1 |
(1.)สร้างความรู้ความตระหนักร่วมกันฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำและทรัพยากรชายฝั่ง และเกิดกลไกการทำงานร่วมกันในการรักษาทะเล ตัวชี้วัด : 1. คนในชุมชนมีความรู้ความเข้าใจถึงปัญหาสถานการณ์ทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลชายฝั่งในปัจจุบัน
2. ได้ข้อมูลได้ชนิดพันธุ์และจำนวนสัตว์น้ำและเครื่องมือการจับสัตว์น้ำบริเวณพื้นที่ทะเลชายฝั่ง
3. ได้แผนการดำเนินงานของชุมชนและประมงอาสา
4. เกิดคณะทำงานในการขับเคลื่อนงานโครงการไม่ต่ำกว่า 10 คน
และเกิดประมงอาสาดูแลเขตฯ (ซั้งกอ) ไม่ต่ำกว่า 10 คน
5. เกิดกติกาข้อตกลงในการจับสัตว์น้ำและดูแลเขตฯ ของชุมชนและชุมชนใกล้เคียง |
|
0.00 |
15.00 |
คณะทำงานมีความรู้ความเข้าใจในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่ง ซึ่งเป็นตัวแทนจากกลุ่มกิจกรรมในชุมชนและภาคีความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกฎิกาข้อตกลงร่วมกันในการทำประมง เช่น ชาวประมงพื้นบ้าน ท้องที่ โดยมีแผนการทำงานและมีแบ่งบทบาทหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจน และมีการประชุมสองเดือน 1 ครัั้งรวมทั้งได้ข้อมูลจำนวนสัตว์น้ำใน-นอกเขตอนุรักษ์ก่อนวางซั้งกอ |
แกนนำในกลไกการขับเคลื่อนของชุมชนมีศักยภาพในการทำงานด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่อเพิ่มปริมาณพันธุ์สัตว์นำ้ในเขตอนุรักษ์ตลอดทั้งปี |
แกนนำในกลไกการขับเคลื่อนของชุมชนมีศักยภาพในการทำงานด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูเพื่อสร้างความเข้มแข็งในการรักษาเขตอนุรักษ์อย่างมีประสิทธิภาพและความร่วมมือจากชุมชนและชุมชนใกล้เคียง |
2 |
2.เกิดการปรับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอนุรักษ์ฟื้นฟู ตัวชี้วัด : 1. เกิดประมงอาสาดูแลเขตฯ (ซั้งกอ) ไม่ต่ำกว่า 10 คน
2. เกิดกติกาข้อตกลงในการจับสัตว์น้ำและดูแลเขตฯ ของชุมชนและชุมชนใกล้เคียง
3.เกิดซั้งกอ |
|
|
10.00 |
มีการปรับสภาพแวดล้อมโดยการวางซั้งกอ จำนวน 10 กอ โดยใช้กติกาเขตอนุรักษ์ชายฝั่งภายใต้ พรก. ประมง 2558 พร้อมกับมีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำที่มาจากการมีส่วนร่วมของภาคีเกี่ยวข้อง และการหารือการใช้ข้อตกลงร่วมกันของบทลงโทษผู้กระทำผิดทั้งสมาชิกในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงที่ลักลอบเข้ามา |
ชุมชนมีการทำกิจกรรมอนุรักษ์ฟื้นฟูแบบซั้งกอ ปีละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาล และการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ |
สมาชิกในชุมชนและคณะกรรมการควรจะมีการปรับรูปแบบการทำงานโดยการวางแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ รวมถึงการประสานภาคีที่เกี่ยวข้องให้มีความหลากหลายขึ้น โดยมุ่งเน้นคนในชุมชนและขยายไปยังชุมชนใกล้เคียง |
3 |
เกิดกลไกติดตามการทำงานร่วมกัน ตัวชี้วัด : 1.เกิดคณะทำงานขับเคลื่อนงานโครงการไม่ต่ำกว่า 10 คน
2.มีการประชุมคณะทำงาน 2 เดือน 1 ครั้ง
3. ได้ข้อมูลผลการดำเนินงาน |
|
|
15.00 |
เกิดคณะทำงาน 15 คน และมีการพัฒนาศักยภาพคนทำงานหรือสมาชิกกลุ่มให้มีความรู้ความสามารถในการเป็นแกนนำรุ่นถัดไปโดยใช้กลไกประชุมคณะทำงาน 2 เดือน 1 ครั้ง |
คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการมีความสามารถในการทำงานอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งและสัตว์น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถเป็นกระบอกเสียงไปยังพื้นที่ใกล้เคียงให้เข้าใจในกิจกรรมของโครงการ |
แกนนำในกลไกการขับเคลื่อนของชุมชนมีศักยภาพในการทำงานด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูเพื่อสร้างความเข้มแข็งในการรักษาเขตอนุรักษ์อย่างมีประสิทธิภาพและความร่วมมือจากชุมชนและชุมชนใกล้เคียง |
4 |
นิเวศทะเลชายฝั่งมีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ ตัวชี้วัด : 1. ปริมาณสัตว์น้ำเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3 ชนิด เช่น ปูม้า กุ้งแชบ๊วย ปลาอินทรีย์ ปลากุเลา |
|
|
40.00 |
ระบบนิเวศและทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลมีความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายมากขึ้น ทั้งชนิด และปริมาณที่จับได้ |
ความหลากหลายทางระบบนิเวศน์ที่ได้จากการวางซั้งกอ ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของสัตว์น้ำ และการได้มาของสัตว์น้ำในการออกทะเลแต่ละครั้ง เชื่อมโยงกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายสัตว์น้ำ |
มีการจับปริมาณสัตว์น้ำเศรษฐกิจสำคัญๆได้มากขึ้น รวมทั้งขนาดและน้ำหนักที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่สัตว์น้ำวัยอ่อน |
5 |
เพื่อหนุนเสริมให้มีการบริหารจัดการโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัด : 1.โครงการย่อยสามารถทำงานได้ตามที่กำหนดไว้ในแผน
2.โครงการย่อยสามารถรายงานผลในระบบออนไลน์ได้ถูกต้อง ครบถ้วน
3.โครงการย่อยสามารถเดินทางร่วมกิจกรรมที่ทางคณะบริหารแผนงานกำหนด |
|
|
60.00 |
โครงการสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ และจัดทำรายงานกิจกรรมและรายงานการเงินได้อย่างถูกต้อง |
คณะทำงานยังไม่ค่อยเข้าใจการจัดทำรายงานผ่านเว็บไซต์และการเคลียร์เอกสารการเงินตามหมวดการใช้งบประมาณของ สสส. ที่ถูกต้อง |
ต้องเพิ่มคณะทำงานที่มีความสนใจ ศักยภาพ มารับผิดชอบในการจัดทำรายงานผ่านเว็บไซต์และการเคลียร์เอกสารการเงินตามหมวดการใช้งบประมาณของ สสส. ซึ่งต้องมีพี่เลี้ยงให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง |