เพื่อรณรงค์และสร้างความตระหนักในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการใช้สารเคมีในการทำสวนยางตามรอยโป + พ่เฒ่า ให้คนในชุมชนรู้จักการทำปุ๋ยใช้เอง เป็นการลดสารเคมี ลดต้นทุนในการทำสวนยาง
-แกนนำกลุ่ม และสมาชิกในชุมชนได้จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์เช่น เปลือกแตงโม เหงือกปลาทู เปลือกสับปะรด ตะลิงปลิง ได้เชิญ นายสุนทร ธราพร หมอดินอาสา เป็นวิทยากรในการอบรมให้ความรู้แดละสาธิตการทำปุ๋ยน้ำหมักให้แก่สมาชิก และทางโครงการได้แจกจ่ายกากน้ำตาลให้แก่สมาชิกคนละหนึ่งถังเพื่อนำไปทำให้เองในครัวเรือน
-ผู้เข้าฝึกอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมครั้งนี้ ไปทำปุ๋ยน้ำหมักใช้เองในครัวเรือนได้ เพือลดการใช้สารเคมี และลดต้นทุนในการทำสวนยางพารา
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
-ทางโครงการดำเนินโครงการล้าช้า ทางโครงมอบให้ทีมของนางนาตญา ริวรรณเป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมจัดทำหนังสือคู่มือการปลูกยางโดยไม่ใช้สารเคมี แต่ไม่เสร็จ คณะทำงานเลยข้ามมา ทำเรื่องปุ๋ยน้ำชีวภาพ กากน้ำตาลที่ให้ชาวบ้านคนละ 1 แกลลอนไม่มีในแผน ทางคณะทำงานคิดว่าทำได้เพระชุมชนต้องการ ทางผู้รับผิดชอบโครงการเคยนำเรื่องนี้เข้าหารือที่ ร.พ มหาราชแล้ว เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ทำหนังสือเสนอขอเปลื่อนแปลง การดำเนินโครงการกับ สสส. แนวทางแก้ไข ทางคณะทำงานยอมรับผิด แล้วแต่ สสส.จะพิจารณา
-ทางคณะทำงานยอมรับผิด แล้วแต่ สสส.
-
เพื่อรณรงค์และสร้างความตระหนักในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลดการใช้สารเคมีในการทำสวนยางพาราตามรอยโป + พ่อเฒ่าให้คนในชุมชนแกาะค่างขาว จำนวน 26 คน รู้วิธีทำปุ๋ยน้ำชีวภาพ การนำไปใช้
คนในชุมชนเกาะค่างขาวโดยใช้สถานที่บ้านของนางนาตยา ริวรรณ ผู้นำกลุ่ม พร้อมด้วยสมาชิกได้จัดหาวัสดุอุปกรณ์ในการทำปุ๋ยน้ำ เช่น หยวกกล้วย หัวปลาทู ตะลิงปลิง เปลือกสับปะรด ฯลฯ ที่มีอยู่ในชุมชนมาให้วิทยาการ สาธิตการทำปุ๋ยน้
-ผู้เข้าอบรมสามารถหาวัสดุที่มีอยู่รอบ ๆ บ้านของตนเองนำมาผลิตเป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพ เพื่อลดการใช้สารเคมี และลดต้นทุนในการทำสวนยางพารา
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ทางโครงการดำเนินโครงการล้าช้า ทางโครงมอบให้ทีมของนางนาตญา ริวรรณเป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมจัดทำหังสือ แต่ไม่เสร็จ คณะทำงานเลยข้ามมา ทำเรื่องปุ๋ยน้ำชีวภาพ กากน้ำตาลที่ให้ชาวบ้านคนละ 1 แกลลอนไม่มีในแผน ทางคณะทำงานคิดว่าทำได้เพระชุมชนต้องการ ทางผู้รับผิดชอบโครงการเคยนำเรื่องนี้เข้าหารือที่ ร.พ มหาราชแล้ว เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ทำหนังสือเสนอขอเปลื่อนแปลง การดำเนินโครงการกับ สสส. แนวทางแก้ไข ทางคณะทำงานยอมรับผิด แล้วแต่ สสส.จะพิจารณา
-ทางคณะทำงานยอมรับผิด แล้วแต่ สสส.
-
เพื่อรณรงค์และสร้างความตระหนักในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการใช้สารเคมีในการทำสวนยางตามรอยโป + พ่อเฒ่า
-คนในชุมชนที่เข้าอบรมในครั้งนี้ ได้ช่วยกันเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการทำปุ๋ยน้ำชีวภาพ เช่น ตะลิงปลิง แอปเปิ้ลน้ำ กล้วยสุก มะม่วงสุก ที่มีอยู่ในชุมชน มาให้วิทยากรสาธิตการทำปุ๋ยน้ำชีวภาพ และทางโครงการได้แจกกากน้ำตาลให้แก่สมาชิกคนละหนึ่งถังเพื่อนำไปทำใช้เองในครัวเรือน
-ผู้เข้าอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมในครั้งนี้ ไปทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพใช้ในครัวเรือน เพื่อลดการใช้สารเคมี และลดต้นทุนในการทำสวนยางพารา
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
คนในชุมชนต้องการวัสดุไปทำใช้เองที่บ้าน แต่ทางโครงการมีในแผนให้ 2,000 กก. ๆ ละ 15 บาทจำนวนเงิน 30,000 บาท แต่ในแผนคิดจำนวนเงินเพียง 3,000 บาทแต่ความต้องการของชาวบ้านคือให้ทางโครงการจัดหากากน้ำตา]มาให้ครอบครัวละ 1 แกลลอน รวม 25 แกลลอน ทางโครงการดำเนินโครงการล้าช้า ทางโครงมอบให้ทีมของนางนาตญา ริวรรณเป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมจัดทำห แต่ไม่เสร็จ คณะทำงานเลยข้ามมา ทำเรื่องปุ๋ยน้ำชีวภาพ กากน้ำตาลที่ให้ชาวบ้านคนละ 1 แกลลอนไม่มีในแผน ทางคณะทำงานคิดว่าทำได้เพระชุมชนต้องการ ทางผู้รับผิดชอบโครงการเคยนำเรื่องนี้เข้าหารือที่ ร.พ มหาราชแล้ว เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ทำหนังสือเสนอขอเปลื่อนแปลง การดำเนินโครงการกับ สสส.
แนวทางแก้ไข ทางคณะทำงานยอมรับผิด แล้วแต่ สสส.จะพิจารณา
-ทางคณะทำงานยอมรับผิด แล้วแต่ สสส.
-
ติดตามประเมินผล
เริ่ม 13.00น. ทั้ง 5 โครงการ อ.ฉวางเข้าพร้อมกัน
สี่โครงการเดินต่อได้ ติดที่โครงการสวนโป+พ่อเฒ่า ล่าช้ามาก
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
โครงการล่าช้า แนวทางแก้ไข
-
-
![](/file/imboon1/profile.photo.jpg?t=1544464489)
เพื่อรณรงค์และสร้างความตระหนักในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการใช้สารเคมีในสวนยางโป + พ่อเฒ่าร่วมกันเรียนรู้ การจัดทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ เพื่อใช้ในพื้นที่ของตนเอง
.เริ่มที่กลุ่มบ้านนายาว มีนางสุมล ธราพร เป็นแกนนำกลุ่ม มีสมาชิกเข้าร่วม 28 คน สมาชิกช่วยกันจัดหา เศษพืช ผัก ผลไม้ กล้วย ทั้งสุก ทั้งดิบ ต้นกล้วย ดอกกาหลา แล้วช่วยกันหั่นให้เป็นชิ้นพอประมาณ นำมาใส่ภาชนะถังน้ำ ละลายหัวเชื้อ พด.2 ในน้ำ เทกากน้ำตาลลงไปในถัง แล้วใช้ไม้คนให้เข้ากันจนได้ที่ นำฝามาปิด คนทุก ๆ 2 วัน หมักทิ้งไว้ 21 วันจึงนำมาใช้งานใด้ สูตรการทำน้ำหมักของ นายสุนทร ธราพร หมอดินอาสา ซึ่งเป็นวิทยากรในครั้งนี้ประกอบด้วย พืชผักผลไม้ 30 กก. กากน้ำตาล 20 กก. น้ำ 20 ลิตร หัวเชื้อพด.2 3 ซอง (หรือนำเอา เศษปลา รวมกับพืชผักอื่นก็ได้ นำมาหมัก) วิธีใช้- เอาน้ำหมัก 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 20 ลิตร นำไปรด พืช ผัก ไม้ผล ยางพารา ต้นไม้ แทนการใช้ปุ๋ยเคมีทำให้ต้นไม้เจริญงอกงามดี และปลอดภัยจากสารเคมี
เกิดการทำงานร่วมกัน สร้างความเป็นทีม ได้ความรู้ในการผลิตปุ๋ยน้ำใช้เอง มีสูตรการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพของชุมชน ได้อุปกรณ์การทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพไปฝึกทำเองที่บ้าน
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ทางโครงการไม่มีงบจัดซื้ออุปกรณ์การฝึกอื่น นอกจากกากน้ำตาล 2,000 กก.ทางโครงการดำเนินโครงการล้าช้า ทางโครงมอบให้ทีมของนางนาตญา ริวรรณเป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมจัดทำหนังสือ คู่มือการปลูกยางโดยไม่ใช้สารเคมี แต่ไม่เสร็จ คณะทำงานเลยข้ามมา ทำเรื่องปุ๋ยน้ำชีวภาพ กากน้ำตาลที่ให้ชาวบ้านคนละ 1 แกลลอนไม่มีในแผน ทางคณะทำงานคิดว่าทำได้เพระชุมชนต้องการ ทางผู้รับผิดชอบโครงการเคยนำเรื่องนี้เข้าหารือที่ ร.พ มหาราชแล้ว เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ทำหนังสือเสนอขอเปลื่อนแปลง การดำเนินโครงการกับ สสส.
แนวทางแก้ไข ทางคณะทำงานยอมรับผิด แล้วแต่ สสส.จะพิจารณา
-ทางคณะทำงานยอมรับผิด แล้วแต่ สสส.
-
![](/file/imboon1/profile.photo.jpg?t=1544464489)
...ประชุมเชิงปฏิบัติการ คณะกรรมการ แกนนำ เพื่อถอดองค์ความรู้การปลูกยางโดยไม่ใช้สารเคมี นัดแนะทำความเข้าใจในการลงพื้นที่ภาคปฏิบัติทำปุ๋ยน้ำชีวภาพ
เร่ิมประชุม 13.00 น. ณ ที่ีศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่ 5 มีผู้เข้าร่วมประชุม 24 คน เร่ิมจากผู้ใหญ่อดิศักดิ์ สมบัติปราโมทย์ คณะทำงานของโครงการ ได้ชี้แจงข่าวสารจากอำเภอให้ผู้เข้าร่วมประชุมรับทราบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคณะทำงานของโครงการ นายอำเภอได้พูดถึงโครงการป่ายางตามรอยโป+พ่อเฒ่า ที่เห็นจากป้ายประชาสัมพันธ์ 2 ป้าย ที่หน้าร้านไก่โอ่ง ชุมชนเกาะค่างขาว กับหัวโค้งควนนำ ถนนจันดี-ฉวาง น่ายอำเภอชมผู้ใหญ่อดิศักดิ์ ถ้าผู้ใหญ่ทำสำเร็จจะเกิดประโยชน์กับชุมชนมาก
-มีผู้เข้าร่วมประชุม 24 คน ผู้ใหญ่อดิศักดิ์ สมบัติปราโมทย์ ประธานที่ประชุม ผู้ใหญ่อดิศักดิ์ ให้นงธัญวลัย คงมา ดำเนินการเพื่อถอดองค์ความรู้จากทั้ง 4 กลุ่มที่มีการลงพื้นที่สัมภาษณ์ไปแล้ว - เร่ิมจากกลุ่มที่ 1 นำโดยนางสุมล ธราพรกับนึกศึกษา กศน. และคนในชุมชน สัมภาษณ์ นายสุนทร ธราพร อายุ 60 ปี เป็นหมอดินอาสาและคณะกรรมการศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร เป็นเกษตรกรบ้านนายาว ซึ่งผู้ก่อตั้งกลุ่มบ้านนายาวพัฒนาการเกษตร ท่ีเป็นเรียนรู้ของคนในชุมชนและบุคคลภายนอกทั่วไปที่เข้ามาศึกษาดูงาน เป็นเกษตรกรต้นแบบที่ีไม่ใช้สารเคมีในการทำสวนยางพารา นายสุนทรใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพ น้ำหมักชีวภาพที่ได้จากวัสดุท่ีมีอยู่ในชุมเช่น กล้วย มะละกอ หยอกกล้วย ดอกกาหลา ตะลิงปลิง เปลือกสับปะรด เหงือกปลา นำมาทำความสะอาด หั่นเป็นช้ิน ๆ พอประมาณ ใส่ในถังพลาสติก ผสมกับกากน้ำตาล สารเร่ง พด. 2 หมักทิ้งไว้ 21 วัน จึงนำมาใช้รดต้นยางพารา และพืชผักทุกชนิด นายสุนทรทำแบบนี้มานานนับ 10 ปีแล้ว นอกจากนี้นายสุนทรได้ทำ น้ำยาเอนกประสงค์ น้ำยาซักผ้า ยาสระผม ไว้ใช้ในครัวเรือนแทนการใช้สารเคมี แจกจ่าย แนะนำการทำให้กับผู้ที่สนใจ และกลุ่มที่เข้ามาศึกษาดูงาน -กลุ่มที่ 2 นำโดยหัวหน้ากลุ่มนางนาตยา ริวรรณ กับ นักศึกษา กศน. และคนในชุมชน สัมภาษณ์นางเรวดี ไสท้ายดู อายุ 43 ปี เป็นอสม.ดีเด่นด้านสุขภาพ เป็นผู้ที่ทำสวนยางพาราที่ไม่ใช้สารเคมี ใช้วิธีตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้าขนาดเล็กไม่ใช้ยาฉีดหญ้า มีการปลูกไม้เสริม เช่น สะเดา ตะเคียนทองจำปาทอง เขลียงไว้ในสวนยาง รอบ ๆ บริเวณบ้านก็มีผลไม้ เงาะ ทุเรียน ลองกอง หมาก และพืชผักสวนครัวไว้กินเอง เหลือจำหน่ายจ่ายแจกกับคนในชุมชน -กลุ่มที่ 3 นำโดยหัวหน้ากลุ่มนางสุดจิต สุขศรีนวล คณะกรรมการชุมชนเกาะค่างขาว กับนักศึกษา กศน. และคนในชุมชนสัมภาษณ์นายพร้อม ทองรักษ์ อายุ 69 ปี เป็นปราชญ์ชาวบ้าน และพ่อดีเด่นตำบลจันดี ซึ่งเป็นผู้ทำสวนยางพารามานาน ใช้ทั้งปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ ทำให้เห็นข้อแตกต่างระหว่างสารเคมี กับ ชีวภาพ ว่าการใช้สารเคมีทำให้ดินเสื่อม ฟื้นฟูสภาพดินช้าจึงต้องหันกลับมาใช้ปุ๋ยชีวภาพแทน นอกจากนั้นก็ยังเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู ปลูกพืชผักผลไม้ ในสวนยางพาราด้วย -กลุ่มที่ 4 นำโดยหัวหน้ากลุ่มนางสาวสาริกา บุตดิพรรณ กับ นักศึกษา กศน. และคนในชุมชน สัมภาษณ์ นางธัญวลัย คงมา อายุ 54 ปี เป็นประธานสภาเกษตรตำบลจันดี ประธานศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรตำบลจันดี ประธานสวภาองค์กรชุมชนตำบลจันดี นางธัญวลัย คงมา กล่าวถึงการทำสวนยางสมัยที่จำความได้คือ ในป่ายางแต่ก่อนนั้นจะมีพืช ผัก ผลไม้ ผสมผสานกันในป่ายาง การใช้สารเคมีจะไม่มีเลย เพราะว่ารุ่นพ่อ - แม่ที่ทำสวนยางจะปลูกพืช ผัก ผลไม้ สมุนไพร เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงวัว ไว้ในป่ายาง ปุ๋ยก็จะได้จากขี้เป็ด ขี้ไก่ ขี้วัว และใบไม้ที่หล่นมาทับถมกันนาน ๆ ทำให้ต้นยางสมบูรณ์ไม่มีโรค ต่อมาประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีกองทุนสงเคราะห์ยาง เข้ามาช่วยในการสนับสนุนเงินทุนในการทำสวนยางพารา คือ ต้องทำตามแนวทางที่เขากำหนด ต้นไม้ทุกต้นก็ต้องโค่นให้หมด แล้วปลูกแต่ยางอย่างเดียว ห้ามปลูกต้นไม้เสริมทุกชนิด การกระทำแบบนี้เรียกว่การปลูกพืชเชิงเดี๋ยวซึ่งไม่เหมาะกับบ้านเรา การขุดหลุม การวางแนว ระยะห่าง การปลูกยางต้องรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยเคมี การดูแลรักษาก็ต้องใช้สารเคมีทั้งปุ๋ย ยาฉีดหญ้า สุดท้ายยางรุ่นนี้ก็เปิดกรีดได้ประมาณ 20 ปี ก็ต้องยืนต้นตายนึ่งที่เกิดจากเชื้อโรค โรคโคนเน่า เพราะการสนับสนุนให้ใช้สารเคมีมากเกินความจำเป็น นงธัญวลัย กล่าว ตอนเข้ามาเป็นเกษตรกรเต็มตัวเมื่อปี 2546 ก็ได้ทำตามที่กองทุนสงเคราะห์ฯแนะนำทุกอย่าง แต่เมื่อทำเข้าจริง ๆ ทำให้เราต้องเสียสุขภาพเมื่อเจอสารเคมีแล้วทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง จึงได้ศึกษาแนวทางใหม่กับศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรฯ ขณะนั้นทางกองทุนอนุญาตให้ปลูกไม้เสริมในสวนยางได้ไร่ละไม่เกิน 15 ต้น แต่คิดว่าการทำสวนยางตามรอยโป + พ่อเฒ่า น่าจะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัยจากสารเคมี จึงได้เข้าศึกษาการอยู่ร่วมกันของพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด แล้วนำมาปลูกเสริมในสวนยางพาราของ เช่น ไม้สักทอง ไม้ตะเคียนทอง จำปาทอง จิกนม ไม้ไผ่หวาน สะตอ เนียง เขลียง กระชาย ทือ ลองกอง เลี้ยงไก่ เพื่อให้สัตว์ พืชพันธุ์ไม้เหล่านี้ดูแลเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และยังเข้าอบรมการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพใช้เอง กับนายสุนทร ธราพร รวมทั้งการทำน้ำยาเอนกประสงค์ น้ำยาซักผ้า ยาสระผม สบู่เหลวไว้ใช้เอง เพื่อลดการใช้สารเคมีอีกทางหนึ่ง และลดต้นทุนในการดูแลรักษาอีกด้วย
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
การรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์จของผู้ที่ลงสัมภาษณ์ยังไม่ครอบคลุมตรงประเด็นเท่าที่ควร ทางโครงการต้องอาศัยครู กศน. มาช่วยรวบรวม รต้องเพ่ิมงานให้กับครู กศน. อีกเท่าตัว จึงทำให้งานล่าช้าไม่สารถจัดพิมพ์ให้แล้วเสร็จตามกำหนด แนวทางแก้ไข ทางโครงการจะดำเนินการเรื่องเอกสารคู่มือให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน และนำเข้าหลักสูตรท้องถิ่นในการเรียนการสอนต่อไป
.
.
เร่ิมประชุมเวลา 10.00 น. ณ ชุมชนบ้านนายาว ที่บ้านของนางสุมล ธราพร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบโครงการ แบ่งกลุ่มย่อยเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มท่ี 1 นำโดยนางสุมล ธราพร หัวหน้าบ้านนายาว กลุ่มที่ 2 นางประไพญา เต็มเปี่ยม บ้านควนกลาง กลุ่มที่ 3 นางนาตยา ริวรรณ บ้าน
เร่ิมประชุมเวลา 10.00 น. ณ ชุมชนบ้านนายาว ที่บ้านของนางสุมล ธราพร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบโครงการ แบ่งกลุ่มย่อยเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มท่ี 1 นำโดยนางสุมล ธราพร หัวหน้าบ้านนายาว กลุ่มที่ 2 นางประไพญา เต็มเปี่ยม บ้านควนกลาง กลุ่มที่ 3 นางนาตยา ริวรรณ บ้านเกาะค่างขาว และกลุ่มที่ 4 นางสาวสาริกา บุตดิพรรณ บ้านควนนำ เพื่อติดต่อประสานงาน และใช้เป็นสถานที่ในการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติการทำปุ่ยชีวภาพ การทำน้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม ครีมอาบน้ำ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ในการทำกิจกรรมครั้งต่อไป ในการประครั้งนี้มติที่ประชุมลงความเห็นว่าแต่ละกลุ่มซึ่ังมีผู้นำอยู่แล้วให้ร่วมกับนักศึกษา กศน. ซึ่งแบ่งความรับผิดชอบกันไว้ทั้ง 4 พื้นที่ เข้าสำรวจและสัมภาษณ์เกษตรกรต้นแบบ ปราชญ์ชาวบ้าน เพื่อรวบรวมข้อมูลการทำสวนยางโดยไม่ใช้สารเคมีมาจัดทำเป็นคู่มือต่อไป
- จัดแบ่งกลุ่มย่อยลงสัมภาษณ์เกษตรกรต้นแบบ 4 กลุ่ม
- กลุ่มที่ 1 นำโดยนางสุมล ธราพร สัมภาษณ์ นายสุนทร ธราพร หมอดินอาสาและเกษตรกรต้นแบบ บ้านนายาวพัฒนาการเกษตร กรรมการศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรตำบลจันดี
- กลุ่มที่ 2 นำโดยนางประไพญา เต็มเปีย่ม และนางสุดจิต สุขศรีนวล ลงสัมภาษณ์ นายสามารถ ปลื้มใจ เกษตรกรต้นแบบด้านพืชผักและเพาะเห็ด บ้านควนกลาง
- กลุ่มที่ 3 นำโดยนางนาตยา ริวรรณ สัมภาษณ์ นายพร้อม ทองรักษ์ พ่อดีเด่นตำบลจันดี ผู้บุกเบิกการทำสวนยางรุ่นปู่ + พ่อเฒ่า และนางเรวดี ไสท้ายดู อสม.ดีเด่น ผู้ปลูกพืชผักผลไม้ ไม้ใช้สอยในสวนยาง
- กลุ่มที่ 4 นำโดยนางสาวสาริกา บุตดิพรรณ สัมภาษณ์ นายสุธรรม บุตดิพรรณ อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 เกษตรกรต้นแบบการเกษรผสมผสาน และนางธัญวลัย คงมา นักศึกษามหาวิทยาลัยชีวิต ศูนย์ช้างกลาง ประธานศูนย์ีบริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรตำบลจันดี ประธานสภาเกษตรกรตำบลจันดี แพทย์แผนไทยผู้มีใบประกอบโรคศิลป สาขาเภสัชกรรม เกษตรกรต้นแบบสวนผักสมรมเพ่ื่อสุขภาพซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการกินผักเป็นยาที่ได้รับรางวัล นวัตกรรมดีเด่น ของ สปสช.เขต 11 ภาคใต้ตอนบน
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
.การแบ่งกลุ่มไม่เป็นตามแผน .แก้ไขแบ่งได้แค่สี่กลุม น้อยกว่าเป้าหมาย
-
-
เพื่อตวจสอบการบันทึกกิจกรรม และเอกสารทางการเงิน
โครงการนำเสนอกิจกรรมและเอกสารทางการเงิน ได้รับการแนะนำให้บันทึกกิจกรรมให้ถูกต้อง
ต้องกลับมาแก้ไขการบันทึกใหม่
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
- การดำเนินกิจกรรมล่าช้า
- ต้องดำเนินกิจกรรมให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 15 มีค. 56
-
-
เพื่อตรวจสอบเอกสารการเงิน และการบันทึกกิจกรรมต่างๆ
ได้ตามแผน
1.โครงการทำกิจกรรมยังไม่ได้ตามแผน เพิ่งจะดำเนินงาน ไป 2 กิจกรรม 2.ใช้จ่ายเงินไปเพียง12200 บาท
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
โครงการทำกิจกรรมยังไม่ได้ตามแผน เพิ่งจะดำเนินงาน ไป 2 กิจกรรม
1.กิจกรรมที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การรีบสำรวจภูมิปัญญา เรื่องของการอนุรักษ์สวนยางตามรอยปู่-ย่า แล้วจึงจะดำเนินการอบรมหรือทำกิจกรรมอื่นๆตามมา
ไม่มี
ติดตามประเมินผลการดำเนิกิจกรรม
ได้มีการนำเสนอความก้าวหน้าของงานที่ทำไปแล้ว ให้ทางกลุ่ม หลังจากนั้นได้ นำเอกสารทางการเงินทั้งหมดให้อ.นัยนา ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง
มีผู้เข้าร่วม 15 คน จาก 5 โครงการในอำเภอฉวาง ได้ทราบถึงข้อบกพร่องของโครงการว่าทำไมถึงล่าช้า และแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนทำอย่างไรจากพี่เลี้ยง รวมทั้งได้ทราบข้อบกพร่องเกี่ยวกับใบเสร็จต่างๆ
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ดำเนินการล่าช้า แนวทางแก้ไข ลงสำรวจพื้นที่โดยแบ่งกลุ่มออกเป็น ๕ โซนมีผู้รับผิดชอบแต่ละโซนที่ชัดเจนอย่างน้อยโซนละ ๒-๓ คนออกสัมภาษณ์เกษตรกรต้นแบบ เพื่อรวบรวมข้อมูลจัดทำคู่มือการปลูกยางโดยไม่ใช้สารเคมี.
.
.
![](/file/imboon1/profile.photo.jpg?t=1544464489)
เพื่อสร้างความตระหนักปลูกจิตสำนึกรักษ์ชุมชน ส่งเสริมการปลูกยางโดยไม่ใช้สารเคมี
.เริ่มกิจกรรมตั้งแต่เวลา 10.00 น. ชาวบ้านทะยอยมาลงทะเบียน
ในการประชุมครั้งนี้ มี นายสัมพันธ์ เหลืองวรพันธุ์ นายกเทศมนตรีตำบลจันดี นายวิชัย ขุนเพชร รองปลัดเทศบาล นางสาวนฤมล สุขศาลา เจ้าหน้าที่นโยบายและแผน นางศิรินทิพย์ จันทรวิสูตร
นายขจร สุธรรม และว่าที่ร้อยโท ทวีศักดิ์ วงศ์ศิริกุล สมาชิกสภาเทศบาลตำบลจันดี ผู้ใหญ่ประสงค์ วิริยะตั้งสกุล ผู้ใหญ่หมู่ท่ี ๓ ก็มาให้กำลังใจทุกครั้งที่มีการประชุม
เริ่มประชุมเวลา 10.30 น.
นายกเทศมนตรี เปิดประชุม พูดถึงการทำการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี
ปลัดวิชัยคณะทำงานชี้แจงโครงการ แยกประเภทกิจกรรม แบ่งโซนกันรับผิดชอบ
หมอเหมียพูดถึงการลงแขกซึ่งหายไปจากชุมชนคนบ้านเรา โครงการนี้สามารถทำได้
รับประทานอาหารร่วมกันเวลา 12.30 น.
นางธัญวลัย คงมา ได้นำเสนอโครงการป่ายางต้นแบบตามรอยโป + พ่อเฒ่า และการอยู่รอดของชาวสวนยาง โดยการลดสารเคมีในสวนยาง ทำน้ำหมักชีวภาพ น้ำยาล้างจาน ลดสารเคมี ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
อาจารย์ธีรัศมิ์ พูลนวล อาจารย์จาก มหาวิทยาลัยชีวิต ศูนย์เรียนรู้เพื่อปวงชน นครศรีธรรมราชมาให้ความรู้และสร้างความตระหนักปลูกจิตสำนึก การสร้างป่ายางตามรอยโป+พ่อเฒ่า โดยไม่ใช้สารเคมี และพูดถึงวิ่กฤตยางพาราหลังปี ๕๘ เมือประเทศไทยเข้าร่วมสมาคมอาเชี่ยน จะมีการแข่งขันทางการค้าที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะยางพาราเมื่อจีน ลาว เขมร พม่า เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกือบทุกประเทศในสมาคมอาเชียนมีการปลูกกันอย่างมากมาย ยางพาราเป็นสินค้าท่ีนำมาแปรรูปเป็นอาหารไม่ได้ นอกจากเป็นอุตสาหกรรมอย่างเดียว เมื่อผลิตมากขึ้นเกินความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ราคายางพาราจะตกต่ำตามสภาวะการตลาด เมื่อถึงเวลานั้นชาวสวนยางรายย่อยอย่างพวกเราในชุมชนจะอยู่รอดได้อย่างไร
ผู้เข้าร่วมประชุม 65 คน มีความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบกิจกรรมโครงการมากขึ้นเช่น การแยกประเภทกิจกรรม แบ่งโซนกันรับผิดชอบ โดยใช้การลงแขกซึ่งหายไปจากชุมชนคนบ้านเรา ทำให้คนในชุมชนเกิดความรักสามัคคีมากขึ้น และเพื่อสุขภาพและการอยู่รอดของชาวสวนยาง จำเป็นต้องลดการใช้สารเคมีในสวนยาง ด้วยการทำน้ำหมักชีวภาพ น้ำยาล้างจาน ลดสารเคมี ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
.การประชาสัมพันธ์โครงการไม่ทั่วถึง แนวทางแก้ไข ติดป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ ๒ จุด ในเขตชุมชน
.
.
![](/file/chamnongnoonin/profile.photo.jpg?t=1544464489)
เพื่อเตรียมแกนนำ
ตามแผน
1.มีคนเข้าร่วมตามที่กำหนด และมีการวางแผนเพื่อจัดทำคู้มือในวันที่ 17 ธค.นี้ 2.มีการแบ่งออกเป็น 5 ทีมในครั้งต่อไปเพื่อการขยายผล
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์ชาวบ้าน
ควรประสานกับทางผู้ใหญ่บ้านให้ประชุมชาวบ้าน เพื่อให้ทุกคนรับทราบว่่ามีโครงการในชุมชน
![](/file/chamnongnoonin/profile.photo.jpg?t=1544464489)
ประขุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปลูกจิตสำนึก สร้างความตระหนักให้เห็นพิษภัยบองสารเคมี ยาฆ่าแมลง
ผู้เข้าร่วมประชุมรู้ถึงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม
มีผู้เข้าร่วมประชุม 30 คน แลกเปลื่ยนความคิดเห็น เพื่อสรุปแนวทางการทำสวนยางโดยไม่ใช้สารเคมี
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
หัวหน้าโครงการมีภาระกิจในช่วงเดือนนี้ ไม่สามารถทำตามกำหนดได้ เลื่อนจากวันที่15มาเป็นวันที่30/11/55
ไม่มี
-
เพื่อทบทวนแผนงาน กิจกรรม และแลกเปลี่ยนเรียนรู้
1.ให้โครงการนำเสนอแผนงานของตนเอง 2.พี่เลี้ยงและโครงการอื่นๆร่วมกันช่วยเสนอแนะ 3.ตอบข้อซักถามต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของการเงิน
1.มีกิจกรรมในเดือนตุลาคมและพฤษศจิกายน ยังไม่มีการดำเนินงาน 2.ชี้แจงให้โครงการเข้าใจว่า โครงการนี้สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือการทบทวนองคืความรุ้การปลูกป่ายางแบบเก่า(ดั้งเดิม) ให้ได้เป็นคู่มือ หากไม่ทำให้เสร็จภายในมกราคม จะทำให้โครงการล่าช้าได้ 3.สิ่งแนกที่ควรทำ คือ การประชุมชาวบ้านให้ชาวบ้านรับทราบว่า ชุมชนได้เงินมาทำโครงการ พร้อมทังมีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ภานในเดือนพฤษศจิกายนนี้
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
การทำงานล่าช้ามาก
ชี้แจงให้โครงการเข้าใจว่า โครงการนี้สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือการทบทวนองคืความรุ้การปลูกป่ายางแบบเก่า(ดั้งเดิม) ให้ได้เป็นคู่มือ หากไม่ทำให้เสร็จภายในมกราคม จะทำให้โครงการล่าช้าได้ และสิ่งแนกที่ควรทำ คือ การประชุมชาวบ้านให้ชาวบ้านรับทราบว่า ชุมชนได้เงินมาทำโครงการ พร้อมทังมีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ภานในเดือนพฤษศจิกายนนี้
ได้มีการนำเสนอแผนงานของตนเอง
ได้มีการนำเสนอแผนงานของตนเอง และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้จาก 4 โครงการในอ.ฉวาง รวมทั้งได้รับฟังคำชี้แนะจากพี่เลี้ยง
โครงการเข้าใจปัญหาของโครงการตนเอง รวมทั้งมีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำโครงการมากขึ้นจากการได้รับฟังแผนงานของโครงการอื่นๆ ซึ่งปัญหาที่ขึ้นของโครงการจะรีบไปเร่งดำเนินการ
ได้น้อยกว่าเป้าหมายมาก (1)
การเริ่มโครงการล่าช้า
-
ไม่มี
ฝึกการบันทึกปฎิทินการทำกิจกรรม ฝึกการทำรายงานทางเว็บไซด์
ฝึกการบันทึกปฎิทินการทำกิจกรรม ฝึกการทำรายงานทางเว็บไซด์
ได้ความรู้เพ่ิมเติมทางด้านคอมพิวเตอร์
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
-
-
-