คนสร้างสุข

-

• สามารถนำภูมิปัญญาด้านสมุนไพรไพรมาใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ชุมชน

• น้ำยาเอนกประสงค์สูตรใบยางพาราดับกลิ่นเหม็นจากการประกอบอาชีพประมง

• สร้างมาตรฐานการผลิต การยอมรับ ให้สามารถผลิตจำหน่าย เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน

• ชุมชนมีการประชุม พบปะกันในทุกวันที่ 5 ของเดือน โดยเป็นเพียงการแจ้งข้อมูลข่าวสารที่ควรทราบ ไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น แต่เมื่อมีโครงการ ทำให้ชุมชนมีโอกาสทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันมากขึ้น มีโอกาสพบปะพูดคุยกันมากขึ้น ได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น เสนอความคิดเห็นในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในโครงการ เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมในการทำงานอย่างแท้จริง

• รายงานการประชุม การเข้าร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ

• หลังจากจบโครงการ ควรสร้างเวทีการพบปะ การประชุมที่มีอยู่เดิม ให้เป็นเวทีการพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิด ความคิดเห็นมากกว่าการแจ้งข่าวเหมือนที่ผ่านมา

• มีการรวมตัวกันของแม่บ้าน คนว่างงาน คนที่สนใจหารายได้เสริม ด้วยการร่วมกกันผลิตน้ำยาเอนกประสงค์สูตรใบยางพาราใช้เองในครัวเรือน เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน และมีการวางแผนจะทำการผลิตเพื่อจำหน่ายต่อไป

• กลุ่มแม่บ้านบ้านเหนือน้ำ
• น้ำยาเอนกประสงค์สูตรใบยางพารา

• วางแนวทางการบริหารจัดการกลุ่มแม่บ้านให้เป็นระบบ ตั้งแต่การผลิต การจำหน่าย การจัดการรายได้ รายจ่าย เพื่อให้กลุ่มเกิดความยั่งยืนในการทำงานต่อไป

• มีการนำใบยางพารา ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยูาในทุกชุมชนของภาคใต้มาใช้ในการดูแลสุขภาพกาย คือ การดับกลิ่นเหฒ้นที่เกิดจากการประกอบอาชีพประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการคิดค้น ทดลองทำ จากภูมิปัญญาที่บอกเล่าถึงสรรพคุณของใบยางพาราในการดับกลิ่นเหม็น ซึ่งสามารถใช้ได้จริงตามคำบอกเล่า

• น้ำยาเอนกประสงค์สูตรใบยางพารา ใช้ดับกลิ่นเหม็นจากการประกอบอาชีพประมง

• ถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่เยาวชน
• สร้างความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่นให้กับภูมิปัญญาดังกล่าวด้วยการทดสอบ ทดลอง และสร้างการยืนยันจากองค์กรที่สามารถเชื่อถือได้

• มีการอนุรักษ์ป่าชุมชน ป่าชายเลน โดยการสร้างการบวนการเรียนรู้ให้กับเยาวชนและคนในชุมชนเกี่ยวกับการอนรักษ์ป่า การเรียนรู้เรื่องห่วงโซ่อาหารในป่าชุมชน การอนุรักษ์ปูแสมเพื่อให้เยาวชนและคนในชุมชนเกิดจิตสำนึกรักษ์บ้านเกิดและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชน

• กิจกรรมปลูกป่าในวันแม่แห่งชาติ
• กิจกรรมเยาวชนรักษ์ปูแสม

• สร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เยาวชนอย่างต่อเนื่องในทุกมิติที่มีในชุมชน เช่น ประวัติศาสตร์ชุมชน บุคคลสำคัญ ภูมิปัญญา วิถีชีวิต อาชีพ เพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าใจในวิถีองชุมชนบ้านเหนือน้ำอย่างแท้จริง

• มี่การร่วมกันผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนอย่างน้ำยาเอนกประสงค์สูตรใบยางพารา สามารถนำมาใช้ในการดับกลิ่นเหม็น ล้างมือ ล้างจาน ใช้กันในครัวเรือน เพื่อเป็นการลดรายจ่าย และให้กลุ่มแม่บ้านที่สนใจสามารถนำมาใช้ผลิตเพื่อวางเป็นจำหน่ายสร้างรายได้เสริมให้กับตัวเองได้
  
• ร่วมกันผลิตเสื้อเพื่อเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวของชุมชนเป็นรายได้เสริมให้กับสมาชิกในกลุ่ม

• น้ำยาเอนกประสงค์สูตรใบยางพารา
• เสื้อสกรีนลวดลายที่เป็นสัญลักษณ์ เอกลักษณ์ของชุมชนบ้านเหนือน้ำ

• พัฒนาผลิตภัณ์ที่คิดค้นให้มีความโดดเด่น น่าเชื่อถือ สามารถออกจำหน่ายได้จริง เพื่อสร้างรายได้ให้กับคนทำงาน

• มีการวางกติการเรื่องการอนุรักษ์ การใช้ประโยชน์จากป่าชายเลนในชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติในชุมชนแบบมีส่วนร่วมโดยการร่วมกันจัดการข้อมูล จัดการแผนการอนุรักษ์

• กิจกรรมจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรชุมชน

• จัดทำแผนที่ทรัพยากรธรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชนให้มีความสมบูรณ์ และนำข้อมูลที่ได้มาใช้ประโยชน์ในการทำงานด้านการอนุรักษ์แบบมีส่วนร่วมในชุมชนต่อไป

• มีการเชื่อมโยง ประสานงานการทำงานทั้งเครือข่ายภายในชุมชนและภายนอกชุมชน เช่น โรงเรียนบ้านเหนือน้ำ กศน. ไชยา อบต. มอ. มูลนิธิป่าทะเลเพื่อชีวิต ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู็ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชนบ้านเหนือน้ำเป็นระยะ

• กิจกรรมจัดทำแผนที่ทรัพยากร
• กิจกรรมเรียนรู้ปูแสม
• การประชุมเพื่อวางแผนการทำงานต่างๆ ร่วมกัน

• นำศักยภาพของแต่ละองค์กรภาคีเครือข่ายมาใช้ในการจัดกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับความสามารถ เพื่อให้การทำงานเกิดความหลากหลายและต่ิอเนื่อง

• มีกระบวนการเรียนรู้ในการแก้ไขปัญหาของชุมชนแบบมีส่วนร่วม มีการประเมินสถานการณ์ปัญหา มีการวางแผนการทำงาน มีการปฏิบัติการตามแผนการดำเนินงาน และมีการสรุปผลการทำงาน โดยการใช้เวทีประชุมเป็นเวทีแลกเปลี่ยนพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ

• การประชุมประจำเดือน
• การทำงานแบบมีส่วนร่วมของชุมชน

• นำกระบวนการแก้ปัญหาชุมชนแบบมีส่วนร่วมมาใช้ในการทำงานชุมชนในทุกรูปแบบ เพื่อให้การมีส่วนร่วมเป็นการทำงานที่มีอยู่ตลอดเวลา เป็นพื้นฐานของการทำงานชุมชนทุกชุมชน

• มีการใช้ทุนในชุมชนมาหนุนเสริมการทำกิจกรรม การทำงานด้านการอนุรักษ์ การเสริมสร้างความรู้ให้คนในชุมชน โดยการนำปราชญ์ ผู้รู้ที่มีมีความรู้ด้านการอนุรักษ์ป่าชายเลน ป่าชุมชน ปูแสมมาให้ความรู้กับเยาวชน ผู้เข้าร่วมกิจกรรม อย่างสม่ำเสมอ

• ปราชญ์ชุมชนด้านการอนุรักษ์ปูแสม

• ให้ความสำคัญกับการนำปราชญ์ชุมชน องค์ความรู้ที่มีในชุมชนมาหนุนเสริมการทำงานด้านการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง
• จัดการองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีในชุมชน ปราชญ์ชุมชนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• มีการหนุนเสริม สนับสนุนให้คนที่สนใจการแปรรูปผลิตภัณ์ชุมชนทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำผลิตภัณฑ์มาหนุนเสริมกิจกรรมทางการท่องเที่ยว
• มีการจัดกิจกรรมด้านการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกิจกรรมทางการท่องเที่ยวชุมชน

• ผลิตภัณฑ์ชุมชน
• กิจกรรมทางการท่องเที่ยวของชุมชน

• สร้างกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรชาติและสิ่งแวดล้อมให้้สอดคล้องกับกิจกรรมทางการท่องเที่ยว เช่น การปลูกป่าชายเลน ปลูกจาก การปล่อยปู การเก็บขยะริมหาด ในคลอง การลดปริมาณขยะทางการท่องเที่ยว เพื่อให้กิจกรรมด้านการอนุรักษ์เป็นสิ่งที่ชุมชนต้องดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

• ชุมชน ทีมงานโครงการเกิดทักษะการทำงานมากขึ้น เช่น การทำข้อมูล การวางแผนการทำงาน การใช้ข้อมูลชุมชนมาร่วมกันตัดสินใจ ซึ่งเป็นกระบวนการฝึกฝนที่เกิดจากการทำงานอย่างต่อเนื่อง และมีภาคีเครือข่ายมาช่วยในกระบวนการสร้างการเรียนรู้ให้กับแกนนำโครงการอย่างต่อเนื่อง

• ข้อมูลชุมชน
• ข้อมูล แผนที่ทรัพยากรของชุมชน

• ชุมชนต้องหนุนเสริมกระบวนการตัดสินใจ กระบวนการทำงานจากฐานข้อมูลที่มีในชุมชน โดยเป็นการทำงานบนพื้นฐานการมีส่วนร่วม

• ชุมชนเกิดความภูมิใจในตัวเองที่สามารถอนุรักษ์สิ่งดีๆ ที่มีในชุมชนให้คงอยู่
• เยาวชนเกืดความภูมิใจที่ได้เรียนรู้สิ่งดีๆ ที่มีในชุมชน และเกิดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

• จำนวนคนที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ

• ให้เด็กและเยาวชนเป็นตัวเดินเรื่องในการทำกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ทุกกิจกรรม เพราะเด็กๆ เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ใหญ่ เพื่อลดคงามขัดแย้งจากการทำงานที่อาจจะเกิดขึ้นได้

• คนในชุมชนเสียสละเวลาในการประกอบอาชีพเข้าร่วมกิจกรรม เข้าร่วมการทำงาน เผยแพร่กิจกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งในแต่ละกิจกรรมที่เข้าร่วมไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ให้ แสดงถึงความเสียสละประโญชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

• จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม (ใบลงทะเบียน)
  
• ภาพถ่ายกิจกรรม

• สร้างกิจกรรมเสริมที่เป็นแรงจูงใจให้คนอยากเข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้น เช่น ยกย่องคนที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ ทำธนาคารความดีสะสมความดีให้คนที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ และตอบแทนความดีนั้นบ้างตามโอกาส

• ชุมชนบ้านเหนือน้ำ ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง ประมงพื้นบ้านเป็นหลัก ซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติในการดำรงชีวิต ชุมชนจึงอยู่แบบเรียบง่าย ใช้ทรัพยากรเท่าที่หาได้ และร่วมกันอนุรักษ์เพื่อให้ทรัพยากรเหล่านั้นยังคงอยู่ และสามารถนำมาใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน

• การประกอบอาชีพที่พึ่งพิงธรรมชาติ

• สร้างกิจกรรมการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มพูนทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นแหล่งอาหาร แหล่งประกอบอาชีพของชุมชน

• ชุมชนอยู่แบบพอเพียง ประกอบอาชีพตามธรรมชาติ พึ่งพาธรรมชาติ จึงมีความเอื้ออาทรทั้งต่อตนเอง ชุมชน และเอื้ออาทรต่อธรรมชาติ ไม่ทำลายธรรมชาติ และร่วมกันอนุรักษ์

• กิจกรรมด้านการอนุรักษ์
• การท่องเที่ยวชุมชน

• สร้างการเรียนรู้ชุมชนบนพื้นฐานของทรัพยากรให้เห็นคุณค่าของความเอื้ออาทรที่มีต่อสรรพสิ่งรอบตัว