกินติดต่อกัน จะทำให้ร่างกายสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้ และปรับระบบต่าง ๆ ในร่างกายให้มีเสถียรภาพ
2. กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากทุก ๆ วัน อาหารที่เรากินประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้ที่มีจิตใจดีงามจึงไม่สามารถกินเนื้อของสัตว์เหล่านั้นได้
3. กินเพื่อเว้นกรรม เพราะการฆ่าเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นของเราเป็นการสร้างกรรม แม้จะไม่ได้ลงมือฆ่าเองก็ตาม เพราะการซื้อผู้อื่นเท่ากับการจ้างฆ่า ถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย ผู้ที่เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมจึงหยุดกิน หันมารับประทานอาหารเจแทน โดยไม่เห็นแก่ความอร่อยในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ให้อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น
พิธีกรรม การประกอบพิธีกรรมกินผัก ก่อนพิธี ๑ วัน จะมีการทำความสะอาดศาลเจ้า รมกำยานไม้หอม และมีการยกเสาธงไว้หน้าศาลเจ้า สำหรับอันเชิญดวงวิญญาณของเจ้า เที่ยงคืนก็ประกอบพิธีอัญเชิญยกอ๋องฮ่องเต้ (พระอิศวร) และกิ๋วอ๋องไตเต หรือกิวอ่องฮุดโจ้ว (ผู้เป็นใหญ่ทั้ง ๙) มาเป็นประธานในพิธี จากนั้นก็แขวนตะเกียงน้ำมัน ๙ ดวง อันเป็นสัญลักษณ์ของดวงวิญญาณกิ๋วอ๋องไตเต ไว้บนเสาธง อันเป็นการแสดงว่าพิธีกินผักเริ่มขึ้นแล้ว การใช้ตะเกียงน้ำมัน ๙ ดวง ก็เพื่อให้หมายถึงดวงวิญญาณของกิ๋วอ๋องไตเต หรือ เก้าอ๊วงไตเต คำว่า "เก้าอ๊วงไตเต" หรือกิ๋วอ๋อง แปลว่า นพราชา ตามตำราโหราศาสตร์จีน ก็หมายถึงดาวนพเคราะห์ โดยเชื่อกันว่าดาวเคราะห์ ๙ ดวงนี้ เกิดจากการแบ่งภาคของเทพเจ้า ๙ องค์ ซึ่งทรงอำนาจมาก บริหารธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุทอง เทพเจ้าทั้ง ๙ นี้ เกิดจากการแบ่งภาคของอดีตพระพุทธเจ้า ๗ องค์ กับพระมหาโพธิสัตว์อีก ๒ องค์ เทพเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์นี้มีคุณแก่โลกมาก เพราะธาตุทั้งหลายที่พระองค์ประทานให้เป็นของจำเป็นในสรรพสังขาร์ หลังจากทำพิธีรับเจ้ามาเป็นประธานในศาลแล้วก็ทำพิธีวางกำลังทหารรักษาการตามทิศเรียกว่า พิธี "ปังเอี้ย" หรือ ปั้งกุ๊น" พิธีนี้จะใช้ธงสีต่าง ไปปักเป็นสัญลักษณ์การวางกำลังทหาร ถือเอาสมัยซ้องคือการวางกำลังทำทิศ ในช่วงเวลาทำพิธี ๙ วัน จะมีพิธีย่อย ๆ หลายอย่างได้แก่ ๑. พิธีบูชาเจ้า ในวันแรกของพิธีจะมีการบูชาเจ้าด้วยเครื่องเซ่น และตามบ้านของผู้กินผัก เมื่อกินผักได้ครบ ๓ วัน จะถือว่าผู้นั้นสะอาดบริสุทธิ์ หรือที่เรียกว่า "เช้ง" ตอนนี้จะมีการทำพิธีเชิญเจ้า ๒ องค์ มาร่วมพิธี องค์แรกเป็นเจ้าซึ่งทำหน้าที่สำรวจผู้มาเกิดชื่อ "ล้ำเต้า" อีกองค์เป็นเจ้าซึ่งทำหน้าที่สำรวจผู้ตายไปชื่อ "ปักเต้า" ๒. พิธีโขกุ้น หมายถึงการเลี้ยงทหาร ซึงทำพิธีในวัน ๓ ค่ำ ๖ ค่ำ และ ๙ ค่ำ หลังเที่ยงเมื่อเริ่มพิธีต้องมีการเตรียมอาหาร และเหล้าสำหรับเซ่นสังเวย เลี้ยงทหารและมีหญ้าหรือพวกถั่ว เพื่อเป็นอาหารของม้า หรือเมื่อเสร็จพิธีแล้วตอนกลางคืนจะเรียกตรวจพลทหารตามทิศเรียกว่า "เซี่ยมเมี้ย" ๓. พิธีซ้องเก็ง เป็นการสวดมนต์โดยจะเริ่มทำการสวดมนต์ตั้งแต่เมื่อพระกิวอ๋องไตเต หนือกิวอ๋องฮุดโจ้วเข้ามาประทับในโรงพระ และจัดทำพิธีสวดวันละ ๒ ครั้ง ในตอนเช้าและตอนย่ำค่ำ เป็นลักษณะการสวดมนต์เช้า และสวดมนต์เย็น โดยเฉพาะกลางคืน หลังจากสวดมนต์ซึ่งใช้บทสวดคือ ปักเต้าเก็ง ก็จะมีการ "ตักซ้อ" คืออ่านรายชื่อของผู้ที่เข้าร่วมกินเจ ซึ่งอ่านต่อหน้าแท่นบูชา เป็นลักษณะการเบิกตัวเข้าเฝ้า ๔. พิธีบูชาดาว จะทำในคืนวัน ๗ ค่ำ เพื่อขอให้ช่วยคุ้มครองผู้กินผัก ๕. พระออกเที่ยว หรือการแห่เจ้า เป็นการออกเพื่อโปรดสัตว์ออกเยี่ยมประชาชนเคารพนับถือ โดยจะมีขบวนธงและป้ายชื่อแห่นำหน้า จากนั้นก็จะเป็นการเกี้ยวหามพระเรียกว่า "ถ้วยเปี๊ย" โดยจะหามรูปพระบูชาต่าง ๆ ออกนั่งเกี้ยวไป ซึ่งจะจัดตามชั้น และยศของพระ เช่น จากสิญูขึ้นไปก็เป็นง่วนโส่ย สูงไปอีกก็เป็นไต่เต้ สูงขึ้นไปเป็นฮุด จากนั้นจะเป็นขบวนเกี้ยวใหญ่ ซึ่งมักจะใช้คน ๘ คน และมีฉัตรจีนกั้นไปด้วย จะเป็นที่ประทับของกิวอ๋องฮุดโจ้ว ในขณะที่ขบวนแห่ผ่านไป ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะบูชาหน้าบ้าน และจุดประทัดต้อนรับขบวนเมื่อผ่านไปถึง ๖. การลุยไฟ กองไฟถือว่าเป็นกองไฟศักดิ์สิทธิ์ ในแง่ความศักดิ์สิทธิ์เป็นการแสดงถึงอิทธิฤทธิ์ที่บังคับไฟไม่ให้ร้อนหรืออาจจะถือว่าเป็นไฟทิพย์ ใช้ชำระความสกปรกของร่างกายให้บริสุทธิ์โดยลุยทั้งคนทรงเจ้าที่กำลังประทับทรง หรือประชาชนโดยทั่วไปก็ได้ ๗. พิธีส่งพระ ทำในวันสุดท้ายของการถือศีลกินผัก โดยตอนกลางวันจะมีการส่งเทวดา มักจะส่งกันที่หน้าเสาธง ส่วนตอนกลางคืนจะมีการส่งพระกิวอ๋องฮุดโจ้วกลับสวรรค์ โดยส่งกลับทางทะเล เมื่อขบวนส่งออกพ้นประตู ไฟทุกดวงในโรงพระต้องดับสนิทหมดแล้ว ตะเกียงที่เสาธงจะถูกดึงขึ้นสูงสุดตอนเช้าของวันแรก หลังจากเสร็จงานกินผักจะมีการลงเสาธง และเรียกกำลังทหารกลับ หลังจากที่เลี้ยงทหารเสร็จแล้ว จากนั้นก็เปิดประตูใหญ่ เมื่อได้ฤกษ์เปิดตามวันในปฏิทิน หรือตามที่เจ้าสั่งไว้ ตำนานการกินเจ ตำนานที่มาของการกินเจ มีเรื่องเล่าอยู่ถึง 7 เรื่องได้แก่ ตำนานที่ 1 รำลึกถึงวีรชนทั้ง 9 เทศกาลกินเจเริ่มขึ้นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว โดยชาวจีนกินเจเป็นการบำเพ็ญกุศลเพื่อรำลึกถึงวีรชน 9 คน ซึ่งเรียกว่า “หงี่หั่วท้วง” ซึ่งได้ต่อสู้กับชาวแมนจูผู้รุกรานอย่างกล้าหาญ ถึงแม้จะแพ้และต้องตายก็ตาม ดังนั้นเมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของชาวแมนจู จึงพากันนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึงเหล่านักสู้ “หงี่หั่วท้วง” ที่ได้ต่อสู้พลีชีพในครั้งนั้น เพราะเชื่อว่าการปฏิบัติเช่นนี้จะช่วยชำระจิตวิญญาณเกิดความเข้มแข็งทางร่างกายและจิตใจ ตำนานที่ 2 บูชาพระพุทธเจ้า เชื่อว่า เป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการะบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า “ดาวนพเคราะห์” ทั้ง 9 ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ ในพิธีกรรมบูชานี้ สาธุชนในพระพุทธศาสนาจะสละเวลาทางโลกมาบำเพ็ญศีล งดเว้นเนื้อสัตว์ และแต่งกายด้วยชุดขาว ตำนานที่ 3 เก้าอ๊องฝ่ายมหายาน กล่าวไว้ว่า การกินเจเป็นพิธีปฏิบัติที่สืบต่อกันมาของชาวจีนในประเทศไทย เพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ ดังมีในพระสูตร ปั๊กเต๊าโก๋ว ฮุดเชียวไจเอียงชั่วเมียวเกง กล่าวไว้คือ พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธะ พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพุทธะ พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรย์พุทธะ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ คือพระศรีสุขโลกปัทมอรรถอลังการโพธิสัตว์และพระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวรโพธิสัตว์ รวมเป็น 9 พระองค์ (หรือ “เก้าอ๊อง”)ทรงตั้งปณิธานจักโปรดสัตว์โลก จึงได้แบ่งกายมาเป็นเทพเจ้า 9 พระองค์ด้วยกันคือ ไต้อวยเอี๊ยงเม้งทัมหลังไทแชกุน ไต้เจียกอิมเจ็งกื้อมึ้งงวนแชกุน ไต้กวนจิงหยิ้งลุกช้งเจงแชกุน ไต้ฮั่งเฮี่ยงเม้งม่งเคียกนิวแชกุน ไต้ปิ๊กตังง้วนเนี้ยบเจงกังแชกุน ไต้โพ้วปั๊กเก๊กบู๊เอียกกี่แชกุน ไต้เพียวเทียนกวนพัวกุงกวนแชกุน ไต้ตั่งเม้งงั่วคูแชกุน ฮุ้ยกวงไตเพียกแชกุน เทพเจ้าทั้ง 9 พระองค์ ทรงอำนาจตบะอันเรืองฤทธิ์บริหารธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง ทั่วทุกพิภพน้อยใหญ่สารทิศ ตำนานที่ 4 พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้อง เชื่อว่า การกินเจกินเจเป็นการบูชากษัตริย์เป๊ง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ้องซึ่งสิ้นพระชนม์โดยทรงทำอัตวินิบาตกรรม (การฆ่าตัวตาย) ในขณะที่เสด็จไต้หวันโดยทางเรือ เมื่อมีพระชนนมายุได้ 9 พรรษา พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้องนี้ มีแต่เฉพาะในมณฑลฮกเกี้ยนซึ่ง เป็นดินแดนผืนสุดท้ายของราชวงศ์ซ้องเท่านั้น โดยชาวฮกเกี้ยนได้จัดทำพิธีดังกล่าวนี้ขึ้นด้วยการอาศัยศาสนาบังหน้าการเมือง ประเพณีนี้เข้ามาสู่เมืองไทยโดยชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพจากฮกเกี้ยนนำมาเผยแผ่อีกทอดหนึ่ง ตำนานที่ 5 เล่าเอี๋ย เมื่อ 1,500 ปีก่อน ณ มณฑลกังไสซึ่งเป็นแ กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนวันที่ 1 1.ประชุม และวางแผน 2.บรรยายถึงลำดับขั้นตอนของกิจกรรม 3.รับฟังและทำกิจกรรมต่างๆ วันที่ 2 1.บรรยายถึงลำดับขั้นตอนของกิจกรรม 2.รับฟังและทำกิจกรรมต่างๆ 3.สรุปผลการทำกิจกรรม กิจกรรมที่ทำจริงวันที่ 1 1.ประชุม และวางแผน 2.บรรยายถึงลำดับขั้นตอนของกิจกรรม 3.รับฟังและทำกิจกรรมต่างๆ วันที่ 2 1.บรรยายถึงลำดับขั้นตอนของกิจกรรม 2.รับฟังและทำกิจกรรมต่างๆ 3.สรุปผลการทำกิจกรรม
|
150 | 155 |
4. สาธิตอาหารโดยใช่พืชผักสมุนไพร |
||
วันที่ 25 เมษายน 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อให้คนในชุมชนนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์การ ปลูกปลอดผักปลอดสารพิษ อย่างถูกวิธีการส่งเสริมด้านการบิโภคผักปลอดสารพิษ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงการทำกิจกรรมครั้งนี้ ได้วางแผนและตกลงกันไว้ว่า ทำการสาธิตทำอาหารด้วยพืชผักสมุนไพรคือ ข้าวยำ
สูตรการทำข้าวยำนั้นไม่ยากเกินไป สามารถนำไปสร้างรายได้ สูตรข้าวยำสมุนไพร (ข้าวยำ) ส่วนผสม 1.ข้าวสวย 2.หัวหอมแดง+กระเทียม+พริก 3.มะพร้าว 4.กุ้งแห้ง 5.กะปิ 6.พืชผัก+มะกรูด+ตะไคร้+ใบพาโหม 7.พริกไทยดำ+แตงกวา+สัปปะรด+ดอกอันชัญ วิธีทำ 1.เตรียมข้าวสวย 2.นำพริกกับกระเทียบและหัวหอมแดงมาคั่วให้มีกลิ่นหอม 3.นำข้าวสวยและสิ่งที่คั่วมาผสมให้เข้ากัน 4.นำผักชนิดต่างๆที่ล้างแล้วมาหั่นเป็นชิ้นพอดี 5.นำส่วนผสมมาคลุกคล้าให้เข้ากัน 6.จากนั้นนำมาใส่จานแล้วรับประทานได้เลย นำผักมากินคู่กันได้เลย. อาหารสมุนไพรมีประโยชน์ต่อร่างกาย กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนสาธิตอาหารโดยใช่พืชผักสมุนไพร กิจกรรมที่ทำจริง
|
150 | 152 |
5. สืบทอดด้านวัฒนธรรมไทย เช่นประเพณีเดิอนสิบไทย และ ประเพณีสงกรานต์ |
||
วันที่ 5 พฤษภาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อให้คนในชุมชนได้รู้ถึงวัฒนธรรมไทยรู้จักขนบธรรมเนียมไทยเพื่อร่วมอนุรักษ์ประเพณีท้องถิ่น ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
ความเชื่อ วันสารท เป็นวันที่ถือเป็นคติและเชื่อสืบกันมาว่า ญาติที่ล่วงลับไปแล้วจะมีโอกาสได้กลับมารับส่วนบุญจากญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น จึงมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติในวันนี้และเชื่อว่า หากทำบุญในวันนี้ไปให้ญาติแล้วญาติจะได้รับส่วนบุญได้เต็มที่และมีโอกาสหมดหนี้กรรม และได้ไปเกิดหรือมีความสุข อีกประการหนึ่งสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ทำนาเป็นอาชีพหลักในช่วงเดือน 10 นี้ ได้ปักดำข้าวกล้าลงในนาหมดแล้ว กำลังงอกงาม และรอเก็บเกี่ยวเมื่อสุก จึงมีเวลาว่างพอที่จะทำบุญเพื่อเลี้ยงตอบแทน และขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือแม่พระโพสพ หรือผีไร่ ผีนา ที่ช่วยรักษาข้าวกล้าในนาให้เจริญงอกงามดี และออกรวงจนสุกให้เก็บเกี่ยวได้ผลผลิตมาก ช่วงเวลา การปฏิบัติ ก่อนวันงาน ชาวบ้านจะทำขนมที่เรียกว่า กระยาสารท และขนมอื่น ๆ แล้วแต่ความนิยมของแต่ละท้องถิ่นในวันงาน ชาวบ้ายจัดแจงนำข้าวปลา อาหาร และข้าวกระยาสารทไปทำบุญตักบาตรที่วัดประจำหมู่บ้านทายก ทายิกา ไปถือศีล เข้าวัด ฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีลนำข้าวกระยาสารท หรือขนมอื่นไปฝากซึ่งกันและกันยังบ้านใกล้เรือนเคียง หรือหมู่ญาติมิตรที่อยู่บ้านไกลหรือถามข่าวคราวเยี่ยมเยือนกัน บางท้องถิ่นทำขนมสำหรับบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม่พระโพสพ ผีนา ผีไร่ด้วย เมื่อถวายพระสงฆ์เสร็จแล้วก็นำไปบูชาตามไร่นา โดยวางตามกิ่งไม้ต้นไม้ หรือที่จัดไว้เพื่อการนั้นโดยเฉพาะ กิจกรรมในวันสารท วิธีปฏิบัติในการทำบุญวันสารทจะมีความแตกต่างกันออกไป แล้วแต่หมู่บ้าน ชุมชน และขนบธรรมเนียมประเพณีตามภูมิภาคต่างๆ ควรยอมรับว่าแต่ละท้องถิ่นมีความแตกต่างกัน และปฏิบัติตามแต่ละท้องถิ่นจะนิยม การทำบุญวันสารท ควรถือเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ญาติสนิทมิตรสหายทั้งที่ล่วงลับไปแล้วและยังมี ชีวิตอยู่เพราะเป็นช่วงที่ว่างจากการทำนาบ้างหรือไม่เร่งรัดเหมือนกับช่วงปักดำ หรือช่วงเก็บเกี่ยว การไปวัดฟังธรรมในอดีต มักเป็นเรื่องของคนเฒ่าคนแก่เป็นส่วนใหญ่ในวันเช่นนี้ควรส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนและคนหนุ่มสาว ไปวัดทำบุญและรักษาศีลให้มากขึ้น เพราะเป็นวัยที่ยังมีพลังที่จะเป็นหลักต่อไปในอนาคต และเป็นช่วงเวลาที่ไม่เร่งรัดงานมากนัก พระสงฆ์ควรเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่ประเพณีวันสารทให้ประชาชนเข้าใจและรู้ซึ้งถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริง เพื่อส่งเสริมให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ควรส่งเสริมฟื้นฟูประเพณีวันสารท ให้มีการปฏิบัติกันอย่างกว้างขวางในหมู่คนไทยทุกกลุ่ม เพื่อเป็นที่รู้จักและแพร่หลายต่อไป ผลที่ได้จากประเพณี - เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพชนผู้มีพระคุณได้แสดงความเอื้อเฟื้อให้แก่เพื่อนบ้าน เป็นกาผูกมิตรไมตรีกันไว้ - เป็นการแสดงความเคารพ และอปจายนธรรมแก่ผู้หลักผู้ใหญ่ - เป็นการกระทำจิตใจของตนให้สะอาดหมดจดไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งความโลภ ขจัดความตระหนี่ได้ - เป็นการบำรุงหรือจรรโลงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป เทศกาลสงกรานต์ ประวัติ ประเพณีสงกรานต์ ถือเป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณ ตกอยู่ในวันที่ 13,14,15 เมษายนของทุกปี วันสงกรานต์จะเป็นวันที่ 13 วันมหาสงกรานต์ วันที่ 14 เป็นวันเนา วันที่ 15 เป็นวันเถลิงศก ซึ่งเป็นระยะเวลาเข้าฤดูรัอนที่เสร็จจากการเก็บเกี่ยวข้าว จึงว่างจากงานประจำ ประชาชนจะจัดให้มีกิจกรรมที่ถือเป็นปฏิบัติเป็นกิจกรรมของชุมชน แสดงออกถึงความพร้อมเพรียงในการตระเตรียมทำความสะอาดบ้านเรือน วัด ความพร้อมใจกันทำบุญให้ทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญุกตเวทีต่อบรรพบุรุษและบุพการี การสรงน้ำพระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ การเล่นรื่นเริง เช่น การเล่นพื้นบ้าน พื้นเมืองต่างๆ และสิ่งที่เป็นการเล่นซึ่งแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของเทศกาลนี้คือ การเล่นสาดน้ำของหนุ่มสาวและเด็กด้วยน้ำใจไมตรี สภาพการณ์ดังกล่าวนี้ นำไปสู่ความเกื้อกูล ผูกพัน ด้วยสายใยของวัฒนธรรมที่เป็นมรดกเก่าแก่ของไทยเรา ความหมายของ สงกรานต์ "สงกรานต์" เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่าผ่านหรือเคลื่อนย้ายเข้าไปหมายถึงเวลาที่ ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากราศีหนึ่งไปสู่อีกราศีหนึ่งทุกๆ เดือนยกเว้นเมื่อย้ายจากราศีมีนสู่ราศีเมษจะเรียกชื่อพิเศษว่า "มหาสงกรานต์"เพราะเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามความเชื่อของอินเดียฝ่ายเหนือไทย รับคติความเชื่อเกี่ยวกับวันขึ้นปีใหม่นี้มาใช้เช่นกัน แต่จะเรียกว่า "สงกรานต์" เท่านั้น สงกรานต์ : วันขึ้นปีใหม่ การกำหนดวันขึ้นปีใหม่แต่เดิมของไทยใช้วิธีนับทางจันทรคติดังนั้นแต่ละปีจะไม่ตรงกัน จนลุถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้กำหนดให้ วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๓๒ และได้เปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ โดยกำหนดวันขึ้นปีใหม่ ตรงกับวันที่ ๑ มกราคม ตามหลักสากล กำหนดวันสงกรานต์ กำหนดวันสงกรานต์มี ๓ วัน คือวันที่ ๑๓ - ๑๔ - ๑๕ เมษายน ของทุกปี มีชื่อเรียกว่า วันมหาสงกรานต์ วันเนา และวันเลิงศก ตามลำดับในแต่ละภูมิภาค มีชื่อเรียกวันดังกล่าวและมีพิธีกรรมแตกต่างกันตามคติความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น ในวันสงกรานต์ มีประเพณีที่นิยมถือปฏิบัติกัน ดังนี้ กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน
กิจกรรมที่ทำจริง
6.รับประทานอาหารกลางวัน
|
150 | 151 |
6. ค่ายภาพถ่ายกิจกรรม (เหมาจ่ายทั้งโครงการ) |
||
วันที่ 5 พฤษภาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อถ่ายรูปกิจกรรมในโครงการ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงได้รูปภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนถ่ายภาพทั้งโครงการ กิจกรรมที่ทำจริงถ่ายภาพทั้งโครงการ
|
250 | 250 |
7. ประชุมการจัดการด้านการตลาดจำหน่ายสินค้าจากการผลิต |
||
วันที่ 10 พฤษภาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อให้คนชุมชนได้เข้าใจถึงการผลิตเพื่อการจำหน่ายสู้ท้องตลาด เพื่อต่อยอดรายได้และแนวคิดการพัฒนาใหม่ๆ เพื่อนำความรู้เผยแพร่ให้แก่บุคคลที่ต้องการ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนการบรรยายเพื่อชี้แจงถึงการนำสินค้าสู่ตลาด กิจกรรมที่ทำจริง1.จัดหาสถานที่ เพือ ทำการอธิบายเกี่ยวกับหลักการตลาด 2.ทำเอกสารเพื่อการบรรยาเกี่ยวกับสินค้าที่ผลิตเพื่อการจำหน่าย 3.จัดหาวิทยากรทำการบรรยายเพื่อชี้แจงถึงการนำสินค้าสู่ตลาด 4.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและเยาวชนได้รับทราบเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม 5.เริ่มทำกิจกรรม เวลา 09.00 น ถึง 16.00 น 6.รับประทานอาหารกลางวัน
|
25 | 25 |
8. ประกวดการจัดทำตราผลิตภัณฑ์ |
||
วันที่ 30 พฤษภาคม 2558 เวลา 09:00-16.00น น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมออกแบบตราผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และไอเดียที่แปลกใหม่ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน
*ช่วงเช้า การส่งตราผลิตภัณฑ์ของการส่งเข้าประกวดโดยการตัดสินใจจากคณะกรรมการและ ประชาชนผู้เข้าร่วมงาน *ช่วงกลางวัน พักรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม *ช่วงบ่าย การประกาศผู้ชนะการประกวดตราผลิตภัณฑ์และการรับรางวัลจากคณะกรรมการ กิจกรรมที่ทำจริง
*ช่วงเช้า การส่งตราผลิตภัณฑ์ของการส่งเข้าประกวดโดยการตัดสินใจจากคณะกรรมการและ ประชาชมผู้เข้าร่วมงาน *ช่วงกลางวัน พักรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม *ช่วงบ่าย การประกาศผู้ชนะการประกวดตราผลิตภัณฑ์และการรับรางวัลจากคณะกรรมการ
|
25 | 25 |
9. เวทีถอดบทเรียนจากปราชญ์ชาวบ้าน |
||
วันที่ 3 กรกฎาคม 2558 เวลา 09:30 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อถอดบทเรียนจากปราชญ์ชาวบ้านเพื่อให้ได้ความรู้เพิ่มเติมมากขึ้น เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ให้มีการพัฒนาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงผู้เข้าร่วมประชุม มีความสนใจและตั้งใจในการรับฟัง และยังมีการเสนอแนวคิดใหม่ๆ ของแต่ละบุคคลทำให้บรรยากาศในการประชุมมีแต่ความสุข ทุกคนเป็นกันเองและให้ความร่วมมือกับโครงการนี้อย่างมากและสนับสนุนเป็นอย่างดี ทำให้เกิดหลากหลายแนวคิด จากการทำการปฏิบัติและอบรมมา ทำให้ผู้ที่ได้รับความรู้จากสิ่งที่ทางทีมงานตั้งเป้าหมายไว้ ผู้เข้าทำกิจกกรมมีเป้าหมานสานต่อ งานและ มีแนวคิดพัฒนาให้มีรายได้ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนกิจกรรมที่กำหนดในหัวข้อเรื่องหลักสูตรลดหวานมันเค็ม กิจกรรมที่ทำจริง1.ลงทะเบียน 2.รับเอกสารประกอบข้อมูล 3.การประชุมชี้แจงและลงความเห็น 4.พักรับประทานอาหาร 5.ทำกิจกรรมที่กำหนดในหัวข้อเรื่องหลักสูตรลดหวานมันเค็ม 6.จบกิจกรรม
|
30 | 30 |
10. การอบรมการทำขนมพื้นบ้าน ขนมจีบไส้สังขยา |
||
วันที่ 17 กรกฎาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อให้คนในชุมชนมีความรู้เรื่องการทำขนมจีบไส้สังขยาเพื่อเสริมสร้างอาชีพให้แกชุมชนให้มีรายได้มากขึ้นเพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยนช์ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผนจัดกิจกรรมสาธิตการทำขนมจากกลุ่มแม่บ้านและเชิญวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญประกอบ 1. เตรียมพร้อมสถานที่ การทำขนม
กิจกรรมที่ทำจริง
|
100 | 102 |
11. การอบรมการทำขนมพื้นบ้าน ขนมไข่ปลางาดำ |
||
วันที่ 17 กรกฎาคม 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อให้คนในชุมชนมีความรู้เรื่องการทำขนมไข่ปลางาดำ เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้แก่ผู้ที่สนใจ ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง1.จัดเตรียมสถานพร้อมเพื่อดำเนินกิจกรรมการสอนขนมไข่ปลางาดำ 2.จัดหาคนสำหรับพิมพ์เอกสารเพื่อชี้แจงและให้ความรู้แก่ประชาชน 3.วิทยากรที่มีความรู้เกี่ยวกับการสอนทำขนมจีบไส้สังขยา จำนวน 2 คน คือ 1. นาง ชนิดา รวบรัตน์ 2. นาง. มณี ปลอดเหตุ 4.จัดหาอุปกรณ์เพื่อสาธิต เช่น แป้งสาลี น้ำตาล มะพร้าว ไข่ ใบเตย และอุปกรณ์ต่างๆ สูตรขนมไข่ปลางาดำ ส่วนผสมมีดังนี้ 1. แป้ง 5.งาดำ
วิธีทำ 1. นำแป้งเทลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้
กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน
กิจกรรมที่ทำจริง
|
100 | 255 |
12. ค่าจัดทำรายงาน ส่ง สสส. |
||
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อจัดทำรายงานส่งให้กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจัดทำรายงานได้ครบถ้วน ประกอบไปด้วย 1.รายงานความก้าวหน้าโครงการ กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน
กิจกรรมที่ทำจริง
|
250 | 250 |
13. กิจกรรมคืนข้อมูลสู่ชุมชน |
||
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 เวลา 09:00 น.วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อคืนข้อมูลสู่ชุมชน ผลลัพธ์ที่ตั้งไว้เวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง
กิจกรรมที่กำหนดไว้ในแผน
กิจกรรมที่ทำจริง
|
100 | 200 |
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความก้าวหน้าของการดำเนินงานโครงการและปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินโครงการ
ประเมินความก้าวหน้าของการดำเนินงานโครงการ
การดำเนินงานเมื่อเทียบกับการดำเนินงานทั้งโครงการ | ทั้งหมด | ทำแล้ว | 10% | 20% | 30% | 40% | 50% | 60% | 70% | 80% | 90% | 100% |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
การทำกิจกรรม | 22 | 22 | ✔ | |||||||||
การใช้จ่ายงบประมาณ | 204,680.00 | 199,600.00 | ✔ | |||||||||
คุณภาพกิจกรรม | 88 | 78 | ✔ |
ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินงานโครงการ (สรุปเป็นข้อ ๆ)
ประเด็นปัญหา/อุปสรรค | สาเหตุเพราะ | แนวทางการแก้ไขของผู้รับทุน |
---|---|---|
|
เนื่องจากคนในคณะทำงานมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์น้อย |
ค่อยเป็นค่อยไป ทำได้แต่ช้า |
แผนงาน/กิจกรรม ที่จะดำเนินการในงวดต่อไป
(................................)
นางศรีประภา ดอกไม้
ผู้รับผิดชอบโครงการ