ร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่บ้านศาลาคงจันทร์ปี 3 : ชุมชนจัดการตนเองตามวิถีพอเพียง
เพื่อสนับสนุน ติดตามการจัดทำรายงานงวดที่ 1
-แลกเปลี่ยนเรียนรู้จัดทำรายงานปิดงวด 1 โดยการแนะนำให้มีการจัดทำเอกสาร ส.1,ส.2,ง.1
-การตรวจสอบเอกสารการใช้จ่ายเงินในแต่ละกิจกรรมของแผนงานโครงการ
-การบันทึก รายงานข้อมูลในเว้ปไซต์ คนใต้สร้างสุข
-ยังขาดความเรียบร้อยของเอกสารที่ต้องนำส่ง เช่น ส.1 ,ส. 2,ง.1
-บิลเอกสารการใช้จ่ายเงินในการดำเนินกิจกรรมยังไม่เรียบร้อย
-การรายงานกิจกรรมในเว้ปไซต์ คนใต้สร้างสุข ยังขาดความเรียบร้อย เช่น บางกิจกรรมมีการนำภาพอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ทำมาใส่ หรือ การใส่ภาพของปีอื่นๆ มาใส่ จึงให้ทางพื้นที่ปรับรายงาน
ได้น้อยกว่าเป้าหมายมาก (1)
ประกอบด้วย
-ผู้รับผิดชอบโครงการ 1 คน
-พี่เลี้ยงโครงการ 1 คน
-เจ้าหน้าที่ สจรส.มอ. 4 คน
การรายงานกิจกรรมที่ขาดความสอดคล้องกัน เช่น ภาพกิจกรรม
-
ให้นำภาพที่มีการทำกิจกรรม ณ วันนั้นลงข้อมูล ตลอดจนภาพถ่ายควรให้เห็นกระบวนการทำงาน ทำกิจกรรม
-ประชุมสรุปงานประจำเดือน-รายกิจกรรมที่ได้ดำเนินการไปในเดือนตุลาคมให้คณะทำงานและดำเนินการวางแผนกิจกรรมในครั้งต่อไป
จัดทำรายงาน ส1 ส2 ง1 ตรวจสอบเอกสารการเงิน การดำเนินกิจกรรม
-จัดทำรายงานเพื่อรายงานการทำกิจกรรมงวดที่1ตามแผนงาน ปฏิทิน ที่ได้กำหนดไว้และดำเนินการครั้งต่อไป
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ และคณะทำงานโครงการ
-
-
-
คืนเงินค่าเปิดบัญชีธนาคาร
คืนเงินค่าเปิดบัญชีธนาคาร
คืนเงินค่า้เปิดบัญชีธนาคาร
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ
-
-
-
![](/css/img/photography.png)
-ร่วมแรงร่วมใจสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการรักษาความสะอาดเรียบร้อยของหมู่บ้านชุมชน-สร้างจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมของทุกคนในการดูแลความสะอาดเรียบร้อยในพื้นที่ด้วยสื่อวัฒนธรรมประเพณีของชุมชน
ร่วมเรียนรู้และการเขียนบทของการเล่นลิเกป่า และแสดงออกถึงการหวงแหนประเพณีบ้านเรา โดยการสาธิตจากปราชญ์และแสดงให้เห็นถึงการแสดงของดนครีสวรรค์ ลิเกป่า มโนราห์เป็นต้น โดยการเรียนรู้จากการแสดงในงานจริงหลังจากนันก็มาทบทวนและปฏิบัติตามขันตอนที่วิทยากรได้มาให้ความรู้กับเด็ดแลเยาวชนในชุมชน โดยการฝึกหัดการแต่งบทกลอนต่างๆและเรียนรู้สาระของลิเกป้่าเช่นประว้ตืลิกาป่าลิเกป่าหรือลิเกรำมะนาเป็นการเล่นพื้นเมืองที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของชาวเมืองนครศรีธรรมราชและชาวภาคใต้ทั่วไป ไม่ทราบแน่ชัดว่าการละเล่นชนิดนี้มีมาตั้งแต่เมื่อใดคนเก่าคนแก่ของชาวภาคใต้ซึ่งมีอายุมากกว่า 70 ปีแล้วเล่าให้ฟังว่ามีคณะลิเกป่าเล่นกันมานานและเกือบจะพูดได้ว่ามีอยู่เกือบจะทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะที่อำเภอเมืองมีลิเกป่ามากกว่าที่อื่นใดทั้งสิ้น แต่ในปัจจุบันนี้จะหาดูลิเกป่าจากที่ใดในเมืองนครศรีธรรมราชไม่ได้อีกแล้ว
มีผู้กล่าวว่าลิเกป่าได้แบบอย่างมาจากพวกแขก กล่าวคือ คำว่า "ลิเก" มาจากการร้องเพลงสรรเสริญพระเป็นเจ้าของแขกเจ้าเซ็นที่เรียกว่า "ดิเกร์" ซี่งเป็นภาษาเปอร์เซีย เพราะนิกายเจ้าเซ็นนี้มาจากเปอร์เซีย พวกเจ้าเซ็นที่เข้ามาอยู่ในเมืองไทยเคยได้รับพระราชูปภัมถ์มากมายตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา เพราะพวกเจ้าเซ็นมีเสียงไพเราะ ร้องเพลงเป็นที่นิยมฟังกันทั่วไป ต่อมาไม่นานนอกจากพวกเจ้าเซ็นแท้ๆ แล้วก็มีคนไทยหัดร้องเพลงดิเกร์ขึ้น ขั้นแรกก็มีทำนองการใช้ถ้อยคำเหมือนกับเพลงสวด ต่อมาเมื่อคนไทยนำมาร้องก็กลายเป็นแบบไทย และคำว่าดิเกร์ก็เพี้ยนมาเป็นลิเกหรือยี่เก แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากพิจารณาถึงเครื่องดนตรี รำมะนาที่ลิเกป่าใช้ประโคมประกอบการเล่นนั้น ชวนให้เข้าใจว่าการเล่นลิเกป่าน่าจะได้แบบอย่างมาจากมลายู เพราะมลายูมีกลองชนิดหนึ่งเรียกว่า "ระบานา" (Rebana) ซึ่งมีสำเนียงคล้ายกับรำมะนาของไทยเราดังกล่าวแล้ว
ลิเกป่าหรือลิเกรำมะนาซึ่งเคยมีเล่นกันแพร่หลายในนครศรีธรรมราช เล่นได้เกือบทุกงานเช่นงานแต่งงาน บวชนาค งานวัด งานศพ โรงสำหรับแสดงคล้ายกับโรงมโนห์ราคือปลูกเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดกว้างและยาวเท่าๆ กับโรงมโนห์รา มีหลังคา ยกพื้นหรือไม่ยกพื้นก็ได้ ใช้เสื่อปู หน้าโรงโปร่งทั้งสามด้าน ตรงกลางมีฉากหรือม่านกั้น ส่วนหลังโรงใช้เป็นที่แต่งตัวและเก็บเครื่องใช้ไม้สอย ตะเกียงที่ใช้ใช้เป็นตะเกียงเจ้าพายุ หรือไม่ก็ใช้ไต้จุดช่วย
การแต่งกายของตัวแสดงส่วนใหญ่มีชุดอย่างไรก็แต่งกันอย่างนั้น คือตามมีตามเกิด มีมากแต่งมากมีน้อยแต่งน้อย แต่พระเอกจะแต่งกายงามเป็นพิเศษ คือนุ่งผ้าโจรงกระเบน ใส่เสื้อแขนยาว ใส่ทองกร สวมสายสร้อย สังวาล ทับทรวง ถ้ามีชฎา ซึ่งอาจจะทำด้วยกระดาษหรือหนัง ประดับประดาด้วยพลอยหรือกระจกให้แวววาว ส่วนนางเอกก็นุ่งผ้าถุงจีบใส่เสื้อแขนสั้น กำไลเท้า มีผ้าห่มคลุมห้อยพาดหลัง อาจจะสวมใสชฎา หรือใส่กระบังหน้าหรือไม่ใส่ก็ได้ เครื่องประดับอื่นๆ ก็มีสร้อยร้อยลูกปัด ถ้าเป็นตัวตลก หรือเสนาอำมาตย์ก็แต่งกายอย่างง่ายๆ คือไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าถุง แต้มหน้าทาคิ้วให้ดูแล้วน่าขัน
ผู้แสดงลิเกป่าคณะหนึ่งๆ มีไม่เกิน 8 คน แต่ถ้ารวมลูกคู่เข้าไปด้วยก็มีจำนวนคนเท่าๆ กัน กับมโนห์ราคณะหนึ่งทีเดียว
การแสดงลิเกป่าจัดแสดงได้ในเกือบทุกงานดังกล่าวแล้ว ก่อนลงมือแสดงจะต้องโหมโรงก่อนประมาณ 15-20 นาที การโหมโรงจะใช้กลองรำมะนาตีประโคมเพื่อให้จังหวะ กับมีบทเพลงคล้ายๆ กับลำตัดร้องไปด้วย โดยผลัดกันร้องทีละคน เวียนเป็นรูปวงกลม ขณะที่ร้องเพลงจะต้องขยับท่าให้เข้ากับคำร้องและจังหวะของกลอง บางทีอาจจะมีลูกคู่ออกมารำสมทบด้วย ผลัดเปลี่ยนกันไปทีละคู่ ๆ การร้องเพลงและประโคมดนตรีเช่นนี้เรียกว่า "เกริ่นวง" ตัวอย่างเพลงเกริ่นของลิเกป่ามีดังนี้
"น้ำขึ้นเต็มคลอง
แม่ไม่ใส่เสื้อ
"น้ำเอยเจ้าไหลรี่
ลอยมาข้างนี้
"โอ้เจ้าช่อมะม่วง
ถ้าน้องลวงพี่
เรือล่องไปติดซัง
ถ่อเรือไปแลหนัง
ไอ้ปลากระดี่ลอยวน
มารับเอาพี่ไปด้วยคน"
โอ้เจ้าพวงมะไฟ
พี่จะหนีไปแห่งใด"
หลังจากร้องเพลงเกริ่นแล้วก็เป็นการออกแขก แขกที่ออกมาจะแต่งกายและแสดงท่าทางตลอดจนสำเนียงพูดเลียนแขกอินเดียทุกอย่าง อาจจะมีเพียงตัวเดียวหรือ 2 ตัวก็ได้โดยผลัดกันออกมาคือแขกขาวกับแขกแดง ออกมาเต้นหน้าเวทีพร้อมกับแสดงท่าทางและร้องประกอบโดยมีลูกคู่รับไปด้วย หลังจากแขกเข้าโรงแล้ว จะมีผู้ออกมาบอกกับผู้ดูว่าจะแสดงเรื่องอะไร และหลังจากนั้นก็เป็นการแสดงเรื่องราว
เรื่องที่ลิเกป่านิยมเล่นกันมากได้แก่วรรณคดีเก่าๆ เช่น อิเหนา โคบุตร สุวรรณหงส์ ลักษณวงศ์ เป็นต้น หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเองตามยุคสมัยที่นิยมกันก็มี
ภาษาที่พวกลิเกป่าใช้ ไม่ว่าจะเป็นบทร้องหรือบทเจรจาพวกลิเกป่าจะใช้ภาษาของชาวพื้นเมืองที่ตถนัดกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเป็นตัวเอกทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชายจะใช้ภาษาที่ชาวพื้นเมืองเรียกว่าภาษาข้าหลวง คือเป็นภาษากลาง แต่สำเนียงพูดแปร่งๆ ผิดๆ ถูกๆ หรือที่เรียกกันว่า "พูดทองแดง"
จากที่กล่าวมาแล้วน่าจะสรุปได้ว่า ที่เรียกการละเล่นชนิดนี้ว่าลิเกป่านั้นคงจะเนื่องมาจากเล่นไม่ยึดถือแบบฉบับ ขาดความสมบูรณ์ในทุกๆ ด้านและเล่นกันเป็นงานบันเทิงสมัครเล่นเพื่อความสนุกสนานตามประสาชาวบ้านป่า ไม่ได้ยึดถือเป็นอาชีพแน่นอนนั่นเอง
ในปัจจุบันการเล่นลิเกป่าที่จังหวัดนครศรีธรรมราชหาดูไม่ได้อีกแล้ว ทั้งนี้เพราะมีเหตุหลายประการที่ทำให้การละเล่นชนิดนี้เสื่อมสูญไป เช่น เนื่องจากการเล่นลิเกของภาคกลาง ซึ่งเผยแพร่เข้ามาดูน่าชมกว่า เล่าเรื่องที่น่าสนใจกว่า การขับร้องและท่ารำก็แปลกและพิสดารกว่า และสาเหตุอีกประการหนึ่งก็คือลิเกป่าเป็นลิเกสมัครเล่น ไม่ได้ยึดเป็นอาชีพจริงจังดังกล่าว พร้อมกันนั้นอิทธิพลวัฒนธรรมตะวันตกได้เผยแพร่เข้ามามากลิเกป่าจึงเสื่อมหายไปในที่สุดจนเกือบจะหาชมไม่ได้อีกเลย
ลิเกป่านิยมเล่นกันแถบชนบท บ้านนาบ้านป่า เป็นการหาความสนุกสนานในยามว่างงาน เป็นลิเกสมัครเล่นไม่ได้ยึดถือเป็นอาชีพหลัก นิยมเล่นกันแถบชนบท บ้านนาบ้านป่า เป็นการหาความสนุกสนานในยามว่างงาน เป็นลิเกสมัครเล่นไม่ได้ยึดถือเป็นอาชีพหลัก แต่ถ้าใครรับไปแสดงในงานต่างๆ ก็จะรวมสมัครพรรคพวกไปเล่นได้ อัตราค่าแสดงก็ไม่แน่นอนแล้วแต่ข้อตกลงกับเจ้าภาพ เช่น ระยะเวลาที่แสดง ระยะทางและค่าพาหนะในการเดินทาง เป็นต้น
เยาวชนได้รู้จักประเพณีวัฒนธรรม และการละเล่นพื้นบ้านของชุมชน ประยุกต์มาเป็นบทกลอนในการแสดงออกให้เห็นประโยชน์กับชุมชนสือถึงการเป็นการรักและหวงแหนวัฒนธรรมพื้นบ้านที่เกิดจากการอนุรักษ์จากรุ่นสู่รุ่น
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
เยาวชนในชุมชนและเยาวชนโรงเรียนชุมชนบ้านโคกค่ายพร้อมกับผู้ปกครองนักเรียน
-
-
-
![](/css/img/photography.png)
-เพื่อนำปัญหาการจัดการขยะของชุมชนมาแก้ปัญหาร่วมกัน-พัฒนาความรู้ในการจัดการขยะของชุมชน -เพื่อให้เห็นความจำเป็นในการจัดการขยะในครัวเรือนและสิ่งที่เหลือใช้ได้นำมาใช้ประโยน์ เพื่อการลดภาระในครัวเรือน พร้อมกับการเรียนรู้การทำน้ำยางเอนกประสงค์ใช้ในครัวเองด้วย
เรียนรู้การทำน้ำหมักในสูตรต่างๆ เพื่อแบ่งกันใช้ในแต่ละครัวเรือนและช่วยกันทำปู๋ยอินทรีย์เพื่อแบ่งปันให้กับสมาชิกในกลุ่มโดยการช่วยกันเอาส่วนผสมมารวมกันทำเป็นปุ๋ยหมักเพื่อใช้กับพืชผักในครัวเรือน แต่ละครัวเรือยช่วยกันเอาส่วนผสมตามสูตรมาผสมร่วมกันโดยผสมเสร็จแล้วหมักไว้20วันมาดูว่ากองปู๋ยเย็นแล้วยัง ถ้าเย็นแล้วก็นำไปใช้ได้เลย โดยการให้สมาชิกมาเอาเฉลียคนละเท่ากันเพราะปุ๋ยหมักที่ทำมีมากพอต่อการตองการให้กับสมาชิก
ได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน รู้วิธีการทำน้ำหมักในสูตรต่างๆ แนะนำและสูตรเพื่อนได้ นำไปปรับใช้ให้ประโยชน์ต่อต้นไม้ได้ และได้ปริมาณปุ๋ยอินทาีย์ที่ได้จากการชอแรงและแบ่งปันกันใช้แต่ละครัวเรือนได้ครบทั้ง30ครัวเรือนได้ปริมาณปุ๋ยประมาณ5ตันโดยผลัดกันทำและช่วยกัยดูแลกองปุ๋ยชึ่งมีค่ามากสำหรับสมาชิกที่ได้ร่วมกันทำ และจากการทำกิจกรรมสมาชิกในกลุ่มได้รู้จักแบ่งปันกันร่วมกันทำ ร่วมกันหาวัสดุ ร่วมกันรับผิดชอบ ร่วมกันแก้ปัญหา สุดท้ายร่วมกันรับปุ๋ยที่ช่วยกันทำไปใชี่บ้านอย่างภาคภูมิใจ
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
.สภาผู้นำชุมชน 23 คน 2.เด็ก เยาวชน 17 คน 3.สมาชิกกลุ่มกองทุนอาชีพ 210 คน
-
-
-
-เพื่อเป็นการสร้างกติกาในการร่วมและเคารพสถานที่ที่ทุกคนเข้ามาร่วมกิจกรรม
จัดทำป้ายปลอดเขตบุหรี และติดตั้งป้ายเขตปลอดบุหรี3จุด ที่ประชุมคณะทำงานโครงการ ที่ศูนย์เรียนรู้พลังงานชุมชนและที่หอประชุมพุธบารมี
เพื่อให้เห็นถึงกฎกติกาของการให้เคารพสถานที่ในการเข้ามาทำกิจกรรมแต่ละสถานที่ในการเข้าร่วม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับชอบโครงการและคณะทำงานโครงการผิด
-
-
-
-ให้สมาชิกมาฝากขยะ-คณะทำงานเตรียมพร้อมที่จะบริการสมาชิก-ประชาสัมพันธ์ให้สมชิกทราบวันที่ธนาคารขยะรับฝาก
ประชุมคณะกรรมการ คณะทำงาน โครงการ สมาชิกสภาผู้นำ
-ปรึกษาหารือกิจกรรมที่ได้ดำเนินการไปในแต่ละกิจกรรม เพื่อประเมินการทำงานของแต่ละฝ่ายและได้ดำเนินการเคลื่อนต่อไป
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สภาผู้นำและคณะทำงานโครงการ 30 คน
-
-
-
-ร่วมแรงร่วมใจสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการรักษาความสะอาดเรียบร้อยของหมู่บ้านชุมชน-สร้างจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมของทุกคนในการดูแลความสะอาดเรียบร้อยในพื้นที่
ซอแรงพัฒนาบริเวณพื้นที่สาธารณะ เพื่อความสามัคีในชุมชนและความเป้นระเบียบเรียบร้อยในชุมชนพร้อมที่จะอญุ่ร่วมกันอย่างเข้าใจและมีความสุขโดยร่วมกันพัฒนาบริเวณการสัญจรไปมาภายในชุมชนให้สะดวก สะอาด ปลอดภัยและพร้อมที่ช่วยกันพัฒนาเมื่อชุมชนต้องการซอแรง
-ได้เห็นความเอื้ออาทรต่อกันและกันในชุมชน ร่วมพัฒนาในพื้นที่เป็นสาธารณะของสว่นร่วม ความเอื้ออารีย์ต่อกัน การเห็นอกเห็นกันเมื่อเข้ามาร่วมกิจกรรมร่วมกับคนในชุมชนอย่างเต็มใจและพร้อมที่ให้ความร่วมมือกับชุมชนตลอดเวลา
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
1.สภาผู้นำชุมชน 23 คน 2.เด็ก เยาวชน 17 คน 3.สมาชิกกลุ่มกองทุนอาชีพ 10 คน
-
-
-
-ให้สมาชิกมาฝากขยะ-คณะทำงานเตรียมพร้อมที่จะบริการสมาชิก-ประชาสัมพันธ์ให้สมชิกทราบวันที่ธนาคารขยะรับฝาก
-ประชาสัมพันธ์ทางวิทยุชุมชน และเสียงตามสายในชุมชน
-ได้ให้ประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ไกล้เคียงได้รับทราบความเคลื่อนไหวของโครงการและกิจกรรมต่างของหมู่บ้าน ชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ประชาชนในพื้นที่และพื้นที่ไกล้เคียง
-
-
-
![](/file/areeandaman/profile.photo.jpg?t=1544464489)
เพื่อสังเคราะห์ถอดบทเรียนในการดำเนินกิจกรรมโครงการ
-รายงานผลการดำเนินกิจกรรม การสังเคราะห์ความรู้ คุณค่าที่ได้จากกิจกรรม ในแบบประเมินคุณค่า -วิทยากร คุณถนอม สัมภาษณ์ สังเคราะห์ความรู้จากการดำเนินกิจกรรม โดยให้ผู้รับผิดชอบโครงการเล่าความเป็นมาของการดำเนินโครงการ ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ที่ได้ -แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ กับชุมชนในพื้นที่ 3 จังหวัด
-ชุมชนมีการพัฒนาชุมชนจากกานนำแผนชุมชน ทั้ง 8 แผนงานที่มาจากการทำประชาคมของคนในชุมชน จากนั้นแกนนำชุมชนก็ย่อยในแต่ละแผนงานให้มีความชัดเจน และรัดกุม และง่ายต่อการปฎิบัติได้จริง และเหมาะกับชุมชน
-เกิดการพัมนาการของชุมชน เช่น เกิดครัวเรือนต้นแบบในการปรับเปลี่ยนการทำเกษตรเชิงเดี่ยว เป็น การปลูกไม้อื่นเพิ่มในแปลงยาง
-เกิดธนาคารขยะในชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ
-
-
-
-ปรึกษาหารือและประเมินการทำงานของคณะทำงานโครงการ
-ร่วมประชุมปรึกษาหารือ และร่วมกันประเมินการทำงานของคณะทำงานโครงการ เพื่อติดตามโครงการและร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการดำเนินโครงการ
-เกิดการเรียนรู้กันระหว่างคณะทำงานร่วมกัน มีคณะทำงานโครงการแ่งหน้ากันทำงานตามภารหน้าของคณะทำงานกันเอง เกิดการบูรณาการในโครงการของแต่ละแผนงาน
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
คณะสภาผู้นำและคณะทำงานโครงการ 23 คน
-
-
-
![](/css/img/photography.png)
-เสริมสร้างทักษะและการปรับเปลียนชีวิตโดยนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและวิถีวัฒนธรรมชุมชนใช้ในการดำเนินชีวิต
จัดนิทรรศการสุ่มต่างๆ เช่นอาหารปลอดภัย มีผู้มาสมัครเป็นสมาชิก ประมาณ 30คน สมาชิกธนาคารต้นไม้ 40คน สมาชิกปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพ 30คน ุ่มพลังงานชุมชน 30คน รายชื่อสมชิกกลุ่มอาหารปลอดภัย นายธีรวิชญ์ จันทกูล นางยุพิน กิตติลีลา นางจำเนียร สะมะบุบ นายพชรฌน จันทกูล นางอมิตา ประกอบชัยชนะ นายเสรี จันทกูล นางวิลัยลักษณ์ จันทกูล นางสาววิไล ยอดเกลี้ยง นางประภา สุวรรณชาตรี นายธนชัย จันทกูล นายนิกร จันทกูล นายเจริญ ศรีสุวรรณ นายนิตย์ จันทกูล นางละออ สะมะบุบ นายจำนงค์ วรรณศรียพงษ์ นายนิพนธ์ สะมะบุบ นางเฟือง ขุนทองเพ็ชร นายสมปอง ทองเอื้อย นายสมบัติ บัวสม นางสุภาพร สะมะบุบ นายวัฒนา วรรณศรียพงษ์ นางฐิติมนฑ์ กิเจริญ นายโชติ ฉิมสี น.ส.จุฑารัตน์ ทองเอื้อย รายชื่อกลุ่มธนาคารต้นไม้(พืชร่วมยาง) นายศักดิ์ชัย พูลผล นายสมนึก หนูเงิน นางแพรว ขันทอง นายแพรว จันทกูล นางรัตติยา ขุนทองเพ็ชร นางเฟือง ขุนทองเพ็ชร
นายแอบ ขำจิตร น.ส.สุภาวิดาวรรณ บุญรัตน์ นางธนัชพร ทองรักษ์ นางอุไร เกตุมาก นายสมพงศ์ ยอดเกลี้ยง นายวีระ แสงพรหม นางรัชนี เจ๊กแช่ม นางจำเนียร สะมะบุบ น.ส.อ่อนอรุณ บุญรัตน์ รายชื่อกลุ่มพลังานชุมชน นายอำนวย สะมะบุบ นางละออ สะมะบุบ นางอำนวย ริกชู นางละเอียง นมรักษ์ นายบรรจง ทองเอื้อย นางประภา สุวรรณชาตรี นางเสริม จันทกูล นางพัชรี ทองอำพล นางผอบ พรหมศรี นางดอกแก้ว บุบผา นางวรรณี แก้วเรือง น.ส.นงลักษณ์ ประกอบชัยชนะ นายคะนอง แก้วอัมพร นางนภาพร บุญรัตน์ นางอบ ขำจิตร นายคำนึง ศรีสุวรรณ นายภาพ (เนย) แก้วเรือง นายนิกร จันทกูลนางฟอง วรรณศรียพงษ์ นายวันดี ธรรมสะระ นางสำรวย จันทกูล นายมานพ ชูจิตร นายปรีชา ชูวิจิตร นางลัดดา ชูใจ นายจรูญ บุญรัตน์ นางอมิตา ประกอบชัยชนะ นายประพันธ์ แก้วเรือง นายเฉลิม บุญรัตน์ นายเจริญ ศรีสุวรรณ นายประพาส อินทมุณี นางละมัยพร แก้วเรือง นางนอง ทองมาก นางจิตร์ ยอดเกลี้ยง นางหิ้ม ชุมน้อย นายเสรี จันทกูล นายนิตย์ ทองมาก น.ส.ฐิติเนย์ ก่อประเสริฐ
รายชื่อกลุ่มปุ๋ยน้ำชีวภาพนางประโลม สุวรรณศรี
นางนิตย์ เรืองดำ
นางจิตร อินทมุณี
นางสุปราณี เกษมสุข
นางเหียน ทองมีขวัญ
นางจุไร ธุลี
นางเขียว อินทมุณี
นางวิมลวรรณ จันทกูล
นางนันทนภัส ทองมาก
นายประสิทธิ์ ชูสงค์
นายวิชาญ ประกอบชัยชนะ
นายสมพร แสงมณี
นางสุดา พลภากิจ
นางละออง ทิพแก้ว
นางปนัดดา จันทกูล
นายสมมิตร ทองมาก
นางสมนึก ศรีสุวรรณ
นายสมปอง ทองเอื้อย
นายชอบ จิตรณรงค์
ชึ่งแต่ละกลุ่มได้กำหนดการจัดทำแผนการทำงานของกลุ่มเอง
กลุ่มองกรต่างๆได้จัดแผนงานของกลุ่มในการทำงานแต่ละปี เช่นกลุ่มปลูกไม้ร่วมยาง กำหนดให้ปี2558มีการขยายพื้นที่ปลูกไม้ร่วมยางให้ได้200ไรต่อปีและมีต้นไม้อย่าง20,000ต้นเป็นต้นและกลุ่มปลูกผักอินทรีย์ได้มีการจัดทำแผนในการร่วมกลุ่มกันจำหน่ายผักปลอดสารพิษในตลาดนัดชุมชนทุกวันเสาร์
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
-สภาผู้นำชุมชน กลุ่มอาชีพในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง เยาวชน ประชาชนทั่วไป รวม 150 คน
-
-
-
เพื่อให้ชุมชนได้รับข่าวสารจากโครงการได้อย่างต่อเนื่องและทันเหตุการณ์
มีการจัดรายการทางวิทยุชุมชน ของเยาวชนอาสาในเวลา10.00-11.00 (ทุกวันพุธ)
-เป็นการประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อให้คนในชุมชนใด้รับข่าวสาร ความรู้จากโครงการอย่างต่อเนื่องและทันต่อข่าวสารที่ทันสมัยของทุกๆอาทิตย์
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คนในชุมชน และชุมชนไก้ลเคียง
-
-
-
![](/css/img/photography.png)
-ทบทวนแผนงานของคณะทำงาน-มอบหมายงานแต่ละเดือน-คระทำงานวางแผนงานการออกเยียมครัวเรือนนำร่องในการจัดการขยะ
ประชุมประจำเดือนของคณะทำงานโครงการ และสมาชิกสภาผู้นำที่ได้รับมอบหมายงานมาสรุป และประเมินกิจกรรมต่า่งๆของโครงการและกิกรรมต่างๆของหมู่บ้าน
-สรุปงาน และขอบเขตของการทำงานในแต่ละกิจกรรมที่ได้รับมอบหมาย -ได้ปลูกจิตรสำนึกของสมาชิกที่ได้ร่วมโครงการเพื่อขยายกิจกรรมไปในครัวเรือนอื่นๆ -ได้แบ่งงานกันทำตามความถนัดของแต่ลัด้าน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สมาชิกสภาผู้นำและคณะทำงานโครงการ 23 คน(อสม. สตรี เยาวชน คณะกรรมการหมู่บ้าน ชรบ. หัวหน้ากลุ่มองค์กรภายในหมู่บ้าน)
-
-
-
ชี้แจงโครงการร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่บ้านศาลาคงจันทร์ ปี๓ เพื่อให้คนในชุมชนให้มีตระหนักและรับผิดชอบต่อการทำของโครงการ และได้เข้าร่วมกิจกรรมที่จะดำเนินการตลอดปี 2558
ประชุมชี้แจงโครงการ และการดำเนินการกิจกรรมของโครงการ ในแต่ละกิจกรรมของโครงการ เพื่อการดำเนินกิจกรรมในแต่ละกิจกรรมให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการทำงานของผู้รับผิดชอบเป็นไปได้โดยสะดวก และเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมแต่ละกิจกรรม และให้ทั้งอง๕ืกรเครื่อข่ายที่เกียวข้องได้เข้าใจถึงวัตุประสงค์ เป้าหมาย ของโครงการเช่น ที่พักสงฆ์เกาะบก สถานีวิทยุ 101.00mkz. โรงเรียน อสม รพสต.
มอบหมายผู้รับผิดชอบตามภาระหน้าที่ของแต่ละกิจกรรม คณะทำงานโครงการทำตามแผนงานที่วางไว้เพื่อประสานงานกลุ่มเป้าหมายและสมาชิก คณะทำงานและผู้มีส่วนเกียวข้องต้องมาสุปการทำงานกิจกรรมโครงการทุกวันที่๑๓ของทุกเดือน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
กลุ่มเป้าหมายกิจกรรมที่ 2 ประกอบด้วย
1.สภาผู้นำฯ 23 คน
2. ชาวบ้าน 40 คน
3.ครู 5 คน
4.นักเรียนโรงเรียนบ้านโคกค่าย 30 คน
5.นักเรียนโรงเรียนบ้านโสท้อน 10 คน
6.นักเรียนโรงเรียนวัดไทรใหญ่ 10 คน
7.ตัวแทนหน่วยงานท้องถิ่น 2 คน
-
-
-
เพื่อจัดตั้งตัวแทนกลุ่มองค์กรมาเป็นตัวแทนชุมชนในการขับเคลื่อนโครงการมอบหมายงานของคณะทำงานโครงการในแต่ละด้านที่ได้รับมอบหมายเป๊นตัวแทนมาประชุมโครงการและประชุมสมาชิกสภาผู้นำ
-ที่ประชุมเสนอตัวแทนกลุ่มมาทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้นำ -ได้สภาชิกสภาผู้นำตัวแทนกลุ่มองค์กรของชุมชน 20คน -ที่ประชุมคัดเลือกคณะทำงานโครงการขึ้น 15คน -ที่ประชุมมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวแทนกลุ่มองค์กรที่เป็นสมาชิกสภาผู้นำบ้านศาลาคงจันทร์
-ที่ประชุมได้นัดหมายประชุมสภาผู้นำทุกวันที่13ของทุกเดิอน -กำหนดแผนงานการทำงานโครงการและงานอื่นๆที่ประชุมได้มอบหมาย -และให้ผู้รับผิดชอบแต่ละแผนงานรายงานผลการทำงานในการประชุมครั้งต่อไป -ให้นำเสนอครัวเรือนขยายที่มาร่วมกิจกรรมกับโครงการที่ได้รับมอบหมายไปแต่ละเขตความรับผิดชอบ
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
1.ผู้ใหญ่บ้าน 1 คน 2.กรรรมการหมู่บ้าน 14 คน 3.แกนนำกลุ่มอาชีพชุมชน 20 คน 4.แกนนำเยาวชน 5 คน 5.ผู้สูงอายุ 5 คน
-
-
-
![](/file/areeandaman/profile.photo.jpg?t=1544464489)
เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในการดำเนินงานชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ให้กับผู้รับทุน
วันที่ 29 พ.ย.57
-ช่วงเช้า เวลา 09.00 -12.00 น.การชี้แจงทำความเข้าใจในการดำเนินโครงการของผู้รับทุนโดย ผศ.ดร.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ สถาบันการจัดการระบบสุขภาพภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และความคาดหวัง ประสบการณ์ และแนวทางในการจัดทำรายงานผล และรายงานการเงิน โดย คุณปรีดารัตน์ ศรัทธานนท์กุล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
-ช่วงบ่าย เวลา 13.00 น.-14.00 น. การจัดทำรายงานผ่านเวบไซต์คนใต้สร้างสุข www.happynetwork.org โดยคุณภานุมาศ นนทพันธ์
-ช่วงบ่าย เวลา 14.00 – 21.00 น. ผู้รับผิดชอบโครงการฝึกปฏิบัติการ ในหัวข้อ • การป้อนข้อมูลรายละเอียดโครงการในเว็บไซต์
• ทบทวนและออกแบบเชิงระบบของโครงการ
• การวางแผนการดำเนินงาน และการป้อนแผนการดำเนินงานในปฏิทินโครงการ • การรายงานผลการจัดกิจกรรม และรายจ่ายในกิจกรรม
• การจัดทำรายงาน
30 พ.ย. 57
-ช่วงเช้า 09.00 น.-12.00 น. การบริหารจัดการโครงการ (ทีมงาน/ชุมชน) และวิธีการจัดการปัญหา โดยคุณกำไล สมรักษ์ - การบริหารการจัดการงบประมาณ (การเก็บหลักฐาน และเอกสารการเงิน) โดยคุณสมบูรณ์ ขวัญสงค์ และคุณจุรีย์ หนูผุด - การทำรายงานโครงการ และ รายงานการเงิน โดยคุณกัญนภัส จันทร์ทอง และผู้รับผิดชอบโครงการฝึกปฏิบัติการ ในหัวข้อ (ต่อ) • การป้อนข้อมูลรายละเอียดโครงการในเว็บไซต์
-ตัวแทนคณะทำงานโครงการมีความเข้าใจในการดำเนินงานโครงการ
-ตัวแทนเยาวชนสามารถฝึกปฎิบัติการ การป้อนข้อมูลในเว้ปไซต์ คนใต้สร้างสุข แต่เนื่องจากไม่ได้นำเอกสารข้อตกลงมาในวันดังกล่าว จึงให้การทำข้อมูลยังไม่แล้วเสร็จ แต่ทางพื้นที่จะมีการดำเนินงานให้แล้วเส็จภายในสองอาทิตย์
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
-ตัวแทนคณะทำงานโครงการ จำนวน 1 คน
-ตัวแทนเยาวชน จำนวน 1 คน
-
-
-
- เพื่อทำความรู้จักกับพี่เลี้ยงและทีมงาน ทำความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติงาน การกำหนดกิจกรรม และการรายงานกิจกรรม
ผู้รับผิดชอบโครงการ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมปฐมนิเทศทำความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติงาน การรายงานผลการปฏิบัติงานผ่านเว็บไซด์ รายงานการเงิน เงื่อนไขและระเบียบการทำงาน ใช้ระยะเวลาในการอบรม เป็นเวลา 2 วัน
● รู้จักพี่เลี้ยงสองประเภท และทีมงาน สจรส.
● ทบทวนโครงงาน ทำแผนกิจกรรมที่ชัดเจน กำหนดวันที่แน่นอน
● การอบรมเลี้ยงดูและลงข้อมูลในระบบติดตามประเมินผล และระบบรายงานผ่าน www.happynetwork.org.
● ทำความเข้าใจเรื่องรายงานและการเงิน
การสนับสนุนของพี่เลี้ยง การลงพื้นที่อย่างน้อย 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 การประชุมกับชุนชนทั้งชุมชน เพื่อทำความเข้าใจกับชุมชน เรื่องความร่วมมือการดำเนินโครงการ การปรับและเพิ่มรายละเอียดของโครงการ
ครั้งที่ 2 การติดตามเพื่อการหนุนเสริม ปรับปรุง การดำเนินงานของโครงการ
ครั้งที่ 3 การสรุปผลการดำเนินงาน ช่วยสังเคราะห์ และแนะนำการเขียนรายงาน
การลงติดตามสนับสนุนของ สจรส.และพี่เลี้ยง - ทุก 2 เดือน เพื่อช่วยทบทวนโครงการและให้การหนุนเสริมการมีปัญหา - ทุกโครงการนำเอกสารรายงานกิจกรรม รูปถ่าย เอกสารการเงิน เพื่อให้ทาง สจรส.และพี่เลี้ยง ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง
ข้อตกลงระหว่างกัน
- ทุกโครงการต้องมีการลงบันทึกทุกกิจกรรม และรายงานการเงินทุกครั้ง
- โครงการต้องจัดกิจกรรมให้เสร็จสิ้นก่อนสัญญา 1-2 เดือน
- หากโครงการไม่มีการดำเนินกิจกรรมภายใน 2 เดือน โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ จะต้องยุติโครงการและเรียกเงินคืน
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการรวม 12 จังหวัด และทุกพื้นที่ ที่เข้าร่วมโครงการ เข้าร่วมปฐมนิเทศ เป็นเวลา 2 วัน
-
-
-