- เพื่อจัดทำรายงานโครงการ รายงานฉบับสมบูรณ์ (ส.3)
- เพื่อตรวจสอบรายงานการเงิน
- บันทึกการทำกิจกรรมในพื้นที่
- ตรวจสอบเอกสารการเงิน รายงานการเงิน
- รายงานการเงินเสร็จสมบูรณ์
- รายงานผลการเำเนินงานโครงการ รายงานปิดโครงการยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากยังบันทึกกิจกรรมของโครงการไม่เรียบร้อย จึงยังไม่สามารถจัดทำรายงาน ส.3 ได้
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- อินเตอร์เน็ตในชุมชนไม่มี ต้องไปอาศัยใช้อินเตอร์เน็ตในโรงเรียนบ้านไทรงาม ซึ่งสัญญาณก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
-
-
- เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานโครงการร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่
- เพื่อแสดงผลงานการดำเนินงานโครงการ
- ชมนิทรรศการผลการดำเนินงานโครงการอื่นๆ
- พูดคุย สอบถาม แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานโครงการร่วมสรา้งชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ภาคใต้
- สามารถนำแนวทางการทำงาน ประสบการณ์การทำงานในลักษณะเดียวกันจากพื้นที่อื่นๆ ในภาคใต้มาปรับใช้ในการทำงานด้านพัฒนาชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
-
-
-
- เกิดศูนย์กู้ภัยชุมชนทีมีความพร้อมรับมือภัยพิบัติในภูมินิเวศน์ไทดำ 2 จุด
- เกิดความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการจัดตั้งศูนย์และเกิดกองทุนการจัดการภัยพิบัติระดับชุมชนโดยมีส่วนร่วมกับภาคีท้องถิ่นภายนอกชุมชน
- มีการจัดกิจกรรมดำเนินการจัดตั้งศูนย์ที่มีประสิทธิภาพสายพิบัมารถรับมือภัยพิบัติ 2 โซน ที่มีเตียงสำหรับผู้ประสบภัยและมีเครื่องมือเครืองใช้ เช่น เรือสำหรับอพยพประชาชนและสิ่งของเครื่องใช้โดยได้ระบบความร่วมมือและสนับสนุนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์กรมหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิต โรงไฟฟ้าเขาหัวควาย อบต.ท่าข้ามและผูใหญ่บ้าน
- เกิดความตระหนักภายในชุมชนในเรื่องภัยพิบัติ แม้เหตูการจะเว้นว่าง
- เกิดกระบวนการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- การแก้ไขปัญหาเชิงนโยบาย หรือแก้ปัญหาภัยพิบัติแบบถึงต้นตอของปัญหาจำเป็นต้องนำข้อมูลและข้อเท็จจริงมาเปิดเผย
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อชี้แจ้งและทำความเข้าใจกับคณะทำงาน
- จัดเวทีประชุมแลกเปลี่ยนการจัดการกองทุนว่ามีผลดีกับชุมชนอย่างไร และช่วยกันเสนอแนวทางจัดตั้งกองทุนที่ยั่งยืน
- รับฟังความคิดเห็น เสนอสภาพปัญหาความจำเป็นของชุมชนต่อภาคีหน่วยงานเพื่อร่วมสนับสนุนกิจกรรมชุมชน
- ชุมชนได้นำเสนอข้อมูลกิจกรรมที่ได้ร่วมดำเนินการแก่ผู้ร่วมประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจ
- ชุมชนได้มีศูนย์กู้ภัยชุมชนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงทั้งด้านข้อมูลและอุปกรณ์การช่วยเหลือ รวมทั้งจัดตั้งกองทุนภัยพิบัติโดยชุมเพื่อชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- ชุมชนบางส่วนขาดความตระหนักที่เตรียมการป้องกันและเตรียมพร้อมเนื่องจากเว้นระยะการเกิดภัย
- ภาคีหน่วยงานให้ความร่วมือและช่วยเหลือบางหน่วยงาน ส่ววนใหญ่จะมุ่งเน้นเฉพาะในองค์กร ชุมชนต้องประสานทำความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อให้ชุมชนมีความพร้อมในการเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติ
- เพื่อให้ชุมชนได้รับทราบข้อมูล และมีส่วนร่วมในการวางแผนในการจัดการยามเกิดภัยพิบัติ
- การจัดการประชุมจัดทำแผนกู้ภัยของชุมชนในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 40 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจากชุมชนและเพื่อนเครือข่ายที่ให้การสนับสนุนการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน
- จากการประชุมสรุปเนื้อหาจากการประชุมไว้ดังนี้ แผนการกู้ภัยเฉาะหน้า
- จากการจัดประชุมเพื่อจัดทำแผนกู้ภัยชุมชนทำให้ได้ทราบข้อมูลของชุมชนด้านการช่วยเหลือตามเนื้อหาดังนี้
- เส้นทางการอพยพในหมู่ที่ 2 ตำบลกรูด อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ โรงเรียนบ้านทับชันฯหรือศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงทับชันสามัคคี วัดประชาวงศาราม
- บ้านเรือนที่ต้องการรับการช่วยเหลือเร่งด่วนคือ นางลอย ทองบ่อ , นางเรียม พึ่งยาง นางปิ่น สระทองแพ, นายนพวัลย์ ดอนไพรวัลย์, นายเหลา แก้วแหวน ,นางสาวรัตนพร บุญสวัสดิ์,นายไหมทอง กำมณี, นายชัยยันต์ แร่อ่อน ซึ่งเป็นบ้านเรือนที่มีระดับน้ำที่ความสูง 4- 5 เมตร
- เส้นทางการอพยพในหมู่ที่ 7 ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ โรงเรียนบ้านไทรงาม ถนนสายเอเชีย 41
- บ้านเรือนที่ต้องการรับการช่วยเหลือเร่งด่วนคือ นายมานะ อินทแพทย์ นายบวรนันท์ อินทแพทย์ นายเดี่ยว บัวแก้ว นายแดง เพชรติ่ง นายสายนต์ ถ้อยทัด ซึ่งเป็นบ้านเรือนที่มีระดับน้ำที่ความสูง 4- 5 เมตร
- เส้นทางการอพยพในหมู่ที่ 4 ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ โรงเรียนบ้านไทรงาม ถนนสายเอเชีย 41
บ้านเรือนที่ต้องการรับการช่วยเหลือเร่งด่วนคือ นายใย พุ่มมาลี นายไมตรี เพชรติ่ง นางจันทร์จิรา เพชรติ่ง นางไลย สระทองฮะ สมศักดิ์ สระทองบุญ นายสมศักดิ์ มีจั่นเพชร
ได้แผนระยะยาวในกู้ภัยของชุมชน - การจัดกระบวนการให้ผู้สูงอายุและคนในชุมชนเพื่อเพื่อเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ เดือนละ 1 ครั้ง
- การปรับแก้แผนผังภูมิทัศน์และโครงสร้างพื้นฐานเชิงนโยบาย เช่น เส้นทางการระบายน้ำของชุมชน
- การเผยแพร่ข้อมูลชุมชนผ่านแผนที่ GIS กับเครือข่ายในเขตภัยพิบัติ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ไม่มี
-
-
- เพื่อสร้า้งทางเลือกอาชีพเสริมในชุมชน
- เพื่อให้เยาวชนได้ฝึกทักษะการทำอาชีพเสริม
- ระดมความเห็นเรื่องอาชีพเสริมในชุมชน และลดรายจ่ายคนในชุมชน
- ความสำคัญของการทำบัญชีรับจ่ายและการหารายได้เสริมให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชนไทดำ
- ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ น้ำยาเอนกประสงค์
- การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเริ่มต้นกระบวนการโดยมีวิทยากรการปูพื้นความเข้าใจปัญหาเรื่องเศรษฐกิจในครอบครัวโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ซึ่งสามารถลดรายจ่ายได้ ได้แก่ น้ำยาล้างจาน แชมพู ผงซักฟอก สบู่ ฯลฯ จากนั้นระดมความเข้าใจเรื่องอาชีพเสริมคืออะไร และอาชีพอะไรบ้างที่สามารถสร้า้งรายได้ในครอบครัว โดยมีความคิดเห็นในเวทีดังนี้
- อาชีพเสริมคือ
- อาชีพเสริมคือ
- การสร้า้งรายได้เพิ่มจากอาชีพหลัก
- การลดรายจ่ายในครอบครัว
- การสร้า้งอาชีพใหม่ที่หลากหลาย
- การสร้า้งอาชีพที่เพิ่มจากอาชีพประจำที่มีอยู่แล้ว เพื่อจะเพิ่มช่องทางการทำเงิน หรือเพิ่มรายได้ ให้มากยิ่งขึ้น หรือให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
- สรา้งรายได้โดยวิธีการ / อาชีพเสริมที่สนใจอยากทำ
3.ปฏิบัติการทำน้ำยาเอนกประสงค์
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. ถังพลาสติกสีเข้มมีฝาปิดมิดชิด 1 ใบ
2. เครื่องชั่งน้ำหนัก
3. ถ้วยตวงน้ำ 1 ใบ
4. ช้อน ไม้พาย สำหรับคน 1 คัน
5. ผ้าขาวบางสำหรับกรอง 1 ผืน
6.น้ำด่าง ( หมักจากขี้เถ่า 5คืน ) 10 ลิตร
7. เกลือแกง 1 กิโลกรัม
8. N70 1 กิโลกรัม
วิธีการทำ
- กวน N70 จากใสๆ ให้กลายเป็นสีขาวขุ่น
- เติมน้ำเกลือและกวนให้เข้ากัน
-เติมน้ำด่างและกวนให้เข้ากันจนกว่านืดและข้นทิ้งไว้ 1 คืนเพื่อให้ฟองหมดแล้วบรรจุใส่ถังหรือขวดที่เตรียมไว้
การทำแชมพูมะกรูด
การทำแชมพูมะกรูด 100% ไร้สารพิษ มะกรูด เป็นสมุนไพรพื้นบ้านมีสรรพคุณลด อาการคัน รังแค ผมแห้ง ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม สามารถใช้สระล้างสารพิษจากการย้อม ยืด และโกรกผม ให้หลุดออกไป แชมพูมะกรูด 100% ตามแนวเศรษฐกิจ พอเพียง มีวิธีการผลิตที่ง่ายและรวดเร็ว สามารถทำใช้ ได้เองในครัวเรือน ส่วนผสม มะกรูดแก่จัดตามจำนวนที่ต้องการ วิธีทำ 1. นำมะกรูดไปย่างไฟให้พอเหลือง ผ่าควักเอาเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้น ขนาดพอเหมาะ 2. เติมน้ำพอท่วม แล้วปั่นให้ละเอียด 3. กรองเอาเฉพาะน้ำโดยใช้ผ้าขาวบาง จากนั้นนำมาตั้งไฟให้พออุ่น เพื่อฆ่าเชื้อ แล้วกรอกใส่ขวดขณะยังอุ่นอยู่
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- มีผู้เข้าร่วมอบรมและผู้สนใจเป็นจำนวนมากการปฏิบัติการ และสาธิตทำเพียงจุดเดียวจึงไม่ทั่วถึงทุกคน
- ควรมีการแบ่งกลุ่มย่อยและมีวิทยากรประจำกลุ่มจึงจะช่วยให้สมาชิกได้เห็นความชัดเจนในขั้นตอนการปฏิบัติอย่างถูกต้องเพื่อสามารถนำกลับไปทำต่อได้
-ไม่มี
-ไม่มี
- เพื่ออาสาสมัครได้ฝึกทักษะการใช้วิทยุสื่อสารยามเกิดภัยพิบัติ
- ฝึกอบรมอาสาสมัครกู้ภัย ครั้งที่ 3 เรื่องการใช้วิทยุสื่อสารในสถานการณ์ภัยพิบัติ
- อาสาสมัครได้ฝึกทักษะการสื่อสาร ( วิทยุสื่อสาร ) ยามเกิดภัยพิบัติ โดยมีเนื้อหาในการฝึกอบรมดังนี้
หลักปฏิบัติในการติดต่อสื่อสารและการเตรียมการก่อนการเรียกขาน
- ต้องจดบันทึกหรือเตรียมข้อความที่จะพูดไว้ก่อน เพื่อความรวดเร็ว การทวงถามถูกต้อง และเป็นหลักฐานในการติดต่อของสถานีตนเองอีกด้วย
- ข้อความที่จะพูดทางวิทยุ ต้องสั้น กะทัดรัด ชัดเจน และได้ใจความ
- ก่อนพูดต้องฟังก่อนว่าข่ายสื่อสารนั้นว่างหรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เกิดการรบกวนการทำงานของสถานีอื่น โดยต้องใช้นามเรียกขานที่กำหนดให้เท่านั้น
- ตรวจสอบนามเรียกขานของหน่วยงานหรือบุคคลที่จะต้องทำการติดต่อสื่อสารก่อน
- การเรียกขานหรือการตอบการเรียก ต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติของข่ายสื่อสารการเรียกขาน
การเรียกขานต้องครบองค์ประกอบ ดังนี้
- “นามเรียกขาน” ของสถานี, บุคคลฯ ที่ถูกเรียก
- “จาก” - “นามเรียกขาน” ของสถานี, บุคคลฯ ที่เรียก - “เปลี่ยน”
การตอบรับการเรียกขาน
การตอบในการเรียกขาน ครั้งแรกต้องตอบแบบเต็ม ซึ่งประกอบด้วย
ก. “นามเรียกขาน” ของสถานี, บุคคลฯ ที่เรียก
ข. “จาก”
ค. “นามเรียกขาน” ของสถานี, บุคคลฯ ที่ถูกเรียก
ง. “เปลี่ยน”
*ตัวอย่างที่ 1
(ศูนย์ฯ เรียก) เขตไทรงาม 401 จาก อุบัติภัย เปลี่ยน
ลูกข่ายตอบ) อุบัติภัย จาก เขตไทร 401 เปลี่ยน หรือ
(ลูกข่ายตอบ) จาก เขตไทรงาม 401 ว.2 เปลี่ยน (ตอบอย่างย่อ) หรือ
(ลูกข่ายตอบ) เขตไทรงาม 401 ว.2 เปลี่ยน (ตอบอย่างย่อ)
ขั้นตอนการติดต่อสื่อสาร
- การติดต่อสื่อสารโดยทั่วไปเรียกศูนย์ฯ ที่สังกัด
- การเรียกขาน / การตอบ - ใช้นามเรียกขานที่กำหนด 2. แจ้งข้อความ / วัตถุประสงค์ / ความต้องการ - สั้น กะทัดรัด ชัดเจน ได้ใจความ - ใช้ประมวลสัญญาณ ว. ที่กำหนด 3. จบข้อความลงท้ายคำว่าเปลี่ยน
ข้อปฏิบัติและมารยาทในการใช้วิทยุสื่อสาร
1.ใช้ข้อความสั้น ๆ กะทัดรัดได้ใจความ ไม่ใช้ข้อความเกินความจำเป็นและไม่ควรเปลี่ยนแปลง โค้ด ว. ไปลักษณะเชิงพูดเล่น เช่น ว.4 ทางน้ำ
2.ต้องใช้ภาษาราชการหรือภาษาไทยกลางเท่านั้น ไม่ใช้ภาษาท้องถิ่นถึงแม้คู่สถานี (ผู้ที่เรากำลังติดต่อทางวิทยุด้วย) จะเป็นคนท้องถิ่นเดียวกันและเพราะผู้ฟังอื่นไม่เข้าใจได้ทั้งหมดเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งเชื้อชาติเป็นทางให้เกิดความแตกแยกสามัคคี
3.ต้อง ใช้เฉพาะความถี่ที่ที่หน่วยงานของตนได้รับอนุญาตเท่านั้นเพราะการออกนอกความ ถี่อาจไปรบกวนความถี่ต่างข่ายงานทำให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานอื่น ๆ ได้ (ข้อนี้เป็นการผ่อนผันระหว่างฝ่ายปกครองกับข่ายตำรวจ สภ.อ.พาน เพื่อการประสานงานร่วมกัน )
4. ต้องขออนุญาตสถานีควบคุมข่ายก่อนเมื่อจะติดต่อสื่อสารกันโดยตรง การติดต่อโดยตรงระหว่างลูกข่าย ต้องแจ้งแม่ข่ายทราย ไม่สมควรเรียกเข้าต่างข่ายงานด้วยตนเอง (ยกเว้นกรณีฉุกเฉินรอไม่ได้) เพราะนามเรียกขานอาจซ้ำกับลูกข่ายนั้นฯ
5. ต้องไม่ใช้ช่องสื่อสารในขณะที่ยังมีการรับ ส่งข่าวสารกันอยู่ ไม่ควรเรียกแทรกเข้าไปในขณะที่การรับส่งข่าวสารในความถี่นั้นฯ ยังไม่เสร็จสิ้นเพราะอาจทำให้เสียหายต่อทางราชการ (ยกเว้นการแจ้งเหตุซึ่งสามารถกระทำได้ทันทีจะได้กล่าวถึงในช่วงต่อไป) ผมถึงบอกว่าก่อนที่จะติดต่อทางวิทยุให้ยกขึ้นมาแนบหูฟังดูก่อนว่าคลื่นความถี่ของคู่สถานีที่เราต้องติดต่อนั้นว่างหรือไม่
6. ต้องไม่ส่งเสียงเพลง เสียงดนตรี หรือรายการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือเสียงแปลกประหลาดออกอากาศ หรือชอบทำคีย์ค้างบ่อย ๆ เป็นประจำ คงเป็นการจงใจให้ค้างเป็นแน่ ๆ การประชาพันธ์บนความถี่ทำได้เฉพาะสถานีควบคุมข่าย และโดยพนักงานวิทยุที่ปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น
7. ต้องไม่วิจารณ์ บุคคล การเมือง การค้า ศาสนา หรือส่งข้อความที่เป็นการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง การวิจารณ์ย่อมเกิดข้อขัดแย้ง การพูดหรือวิจารณ์ในส่วนที่มีผลประโยชน์ผู้เสียผลประโยชน์เกิดความแค้น อาจก่อให้เกิดการรบกวนช่องความถี่สื่อสารโดยการจงใจ
8. ต้องไม่แอบอ้าง หรือใช้นามเรียกขานของคนอื่น และไม่ให้ผู้อื่นนำนามเรียกขานของตนเองไปใช้ ( ข้อนี้ยังมีตำรวจบางนายซึ่งไม่ทราบข้อปฏิบัติและมารยาทในการใช้วิทยุสื่อสารการะทำอยู่ ซึ่งไม่ควรเอาอย่าง)
9. ต้องไม่ให้ผู้อื่นหยิบยืมเครื่องมือสื่อสารของตนเองไปใช้ ยกเว้นการนำเครื่องกองกลางไป
ปฏิบัติงานชั่วคราว โดยได้ดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วเท่านั้น
10. ต้องพกพาวิทยุสื่อสารในลักษณะเหมาะสม เปิดเครื่องได้ก็ควรกระทำ และอีกสาถนการณ์หนึ่งหากตัวเราเข้าไปอยู่ในบริเวณที่กลุ่มมิจฉาชีพ หรือญาติของผู้ที่ประกอบการผิดกฎหมายและเราเปิดวิทยุเสียงดังแล้วคนร้ายย่อมได้ยินและรับรู้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้
ท่านที่มีและใช้วิทยุอยู่พึงระลึกอยู่เสมอว่าไม่มีความลับบนความถี่จะกดคีย์ให้คิดก่อน เพราะว่าหากท่าน ว. ส่งข้อความไปแล้วทุกคนที่มี ว. และเปิดในย่านความถี่นั้นฯ ก็สามารถรับฟังข้อความของท่านได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่ส่งข้อความออกไปทาง ว. ให้คิดก่อนว่าต้องการพูดกับใคร เรื่องอะไร อยู่ในย่านความถี่ใด มีอยู่บ่อย ๆ ว.เปิดย่านความถี่ตำรวจพาน แต่ส่ง ว. เป็นว่า ขออนุญาต ไชยา ... เรียกอยู่นั่นแหละเป็น สิบกว่าครั้ง ก็มันต่างคลื่นความถี่ จะ ว. 2 ได้ยังไง ( หวังว่าต่อไปกรณีนี้ในส่วนของตำบลม่วงคำคงจะไม่มีให้ได้ยินอีกนะครับ) การแจ้งเหตุสามารถแจ้งได้ทันทีโดยทำได้ดังนี้ ขออนุญาตแจ้งเหตุ พาน จาก ม่วงคำ .. ว.2 เมื่อ พานตอบ ว.2 แล้วก็แจ้งเหตุเป็นข้อความ (ว.8) เข้าไป แต่ต้องเป็นเหตุด่วน เหตุร้าย เหตุเร่งด่วนจริง ๆ ถ้าหากไม่เป็นกรณีเร่งด่วนให้ย่านความถี่ว่างก่อนค่อยเรียกเข้าไปในย่านความถี่นั้น ๆ ก่อนแจ้งเหตุต้องดูให้ดี รู้ให้จริงชัดเจนว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ถ้าจะให้แน่นอนไปดูที่เกิดเหตุด้วยตนเองก่อนให้ชัดแล้วค่อยแจ้งทาง ว. ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน หรือเหตุเร่งด่วน จริง ๆ เพราะว่าหากเป็นเหตุเล็กๆ น้อยๆ ไม่รุนแรงสามารถตกลงรอมชอมกันได้ หรือไม่มีเหตุเกิดขึ้นจริง จะได้ไม่เสียเวลา และเกิดความเสียงหายต่อทางราชการได้) เช่นเดียวกันการแจ้งเหตุทาง ว. ให้ใช้ข้อความสั้น ๆ ฟังแล้วเข้าใจง่าย ใช้ขอความสั้น ๆ กะทัดรัดได้ใจความ หรือจะใช้รหัส ว. แทนก็ได้
รหัสการแจ้งเหตุทางวิทยุ
เหตุ 100 ประทุษร้ายทรัพย์
เหตุ 111 ลักทรัพย์
เหตุ 121 วิ่งราวทรัพย์
เหตุ 131 ชิงทรัพย์
เหตุ 141 ปล้นทรัพย์
เหตุ 200 ประทุษร้ายต่อร่างกาย
เหตุ 211 ทำร้ายร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บ
เหตุ 231 ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส
เหตุ 241 ฆ่าคนตาย
เหตุ 300 การพนันเป็นบ่อน
เหตุ 510 วัตถุต้องสงสัยเกี่ยวกับระเบิด
เหตุ 511 ได้เกิดระเบิดขึ้นแล้ว
เหตุ 512 วัตถุระเบิดได้ตรวจสอบแล้วไม่ระเบิด
เหตุ 600 นักเรียนจะก่อเหตุทะเลาะวิวาท
เหตุ 601 นักเรียนรวมกลุ่มมีสิ่งบอกเหตุเชื่อว่าจะก่อเหตุ
เหตุ 602 นักเรียนก่อเหตุหลบหนีไปแล้ว
เหตุ 603 นักเรียนก่อเหตุยกพวกทำร้ายซึ่งกันและกัน
เหตุ 604 นักเรียนก่อเหตุยกพวกทำร้ายซึ่งกันและกันถึงตาย
เหตุ 605 นักเรียนก่อเหตุยกพวกทำร้ายซึ่งกันและกันมีวัตถุระเบิด
รหัส ว.
ว.0 ขอรับคำสั่ง ต้องการทราบ ให้บอกด้วย
ว.00 คอยก่อน
ว.1 ขอทราบที่อยู่
ว.2 ได้ยินหรือไม่
ว.3 ให้ทวนข้อความซ้ำอีก
ว.4 ออกไปปฏิบัติการตามปกติ
ว.5 ปฏิบัติการลับ
ว.6 ขออนุญาตติดต่อทางวิทยุ
ว.7 ขอความช่วยเหลือ
ว.8 มีข่าว ข้อความยาวที่จะส่งทางวิทยุ
ว.9 มีเหตุฉุกเฉิน เหตุด่วนสำคัญ ให้ทุกสถานีคอยรับคำสั่งจากศูนย์ รถวิทยุมีเหตุฉุกเฉินเหตุด่วนขออนุญาตใช้ไฟแดงและไซเรน
ว.10 หยุดรถปฏิบัติงาน สังเกตการณ์ติดต่อทาง ว. ได้
ว.11 หยุดรถไม่เกี่ยวกับหน้าที่ แต่ติดต่อทาง ว. ได้
ว.12 หยุดรถ ปิดเครื่องวิทยุ
ว.13 ให้ติดต่อทางโทรศัพท์
ว.14 เลิกตรวจ เลิกปฏิบัติการ
ว.15 ให้ไปพบ
ว.16 ทดลองเครื่องรับ – ส่ง วิทยุ
ว.16 – 1 ฟังไม่รู้เรื่อง มีเสียงรบกวนมาก
ว.16 – 2 รับฟังไม่ชัดเจน
ว.16 – 3 รับฟังชัดเจนพอใช้ได้
ว.16 – 4 รับฟังชัดเจนดี
ว.16 – 5 รับฟังชัดเจนดีมาก
ว.17 จุดอันตราย ห้ามผ่าน (บอกสถานที่)
ว.18 นำรถออกทดลองเครื่องยนต์
ว.19 สถานีวิทยุอยู่ในภาวะคับขัน ถูกยึดหรือถูกโจมตี ไม่สามารถป้องกันตนเองได้
ว.20 ตรวจค้น
ว.21 ออกจาก
ว.22 ถึง
ว.23 ผ่าน
ว.24 เทียบเวลา แจ้งเวลา
ว.25 จะไปที่ใด ที่หมายใด
ว.26 ให้ติดต่อทางวิทยุให้น้อยที่สุด
ว.27 ติดต่อทางโทรพิมพ์
ว.28 ประชุม
ว.29 มีราชการอะไร
ว.30 ขอทราบจำนวน (คน สิ่งของ อาวุธ)
ว.31 ความถี่วิทยุช่อง 1
ว.32 ความถี่วิทยุช่อง 2
ว.33 ความถี่วิทยุช่อง 3
ว.34 ความถี่วิทยุช่อง 4
ว.35 เตรียมพร้อมออกปฏิบัติงาน
ว.36 เตรียมพร้อมเต็มอัตรา
ว.37 เตรียมพร้อมครึ่งอัตรา
ว.38 เตรียมพร้อมหนึ่งในสาม
ว.39 การจราจรคับคั่ง
ว.40 มีอุบัติเหตุทางรถ
ว.41 มีสัญญาณไฟจราจรเสีย
ว.42 ขอให้จัดยานพาหนะนำขบวน
ว.43 จุดตรวจ ด่านตรวจยานพาหนะ (บอกสถานที่)
ว.44 ติดต่อทางโทรสาร
ว.45 ตรวจสอบบุคคล
1. พบข้อมูล
2. ไม่พบข้อมูล
รหัสหรือโค้ด ว. ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ ตั้งแต่ ว.0 ถึง ว.46 นอกเหนือจากนั้นให้ใช้เป็นรหัสตัวเลขแทน โดยไม่มีคำว่า ว. นำหน้าตัวเลข เช่น ที่ทำงานใช้ รหัส 01 บ้านพักใช้รหัส 02 รถยนต์ใช้ 03 ห้องประชุมใช้รหัส 04 ที่เคยใช้ 60 ควรใช้คำว่า ญาติ , เพื่อน , พ่อ , แม่ ฯลฯ
61 ควรใช้คำว่า ขอบคุณ
62 ควรใช้คำว่า เสบียง หรือสิ่งของ (ให้ระบุชื่อสิ่งของนั้นฯ)
63 ควรใช้คำว่า บ้านพัก หรือ 02
64 ควรใช้คำว่า ภารกิจส่วนตัว
51 หรือ 605 ควรใช้คำว่า รับประทานอาหาร
100 ควรใช้คำว่า ภารกิจส่วนตัว
28 (สองแปด) ควรใช้คำว่า ว.สอง ว.แปด
ว.10 (ว.หนึ่งศูนย์) ควรใช้ ว.10 (ว.สิบ)
ว.21 (ว.ยี่สิบเอ็ด) ควรใช้ ว.21 (ว.ยี่สิบหนึ่ง)
ว.40 (ว.สี่ศูนย์) ควรใช้ ว.40 (ว.สี่สิบ)
กำลังโมบาย ควรใช้คำว่า 03 หรือยังอยู่ในรถ , กำลังขับรถ , ทำหน้าที่พลขับ
ล้อหมุน ควรใช้คำว่า 21 (ว. ยี่สิบหนึ่ง) หรือ เคลื่อนที่
ไม่มีความลับในความถี่ จะกดคีย์ให้คิดก่อน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
เสากลางเพื่อรองรับสัญญานวิทยุสื่อสารของชุมชนไม่มีจึงทำให้การสื่อสารยังได้ระยะ 1- 2 กิโลเมตร
-
-
- เพื่อให้อาสมัครกู้ภัยในชุมชนได้เรียนรู้แผนที่ชุมชน
- เพื่อให้อาสาสมัครในชุมชนมีความรู้เรื่องการกู้ชีพทางน้ำมากขึ้น
- ฝึกอบรมอาสาสมัครกู้ภัย ครั้งที่ 2 เรื่องการกู้ภัยทางน้ำ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ
- อาสมัครกู้ภัยในชุมชนได้เรียนรู้แผนที่ชุมชน ซึ่งทำให้ทราบตำแหน่ง สถานที่สำคัญในชุมชนที่สามารถเป็นแหล่งพักพิง และศูนย์กู้ภัยยามเกิดภัยพิบัติได้ ได้แก่ วัดดอนมะลิ โรงเรียนบ้านไทรงาม โรงเรียนบ้านทับชันฯ เป็นต้น
- อาสาสมัครในชุมชนมีความรู้เรื่องการกู้ชีพทางน้ำมากขึ้น ซึ่งมีประเด็นหลักในการจัดฝึกอบรมดังนี้
*การใช้อุปกรณ์กู้ชีพทางน้ำ ได้แก่ เรือ แพ ชูชีพ และการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ที่ช่วยในการลอยน้ำได้
- การเตรียมอุปกรณ์ยังชีพ ได้แก่ การก่อไฟ การปรุงอาหาร ยารักษาโรค ข้าวสาร อาหารแห้ง เป็นต้น
- การเคลื่อนย้ายอพยพคนให้ไปที่ปลอดภัย ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายจากลำดับคนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ได้แก่ เด็ก คนชรา ผู้พิการ ภิกษุ สามเณร เป็นต้น
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ควรเพิ่มเวลาในการฝึกอบรมให้มากขึ้น เพื่อให้อาสาสมัครได้ทบทวนขั้นตอนในการช่วยเหลือคนในชุมชน และเรียนรู้อุปกรณ์การกู้ชีพทางน้ำให้มากขึ้น
-
-
- เพื่ออบรมอาสาสมัครเรื่องภัยพิบัติ บทบาทการเป็นอาสาสมัคร และการใช้อุปกรณ์กู้ชีพให้กับเยาวชนและอาสาสมัครในพื้นที่
- ความรู้ความเข้าใจเรื่องภัยพิบัติ
- บทบาทการเป็นอาสาสมัครกู้ภัย
- ทักษะการใช้อุปกรณ์กู้ภัย
- อาสาสมัครและคนในชุมชนได้ความรู้เรื่องการกู้ภัย มีความเข้าใจเรื่องภัยพิบัติมากขึ้นและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยมีเนื้อหาสรุปดังนี้ ความหมายของภัยพิบัติ
- ราชบัณฑิตยสถานได้อธิบายไว้ว่า คำว่า ภัยพิบัติ (อ่านว่า ไพ-พิ-บัด) ประกอบด้วยคำว่า ภัย หมายถึง สิ่งที่ทำให้กลัว หรืออันตราย กับ คำว่า พิบัติ หมายถึง ความฉิบหาย หรือหายนะ ภัยพิบัติ หมายถึง อันตรายที่นำไปสู่หายนะ หรือหายนะที่เป็นอันตราย มีทั้งที่เกิดจากภัยธรรมชาติและเกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุไซโคลน ภูเขาไฟระเบิด เป็นภัยธรรมชาติที่ทำให้เกิดภัยพิบัติ เครื่องบินตก เรือล่ม รถไฟตกราง สงคราม เป็นภัยพิบัติที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ คำว่า ภัยพิบัติ อาจใช้ว่า พิบัติภัย (อ่านว่า พิ-บัด-ไพ) ก็ได้ เช่น ทุกประเทศควรมีระบบป้องกัน บรรเทา และฟื้นฟูผลอันเนื่องมาจากพิบัติภัย
- ภัยพิบัติ (Disaster) หมายถึง ภัยที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือจากการกระทําของมนุษย์ และส่งผลกระทบหรือสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนในสังคมหรือชุมชน โดยชุมชนที่ประสบภัยพิบัติไม่สามารถจัดการกับภัยพิบัติที่
เกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง
- อุทกภัย คือ ภัยหรืออันตรายที่เกิดจากน้ำท่วม หรืออันตรายอันเกิดจากสภาวะที่น้ำไหลเอ่อล้นฝั่งแม่น้ำ ลำธาร หรือทางน้ำ เข้าท่วมพื้นที่ซึ่งโดยปกติแล้วไม่ได้อยู่ใต้ระดับน้ำ หรือเกิดจากการสะสมน้ำบนพื้นที่ซึ่งระบายออกไม่ทันทำให้พ้นที่นั้นปกคลุมไปด้วยน้ำ
- โดยทั่วไปแล้วอุทกภัยมักเกิดจากน้ำท่วม ซึ่งสามารถแบ่งเป็นลักษณะใหญ่ๆ ได้ 2 ลักษณะ คือ 1) น้ำท่วมขัง/น้ำล้นตลิ่ง เป็นสภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเนื่องจากระบบระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพ มักเกิดขึ้นในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำและบริเวณชุมชนเมืองใหญ่ๆ มีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเกิดจากฝนตกหนัก ณ บริเวณนั้นๆ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน หรือเกิดจากสภาวะน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขังส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณท้ายน้ำและมีลักษณะแผ่เป็นบริเวณกว้างเนื่องจากไม่สามารถระบายได้ทัน ความเสียหายจะเกิดกับพืชผลทางการเกษตรและอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนใหญ่ สำหรับความเสียหายอื่นๆ มีไม่มากนักเพราะสามารถเคลื่อนย้ายไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย 2) น้ำท่วมฉับพลัน เป็นภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในพื้นที่ เนื่องจากฝนตกหนักในบริเวณพื้นที่ซึ่งมีความชันมาก และมีคุณสมบัติในการกักเก็บหรือการต้านน้ำน้อย เช่น บริเวณต้นน้ำซึ่งมีความชันของพื้นที่มาก พื้นที่ป่าถูกทำลายไปทำให้การกักเก็บหรือการต้านน้ำลดน้อยลง บริเวณพื้นที่ถนนและสนามบิน เป็นต้น หรือเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำพังทลาย น้ำท่วมฉับพลันมักเกิดขึ้นหลังจากฝนตกหนักไม่เกิน 6 ชั่วโมง และมักเกิดขึ้นในบริเวณที่ราบระหว่างหุบเขา ซึ่งอาจจะไม่มีฝนตกหนักในบริเวณนั้นมาก่อนเลยแต่มีฝนตกหนักมากบริเวณต้นน้ำที่อยู่ห่างออกไป เนื่องจากน้ำท่วมฉับพลันมีความรุนแรงและเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วมากโอกาสที่จะป้องกันและหลบหนีจึงมีน้อย ดังนั้นความเสียหายจากน้ำท่วมฉับพลันจึงมีมากทั้งแก่ชีวิตและทรัพย์สิน สาเหตุของการเกิดอุทกภัยจากธรรมชาติ มีดังนี้
- ฝนตกหนักจากพายุหรือพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นพายุที่เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นเวลาหลาย ชั่วโมง มีปริมาณฝนตกหนักมากจนไม่อาจไหลลงสู่ต้นน้ำลำธารได้ทันจึงท่วมพื้นที่ที่ อยู่ในที่ต่ำ มักเกิดในช่วงฤดูฝนหรือฤดูร้อน ฝนตกหนักจากพายุหมุนเขตร้อน เมื่อพายุนี้ประจำอยู่ที่แห่งใดแห่งหนึ่งเป็นเวลานานหรือแทบไม่เคลื่อนที่ จะทำให้บริเวณนั้นมีฝนตกหนักติดต่อกันตลอดเวลา ยิ่งพายุมีความรุนแรงมาก เช่น มีความรุนแรงขนาดพายุโซนร้อนหรือไต้ฝุ่น เมื่อเคลื่อนตัวไปถึงที่ใดก็ทำให้ที่นั้นเกิดพายุลมแรง ฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างและมีน้ำท่วมขัง นอกจากนี้ถ้าความถี่ของพายุที่เคลื่อนที่เข้ามาหรือผ่านเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ถึงแม้จะในช่วงสั้นแต่ก็ทำให้น้ำท่วมเสมอ
- ฝนตกหนักในป่าบนภูเขา ทำให้ปริมาณน้ำบนภูเขาหรือแหล่งต้นน้ำมาก มีการไหลและเชี่ยวอย่างรุนแรงลงสู่ที่ราบเชิงเขา เกิดน้ำท่วมขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกว่าน้ำท่วมฉับพลัน เกิดขึ้นหลังจากที่มีฝนตกหนักในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือเกิดก่อนที่ฝนจะหยุดตก มักเกิดขึ้นในลำธารเล็กๆ โดยเฉพาะตอนที่อยู่ใกล้ต้นน้ำของบริเวณลุ่มน้ำ ระดับน้ำจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงกับเทือกสูง เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น
- ผลจากน้ำทะเลหนุน ในระยะที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ในแนวที่ทำให้ระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด น้ำทะเลจะหนุนให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นอีกมาก เมื่อประจวบกับระยะเวลาที่น้ำป่าและจากภูเขาไหลลงสู่แม่น้ำ ทำให้น้ำในแม่น้ำไม่อาจไหลลงสู่ทะเลได้ ทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งและท่วมเป็นบริเวณกว้างยิ่งถ้ามีฝนตกหนักหรือมีพายุเกิดขึ้นในช่วงนี้ ความเสียหายจากน้ำท่วมชนิดนี้จะมีมาก
- ผลจากลมมรสุมมีกำลังแรง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้เป็นมรสุมที่พัดพา ความชื้นจากมหาสมุทรอินเดียเข้าสู่ประเทศไทย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม เมื่อมีกำลังแรงเป็นระยะเวลาหลาย วัน ทำให้เกิดคลื่นลมแรง ระดับน้ำในทะเลตามขอบฝั่งจะสูงขึ้น ประกอบกับมีฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมได้ ยิ่งถ้ามีพายุเกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ก็จะยิ่งเสริมให้มรสุมดังกล่าวมีกำลังแรง ขึ้นอีก ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดจากประเทศจีนเข้าสู่ไทย ปะทะขอบฝั่งตะวันออกของภาคใต้ มรสุมนี้มีกำลังแรงเป็นครั้งคราว เมื่อบริเวณความกดอากาศสูงในประเทศจีนมีกำลังแรงขึ้นจะทำให้มีคลื่นค่อนข้าง ใหญ่ในอ่าวไทย และระดับน้ำทะเลสูงกว่าปกติ บางครั้งทำให้มีฝนตกหนักในภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดชุมพร ลงไปทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง
- ผลจากแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิด เมื่อเกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟบนบกและภูเขาไฟใต้น้ำระเบิด เปลือกของผิวโลกบางส่วนจะได้รับความกระทบกระเทือนต่อเนื่องกัน บางส่วนของผิวโลกจะสูงขึ้นบางส่วนจะยุบลง ทำให้เกิดคลื่นใหญ่ในมหาสมุทรซัดขึ้นฝั่ง เกิดน้ำท่วมตามหมู่เกาะและเมืองตามชายฝั่งทะเลได้ เกิดขึ้นบ่อยครั้งในมหาสมุทรแปซิฟิก
- สิ่งของที่ต้องนำติดตัวเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ตราประทับ, เงินสด, สมุดบัญชี, ไฟฉาย, ถ่านไฟฉาย, ไฟแช็ค, ที่เปิดกระป๋อง, มีด, กล่องปฐมพยาบาล, เทียนไข, เสื้อผ้า, ถุงมือ, ผ้าห่ม, หมวกกันน็อค, ผ้าหนาสำหรับคลุมป้องกันศรีษะ, น้ำดื่ม, ขวดนม, อาหาร, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, วิทยุ (แนะนำให้ใช้ชนิดที่สามารถรับข้อความจากสถานีวิทยุได้) หากมีของที่สามารถใช้แทนกันได้ในบ้าน ก็สามารถนำมาใช้ได้ สิ่งสำคัญคือการเตรียมสัมภาระต่างๆให้พร้อม
- สิ่งของที่ควรเก็บสะสมไว้ยามจำเป็น ปกติแล้วกว่าอาหารจะถูกเริ่มแจกจ่ายจะใช้เวลา 3 วัน จึงควรเตรียมเสบียงอาหารและน้ำดื่มสำหรับ 3 วัน ( 1 คน 1 วัน 3 ลิตร) ครอบครัวที่มีเด็กทารก และผู้สูงอายุ ควรเตรียมนมผง และอาหารที่ทานง่าย ผ้าอ้อม ยาต่างๆเอาไว้ด้วย ชุดปฐมพยาบาล, น้ำดื่ม ( 1 คน 1 วัน 3 ลิตร), อาหาร (ขนมปังแห้ง, ข้าวที่สามารถทานได้เมื่อเติมน้ำร้อน, อาหารกระป๋อง, อาหารแห้ง เป็นต้น) , หม้อ, เตาแก๊สพกพา, เสื้อผ้า, ถุงนอน, ผ้าห่ม, อุปกรณ์กันฝน, ถ่านไฟฉายสำรอง, อุปกรณ์สำหรับเขียน
- เงือนเชือก
- เงื่อนพิรอด เป็นเงื่อนที่มีประโยชน์มากในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา โดยเฉพาะการต่อปลายเชือก 2 ข้างเข้าด้วยกัน ซึ่งเงื่อนนี้จะแน่นมาก แต่สามารถแก้ออกได้อย่างง่ายดาย ประโยชน์
- ใช้ต่อเชือกขนาดเท่ากัน เหนียวเท่ากัน - ใช้ผูกปลายเชือกเส้นเดียวกัน เพื่อผูกมัดห่อสิ่งของและวัตถุต่างๆ - ใช้ประโยชน์ในการปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เช่น ผูกชายผ้าพันแผล ผูกชายผ้า ทำสลิงคล้องคอ เป็นต้น - ผูกเชือกรองเท้าผูก 2. เงื่อนบ่วงสายธนู เป็นเงื่อนที่ไม่รูด ไม่เลื่อนเข้าไปรัดกับสิ่งที่ผูก ตัวบ่วงจะคงที่ ประโยชน์ - ใช้ผูกสัตว์ไว้กับหลักหรือต้นไม้ เป็นเงื่อนที่ไม่รูดและไม่เลื่อนเข้าไปรัด กับหลัก เหมาะสำหรับการผูกล่าม เพราะสามารถหมุนรอบได้ - ใช้ผูกเรือกับหลัก เมื่อเวลาน้ำขึ้นหรือน้ำลงบ่วงจะเลื่อนขึ้นลงได้เอง - ใช้คล้องกันธนูเพื่อโก่งคันธนู - ใช้คล้องคนให้หย่อนตัวจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำแทนเงื่อนเก้าอี้ - ใช้ผูกปลายเชือก ผูกถังตั้งหรือถังนอน - ใช้เป็นบ่วงคล้องช่วยคนตกน้ำลากขึ้นมาจะไม่รูดเข้าไปรัด เวลาลากต้องจับต้นคอคนตกน้ำให้หงายขึ้นเพื่อให้จมูกพ้นน้ำ 3. เงื่อนตะกรุดเบ็ด เป็นเงื่อนที่ใช้งานต่างๆ ได้มากมาย เช่น ผูกสิ่งของต่างๆ ผูกเหล็ก ผูกรั้ว ผูกตอม่อในการสร้างสะพาน ผูกแขวนรอก ผูกสมอเรือ ผูกบันได ผูกเบ็ด ประโยชน์ - ใช้ผูกเชือกกับเสาหรือหลักเพื่อล่ามสัตว์เลี้ยงหรือแพ - ใช้ผูกบันใดเชือก บันใดลิง - ใช้ในการผูกแน่น เช่น ผูกประกบ ผูกกากบาท - ใช้แขวนรอก , ใช้ผูกเต้นท์ - ใช้ทำหอคอย , ใช้ผูกเบ็ด - ใช้ผูกตอม่อสร้างสะพาน
- การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน (Basic life support, BLS) เป็นขั้นแรกของการช่วยเหลือผู้ที่หัวใจหยุดเต้น เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนในการกู้ชีพ การตรวจสอบว่ามีการหยุดเต้นของหัวใจ (Immediate recognition of cardiac arrest) และการเรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน (Activation of the emergency response system)
- การนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (Early cardiopulmonary resuscitation, CPR)
- การรักษาด้วยไฟฟ้า (Rapid defibrillation)
- การกู้ชีพขั้นสูง (Effective advanced life support)
- การดูแลหลังได้รับการกู้ชีพ (Integrated post-cardiac arrest care)
- ขั้นตอนในการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน เพื่อให้การกู้ชีพมีประสิทธิภาพสูงสุด แนวทางสำหรับการกู้ชีพขั้นพื้นฐานสำหรับบุคคลทั่วไปมีรายละเอียดดังนี้ เมื่อพบกับผู้ที่ไม่รู้สึกตัว ให้ตรวจสอบว่ามีการหยุดเต้นของหัวใจหรือไม่ โดยเคาะที่ไหล่ ตะโกนเรียก หรือสังเกตการหายใจ หากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการเรียก หยุดหายใจ หรือมีลักษณะการหายใจแปลกๆ(เช่น หายใจเฮือกๆ) ให้ถือว่าผู้ป่วยมีการหยุดเต้นของหัวใจ ขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก ความตกใจ ความตื่นเต้น ความไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร เป็นการประวิงเวลาที่ผู้ป่วยควรได้รับการช่วยเหลือ และทำให้โอกาสที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตเพิ่มขึ้น เมื่อตรวจสอบแล้วว่าผู้ป่วยเรียกไม่รู้สึกตัว หยุดหายใจ หรือหายใจแปลกๆ ให้รีบแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน
- หลังจากแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินแล้ว ให้เริ่มทำนวดหัวใจทันที การนวดหัวใจจะทำให้เลือดในร่างกายหมุนเวียน ทำให้สมองและหัวใจได้รับเลือดและออกซิเจน วิธีนวดหัวใจคือประสานมือแล้วกดตรงๆ ลงไปที่กลางหน้าอกให้ลึกอย่างน้อย 5 เซนติเมตร หรือ 2 นิ้ว ในอัตราเร็ว มากกว่า 100 ครั้งต่อนาที และปล่อยให้หน้าอกคืนกลับสู่ตำแหน่งเดิมทุก ครั้งก่อนที่จะกดครั้งใหม่ ระหว่างการกดควรมีช่วงหยุดให้น้อยที่สุด (push hard, push fast, fully recoiled, minimally interrupted) สำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกฝนการกู้ชีพ ให้ใช้วิธีการนวดหัวใจแบบ hands-only คือ ใช้แต่เพียงมือกดหน้าอกเท่านั้น โดยไม่ต้องผายปอดหรือช่วยหายใจ จนกระทั่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินมาถึง จึงทำการผายปอดร่วมกับการนวดหัวใจ และพิจารณาให้การรักษาด้วยไฟฟ้า
- การกู้ชีพขั้นพื้นฐานสำหรับเด็กมีขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป ในการช่วยเหลือผู้ที่หัวใจหยุดเต้น มักจะเกิดความรู้สึกตื่นเต้น กังวล และไม่กล้าให้ความช่วยเหลือด้วยเหตุผลต่างๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการไม่เคยฝึกฝนมาก่อน แต่จะเห็นได้ว่าขั้นตอนในการกู้ชีพขั้นพื้นฐานสำหรับบุคคลทั่วไปเป็นสิ่งที่ ทำได้ไม่ยากนัก การตรวจสอบความรู้สึกตัวและการหายใจ การเรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน และการนวดหัวใจกู้ชีพ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยคืนชีวิตให้กับผู้ป่วยที่เราพบได้
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
- สรุปทบทวนการขับเคลื่อนงาน โครงการชุมชนคนไทดำเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติที่ผ่านมา
- เตรียมการอบรมกู้ภัยครั้งที่ 1
- จัดประชุมคณะทำงานโครงการชุมชนคนไทดำเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติเพื่อสรุปทบทวนการดำเนนนิงานที่ผ่านมา
- เตรียมงานการจัดอบรมอาสาสมัครกู้ภัยครั้งที่ 1
- สรุปการดำเนนิงานที่ผ่านมา โดยมีคุณครูสักรินทร์ ทิพ์พินิจ นายจันทรัตน์ รู้พันธ์ ได้นำเสนอการดำเนินงานที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาได้รับความร่วมือจากคนในชุมชนระดับหนึ่ง และยังต้องมีการประชาสัมพันธ์ เพิ่มขึ้น ส่วนการประสานงานกับภายนอกเพื่อสร้างความร่วมมือและส่งเสริมชุมชนเรื่องการสร้า้งกองทุนกู้ภัยและอาชีพเสริม ขณะนี้มีการประสานงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตตำบลเขาหัวควาย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในการส่งเสริมชุมชนด้านอาชีพเสริม การทำปุ๋ยหมัก และการเก็บข้อมูลต่างๆด้านภัยพิบัติได้นำข้อมูลไปลงในโปรแกรม GIS เพื่อความสะดวกในการค้นข้อมูล ตำแหน่ง พิกัดที่ต้องการความช่วยเหลือได้อย่างสะดวกและแม่นยำ
- การออกแบบและวางแผนการฝึกอบรมอาสมัครกู้ภัย ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2556 เนื้อและกระบวนการจะมีการฝึกการปฐมพยาบาลผู้ป่วยและผู้ประสบภัย การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย/ผู้ประสบภัย การผูกเงื่อนที่จำเป็นต้องใช้ยามเกิดภัยพิบัติ และการปฏิบัติการช่วยเหลือทางน้ำ จากวิทยากรที่เชี่ยวชาญจากศูนย์ป้องกันสาธารณะภัยจังหวัดสุราษฏร์ธานี
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- การจัดประชุมในครั้งนี้มีคณะทำงานที่เข้าร่วมประชุมไม่ครบทุกหมู่บ้านซึ่งส่งผลต่อการเข้าใจภาพงานและการขับเคลื่อนต่อไป -การแก้ไข ควรมีการจัดส่งสรุปเอกสารหรือจัดวงพูดคุยสรุปวงย่อยเพื่อสรา้งความเข้าใจร่วมกันอีกครั้ง
-
-
- เพื่อสรุปทบทวนการดำเนินงานโครงการที่ผ่านมา
- เพื่อตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายและการจัดทำรายงานผลการดำเนินงาน
- รายงานผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี
- ตรวจสอบการบันทึกรายรับรายจ่าย ความถูกต้องของใบสำคัญรับเงินของโครงการฯและภาพร่วมผลการใช้จ่ายเงินโครงการฯ
- คณะทำงานมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการบันทึกรายงานผลการทำกิจกรรมมากขึ้น คือต้องเพิ่มเติมและเล่ารายละเอียดการดำเนินงานให้เห็นภาพการดำเนินกิจกรรมและต้องมีภาพประกอบกิจกรรมทุกครั้ง
- ได้เข้าใจเรื่องการทำบัญชีรับจ่ายเงินมากขึ้นและสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขได้
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
- เวลาในการจัดประชุมน้อยเกินไป
- ไม่ได้แลกเปลี่ยนกับกลุ่มอื่นๆ
- การแก้ไข ควรเพิ่มเวลาและการแลกเปลี่ยนของโครงการฯต่างๆในจังหวัดเพื่อจะสามารถเป็นเครือข่ายกันหลังจบโครงการ
- ในการจัดประชุมครั้งนี้มีเพื่อนจากหลากหลายโครงการมาร่วมงานด้วย ซึ่งเป็นโอกาสดีในการพบกันจึงขอเสนอแนะว่า ควรจัดให้เกิดการแลกเปลี่ยนบทเรียนในการทำงานของเครือข่ายฯ ภายในจังหวัดและทำเป็นเป็นระยะเพื่อจะได้ร่วมงานกันในโอกาสต่อไปหรือสามารถช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานกันต่อไป
-
- เพื่อให้เกิดกลุ่มอาสาสมัครกู้ภัยในชุมชนไทดำที่มีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือคนในชุมชนด้วยกัน
- เพื่อให้อาสาสมัครกู้ภัยเห็นคุณค่าและบทบาทของอาสมัครกู้ภัย
- จัดเวทีแลกเปลี่ยนการทำงานอาสาสมัครกู้ภัย โดยเชิญวิทยากร ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และระดมความคิดเห็นบทบาทและความสำคัญของงานกู้ภัย
- รับสมัครอาสาสมัครกู้ภัยของแต่ละหมู่บ้าน
- อาสาสมัครมีความเข้าใจในการเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมากขึ้น โดยในการจัดประชุมครั้งนี้ได้เชิญวิทยากรมาร่วมบรรยายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการกู้ภัย เพื่อสรา้งแรงบรรดาลใจให้อาสาสมัครทุกคน
- ชุมชนไทดำมีอาสมัครกู้ภัยประจำหมู่บ้าน และมีจิตอาสาที่พร้อมให้ความช่วยเหลือยามเกิดภัยพิบัติ โดยมีรายชื่อดังต่อไปนี้
- รายชื่อตัวแทนครอบครัวที่สมัครเป็นจิตอาสาชุมชนช่วยเหลือในยามเกิดอุทกภัย หมู่ที่ 2 ตำบลกรูด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี
- นายนพวัลย์ ราชแขวง 089-5914430
- นายสายชล ทองดอนหับ 089-7270623
- นายสำเภา รัตนา 087-0127274
- นายสมบัติ บัวแก้ว -
- นายจำเริญ รัตนา 089-5871216
- นายสังวาล ถ้อยทัด 089-8715509
- นางสาวอรอุษา ยองสาร 089-5933411
- นายชัยยา พันชูแร่ 087-2804493
- นางอารีย์ พันชูแร่ 087-2804493
- นายปรีชา แสงทอง 087-2743889
- นายสมบูรณ์ ศรีสุวรรณ -
- นายสุนิรัน ยองสาร 087-8974068
- นายอภัย เพชรทวน 086-2784219
- นายเอกชัย พึ่งยาง 080-1421459
- นายจันทร์รัตน์ รู้พันธ์ 084-1839858
- นายศุภพงค์ แค้นคุ้ม 088-4429565
- นายสุรชัย สระทองแอ 084-7199157
- นางเพลินจิตรา เพียรเสมอ 082-4276808
- นางสุภาพร บัวแก้ว 081-4777486
- นายสมศักดิ์ บูชา 084-4469871
- นายสุราษ ถิ่นท่าเรือ -
- นายไมตรี เพชรติ่ง 082-2825763
- นายวิชัย เกลี้ยงบุญอาน 087-2777614
- นายสมศักดิ์ สระทองบุญ -
- นายหิรัญ สระทองบุญ -
- นายเจณรงค์ เพชรติ่ง 081-6077089
- นายสุวิทย์ แก้วพินิจ 088-3830383
- นายอาธร สระทองเยาว์
- รายชื่อตัวแทนครอบครัวที่สมัครเป็นจิตอาสาชุมชนช่วยเหลือในยามเกิดอุทกภัย หมู่ที่ 4 ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- นายธนากร นะมะ 086-2676904
- นายมะหนาด สระทองบุญ 084-3045915
- นายธงชัย สระทองเยาว์ 087-0617702
- นายปรีชา จ้อยทอง -
- นายสงบ ตรีอินทอง 085-7851807
- นายสังเวียน ถ้อยทัด 081-6769477
- นายสมเหียะ สระทองไหม 081-4779375
- นายกิตติ พุ่มมาลี
- รายชื่อตัวแทนครอบครัวที่สมัครเป็นจิตอาสาชุมชนช่วยเหลือในยามเกิดอุทกภัย หมู่ที่ 7 ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- นายจินต์ ชื่นชมน้อย 082-8183977
- นายทวีศักดิ์ พ่วงโสม
- นายมงคล แซ่โค้ว 089-5896699
- นางสาวนัสรินทร์ พรมจันทร์
- นายวีระศักดิ์ จันทร์ผ่องศรี 089-5911320
- นายอุสเซ็นส์ รำมะสิทธิ์
- นายธรรมรงค์ สัมฤทธิดิ์ 083-6439709
- นายรุ่งโรจน์ แซ่ตั้ง
- นายฉะโอน แจ่มแจ้ม 089-2902572
- นายณรงค์ แซ่ตั้ง
- นายจำรัส แซ่โค้ว 086-1202957
- นายณรงค์ บุญศรี
- นางสายพิณ สามงามทอง 087-2715069
- นายสุชาติ สุขอนุเคราะห์
- นายบุญรือ พลอยทองคำ 085-7853175 ุ16. นายสมบัติ อินแฉล้ม
- นายประวิทย์ คุ้มเมือง 086--495969
- นางละม้าย อำพล
- นางจินดา สวัสดิ์ปาน 087-4174127
- นายบุญส่ง แตงสุข
- นางสาววันเพ็ญ แซ่โค้ว 086-2784455
- นายปรีชา ฮะทะโชติ
- นางศรี ฮะทะโชติ 086-2829915
- นายสมหวัง ไม่รู้จบ
- นายสุรินทร์ สวนมา 084-8407519
- สมชัย พร้อมประเสริฐ
- นายบุญช่วย พร้อมประเสริฐ 084-8449325
- นายพินิจ ดวงราม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
-
-
-
- เพื่ิอสร้างความเข้าใจหลักการ กระบวนการ วิธีการ และงบประมาณในการจัดตั้งศูนย์กู้ภัย โดยมีหลักการที่ได้ระดมความเห็นร่วมกัน
- ประชุมคณะทำงานจัดตั้งศูนย์กู้ภัย
- ได้สร้างความเข้าใจหลักการ กระบวนการ วิธีการ และงบประมาณในการจัดตั้งศูนย์กู้ภัย โดยมีหลักการที่ได้ระดมความเห็นร่วมกัน ดังนี้
- เป็นศูนย์กู้ภัยช่วยเหลือผู้ประสบภัยในชุมชนอย่างทันท่วงที
- เป็นศูนย์กู้ภัยที่ให้ความรู้ความเข้าใจด้านภัยพิบัติกับชุมชน
- เป็นการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกให้สามารถเข้าร่วมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนกับชุมชน
2. ได้ทราบบทบาทของคณะทำงานชัดเจนมากขึ้น ในการประสานงานและปฏิบัติการกู้ภัย
3. ได้ปรึกษาและวางแผนการจัดตั้งศูนย์กู้ภัยและระดมทุนในการขับเคลื่อนการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติและการสร้างอาชีพทางเลือกอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนกันยายน 2556
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- ควรจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการร่วมไปกับการประชุมคณะทำงานเพื่อจะให้คณะงานได้มองเห็นภาพบทบาทในเชิงการปฏิบัติการมากขึ้น
- ควรมีคณะทำงานในเครือข่ายเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นวิธีการทำงานของกลุ่มต่างๆ
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อสร้างความเข้าใจกับคณะทำงานวางแผนการจัดการกองทุนอาชีพทางเลือก
- สมาชิกกลุ่มอาชีพได้ทำความเข้าใจกฎกติการ่วมกัน
- เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกลุ่มอาชีพที่ได้ปฎิบัติจริงและเกิดผลสำเร็จ
- มีกลุ่มอาชีพที่หลากหลายในชุมชนที่แต่ละคนหรือครอบครัวมีความถนัด
- ช่วยสร้างรายได้ของคนในชุมชนและเกิดแนวคิดเรื่องการดำรงชีวิตที่ดีขึ้นในท่ามกลางปัญหาภัยธรรมชาติที่คาดการณ์ไม่ได้
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- กลุ่มอาชีพบางกลุ่มประสบปัญหาทางด้านการตลาดผลิตสินค้าแล้วกระจายสินค้าได้ช้า
- การส่งเสริมอาชีพของชุมชนโดยเฉพาะเรื่องการเกษตร ทางคณะทำงานได้เสนอเรื่อง การลดสารเคมี เพื่อความปลอดภัยแก่เกษตรกรและผู้บริโภคแต่ต้องอาศัยระยะเวลาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากภายนอกชุมชน
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกให้สามารถเข้าร่วมสมทบทุนกับชุมชนได้
- เพื่อบริหารจัดการโดยชุมชน
- ประชุมคณะทำงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อวางแผนจัดการจัดกองทุนอาชีพทางเลือกของชุมชนไทดำ
- ได้สร้างความเข้าใจหลักการ กระบวนการ วิธีการ และงบประมาณในการจัดกองทุนอาชีพทางเลือก
โดยมีหลักการที่ได้ระดมความเห็นร่วมกันคือ - เป็นกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในชุมชน
- เป็นการใช้เงินหมุนเวียน ( โดยไม่มีดอกเบี้ย )
- ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกให้สามารถเข้าร่วมสมทบทุนกับชุมชนได้
- บริหารจัดการโดยชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- การจัดตั้งกองทุนทางเลือกโดยสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลาในการสร้างความเข้าใจที่จะให้ชุมชนเป็นส่วนร่วมและเป็นเจ้าของและร่วมกันรับผิดชอบและขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างยั่งยืน
- การจัดวงพูดคุยกลุ่มย่อยอย่างต่อเนื่องช่วยสร้างความเข้าใจในการดำเนินงานและช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ปัญหาต่างๆในชุมชนได้
ไมมี
ไม่มี
- เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจกับคณะทำงาน
- ได้ชี้แจ้งและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ที่จะต้องทำในชุมชนไทดำ
- เข้าใจเกี่ยวกิจกรรมที่ตองทำในชุมชนไทดำมากขึ้นและปฎิบัติงานได้อย่างมีศักยภาพมากขึ้น
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
- ช่วงเวลาในการเพื่อประสานงานคนในชุมชนให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาร่วมกิจกรรมเพื่อสร้างสามัคคีและฝึกการทำงานร่วมกันให้มากยิ่งขึ้น
- การพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์ศูนย์เรียนรู้และกู้ภัยชุมชน
- ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์ศูนย์เรียนรู้และกู้ภัยชุมชน ส่วน ต่างๆได้แก่ การตัดแต่งกิ่งไม้ การปรับปรุงซ่อมแซมบันได ห้องน้ำ และสนามหญ้า
- ได้วางแผนการปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อมูลของชุมชนในการช่วยเหลือคนในชุมชนยามเกิดภัยพิบัติ
- ได้เผยแพร่ข้อมูลการเกิดภัยพิบัติ และการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติของชุมชนโดยการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และกู้ภัยชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- ช่วงเวลาในการพัฒนาควรเพิ่มวัน และประสานงานคนในชุมชนให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาร่วมกิจกรรมเพื่อสร้างสามัคคีและฝึกการทำงานร่วมกันให้มากยิ่งขึ้น
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อให้เยาวชนมีความเข้าใจเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วม
- เพื่อให้เยาวชนเรียนรู้ระบบภูมิศาสตร์ของชุมชน เพื่อให้เยาวชน
- พูดคุยและสร้างความเข้าใจเยาวชนมีความเข้าใจเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมโดยการร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากเครือข่ายกล่มจัดการภัยพิบัติบ้านท่าเรือ และคลองยัน -ฝึกทำแผนที่ระบบภูมิศาสตร์ในชุมชนไทดำโดยการลงพื้นที่สำรวจสภาพจริงและทดลองทำแผนที่ทำมือชุมชน
- เยาวชนมีความเข้าใจเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมโดยการร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากเครือข่ายกล่มจัดการภัยพิบัติบ้านท่าเรือ และคลองยัน ทำให้เกิดเครือเฝ้าระวังภัยด้านภัยพิบัติมากขึ้น -เยาวชนได้ทำแผนที่ระบบภูมิศาสตร์ในชุมชนไทดำโดยการลงพื้นที่สำรวจสภาพจริงและทดลองทำแผนที่ทำมือชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- การลงพื้นที่ของเยาวชนควรมมีเวลาในการสำรวจและพูดคุยมากขึ้น / จัดเป็นค่ายเรียนรู้เพื่อไม่ต้องเร่งเรีบเรื่องเวลาและสามารถได้รายละเอียดมากขึ้น -ควรมีการจัดกจกรรมต่อเนื่องเพื่อเป็นการจุดประกายความสนใจให้คนร่นใหม่เข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้น
ไม่มี
- อยากได้การประสานงานความช่วยเหลืออาสาสมัครจากนักศึกษาและพี่เลี้ยงในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วย
- อยากได้ความเห็นเพิ่มเติมรูปแบบในการสื่อสารข้อมูลกับเยาวชน แบชละชุมชนอย่างเข้าใจง่าย
- เพื่อให้ผู้สูงอายุและเยาวชนมีความสามารถในการดูแลสุขภาพตนเองเบื้องต้นในการเตรียมพร้อมเผชิญยามเกิดภัยพิบัติ
- เพื่อให้ผู้สูงอายุและเยาวชนมีความเข้าใจการเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมและภัยพิบัติต่างๆมากขึ้น
- เพื่อให้ผู้สูงอายุและเยาวชนใช้หลักศาสนธรรมทางศาสนาเตรี
- ให้ความรู้ ความเข้าใจและฝึกทักษะในการดูแลสุขภาพตนเองเบื้องต้นในการเตรียมพร้อมเผชิญยามเกิดภัยพิบัติ -การระดมความเห็นการเกิดภัยพิบัติและเพิ่มเติมความเข้าใจภัยพิบัติน้ำท่วม -พระสงฆ์เทศนาเรียนรู้ รู้จักหลักธรรมสำคัญในการดำเนนิชีวิต
- ผู้สูงอายุและเยาวชนมีความสามารถในการเตรียมพร้อมเผชิญยามเกิดภัยพิบัติ ในด้านต่างๆ ดังนี้
- การดูแลตัวเองเบื้องต้น และสามารถแนะนำผู้อื่นได้
- ความรู้ความเข้าใจและการเตรียมพร้อมเผชิญยามเกิดภัยพิบัติ
- การใช้หลักศาสนธรรมกับการเตรียมพร้อมทั้งก่อนเกิด ขณะเกิดและเกิดภัยพิบัติ
- ผู้สูงอายุและเยาวชนมีความเข้าใจและสามารถวางบทตนเองต่อการเตรียมพร้อมเผชิญยามเกิดภัยพิบัติ
- เกิดอาสามาสมัครจิตอาสา ในการจัดกิจกรรมสร้างการเรียนรู้เตรียมพร้อมเผชิญยามเกิดภัยพิบัติ และกู้ภัยในชุมชนเพิ่มมากขึ้น
- อสม.ได้ร่วมวางแผนการติดตามการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง
- เกิดกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงวัยของชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- การจัดประชุมกลุ่มผู้สูงอายุจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มีปัญหาสุขภาพ และการการจัดกิจกรรมไม่ควรรวมกลุ่มใหญ่ทั้งหมด ใช้การแบ่งกลุ่มย่อย และมีพี่เลี้ยงประจำกลุ่มเพื่อสามารถมีคนคอยอำนวยความสะดวกในการพูดคุยและจับประเด็น
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อต้องการให้ผู้สูงอายุรู้จักการรักษาสุขภาพที่ถูกต้องและการออกกำลังกายรวมถึงการไปตรวจสุขภาพประจำปี
- ได้มีการตรวจสุขภาพของผู้สูงอายุและผู้สนใจในพื้นที่ชุมชนไทดำ
- มีผู้สูงอายุและผู้ที่สนใจในพื้นชุมชนไทดำมาตรวจสุขภาพและฟังคำแนะนำการดูแลสุขภาพจากเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลพุนพิน จากหมู่ที่ 2 ต.กรูด ,หมู่ที่ 4 ต.ท่าสะท้อน และหมู่ที 7 ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งหมด 70 คน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
-เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจและทักษะในการสรา้งอาชีพเสริมให้กับเยาวชน
ฝึกทักษะอาชีพเสริมให้เยาวชน
- การปลูกผัก
- ความรู้ความเข้าใจเรื่องอาชีพเสริมและอาชีพที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่น้ำท่วม
-ทดลองฝึกอาชีพเสริม
- เยาวชนได้ความรู้เรื่องการทำอาชีพเสริมซึ่งสามารถทำได้ทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม -
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- เด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมมีความหลากหลายวัย ซึ่งบางกิจกรรมจึงปฏิบัติได้ผลไม่เท่ากัน การปรับแก้ ควรมีการแบ่งช่วงอายุเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมที่ชัดเจนเพื่อให้กระบวนการจัดค่ายเรียนรู้เรื่องอาชีพเสริมดำเนินงานไปได้อย่างสะดวกและความสนใจภายในกลุ่มและกิจกรรมภายในกลุ่มจึงราบรื่น
ไม่มี
-
- เพื่อสร้างความสนิทสนมและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
- ลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุ ม.2 ต.กรูด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานีพื่อสร้างความสนิทสนมกับผู้สูงอายุและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
- ลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุ ม.2 ต.กรูด อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งหมด 24 คน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อสร้างความสนิทสนมกับผู้สูงอายุ
- ลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุ ม.7 ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานีพื่อสร้างความสนิทสนมกับผู้สูงอายุและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
- ลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุ ม.7 ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งหมด 32 คน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
-เพื่อสืบทอดและสืบสานภูมิปัญญาไทดำ -เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ภูมิปัญญาไทดำ -เพื่อสร้างความสามัคคีในชุมชน
งานวัฒนธรรมไทดำ เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 14-15 เมษายน ภายในงานได้จัดกิจกรรมต่างๆดังนี้ - พิธีการเปิดศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาไทดำอย่างเป็ฯทางการ -เสาวนาเรียนรู็รากเหง้าลูกหลานไทดำ - มีผู้เข้าร่วมงานซึ่งเป็นคนในชุมชนและเครือข่ายจำนวน 300 - 400 คน
-การจัดงานเปิดศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาไทดำ (อย่างเป็นทางการ ) งานเปิดศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาไทดำ (อย่างเป็นทางการ )ซึ่งจัดขึ้นในช่วงวันสงกรานต์ 14 – 15 เมษายน 2556 เพื่อสื่อสารให้คนในชุมชนและภายนอกได้ศึกษาได้เห็นถึงคุณค่าภูมิปัญญาไทดำ จากการศึกษาค้นคว้า และจัดกระบวนการเรียนรู้สืบทอดของเยาชนร่วมกับชุมชน ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ทำให้หลายภาคส่วนที่ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมงานและเยี่ยมชม ได้ความรู้ ความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการสร้างการเรียนรู้จากฐานภูมิปัญญามากขึ้น พร้อมด้วยมีการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนเติมเต็มข้อมูลประวัติความเป็นมา และทิศทางการก้าวต่อไปในสืบสานภูมิปัญญาไทดำ ซึ่งมีอาจารย์พิเชฐ สายพันธ์ อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำมาร่วมเป็นวิทยากรในครั้งนี้ด้วย นอกเหนือจากนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลท่าข้าม มีข้อเสนอและสนับสนุนให้จัดกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดความต่อเนื่อง ภายในศูนย์เรียนรู้ฯ( ซึ่งจะมีการนัดหมายเปิดเวทีด้านความร่วมมือกันต่อไป )
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
- มีฝนตกหนักในวันจัดกิจกรรมจึงทำให้ผู้เข้าร่วมงานเดินทางไม่สะดวกและกิจกรรมที่วางแผนไว้หลายกิจกรรมได้แก่ การสาธิตการละเล่นพื้นบ้าน อาหารพื้นบ้านไทดำและการแสดงกลางแจ้งไม่สามารถจัดได้
ไม่มี
-
- เพื่อให้กลุ่มเยาวชนและชุมชนได้เสนอแนะความคิดเห็นในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเยาวชนชุมชนผ่านงานสงกรานต์สืบสานวัฒนธรรมไทดำ ประจำปี 2556
- เพื่อเตรียมการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสื่อสารงานสงกรานต์สืบสานวัฒนธรรมไทดำ ประจำปี 2556
- เพื่อให้ครูภูมิปัญญา แ
- จำนวนคนผู้เข้าร่วม 50 คน -ประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงานวัฒนธรรมไทดำ
- ระดมความเห็นเสนอแนะความคิดเห็นในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเยาวชนชุมชนผ่านงานสงกรานต์สืบสานวัฒนธรรมไทดำ ประจำปี 2556
- นำเสนอการเตรียมการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสื่อสารงานสงกรานต์สืบสานวัฒนธรรมไทดำ ประจำปี 2556
- ชุมชนได้มีส่วนร่วมประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงานวัฒนธรรมไทดำ
- ได้ความเห็นเสนอแนะความคิดเห็นในการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเยาวชน ชุมชนผ่านงานสงกรานต์สืบสานวัฒนธรรมไทดำ ประจำปี 2556 ดังนี้
- ให้เยาวชนจัดกระบวนการเรียนรู้เรื่องภาษาไทดำในทุกกิจกรรมให้สื่อสารกันมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้นจากคำทักทาย หมวดร่างกาย ของใช้ในชีวิตประจำวัน ผักและผลไม้ เป็นต้น นอกจากนั้นจัดให้มีหลักสูตรเรื่องการเย็บลายผ้า พร้อมทั้งให้บอกคุณค่าความหมาย ความสำคัญของแต่ละลายได้ซึ่งจะทำให้เยาวชนมีความภาคภูมิใจในการเรียนรู้ภูมิปัญญาเรื่องลายผ้ามากขึ้น
- จัดพื้นที่นำเสนอให้เยาวชนได้แสดงออก เล่าเรื่อง สรุปการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นและประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ปกครองและคนในชุมชนได้ทราบในวงกว้างขึ้น
- ได้แบ่งหน้าที่ รับผิดชอบ ในการประสานสงกรานต์สืบสานวัฒนธรรมไทดำ ประจำปี 2556
- นำเสนอการเตรียมการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และสื่อสารงานสงกรานต์สืบสานวัฒนธรรมไทดำ ประจำปี 2556ดังนี้
- การสือสารผ่านหนังสือทำมือการจัดกิจกรมของเยาวชน
- ประมวลภาพกิจกรรมน้ำท่วมและกิจกรรมที่ผ่านมาของชุมชน
- สื่อวีดีทัศน์
- ได้แนวทางในการระดมทุนเพื่อการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาไทดำ
- ได้รูปแบบการจัดงานวัฒมนธรรมไทดำ โดยการมีการจัดงาน 2 วัน คือวันที่ 14 - 15 เมษายน 2556 วันแรกจะเป็นการนำเสนอบทเรียนการทำงานด้านการฟื้นฟูภูมิปัญญาโดยเยาวชน ร่วมกับชุมชนและเสวนารากเหง้าปู่เหง้าเยาย่า และพิธีกรรมขึ้นบ้านใหม่ไทดำ
- วันที่ 2 เป็นการละเล่นของไทดำและฟ้อนแคน และงานเลี้ยงโต๊ะไทดำเพื่อการจัดระดมทุนศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาไทดำ
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
- ไม่มี
-ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อตรวจสอบข้อมูลชุมชนและการจัดทำแผนที่ GPS
- เพื่อได้ข้อมูลและแผนที่ชุมชนที่ถูกต้อง
- จัดประชุมสมาชิกจำนวน 70 คน 4 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 1 ,4 ทรัพย์ทวี ตำบลทรัพย์ทวี หมู่ที่ 2 ตำบล กรูด หมู่7 ตำบลท่าข้ามและหมู่ที่ 4 ตำบลท่าสะท้อนตรวจสอบข้อมูลและการจัดทำแผนที่GPSเพื่อได้ข้อมูลและแผนที่ที่ถูกต้อง
- ฝึกทักษะเยาวชนให้ลงข้อมูลในGPS
- จัดประชุมสมาชิกจำนวน 70 คน 4 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 1 ,4 ทรัพย์ทวี ตำบลทรัพย์ทวี หมู่ที่ 2 ตำบล กรูด หมู่7 ตำบลท่าข้ามและหมู่ที่ 4 ตำบลท่าสะท้อนตรวจสอบข้อมูลและการจัดทำแผนที่GPSเพื่อได้ข้อมูลและแผนที่ที่ถูกต้อง
- ได้ข้อมูลและแผนที่ที่ถูกต้อง คือแผนที่ทางน้ำของชุมชน ระดับน้ำ กลุ่มคนที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ และข้อเสนอด้านอาชีพเสริม
- แกนนำชุมชนและเยาวชนสามารถจัดทำแผนที่ GPS และมีความเข้าใจในการนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับภูมินิเวศน์ของชุมชนได้มากขึ้น
- ชุมชนได้รับรู้ข้อมูลความเสียหาย ผลกระทบและได้มีส่วนร่วมในการจัดการป้องกันภัยพิบัติ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อรายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการในช่วงที่ผ่านมา
- เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการเสนอแนะและปรับแผนการทำงานให้สอดคล้องกับความต้อการของชุมชน
- จัดเวทีประชุมเพื่อรายงานความคืบหน้าในการดำเนนินงานที่ผ่านมา
- ระดมความคิดเห็นและวางแผนการดำเนินงานในช่งถัดไป
- คณะทำงานและชุมชนเข้าใจโครงการฯและพร้อมทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เห็นกระบวนการทำงานที่ผ่านมา ดังนี้
- การสร้า้งความเข้าใจการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ โดยใช้เวทีพูดคุย การประชุมวงย่อยกับตัวทนแต่ละโซนพื้นที่แต่ละหมู่บ้าน
- การสร้า้งความเข้าใจเรื่องอาชีพทางเลือกให้กับชุมชนและเยาวชน
- การระมความเห็นการออกแบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลในชุมชน
- การลงพื้นที่เก็บข้อมูลและสังเคราะห์ข้อมูลทำให้มีความพร้อมในการช่วยเหลือกันอย่างรวดเร็วมากขึ้น
- ได้แผนในการดำเนินงานในระยะต่อไป คือ
- การฝึกอบรมเชิงปฏิการการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
- การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการอชีพเสริม อาชีพทางเลือกสำหรับเยาวชน
- การจัดตั้งศูนย์กู้ภัยชุมชน
- การทำแผนกู้ภัยชุมชน
- การจัดตั้งกองทุนอาชีพเสริมและภัยพิบัติ
- การประชุมคณะทำงานและภาคีที่เกี่ยวข้อง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- การนำเสนอการดำเนินงานที่ผ่านมาโดยวิธีการเล่าสู้กันฟังทำให้เห็นภาพไม่ชัดเจน จึงมีข้อเสนอจากคณะทำงานให้มีการนำเสนอภาพประกอบและให้สรุปผลการใช้จ่ายงบประมาณโครงการให้คณะกรรมรับทราบทุกครั้ง
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อฝึกอาชีพเสริมหลังเกิดภัยพิบัติและเพิ่มรายได้ให้คนในชุมชนให้เกิดขึ้นจริง
- เพื่อระดมความเห็นด้านอาชีพเสริมสำหรับเยาวชน
- เพื่อทำค่ายฝึกทักษะการเย็บลายผ้าไทดำ
- ฝึกอาชีพเสริมหลังเกิดภัยพิบัติและเพิ่มรายได้ให้คนในชุมชนให้เกิดขึ้นจริง
- เวทีระดมความเห็นด้านอาชีพเสริมสำหรับเยาวชน
- ค่ายฝึกทักษะการเย็บลายผ้าไทดำ
- จัดกิจกรรม 2 วัน คือวันที่ 26 - 27 มกราคม 2556 เพื่อให้การอบรมสามารถประสบผลสำเร็จได้ตามวัตถุประสงค์ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 40 คน
- ฝึกอาชีพเสริมหลังเกิดภัยพิบัติและเพิ่มรายได้ให้คนในชุมชนและทีมเยาวชน
- เยาวชนมีความรู้ความเข้าใจในการทำอาชีพเสริมเพื่อช่วยเหลือครอบครัวและชุมชนมากขึ้น
- เยาวชนได้ฝึกทักษาะการเย็บลายผ้าไทดำเพื่อพัฒนาเป็นการทำอาชีพเสริมเพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ในครอบครัว
- เยาวชนได้สืบสานภูมิปัญญาและพัฒนาเป็นอาชีพได้ในอนาคต
- ได้แผนการดำเนินงานพัฒนาทักษะด้านอาชีพให้กับเยาวชนอีกหลากหลายได้แก่ การทำปุ๋ยหมัก การปลูกข้าว การเพาะเห็ด เป็นต้น
- เยาวชนได้เห็นบทบาทของกลุ่มเยาวชนในการมีช่วยเหลือชุมชนยามเกิดภัย
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
- ปัญหา:ตลาดรองรับไม่ค่อยมี
- แก้ไข:หาตลาดและกระจายสินค้าไปจำหน่ายในที่ต่างๆ ให้มากขึ้น
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อพัฒนาพื้นที่สาธิตการปลูกผักปลอกสารพิษ ( อาชีพเสริม )
- เพื่อวางแผนผังจัดการใช้ประโยชน์พื้นที่
- ตัวแทนชุมชนจำนวน 20 คน ลงพื้นที่พัฒนาพื้นที่สาธิตการปลูกผักปลอกสารพิษ ( อาชีพเสริม )
- วางแผนผังจัดการใช้ประโยชน์พื้นที่ในศูนย์กู้ภัยชุมชนเพื่อสร้า้งความมั่นคงด้านอาหารและสร้า้งรายได้ด้านอาชีพเสริมในครัวเรือน
- ชุมชนได้มีส่วนร่วมลงพื้นที่พัฒนาพื้นที่สาธิตการปลูกผักปลอกสารพิษ (อาชีพเสริม) โดยการตัดหญ้า พวนดิน ปลูกกล้วยน้ำหว้า ปลูกมะพร้าว เป็นต้น
- ได้วางแผนผังจัดการใช้ประโยชน์พื้นที่ในศูนย์กู็ภัยชุมชนเพื่อสรา้งความมั่นคงด้านอาหารและสร้า้งรายได้ด้านอาชีพเสริมในครัวเรือน โดยมีการจัดวางผังดังนี้
- การปลูกหญ้าวัว ส่งเสริมการเลี้ยงวัวพื้นบ้าน จำนวน 15 ไร่
- การปลูกผักปลอดสารพิษส่งเสริมอาชีพเสริม จำนวน 13 ไร่
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการ
- สอนทักษะการทำรายงานทางเว็บไซด์
- สอนทักษะการทำรายงานทางเว็บไซด์ให้กับทีมงานโครงการ 3 คน
- มีทีมงานเข้าร่วมอบรมเสริมทักษะการทำรายงานทางเว็บไซด์ 3 คน
- ทีมงานสามารถทำรายงานคามก้าวหน้าโครงการ รายงานกิจกรรม รายงานการเงินทางเว็บไซด์ได้ ทำให้สามารถช่วยกันทำรายงานให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- ชุมชนไม่มีอินเตอร์เน็ต ต้องใช้อินเตอร์เน็ตในโรงเรียน หรือร้านค้าในการทำรายงาน
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการ
- เพื่อสอนทักษะการรายงานผลโครงการทางเว็ปไซด์
- ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการ
- สอนทักษะการรายงานผลโครงการผ่านเว็บไซด์ ให้กับคณะทำงาน จำนวน 3 คน
- พูดคุยกับทีมงานโครงการจำนวน 3 คน เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการ ทำให้ทราบว่าโครงการมีการดำเนินกิจกรรมตามปกติ มีความก้าวหน้าตามแผนการดำเนินงาน และมีการวางแผนการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รายงานผลผ่านเว็บไซด์
- จากการสอนทักษะการรายงานผลการดำเนินงานโครงการผ่านเว็บไซด์ให้กับทีมงาน จำนวน 3 คน พบว่า ทีมงานสามารถรายงานผลการดำเนินงานโครงการผ่านทางเว็บไซด์ได้
- นัดหมายการติดตามในครั้งต่อไป วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556 เพื่อร่วมกิจกรรมการอบรมอาสาสมัครในพื้นที่
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- ทีมงานไม่มีเวลาในการรายงานผลการดำเนินงานทางเว็บไซด์
- ทีมงานควรมีการรายงานผลการดำเนินงานโครงการอย่างสม่ำเสมอ โดยควรรายงานทันทีหลังจัดกิจกรรมเสร็จในแต่ละครั้ง จะทำให้ภาระงานของทีมงานไม่มาก้กินไป และคั่งค้างจนทำไม่ทัน
- จัดประชุมระดมความคิดเห็นกล่มย่อยเป็นโซนแต่ละหมู่บ้าน
- จัดประชุมวงใหญ่แกนนำแต่ละชุมชน
- จัดเวทีรวมระดมความเห็นเรื่องอาชีพเสริมเพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของครอบครัวและชุมชน
- จัดประชุมระดมความคิดเห็นกล่มย่อยเป็นโซนแต่ละหมู่บ้าน
- จัดประชุมวงใหญ่แกนนำแต่ละชุมชน
- จัดเวทีรวมระดมความเห็นเรื่องอาชีพเสริมเพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของครอบครัวและชุมชน
- ประชุมคณะทำงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ประมาณ 20 คน เพื่อระดมความคิดเห็น
- ได้ข้อเสนอแนะเรื่องการสร้างความมั่นคงทางอาหารของชุมชนโดยใช้พื้นที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงในชุมชนเป็นแหล่งสาธิตด้านอาชีพเสริมด้านเกษตรปลอดสารและให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมเรียนรู้ ปฏิบัติให้มากยิ่งขึ้น
- ได้แนวคิดในการทำอาชีพเสริม คือ ชุมชนต้องคิดอย่างรอบคอบคำนึงถึงระยะเวลา วัตถุดิบ และการจำหน่าย
- ได้อาชีพเสริมที่ชุมชนสนใจร่วมกัน ได้แก่ การปลูกพืชล้มลุกระยะสั้น ( แตงกวา บวบ ฟัก เป็นต้น ) การเพาะเห็ด การปลูกข้าว การเลี้ยงปลา การทำปุ๋ยหมัก ฯลฯ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- การสร้างความเข้าใจเรื่องอาชีพเสริมกับชุมชนต้องใช้เวลา และให้โอกาสทดลองเรียนรู้ ลงมือทำ และสรุปผลร่วมกัน ดังนั้นทางชุมชนจึงใช้การกระจายวงพูดคุยแบบธรรมชาติตามจุดต่างๆ ที่มีการรวมตัวกันของคนในชุมชน
- ส่งเสริมการศึกษาดูงานและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชนอื่นๆ เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่แตกต่างให้กับคนในชุมชน
ไม่มี
- เพื่อวางแผนการวางระบบน้ำใช้ในการส่งเสริมอาชีพเสริมของชุมชน
- เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบการจัดการระบบน้ำด้วยตนเอง
- จัดประชุมเพื่อวางแผนการวางระบบน้ำในการส่งเสริมอาชีพเสริมร่วมกับแกนนำ สมาชิก และเยาวชน
- จัดทำแผนที่ทำมือเพื่อวางระบบน้ำใช้อย่างถูกต้อง
- นัดหมายลงมือทำเพื่อสร้า้งการมีส่วนร่วมกับคนในชุมชน
- ได้แนวทางและผนผังการวางแผนการจัดการน้ำใช้สำหรับการส่งเสริมอาชีพเสริมกับชุมชนที่ชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดความพร้อมในการดำเนินงาน ได้แก่การเพาะปลูก การทำปุ๋ยหมัก การปลูกพืชสาวนครัว เป็นต้น
- ได้ความร่วมมือจากคนในชุมชนในการเสนอแนะความเห็นและร่วมแรงร่วมใจที่จะมาร่วมปฏิบัติการซึ่งมีการวางแผนการดำเนินงานให้เสร็จสิ้นภายใน 1 สัปดาห์
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- การวางแผนระบบการจัดการนำ้สำหรับด้านการส่งเสริมอาชีพทางเลือกของชุมชน ส่วนใหญ่ใช้กำลัง แรงงานในชุมชน แต่ก็มีความจำเป็นในจัดจ้างช่างบ้าง ( ซึ่งดูความตามจำเป็น...ที่คนในชุมชนไม่สามารถทำได้ )
ไม่มี
ไม่มี่
- เพื่อจัดทำรายงานความก้าวหน้าโครงการ
- จัดทำรายงานความก้าวหน้าโครงการผ่านทางเว็บไซด์
- ได้จัดทำรายงานโครงการทางเว็บไซด์
- แนะนำการจัดทำรายงานการเงิน
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
- ไม่สามารถจัดทำรายงานจนเสร็จได้ เพราะมีข้อมูลไม่เพียงพอ ชุมชนไม่ได้เตรียมเอกสารตามที่แจ้งมาด้วย
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการ
- เพื่อจัดทำรายงานกิจกรรมทางเว็บไซด์
- เพื่อตรวจสอบเอกสารทางการเงิน
- ประชุมติดตามโครงการ
- อบรมการรายงานผลทางเว็บไซด์
- ตรวจสอบเอกสารทางการเงิน
- ทราบความก้าวหน้าโครงการ
- ไม่สามาถจัดทำรายงานความก้าวหน้าโครงการได้ เนื่องจากไม่ได้มีการเตรียมข้อมูลการทำงานมาด้วย
- ไม่ได้รวจสอบเอกสารทางการเงิน เนื่องจากไม่ได้นำมาด้วย
ได้น้อยกว่าเป้าหมายมาก (1)
- ให้กลับไปประชุมทีมงานและผู้รับผิดชอบการทำงานในแต่ละส่วน ให้จัดทำข้อมูลด้านต่างๆ ของโครงการให้พร้อม เช่น ข้อมูลกิจกรรม เอกสารการเงิน เพื่อให้พี่เลี้ยงโครงการตรวจในการติดตามครั้งต่อไป
- ควรเตรียมข้อมูลการทำงานให้พร้อมก่อนเข้ารับการติดตามครั้งต่อไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปมา
นางสาวกัญนภัส จันทร์ทอง
- เพื่อสรุปผลการพื้นที่เก็บข้อมูลชุมชนทั้ง 3 หมู่บ้าน
- ให้น้องๆ ทีมเยาวชนสืบสานช่วยสรุปข้อมูลที่ไปลงพื้นที่เก็บข้อมูล โดยการนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้ลง excell เพื่อจัดทำข้อมูลให้เป็นระบบ
- ให้น้องๆ ทีมเยาวชนสืบสานช่วยสรุปข้อมูลที่ไปลงพื้นที่เก็บข้อมูล โดยการนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้ลง excell เพื่อจัดทำข้อมูลให้เป็นระบบ
- ได้ข้อมูลครบทั้งชุมชนและชัดเจนได้ข้อมูลครบทั้งชุมชนและชัดเจน
- ยังไม่สามารถเก็บข้อมูล และทำการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ เพราะเยาวชนขาดความรู้เรื่องการจัดการข้อมูล ต้องหาคนที่มีความชำนาญมาช่วยทำ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- ข้อมูลยังไม่มีการแปลงเป็นสารสนเทศ ที่สามารถสื่อสารให้คนในชุมชนเข้าใจได้ง่าย ต้องแปลงข้อมูลเพื่อการสื่อสารก่อน
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อเก็บข้อมูลทั่วไป ม.7 ต.ท่าข้าม นำมาใช้ในการทำแผนที่ชุมชน
- ทีม อสม. เยาวชน และนักเรียน จำนวน 40 คน ช่วยกันลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั่วไป ม.7 ต.ท่าข้าม เช่น คนป่วย ผู้สูงอายุ คนป่วยนอนที่ เด็ก คนท้อง เรือ บ้านน แพ ฯลฯ
- ทีม อสม. เยาวชน และนักเรียน จำนวน 40 คน ช่วยกันลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั่วไป ม.7 ต.ท่าข้าม เช่น คนป่วย ผู้สูงอายุ คนป่วยนอนที่ เด็ก คนท้อง เรือ บ้านน แพ ฯลฯ
- ได้ทราบถึงจำนวนประชากรในชุมชนที่เป็นคนป่วย ผู้สูงอายุ คนป่วยนอนที่ เด็ก คนท้อง เรือ บ้านแพ ฯลฯ ชัดเจนและแน่นอน
- จากการเก็บข้อมูล ม.7 ต.ท่าข้าม จำนวน 247 ครัวเรือน พบว่า มีประชากรรวม 908 คน แบ่งเป็นเพศชาย 460 คน เพศหญิง 448 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 55 คน เป็นเล็ก อายุไม่เกิน 5 ขวบ จำนวน 87 คน เป็นผู้พิการจำนวน 8 คน ลักษณะการปลูกสร้างบ้านเรือนส่วนใหญ่ เป็นบ้านกว้าน ชั้นเดียว มีเรือพาหนะเพื่อใช้ในการเดินทาง ประกอบอาชีพ และช่วยเหลือเมื่อประสบภัยทางน้ำ จำนวน 217 ลำ มีแพสำหรับการพักอาศัย จำนวน 45 ลำ จากการสำรวจพบว่า ชุมชนนี้มีระดับสูงสุดที่ท่วมเมื่อเดือนมีนาคม 2554 สูงประมาณ 3 - 5 เมตร
- ตอนประสบภัย คนในชุมชนอพยพในพักที่ศูนย์อพยพโรงเรียนบ้านทับชัน และโรงเรียนบ้่านไทรงาม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อเก็บข้อมุลทั่วไป ม.2 บ้านทับชัน ไทรงาม ต.กรูด นำมาใช้ในการทำแผนที่ชุมชน
- ทีม อสม. เยาวชน และนักเรียน จำนวน 40 คน ช่วยกันลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั่วไป ม.2 ไทรงาม ทับชัน เช่น คนป่วย ผู้สูงอายุ คนป่วยนอนที่ เด็ก คนท้อง เรือ บ้านน แพฯลฯ
- ทีม อสม. เยาวชน และนักเรียน จำนวน 40 คน ช่วยกันลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั่วไป ม.2 ไทรงาม ทับชัน เช่น คนป่วย ผู้สูงอายุ คนป่วยนอนที่ เด็ก คนท้อง เรือ บ้านน แพ ฯลฯ
- ได้ทราบถึงจำนวนประชากรในชุมชนที่เป็นคนป่วย ผู้สูงอายุ คนป่วยนอนที่ เด็ก คนท้อง เรือ บ้านแพ ฯลฯ ชัดเจนและแน่นอน
- จากการเก็บข้อมูล ม.2 ไทรงาม ทับชัน จำนวน 73 ครัวเรือน พบว่า มีประชากรรวม 298 คน แบ่งเป็นเพศชาย 156 คน เพศหญิง 142 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 38 คน เป็นเล็ก อายุไม่เกิน 5 ขวบ จำนวน 36 คน เป็นผู้พิการจำนวน 1 คน ลักษณะการปลูกสร้างบ้านเรือนส่วนใหญ่ เป็นบ้านยกพื้น มีใต้ถุนสูง มีเรือพาหนะเพื่อใช้ในการเดินทาง ประกอบอาชีพ และช่วยเหลือเมื่อประสบภัยทางน้ำ จำนวน 106 ลำ มีแพสำหรับการพักอาศัย จำนวน 43 ลำ จากการสำรวจพบว่า ชุมชนนี้มีระดับสูงสุดที่ท่วมเมื่อเดือนมีนาคม 2554 สูงประมาณ 3 - 5 เมตร
- เป็นการสำรวจข้อมูลพื้นที่เฉพาะฝั่งที่เป็นชุมชนไทยพุทธ
- ตอนประสบภัย คนในชุมชนอพยพในพักที่ศูนย์อพยพโรงเรียนบ้านทับชัน และโรงเรียนบ้่านไทรงาม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อเก็บข้อมูลทั่วไปของ ม.4 บ้านท่าสะท้อน นำมาใช้ในการจัดทำแผนที่ชุมชน
- ทีม อสม. เยาวชน และนักเรียน ลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั่วไป ม.4 บ้านท่าสะท้อน เช่น คนป่วย ผู้สูงอายุ คนป่วยนอนที่ เด็ก คนท้อง เรือ บ้านน แพฯลฯ
- ทีม อสม. เยาวชน และนักเรียน ลงพื้นที่เก็บข้อมูลทั่วไป ม.4 บ้านท่าสะท้อน เช่น คนป่วย ผู้สูงอายุ คนป่วยนอนที่ เด็ก คนท้อง เรือ บ้านน แพ ฯลฯ
- ได้ทราบถึงจำนวนประชากรในชุมชนที่เป็นคนป่วย ผู้สูงอายุ คนป่วยนอนที่ เด็ก คนท้อง เรือ บ้านแพ ฯลฯ ชัดเจนและแน่นอน
- จากการเก็บข้อมูล ม.4 บ้านท่าสะท้อน จำนวน 28 ครัวเรือน พบว่า มีประชากรรวม 130 คน แบ่งเป็นเพศชาย 62 คน เพศหญิง 58 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 17 คน เป็นเล็ก อายุไม่เกิน 5 ขวบ จำนวน 13 คน เป็นผู้พิการจำนวน 1 คน ลักษณะการปลูกสร้างบ้านเรือนส่วนใหญ่ เป็นบ้านยกพื้น มีใต้ถุนสูง มีเรือพาหนะเพื่อใช้ในการเดินทาง ประกอบอาชีพ และช่วยเหลือเมื่อประสบภัยทางน้ำ จำนวน 52 ลำ มีแพสำหรับการพักอาศัย จำนวน 21 ลำ จากการสำรวจพบว่า ชุมชนนี้มีระดับสูงสุดที่ท่วมเมื่อเดือนมีนาคม 2554 สูงประมาณ 4 -8 เมตร
- ตอนประสบภัย คนในชุมชนอพยพในพักที่สะพานข้ามแม่น้ำตาปี
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ไม่มี
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อชี้แจง ทำความเข้าใจโครงการร่วมกับคนที่เกี่ยวข้อง
- ชี้แจงโครงการเพื่อทำความเข้าใจโครงการร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน อบต. อสม. กลุ่มยุวชนสร้างสรรค์สุราษฎร์ธานี เยาวชนสืบสานภูมิปัญญาไทดำและแกนนำชุมชน
- ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อสม. กลุ่มยุวชนสร้างสรรค์สุราษฎร์ธานี เยาวชนสืบสานภูมิปัญญาไทดำและแกนนำชุมชน เข้าใจโครงการมากขึ้น
- ผู้เข้าร่วมมีความเข้าใจในโครงการฯมากขึ้นและขับเคลื่อนงานได้
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- ปัญหา:แนวร่วมบางกลุ่มยังไม่เข้าใจโครงการฯ
- แก้ไข:ชี้แจงโครงการเพื่อทำความเข้าใจโครงการร่วมกับ อบต. อสม. กลุ่มยุวชนสร้างสรรค์สุราษฎร์
ไม่มี
ไม่มี
- ประชุมออกแบบสอบถามในการลงพื้นที่เก็บข้อมูล
- นำเสนอตัวอย่างแบบสอบถามในที่ประชุม
- ประชุมออกแบบสอบถามในการลงพื้นที่เก็บข้อมูล
- นำเสนอตัวอย่างแบบสอบถามในที่ประชุม
- ได้แบบสอบถามเพื่อใช้ในการเก็บข้อมูลชุมชนด้านภัยพิบัติที่สามารถใช้ได้จริงและเกิดผลต่อชุมชน โดยในแบบสอบถาม ข้อมูลสำคัญที่ต้องมี คือ ที่ตั้ง จำนวนผู้อาศัย เด็ก ผู้พิการ คนชรา หญิงตั้งครรภ์ และพาหนะ ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็ต้องใช้ในการวางแผนการช่วยเหลือต่อไป
- ได้แผนในการลงพื้นที่เก็บข้อมูลในชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- เป็นการออกแบบสอบถามครั้งแรกในการเก็บข้อมูลในชุมชน เยาวชนยังไม่มีประสบการณ์ในการออกแบบสอบถาม จึงต้องใช้ระยะเวลาในการพูดคุยหาข้อสรุปที่ชัดเจน กระชับและเข้าใจง่าย
ไม่มี
ไม่มี
- เพื่อสร้างความเข้าใจการดำเนินงานโครงการร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่
- เพื่อสอนการทำรายงานความก้าวหน้าโครงการ รายงานการงเนิและรายงานการติดตามผ่านเว็บไซด์
- เพื่อสอนการทำเอกสารทางการเงินโครงการ
- ชี้แจงโครงการร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่
- สอนการทำรายงานการเงิน รายงานกิจกรรมทางเว็บไซด์
- สอนการทำเอกสารทางการเงินที่ถูกต้อง
- ผู้รับทุนโครงการเข้าใจแนวทางการดำเนินงานโครงการร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่มากขึ้น
- ผู้รับทุนโครงการสามารถทำรายงานผลการดำเนินงานโครงการ รายงานการเงิน และรายงานการติดตามโครงการทางเว็บไซด์ได้
- ผู้รับทุนโครงการสามารถจัดทำเอกสารทางการเงินได้อย่างถูกต้อง สมบูรณ์
ได้น้อยกว่าเป้าหมายมาก (1)
- อินเตอร์เน็ตล่ม เนื่องจากมีผู้ใช้งานพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการขยายช่องทางความแรงของอินเตอร์เน็ต
- ฝึกฝนการทำรายงานอย่างสม่ำเสมอ กันลืม
- ควรจัดแบ่งการอบรมการทำเว็บไซด์ให้เป็นโซนย่อยๆ มากกว่านี้ เพื่อที่จะสามารถสอนงานได้อย่างทั่วถึง และไม่มีปัญหาอินเตอร์เน็ตล่มอีก
- เพื่อพัฒนาศักยภาพคณะทำงานเรื่องการทำรายงานโครงการทางเว็บไซด์
- เพื่อสร้างความเข้าใจการดำเนินงานโครงการร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่
- อบรมการรายงานทางเว็บไซณ์และอบรมรายงานการเงิน
- คณะทำงานเข้าใจการทำรายงานการเงิน การทำเอกสารการเงิน และการรายงานผลการดำเนินงานโครงการทางเว็บไซด์
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- อินเตอร์เน็ตมีปัญหา เนื่องจากมีผู้ใช้งานมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ครบตามที่ตั้งใจไว้
ไม่มี
ยังไม่มี
![](/file/issaree/profile.photo.jpg?t=1544464489)
- เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
- จัดเวทีชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
- มี อสม. เยวชน อบต. ผู้ใหญ่บ้าน รพ.พุนพิน ครูโรงเรียนบ้านไทรงามและโรงไฟฟ้าสุราษร์ธานีที่สนใจเข้าร่วมเวที ประมาณ 50 คน
- คนในชุมชนเข้าใจแนวทางดำเนินงานด้านการจัดการภัยพิบัติมากขึ้น
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
- ปัญหา บางหน่วยงานในชุมชนยังไม่เข้าใจในโครงการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
ไม่มี
ไม่มี