คนสร้างสุข

ได้เรียนรู้วิธีการจัดทำสรุปรายงานปิดโครงการของพี่เลี้ยง

คณะทำงานสามารถจัดทำรายงานสรุปปิดโครงการได้

คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้

-

ให้คำชี้แนะในการสรุปปิดโครงการ

ตัวแทนโครงการเข้าร่วมกิจกรรม 1 คน

มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน

ห้องพักหายาก

-

-

เพื่อรายงานฉบับสมบูรณ์ มีกลุ่มเป้าหมาย 40 คน

คณะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวเพื่อสรุปผลการดำเนินงานโครงการและรวบรวมเข้าเล่ม

เนื่องจากการเลื่อนกำหนดทำให้สมาชิกมาไม่พร้อมเพรียงกัน

-

-

มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการครอบครัวอาสาสมัครรับรู้โทษภัยสารเคมีและวิเคราะห์สภาพดินพื้นที่ทำเกษตร โดยเกษตรกรตำบล นางฉลวย เวียนคำ นำชุดตรวจสภาพดินมาทดสอบ N P K  และค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดิน

มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์โดยมีเกษตรกรตำบลนางฉลวย เวียนคำ เป็นวิทยากรให้ความรู้ โดยนำตัวอย่างดินมาทดสอบแร่ธาตุในดิน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปตัสเซียม และค่าความเป็นกรดเป็นด่าง โดยมีแกนนำชาวบ้านร่วมทดลองทดสอบวิเคราะห์สภาพดิน

• แกนนำไม่สามารถทดสอบวิเคราะห์สภาพดินได้พร้อมกัน เพราะอุปกรณ์ทดสอบเตรียมมา 1 ชุด และมีขั้นตอนการทดสอบที่ใช้ระยะเวลา
  
• การทดสอบโดยชุดตรวจสภาพดิน คนทดสอบต้องมีทักษะการใช้อุปกรณ์ตรวจสภาพดิน 

- 

• ให้แกนนำที่ได้เข้าร่วมเป็นแกนในการตรวจวิเคราะห์สภาพดิน
  
• โดยหาคนที่มีถนัด มีทักษะเป็นทีมกลาง ทั้งนี้อาจจะประสานเด็ก เยาวชน ระดับชั้นที่มีการลองวิทยาศาสตร์ มาร่วมเป็นทีมเพื่อให้มามีส่วนร่วมกับงานชุมชน

อบรมให้ความรู้ในการวิเคราะห์สภาพดิน โดยนางฉลวย เวียนคำ เจ้าหน้าที่เกษตร

เกิเดการเรียนรู้วิธีการตรวจสภาพดินและวิธีการปรับปรุงคุณภาพดินที่ใช้ในการทำเกษตรของครอบครัวอาสา

เนื่องจากการวิเคราะห์คุณภาพดินต้องใช้เวลาดังนั้นครอบครัวอาสาต้องส่งตัวอย่างดินให้คณะทำงานเพื่อมาวิเคราะห์

-

การรายงานเว็ปไซด์

มีการจัดทำปุ๋ยหมักน้ำเพื่อใช้ในการทำเกษตรของครอบครัวอาสา โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 15 คน

ครอบครัวอาสาสามารถลดต้นทุนในการทำเกษตรและลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกผักกินเอง

การรายงานล่าช้า

-

ลงพื้นที่

มีการจัดทำปุ๋ยหมักน้ำเพื่อใช้ในการทำเกษตรของครอบครัวอาสา โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 15 คน

ครอบครัวอาสาสามารถลดต้นทุนในการทำเกษตรและลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกผักกินเอง

รายงานล่าช้า

-

ลงพื้นที่

มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานของแต่ละครอบครัวร่วมกับคณะทำงาน กลุ่มเป้าหมายจำนวน 35 คน

สมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 31 คน

ด้านภารกิจส่วนตัวของสมาชิก

-

การหนุนเสริมจากพี่เลี้ยง

มีการจัดทำปุ๋ยหมักน้ำเพื่อใช้ในการทำเกษตรของครอบครัวอาสา โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 15 คน

ครอบครัวอาสาสามารถลดต้นทุนในการทำเกษตรและลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกผักกินเอง

รายงานเว็ป

-

ลงพื้นที่

มีการจัดทำปุ๋ยหมักน้ำเพื่อใช้ในการทำเกษตรของครอบครัวอาสา โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 15 คน

ครอบครัวอาสาสามารถลดต้นทุนในการทำเกษตรและลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกผักกินเอง

รายงานเว็ป

-

ลงพื้นที่

ได้รับการแนะนำการดำเนินกิจกรรมตามแผนงานโครงการของทีมพี่เลี้ยง สจรส.มอ. จำนวน 2 คน

เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานโครงการของแต่ละหมู่บ้าน

การรายงานเว็ป

-

ให้คำแนะนำ

มีการจัดทำปุ๋ยหมักน้ำเพื่อใช้ในการทำเกษตรของครอบครัวอาสา โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 15 คน

ครอบครัวอาสาสามารถลดต้นทุนในการทำเกษตรและลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกผักกินเอง

รายงาน web

-

ลงพื้นที่

มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำปุ๋ยอินทรีย์และเรียนรู้โรคพืช กลุ่มเป้าหมายจำนวน 15 คน

ครอบครัวอาสาและนักเรียนในโรงเรียนมีความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม 65 คน

เวลาจัดกิจกรรมไม่เพียงพอเนื่องจากเนื้อหาสาระที่วิทยากรนำมาให้ความรู้

-

การหนุนเสริมจากพี่เลี้ยง

คณะทำงานได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวอาสาและการหนุนเสริมการทำเกษตรของครอบครัวอาสา โดยคณะทำงานติดตาม 15 คน

คณะทำงานได้รับรู้ปัญหาและอุปสรรคในการทำเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวอาสา เช่น เรื่องโรคพืช และสภาพอากาศ

ปัญหาเกี่ยวกับโรคของพืช

-

ลงพื้นที่

มีการรวบรวมข้อมูลหมู่บ้านในด้านต่างๆ เช่น ข้อมูลทั่วไปหมู่บ้าน ข้อมูลครอบครัวต้นแบบด้านเศรษฐกิจพอเพียงและข้อมูลการทำเกษตรของหมู่บ้าน โดยมีคณะทำงานติดตาม 8 คน

คณะทำงานร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้านได้นำข้อมูลที่จัดเก็บนำไปใช้ในการประกวดหมู่บ้านโครงการตำบลวังมะปรางเหนือหมู่บ้านเข้มแข็ง ตำบลแห่งความสุขประจำปี 56 และได้รับรางวัลชนะเลิศของตำบลแล้วได้รับเลือกให้เป็นหมู่บ้านต้นแบบของตำบลวังมะปรางเหนือ

รายงานweb

-

ลงพื้นที่

คณะทำงานได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวอาสาและการหนุนเสริมการทำเกษตรของครอบครัวอาสา โดยคณะทำงานติดตาม 15 คน

คณะทำงานได้รับรู้ปัญหาและอุปสรรคในการทำเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวอาสา เช่น เรื่องโรคพืช และสภาพอากาศ

ปัญหาเรื่องโรคพืช

-

ลงพื้นที่

คณะทำงานได้มีการเรียนรู้วิธีการการจัดเก็บข้อมูล โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 30 คน

คณะทำงานร่วมกันประชุมเพื่อเก็บข้อมูลด้านการทำเกษตร และข้อมูลของหมู่บ้าน

รายงาน web

-

ลงพื้นที่

ครอบครัวอาสาได้รับการเรียนรู้วิธีการปลูกผัก โดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และการเลือกบริโภคพืชผักที่ปลอดสารพิษ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 45 คน

ครอบครัวที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับการเรียนรู้ในการดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว รวมทั้งวิธีการดูแลพืชผักที่ตนเองปลูก

รายงานweb

-

ลงพื้นที่

คณะทำงานได้รับรู้ข้อมูลด้านการเกษตรและสภาพปัญหาเกี่ยวกับการเกษตรจากครอบครัวสมาชิก คณะทำงานติดตาม 15 คน

คณะทำงานได้เยี่ยมเยียนครอบครัวอาสาและจัดเก็บข้อมูลจำนวน 10 ครอบครัว

ไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย

-

ต้องการการหนุนเสริม

จัดทำบ่อเลี้ยงปลาดุก เลี้ยงกบ และบ่อหมักปุ๋ย รวมทั้งพื้นที่แปลงปลูกผักต่างๆในโรงเรียน มีกลุ่มเป้าหมาย 30 คน

ชุมชนและโรงเรียนได้มีกิจกรรมร่วมกันในการพัฒนาพื้นที่ในโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้และร่วมกันทำกิจกรรมในวันที่ 24-25 พฤษภาคม 56 

รายงานเว็ป

-

ลงพื้นที่

ลงพื้นที่สำรวจจัดเก็บข้อมูลพื้นที่ทางการเกษตรและพันธุ์ไม้พันธุ์พืชที่ครอบครัวอาสาได้มีการดำเนินการปลูกไปแล้ว

ได้งานสรุปพื้นที่ทางการเกษตรทั้งหมดของ 38 ครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการ

ความไม่เข้าใจของครอบครัวอาสาในการให้ข้อมูล

-

ร่วมแสดงความเห็น

คณะทำงานลงเยี่ยมเยียนครอบครัวต้นแบบ จำนวน 5 ครอบครัว คณะทำงานติดตามจำนวน 15 คน

คณะทำงานได้มีการเรียนรู้การจัดเก็บข้อมูลและการรวบรวมข้อมูล

สภาพอากาศ

-

พี่เลี้ยงลงพื้นที่หนุนเสริมกิจกรรม

ประชุมเพื่อกำหนดเกณฑ์การลงเยี่ยมครอบครัวอาสาและกำหนดกลุ่มเป้าหมายครอบครัวต้นแบบ 5 ครอบครัวเพื่อเป็นตัวอย่างในการลงเยี่ยม กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมจำนวน 15 คน

คณะทำงานเข้าใจในการปฏิบัติงานลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวอาสา

ปัญหาด้านสภาพแวดล้อมไม่อำนวย

-

รายงานเว็ป

ได้รับการแนะนำการดำเนินกิจกรรมตามแผนงานโครงการของทีมพี่เลี้ยง สจรส.มอ.จำนวน 3 คน

เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานโครงการของแต่ละหมู่บ้าน

การรายงานทางเว็ป

-

ลงพื้นที่บ่อยๆ

มีการประชุมปรึกษาหารือระหว่างคณะทำงานโครงการ ตัวแทนโรงเรียนสวนป่าและเจ้าหน้าที่เกษตรเพื่อวางแผนและกำหนดการปรับปรุงพื้นที่แปลงสาธิตในโรงเรียน กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมจำนวน 18 คน

เกิดการหนุนเสริมของสำนักงานเกษตรในการให้ข้อมูลความรู้ทางด้านวิชาการและเกิดความร่วมมือระหว่างชุมชน โรงเรียน และหน่วยงาน

กิจกรรมการมีส่วนร่วมต้องใช้เวลา เพราะสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการแต่ละครอบครัวต่างก็มีภารกิจทำให้ในการเข้าร่วมกิจกรรมของโครงการไม่ดีเท่าที่ควร

-

รายงานเว็ปไซด์

ทางคณะทำงานมีข้อเสนอที่ดี และทุกคนก็เห็นด้วย ผมขอเสนอออกแบบโรงเพาะชำ เราจะทำขนาดกว้าง 4เมตรยาว 6เมตรและมีการทำชั้นวางถาดเพาะชำกล้าไม้จำนวน 3 ชั้น และการเพาะชำในช่วงแรกจะมีการเพาะชำ มะเขือ พริกดอกขาว และมะขาม ในส่วนพืชผักอื่นเราค่อยเพาะชำทีหลัง กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมจำนวน 16 คน

ในส่วนของการทำโรงเพาะชำ ผมขอคุยในส่วนงบประมาณที่จัดซื้อวัสดุและอุปกรณ์เพราะอุปกรณ์บางอย่างนั้นมีอยู่แล้ว เช่น เสา ท่อพีวีซี หัวสปริงเกอร์ และไม้ ซึ่งทำให้เราประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ได้หลายอย่าง และเรื่องปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำโรงเพาะชำ ให้มาทำข้างฝายชะลอน้ำ และโรงปุ๋ยทำให้ เราปฏิบัติงานได้ง่ายขึ้น

-

-

-

พี่เลี้ยงแนะนำการรายงานกิจกรรมทางเว็ปไซด์และเอกสารการเงิน จำนวน 3 คน

คณะทำงานได้มีการเรียนรู้เรื่องรายงานผ่านทางเว็ปไซด์

การรายงานทางเว็ป

-

ต้องการให้พี่เลี้ยงลงพื้นที่บ่อยๆ

ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้เข้าร่วมโครงการ 2 หลัง ในพื้นที่ ม.6 บ้านสวนป่าร่วมกับผู้ประสานงานโครงการ

ได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์ของนางดวงใจ นกสีแก้ว และ ยายม้อย คดีพิศาล เห็นการดำเนินการจริงของในระดับครอบครัว ทั้งภูมิปัญญาด้านสมุนไพรที่ควรมีการมาถอดบทเรียนและการขยายผล ถ่ายทอดต่อให้คนในชุมชน

• การดำเนินงานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด เนื่องจากมีกิจกรรมประกวดหมู่บ้านของ อบต.วังมะปรางเหนือ  รวมทั้งการประสานอุปกรณ์การตรวจสอบคุณภาพดินของทางสำนักงานเกษตรส่งมาล่าช้า ทำให้ต้องเลื่อนกิจกรรมออกไป

- 

-ให้ปรับแผนเร่งดำเนินกิจกรรมทั้งในส่วนชุมชน และทางโรงเรียน

คณะทำงานและครอบครัวอาสาจำนวน38คนมีการร่วมกับชมรมผู้สูงอายุในวันที่28ก.พ.56เพื่อร่วมกิจกรรมทำบุญเลี้ยงพระและเรียนรู้การดูแลสุขภาพตนเองด้วยการเสริมการออกกำลังกายโดยได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทย และการเฝ้าระวังเรื่องการบริโภคพืชผักอาหารที่ปลอดสารพิษและมีการให้คำปรึกษาเรื่องรูปแบบเอกสารที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลด้านสุขภาพของครอบครัวอาสาโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลวังวิเศษคอยให้การช่วยเหลือ กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมจำนวน 20 คน

จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครอบครัวอาสา และครอบครัวอาสาสวนเกษตรอินทรีย์ ครั้งที่  1 โดยมีวัตถุประสงค์ สร้างการเรียนรู้ ด้านการทำเกษตรตามแนว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยการนำความรู้และภูมิปัญญาพื้นบ้าน มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ของครอบครัวอาสาที่เข้าร่วมโครงการ และการพัฒนาพื้นที่ภายในโรงเรียน เพื่อยกระดับเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงภายในสถานศึกษา และเป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชนในหมู่บ้าน โดยเป้าหมายที่สำคัญ คือ เพื่อให้เกิดความร่วมมือกัน ระหว่าง ประชาชนในหมู่บ้าน และครูนักเรียนของโรงเรียนสวนป่าประชาอุปถัมภ์ 

-

-

-

อบรมเชิงปฏิบัติการครอบครัวอาสาและวิเคราะห์พฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพให้ความรู้ด้านพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพในวันที่13ก.พ.56โดยมีคณะทำงานและครอบครัวอาสาเข้าร่วมจำนวน45คนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขนายอำนาจ  บุญทรงธรรมและเกษตรนางฉลวย  เวียนคำโดยให้ครอบครัวอาสาวิเคราะห์สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวตนเองและมีการวางแผนด้านการดูแลสุขภาพของตนเองและสมาชิกในครอบครัว กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมจำนวน 45 คน

ดังนั้นเพื่อให้ครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการและประชาชนในพื้นที่ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ เราต้องหันมาสนใจในการบริโภคพืชผักต่างๆและหันมาปลูกผักกินเองเพื่อเป็นการลดรายจ่ายและสร้างรายได้เสริมแกครอบครัวได้ และทางสำนักงานเกษตรจะเป็นที่ปรึกษาและให้ความรู้ทุกด้านที่ทางหมู่บ้านประสานงานไปนายอำนาจ  บุญทรงธรรม สาธารณสุขตำบลวังมะปรางเหนือ มีการอธิบายเบื้องต้นว่าพิษภัยที่แฝงมากับผักซึ่งอันตรายจากผักแบ่งเป็น  3 ประเภท
1. อันตรายจากพยาธิและเชื้อโรค     ในปัจจุบันเกษตรกรใช้ปุ๋ยธรรมชาติเพื่อลดในการผลิตของเกษตรกรบางราย  ได้นำเอา  มูลสัตว์สด  มาใช้เป็นปุ๋ยรดผักตามแห่ลงเพาะปลูกต่างๆ  ซึ่งทำให้เกิดการปนเปื้อนของไข่พยาธิ ตัวอ่อนพยาธิ  และเชื้อโรคของระบบทางเดินอาหารชนิดต่างๆ  ในผักสดโดยทั่วไปผักที่พบไข่พยาธิ  ตัวอ่อนหรือเชื้อโรคส่วนมากมักจะเป็นผักชนิดที่ใบไม่เรียบและซ้อนกันมากๆ  เช่น  ผักกาดขาว  สะระแหน่  ผักชี  ต้นหอม  และ  กะหล่ำปลี  เป็นต้น  ซึ่งเป็นผักสดที่คนไทยนิยมบริโภคสดๆ  ทำให้มีโอกาสได้รับ ไข่พยาธิหรือเชื้อโรคจนทำให้เป็นโรคพยาธิชนิด  ต่างๆ  เช่นโรคพยาธิตืดหมู  โรคพยาธิแส้ม้า  โรคพยาธิไส้เดือน  เป็นต้น  หรือโรคของระบบทางเดินอาหาร  เช่น  โรคบิด    โรคอหิวาตกโรค  และโรคไทฟอยด์เป็นต้น
2. อันตรายจากสารฟอกขาว  (  โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์  )
      คำว่าโซเดียมไฮโดรซัลไฟต์  หรือบ้านเราเรียกว่า  สารฟอกขาวชนิดหนึ่ง  สารชนิดนี้มีการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมเส้นใยไหม  แหและอวน  แต่พบว่ามีพ่อค้าแม่ค้านำไปแช่ผักบางชนิด  เช่น  ถั่วงอก  หน่อไม้ไผ่ตง ขิงหั่นฝอย  และกระท้อน  เป็นต้น  ซึ่งหากเราได้รับสารนี้โดยการบริโภค  จะทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะ  ที่สัมผัสกับอาหาร  เช่น  ปาก  ลำคอ  กระเพาะอาหาร  จนเกิดอาการปวดท้อง อาเจียน แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ความดันโลหิตจะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แพ้อย่างรุนแรงหรือผู้ป่วยโรคหอบจะมีอาการช็อค หมดสติและเสียชีวิต ทั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายจากสารนี้ได้ ด้วยการเลือกอาหารที่สะอาดและมีสีใกล้เคียงธรรมชาติ ไม่ขาวจนผิดปกติ 3. อันตรายจากสารตกค้าง     ปัจจุบันนี้มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชกันอย่างแพร่หลาย และในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น โดยที่เกษตรกรผู้ใช้ขาดความรู้ความเข้าใจที่ดี ซึ่งการใช้สารเคมีร่วมกันหลายชนิด หรือเมื่อใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแล้วกลับเก็บผลผลิตก่อนครบกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทำให้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ยังสลายตัวไม่หมดเกิดการตกค้างในผักสด เมื่อร่างกายได้รับเข้าไปในปริมาณน้อยๆแต่บ่อยครั้งเป็นเวลานาน จะสะสมเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลจนกลายเป็นเซลมะเร็งลุกลามไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้ เช่น มะเร็งตับและมะเร็งของลำไส้ และอื่นๆ

-

-

-

ประชุมคณะทำงานจำนวน15คนเพื่อทำความเข้าใจแบบสำรวจข้อมูลและการจัดทีมเพื่อลงพื้นที่สำรวจข้อมูล ครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์ในวนที่20ม.ค.56 โดยมีการแบ่ง 3 ทีม
ทีมที่ 1 นายประสิทธ์  เอ้งฉ้วน  รับผิดชอบ 12 ครอบครัว ทีมที่ 2 นางเพลินตา  ชูหาญ  รับผิดชอบ 13 ครอบครัว
ทีมที่ 3 นางจิตรา  ทองหอม  รับผิดชอบ 13 ครอบครัว   โดยมีประเด็นที่สำคัญแต่ละทีมต้องเก็บประเด็นสภาพปัญหาของการใช้ประโยชน์ของที่ดิน และสภาพปัญหาของโรคพืชต่างๆ

ประชุมสรุปการจัดเก็บข้อมูลครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์จากการที่คณะกรรมการลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ได้ประเด็นปัญหาที่สำคัญ
- ประเด็นที่ดินทำกิน โดยเฉพาะปัญหาพื้นที่ทางการเกษตรมีสภาพดินแข็งกระด้าง ถ้าต้องการปลูกพืชผักต้องใส่ปุ๋ยจำนวนมากในกางปลูกแต่ละครั้ง
- ประเด็นสวนยางพารา สภาพพื้นที่ดินหรือหน้าดินตอนนี้เสื่อมโทรมไม่เหมือนเมื่อก่อนเพราะการเตรียมพื้นที่เมื่อก่อนเกษตรกรมีการเผาตอไม้กิ่งไม้ในพื้นที่เศษเถ้าถ่านได้เป็นปุ๋ยที่สามารถปรับสภาพดินได้ แต่ตอนนี้ไม่มีเศษไม้ให้เผาแล้วทำให้ผู้ปลูกยางพาราต้องใส่ปุ๋ยเคมีในอัตราจำนวนมากทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพดิน
- ประเด็นโรคที่พบในการปลูกยางพารา มีโรคเชื้อราในช่วงฤดูฝนทำให้ยางพาราที่ทำการกรีดในหน้าฝนหน้ายางจะดำและเน่า  ซึ่งเป็นผลกระทบที่ยังแก้ปัญหาไม่ได้
- ประเด็นปัญหาที่สำคัญในการทำเกษตร คือการขาดน้ำในช่วงฤดูแล้ง   และในที่ประชุมมีการออกแบบฟอร์มในการสรุปข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินของครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์

-

-

-

คณะทำงานมาร่วมประชุมณ สวนดุสิตตรังเพื่อรายความคืบหน้าโครงการโดยมีทีมพี่เลี้ยงสจรส.มอ.คอยให้คำแนะนำและปรึกษา

คณะทำงานมีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้นในการรายงานเอกสารการเงินและสรุปรายงานการประชุม

ปัญหา  คณะทำงานยังมีปัญหาเรื่องการรายงานความคืบหน้าของโครงการผ่านทางเว๊ปไซต์ ข้อเสนอแนะต่อ สสส.

-

ให้ทีมพี่เลี้ยงโครงการให้คำแนะนำการส่งรายงานทางเว๊ปไซต์

จัดเวทีประชาคมหมู่บ้านโดยมีคณะทำงานและครอบครัวอาสาเข้าร่วมจำนวน39คนเพื่อรับรองสมาชิกครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์ในวันที่26ธ.ค.55เพื่อรับรองการเข้าร่วมโครงการและการลงนามในหนังสือบันทึกความร่วมมือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในการหนุนเสริมการดำเนินกิจกรรมของครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์และการทำงานร่วมกันให้บรรลุตามเป้าหมายของโครงการ โดยมีการยึดแนวปฏิบัติตามกฎกติกาของส่วนรวม เพื่อให้เกิดการร่วมกันปฏิบัติงานที่เป็นระบบ และเกิดรูปธรรมมากยิ่งขึ้นระหว่างชุมชนกับหน่วยงาน

มีการร่างกติการ่วมกันของครอบครัวอาสา และการกำหนดแผนพัฒนาแปลงสาธิต

ปัญหา ครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการติดภาระกิจครอบครัว

แนวทางแก้ไข มีเวทีพูดคุยนอกรอบ

      -

    -

กิจกรรมประชาคมหมู่บ้านรับสมัครครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์ จัดที่ห้องประชุมโรงเรียนสวนป่า จำนวนผู้เข้าร่วม 39 คน มีภาคีเข้าร่วมประชุม ผอ.โรงเรียนบ้านสวนป่า เจ้าหน้าที่เกษตรตำบล และ เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอำเภอวังวิเศษ 

• มีการร่วมกำหนดเกณฑ์หลักของครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์ได้แก่ 1) การปลูกพืชผัก สวนครัวกินเอง 2) การลด ละ เลิกการใช้สารเคมีในการผลิตพืชผัก 3) การร่วมกิจกรรมพัฒนาของโรงเรียนทุกพุธที่ 2 และ 4 ของเดือน 4) การเข้าร่วมกิจกรรมทำบุญประจำเดือนทุกวันที่ 30 ของทุกเดือน 5) สมาชิกครอบครัวมีการออกกำลังกายตามความสนใจ
  
• มีผู้สมัครเข้าร่วมแล้ว 36 ครัวเรือน และเปิดรับสมัครเพิ่มถึงวันที่ 25 มกราคม 2556
  ผลที่เกินคาดหมาย คือ การได้ภาคีโรงเรียนสวนป่ามาร่วมดำเนินโครงการ
  
• มีแผนผังการพัฒนาแปลงพืชผักในโรงเรียนสวนป่า
  
• ได้นักเรียนสมาชิกชมรมสมุนไพรใกล้ตัว 10 คน ของโรงเรียนบ้านสวนป่า ร่วมกิจกรรมโครงการ

• ภาคีพัฒนาบางหน่อยงานไม่ได้เข้าร่วม เช่น โรงพยาบาล เพราะติดงานเลี้ยงสิ้นปีของหน่วยงาน
  
• แกนนำบางท่านไม่ได้เข้าร่วมประชุม เพราะฝนไม่ตกเป็นเช้าแรกในรอบ 10 วัน หลายคนก็ติดกรีดยางพารา แนวทางแก้ไข ก็นำผลสรุปการประชุมแจ้งหน่วยงานและแกนนำย้อนหลัง

• การเพิ่มกระดานพร้อมกระดาษ flip chart ประกอบการประชุมประชาคม เพราะจะช่วยในการทำความเข้าใจกับผู้เข้าร่วมได้ดีกว่า
  
• การสรุปและส่งบันทึกรายงานการประชุมให้ภาคีพัฒนาที่เข้าร่วมทั้งทางโรงเรียน เกษตร พัฒนาชุมชน และไม่ได้เข้าร่วมได้แก่ อบต.วังมะปรางเหนือ โรงพยาบาลวังวิเศษ

- 

• จัดประชุมเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ภูมิปัญญาชุมชน ณ โรงเรียนสวนป่าในวันที่8ธ.ค.55โดยมีผู้เข้าร่วม 22คน โดยตัวแทนครูจากโรงเรียนสวนป่า คณะทำงานครอบครัวอาสา และตัวแทนครอบครัวอาสา เพื่อกำหนดแนวทางการใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียง โดยการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนมาปรับใช้ เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของโครงการและเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ครอบครัวอาสาเกษตรอินทรีย์ จำนวน 36 ครอบครัว และกลุ่มเยาวชนในโรงเรียนสวนป่าฯ เพื่อให้เกิดกิจกรรมการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม และแนวทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

• คณะทำงานและครอบครัวอาสามีการพูดคุยร่วมกับคณะครูโดยใช้หลักวิชาการกับภูมิปัญญาพื้นบ้านและที่ประชุมลงมติกำหนดพันธุ์พืชและสมุนไพร จำนวน 20 ชนิด ได้แก่ 1)ผักบุ้ง 2) ข้าวโพด 3) ดีปรีเชือก 4) ข้าวโพด 5 ) สับปะรด 6)มะขาม 7) ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน 9) หัวไพร 10) มะเขือ  11) มะกรูด 12) ผักหวาน 13) ขิงข่า 14)ชะอม 15) ชะมวง 16) ส้มหม้าว  17) ส้มปอย 18) พริกขี้หนู 19) ผักกูด 20) พริกไทย 21) มะละกอ
  
• เกิดความเข้าใจร่วมกันของอาสาในการเข้าร่วมโครงการและร่วมกันพัฒนาแปลงสาธิตภายในโรงเรียนครอบครัว

ปัญหา ระหว่างกิจกรรมโครงการกับระเบียบภายในโรงรียน

แนวทางแก้ไข สร้างเวทีพูดคุยระหว่างโรงเรียนกับชุมชน

    -

• ต้องการให้พี่เลี้ยงลงพื้นที่บ่อยๆ

• การประชุมคณะกรรมการร่วมกับตัวแทนหน่วยงานพัฒนาในพื้นที่ ภาคเช้า ผญ.คำรณ ปานแก้ว กล่าวต้อนรับ และที่มาโครงการฯ คุณสายัณฑ์ ชูหาญ ผู้รับผิดชอบโครงการกล่าวรายงาน นายอำเภอวังวิเศษ สุวรรณช่วยนุกูล ให้กำลังใจและข้อเสนอแนะเน้นปฏิบัติการจริงให้เกิดรูปธรรม และพร้อมให้ความร่วมมือสนับสนุน ภายบ่ายตัวแทนหน่วยงานร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางการหนุนเสริม
  
• จำนวนคนเข้าร่วม 53 คน
• ภาคี อบต.วังมะปรางเหนือ โรงพยาบาลวังวิเศษ สำนักงานพัฒนาที่ดิน สำนักงานเกษตรอำเภอวังวิเศษ โรงเรียนบ้านสวนป่า ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร สภาองค์กรชุมชนตำบลวังมะปรางเหนือ

• ตัวแทนหน่วยงานพัฒนาในพื้นที่ทั้งทาง อบต.วังมะปรางเหนือ โรงพยาบาลวังวิเศษ สำนักงานพัฒนาที่ดิน สำนักงานเกษตรอำเภอวังวิเศษ โรงเรียนบ้านสวนป่า ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรตำบลวังมะปรางเหนือ ได้รับทราบแนวทางและให้ความร่วมมือในการดำเนินโครงการ

• ขาดการแนะนำทีมคณะทำงานโครงการ / มีการแนะนำทีมคณะทำงานโครงการในเวทีต่อไป

• ขอให้การประชุมเตรียมกิจกรรมของพื้นที่มีการทำงานร่วมกับอีก 2 โครงการในพื้นที่ โดยใช้สถานที่ห้องประชุมของ อบต.วังมะปรางเหนือ และทางโรงพยาบาลวังมะปรางเหนือ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับภาคีหน่วยงานพัฒนา
  
• ให้ประสานกับสภาองค์กรชุมชนตำบลวังมะปรางเหนือ

- 

มีคณะทำงานและครอบครัวอาสาเข้าร่วมจำนวน39คนประชุมทำความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานในวันที่21พ.ค.55เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงาน และชุมชนมากขึ้น และมีการนำแผนงานโครงการของหมู่บ้านเข้าสู่แผนปฏิบัติงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบ

มีครอบครัวอาสาเข้าร่วมโครงการจำนวน 36 ครัวเรือน และโรงเรียนสวนป่าแต่งตั้งกลุ่มสมุนไพรใกล้ตัวของโรงเรียนเข้าร่วมโครงการจำนวน 12 คน และเกิดการยอมรับในการดำเนินงานของคณะทำงานโครงการ

ความเข้าใจในการปฏิบัติงานของคณะทำงานยังต้องสร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลโครงการบางส่วน

-

ต้องการทีมพี่เลี้ยงลงพื้นที่สร้างความเข้าใจและสร้างการยอมรับของหน่วยงาน

• ตัวแทนคณะทำงานโครงการฯจากชุมชนเข้าร่วมเวทีปฐมนิเทศเรียนรู้การบริหารจัดการโครงการ
  การรายงานผลการดำเนินงานผ่านทางเว็ปไซต์ happynetwork จำนวน 3 คน

• เกิดความเข้าใจร่วมกับคณะกรรมการและพี่เลี้ยงในการดำเนินงานตามกิจกรรม
  
• ตัวแทนคณะกรรมการเข้าใจการบริหารจัดการโครงการ

• ตัวแทนหมู่บ้านไม่ค่อยเชี่ยวชาญในการทำข้อมูลจากเว็ปไซด์

• ไม่มี

ต้องการให้ช่วยเหลือในด้านการหนุนเสริมกิจกรรมและลงพื้นที่บ่อยๆ