เพื่อจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
- ประชุมจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ร่วมกับพี่เลี้ยง และ สจรส.ม.อ. ได้ตรวจสอบเอกสารการเงิน และการรายงานผลในเว็บไซต์
- เอกสารการเงินงวดที่ 2 เบิกจ่ายถูกต้อง และสามารถส่งรายงานให้ สสส.ได้
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่การเงิน
-
-
-
ประชุมร่วมกับพี่เลี้ยงเพื่อตรวจเอกสารการบันทึกข้อมูลบนเว็บไซด์คนใต้สร้างสุข
- ประชุมร่วมกับพี่เลี้ยง นำเอกสารการเงินที่แก้ไขมาให้ตรวจสอบครั้งสุดท้าย
- เอกสารการเงินถูกต้อง และได้เขียนสรุปค่าใช้จ่ายด้วยใบปะหน้าแต่ละกิจกรรม ก่อนรวบรวมเป็นแฟ้มส่งให้ สจรส.ม.อ.ตรวจสอบ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
เจ้าหน้าที่การเงิน เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล พี่เลี้ยงโครงการ
-
-
-
เพื่อประชุมร่วมกับพี่เลี้ยงตรวจเอกสารรายงานก่อนส่งเจ้าหน้าที่ สจรส.
1.นัดพี่เลี้ยงตรวจเอกสารายงานการเงิน ได้นำเอกสารการเงินและบัญชีปิดโครงการ ส่งให้พี่เลี้ยงตรวจสอบหลักฐานการใช้เงิน ก่อนส่งให้ สจรส.ตรวจสอบ
- เอกสารการเงิน ต้องแก้ไข การเขียนรายละเอียดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าอาหาร ค่าวิทยากร ต้องเขียนให้ชัดเจน และแจกแจงรายละเอียดด้วย
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
เจ้าหน้าที่การเงิน และ เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล
-
-
-
เพื่อจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
- นัดประชุมคณะทำงานเพื่อจัดทำเอกสารรายงาน
- เตรียมเอกสารรายงายเพื่อโครงการ
- จัดทำเอกสารรูปเล่มและล้างรูปกิจกรรม
- ได้รายงานฉบับสมบูรณ์จำนวน 5 เล่ม สำหรับส่งให้ สสส. และ สจรส.ม.อ.ตรวจสอบความถูกต้อง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่การเงิน/เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล
-
-
-
เพื่อเข้าร่วมประชุมกับ สสส. และ สจรส.ม.อ.
- ประชุมคณะทำงานเพื่อคัดเลือกคณะทำงานร่วมงานคนใต้สร้างสุข
- ประสานงานพี่เลี้ยงเพื่อส่งรายชื่อคณะทำงาน
- ร่วมประชุมคนใต้สร้างสุข ระหว่างวันที่ 3 - 5 ตุลาคม 2559 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
- ผู้รับผิดชอบโครงการ คณะทำงานโครงการร่วมงานสร้างสุขภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 3-5 ตุลาคม2559 ณหอประชุมนานาชาติมอ.หาดใหญ่เริ่มงานวันที่3ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป บรรยากาศในงานสร้างสุขภาคใต้ ประกอบด้วย นิทรรศการจากโครงการชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 14 จังหวัด และนิทรรศการเครือข่าย เช่น สสส. สปสช. กองทุนสุขภาพท้องถิ่น ปัจจัยเสี่ยง ฯ ทำให้เห็นผลงานมีการแลกเปลี่ยนประเด็นความสำเร็จ ส่วนวันที่ 4 ตุลาคมซึ่งเป็นงานวันที่ 2 มีห้องแต่ละประเด็น เช่น ห้องชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ห้องกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น ห้องเยาวชน ห้องปัจจัยเสี่ยงเป็นต้น ส่วนห้องชุมชนท้องน่าอยู่ในห้องมีการเสวนาแลกเปลี่ยนพื้นที่ปัจจัยความสำเร็จ ปัญหา อุปสรรคและทิศทางในการขับเคลื่อนชุมชนน่าอยู่ในปีต่อไป
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ และ เจ้าหน้าที่การเงิน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมการประชุมสภา
- ประสานคณะกรรมการสภา
- เตรียมเอกสารการประชุม
- เตรียมสถานที่
- ประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายข่าวคณะทำงานกับแกนนำชุมชน 28 คน จัดประชุมสภาที่อาคารเอนกประสงค์ตั้งแต่ 10.00 น
- คณะทำงาน และ แกนนำชุมชน 28 คน ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ คน ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำงานร่วมกันได้และได้พูดคุยวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ร่วมกัน ตลอดระยะเวลาการทำโครงการ
- คณะทำงานมีความเข้าใจทิศทางการทำงานร่วมกัน มีการทำงานร่วมกันตลอดจนติดตามกิจกรรมความก้าวหน้าของกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการ มีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อนำมาพัฒนาคนในชุมชนให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นและก่อให่เกิดคณะทำงานที่มีความพร้อมและความสามัคคีของคนในชุมชนเกิดคณะทำงานที่เข้าใจในทิศทางการทำงาน ทำให้คนในชุมชนมีโอกาสร่วมกิจกรรม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 23 คน ชุมชน จำนวน 15 คน กรรมการโครงการ จำนวน 8 คน เพื่อเข้ามากำหนดวิเคราะห์การทำงานปัญหาในชุมชนร่วมกัน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเพื่อมอบหมายคณะทำงานเก็บเงินออม
- ประสาน นัดหมาสมาชิกจำนวน 60ครัวเรือน
- จัดเตรียมสถานที่
- จัดเตรียมเอกสารเพื่อจัดทำข้อมูลการเก็บเงินออม สมาชิกจำนวน 60 ครัวเรือนนำเงินเก็บใส่กระปุกนำเงินมาฝาก ณอาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระตั้งแต่เวลา 10.00น.เป็นต้นไป
- สมาชิกจำนวน 60 ครัวเรือนนำเงินเก็บใส่กระปุกนำเงินมาฝาก ณอาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป ชาวบ้านมีเงินเก็บออมทุกครัวเรือนๆละ 30 บาท/เดือนจำนวน 60 ครัว เป็นเงินทั้งสิ้น 222,000 บาท สิ่งที่เปลี่ยนแปลงฝึกนิสัยการออมให้กับเด็ก เยาวชน และคนในครอบครัว
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ครัวเรือนมีเงินออมตามกติกา 60 ครัวเรือน ประกอบด้วย วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเตรียมการประชุมสภา
- เตรียมเอกสาร
- เตรียมสถานที่
- ประสานงานคณะำรรมการผ่านเสียงตามสาย คณะทำงาน จำนวน 45 คน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาและความคิดเห็น และได้ร่วมกันวางแผนการกำหนดแนวทางแก้ไข
- การประชุมสภาผู้นำนัดประชุมผ่านเวทีสภาผู้นำครั้งที่11เดือนสิงหาคมโดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน45 คนผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่การเงินชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมตามแผนงานโครงการและรายงานสถานการเงินจากการดำเนินโครงการตลอดระยะเวลา 1ปีตั้งแต่กันยายน58ถึงตุลาคม59 ดังนี้
- งวดที่ 1 เงิน สสส.โอนมา 79,260 บาท งวดที่ 2 โอนมาเมื่อ 16 กุมภาพันธุ์ 59 จำนวน 99,080 บาท การดำเนินโครงการจะเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม 2559 โดยจะต้องปิดโครงการด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 118,890 บาท โดยมีเงินงวดที่ 3 ที่ สสส.ยังไม่ได้โอนมาจำนวน 19,810 บาท เจ้าหน้าที่การเงินจำเป็นต้องชี้แจงเพื่อให้คณะกรรมการผ่านสภาำผู้นำทราบถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและเสร็จสิ้นในวันที่ 15 ตุลาคม 2559
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้นำชุมชน อาสาสมัคร ผู้ใหญ่ กลุ่มสตรี แกนนำชุมชน กรรมการหมู่บ้าน และคณะทำงาน จำนวน 45 คน
-
-
-
เพื่อประชุมร่วมกับพี่เลี้ยง จัดทำรายงานปิดงวด 2
- ประชุมร่วมกับพี่เลี้ยง ตรวจสอบเอกสารการเงินทั้งหมดที่ทำในงวดที่ 2 และฟังชี้แจงการเข้าร่วมงานสร้างสุขภาคใต้
- ได้รับคำแนะนำให้แก้ไขเอกสารการเงิน ค่าวิทยากร การแนบสำเนาบัตรประชาชน การเรียงเอกสารแต่ละกิจกรรมให้เรียบร้อย และการเตรียมเข้าร่วมงานสร้างสุขภาคใต้
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ พี่เลี้ยงโครงการ ผู้บันทึกข้อมูล เจ้าหน้าที่การเงิน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- ประชุมคณะทำงานเตรียมการประชุมสภา
- เตรียมเอกสาร
- เตรียมสถานที่
- ประสานงานคณะกรรมการผ่านเสียงตามสายคณะทำงาน จำนวน 45 คน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาและความคิดเห็น และได้ร่วมกันวางแผนการกำหนดแนวทางแก้ไข
- คณะทำงาน แกนนำชุมชน จำนวน 23 คน ร่วมถอดบทเรียนกิจกรรมที่ผ่านมาบรลุตามเป้าหมายที่วางไว้การเกิดกลไกการทำงานการเกิดคณะกรรมการสภาผู้นำ การแก้ปัญหาของคนในชุมชนที่ผ่านการแลกเปลี่ยน แก้ไขปัญหาโดยคนในชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 23 คน ชุมชน จำนวน 15 คน กรรมการโครงการ จำนวน 8 คน เพื่อเข้ามากำหนดวิเคราะห์การทำงานปัญหาในชุมชนร่วมกัน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- นัดเก็บเงินทุกวันที่ 5 ของเดือนโโยมีการเก็บเงินออมทรัพย์ที่อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ เวลา13.00-15.00น.สมาชิกซึ่งเป็นครัวเรือนต้นแบบ จำนวน 60 ครัวเรือน ได้นำเงินมาฝากตามกฏและกติกาที่ได้วางไว้ โดยนำเงินที่สะสมไว้ในขวดพลาสติกหรือกระป๋องเหลือใช้ นำมาฝากไว้กับธนาคารตามเวลาที่กำหนด
- ทำให้ชาวบ้านในชุมชนบ้านบางโกระ ม.2 รู้จักเก็บออมรู้กฎติกาหมู่บ้าน และมีเงินเก็บในครัวเรือนของตนเองทุกๆเดือน จำนวน 60 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 30 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 12,100 บาท ทำให้มีความตระหนักและเคารพกติกาในการฝากเงินออมทุกๆเดือน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ประกอบด้วย เด็ก เยาวชน แนนำชุมชน หัวหน้าครัวเรือนจำนวน 60 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเตรียมการประชุมสภา
- เตรียมเอกสาร
- เตรียมสถานที่
- ประสานงานคณะกรรมการผ่านเสียงตามสาย คณะทำงาน จำนวน 45 คน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาและความคิดเห็น และได้ร่วมกันวางแผนการกำหนดแนวทางแก้ไข
- สภาผู้นำกับคณะทำงานจำนวน 45 คน นัดประชุมสภาผู้นำครั้งที่ 11 เพื่อวางแผนในการประชุมพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นตามแผนปฏิบัติการในบทบาทและหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบ และประสานงานความร่วมมือกับคนในชุมชน ได้พูดคุยกันในเรื่องค่าใช้จ่ายในครัวเรือน รายได้ที่เกิดขึ้นคนในชุมชนมีมีอาชีพเสริมมีรายได้เพิ่มขึ้น พอเพียงแก่การใช้จ่ายในครัวเรือน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สภาผู้นำ(สภาเศรษฐกิจชุมชน)กับคณะทำงาน 45 คน
-
-
-
เพื่อประชุมร่วมกับพี่เลี้ยง
- ประชุมร่วมกับพี่เลี้ยงปรึกษาการทำเอกสารการเงิน และการรายงานผลโครงการ
- การตรวจเอกสารรายงานตลอดงวดที่ 2 และ 3 เพื่อปิดโครงการส่งรายงาน สจรส.ผลที่เกิดขึ้นเอกสารรายงานยังไม่ครบขาดเอกสารสำเนาบัตรประชาชน และได้กลับไปแก้ไข ก่อนมาพบพี่เลี้ยงอีกครั้ง
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ และเจ้าหน้าที่การเงิน
-
การจัดทำเอกสารการพร้อมใบปะหน้าสรุปรายการใช้เงินให้ครบทุกกิจกรรม
เพื่อประเมิน ถอดบทเรียนการดำเนินงานโครงการ
พี่เลี้ยงนัดคณะทำงานโครงการร้อยมือสร้างวิถีชุมชนบ้านบางโกระ วันที่31 กรกฎาคม2559เวลา 10.00-16.00น.เพื่อประเมินการดำเนินงานโครงการก่อนปิดโครงการเนื่องจากผู้รับผิดโครงการติดภารกิจไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้จึงส่งคณะทำงานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่การเงิน เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับรายละเอียดเพิ่มเติมในการบันทึกรายละเอียดบนเว็ปไซด?ฃ์ เพื่มรูปกิจกรรมอย่างน้อย5-6รูป โดยนัดอีกครั้งในวันที่22กันยายน2559ที่ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพจังหวัดปัตตานี พี่เลี้ยงนัดพื้นที่ในการเข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนบ้านบางโกระโดยให้ประสานพี่เลี้ยงในการลงพื้นที่ในปลายเดือนสิงหาคม2559
เจ้าหน้าที่การเงิน/บันทึกข้อมูลรับทราบพร้อมกลับไปปฎิบัติการเพิ่มรายละเอียดบนเว็ปไซด์ให้สมบูรณืและเพิ่มรูปกิจกรรม ประสานผู้รับผิดชอบโครงการในการลงพื้นที่ประเมินของพี่เลี้ยงอีกครั้งในปลายเดือนสงหาคมและปิดโครงการในวันที่22สิงหาคม59 โดยแบ่งเงินคงเหลือเป็นค่าพาหนะเข้าร่วมงานสร้างสุขภาคใต้ที่มอ.หาดใหญ่ ค่าพาหนะมีปิดโครงการที่ศูนย์ฯปัตตานีและค่าที่พัก2คืนในการร่วมงานสร้างสุขภาคใต้
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
พี่เลี้ยงโครงการ เจ้าหน้าที่การเงิน/บันทึกข้อมูล
-
พี่เลี้ยงแนะนำเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลกลับไปดำเนินการบันทึกข้อมูลบนเว็ปไซด์ให้สมบูรณ์ก่อนปิดโครงการวันที่22 กันยายน59
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- คณะทำงานแกนนำชุมชนจำนวน 23 คน ประชุมสภาผู้นำโดยประธานสภา ชี้แจงการดำเนิโครงการตลอดระยะเวลา ปี 2559 ได้ร่วมกันรับสมัครสมาชิกลงแขกร่วมกันปลูกผักในครัวเรือนของตนเอง โดยผักที่ปลูกใช้ปุ๋ยหมักที่ชาวบ้านช่วยกันทำจากวัชพืชที่มีในชุมชน
- ทำให้ชาวบ้านได้มีผักปลอดสารพิษและได้มีความรู้ในการทำปุ๋ยหมักนำมาใช้เป็นประโยชน์อีกทางหนึ่ง และโครงการอบรมให้ความรู้แม่บ้านทำขนม ได้ช่วยให้กลุ่มแม่บ้านนำความรู้มาประกอบอาชีพทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นชาวบ้านในชุมชนที่เป็นสมาชิกมีผักปลอดสารพิษปรุงเป็นอาหารในครัวเรือน และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายขนมในชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 23 คน มีชุมชน จำนวน 15 คน กรรมการโครงการ จำนวน 8 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมคณะทำงาน
- ประสานแกนนำครัวเรือน
- เตรียมสถานที่
- เตรียมเอกสารการจัดเก็บเงินออม สมาชิกครัวเรือน จำนวน 60 ครัวเรือนนำเงินออมส่งให้คณะกรรมการ ณ อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ
- สมาชิก จำนวน 60 ครัวเรือน นำเงินมาฝากทุกๆเดือน วันละ 1 บาท เดือนละ 30 บาท ทุกครัวเรือนที่เป็นสมาชิกได้มีเงินออมทุกครัวเรือน ในทุก ๆ เดือน
- ทำให้คนในชุมชนสามารถมองเห็นความสำคัญของการเก็บออมเงิน รู้คุณค่าของการใช้เงินและการออมเงินจากที่ชาวบ้านที่เคยอยากออมเงินทุกคนต้องนำเงินไปฝากธนาคาร ซึ่งคนโดยส่วนมากคิดว่ามันเป็นการลำบากเพราะต้องเดินทางไปที่ธนาคาร และในการฝากเงินก็ไม่สามารถนำไปฝากได้ในจำนวนวันละ 1 บาท เพราะจะเป็นภาระในการเดินทาง ค่าน้ำมันรถ ค่าเสียเวลา ซึ่งก็ไม่อาจจะทำได้คือ เดินทางไปฝากวันละ 1 บาท
- จากการที่ทางผู้นำชุมชนและคณะแกนนำได้แนะแนวทางและร่วมกันปฏิบัติทุกคนก็สามารถปฏิบัติได้โดยไม่ลำบาก เพราะเก็บเงินวันละแค่ 1 บาท ครบ 1 เดือน นำไปฝาก ณ อาคารอเนกประสงค์บ้านบางโกระ ม.2 ซึ่งเป็นสถานที่ของชุมชนในหมู่บ้านอยู่แล้ว ทำให้ชาวบ้านได้รับความสะดวก และสามารถทำได้ชาวบ้านที่สมัครเป็นสมาชิกครัวเรือนต้นแบบนำเงินมาเก็บทุกๆเดือน ทำให้ชาวบ้านมีเงินเก็บออมเดือนละ 30 บาท จำนวน 60 ครัวเรือน เป็นเงิน 18,300 บาท
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ครัวเรือนประธานซึ่งเป็นต้นแบบ ครัวเรือนคณะแกนนำสมาชิกจำนวน 60 ครัวเรือน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเตรียมการประชุมสภา
- เตรียมเอกสาร
- เตรียมสถานที่
- ประสานงานคณะำรรมการผ่านเสียงตามสาย คณะทำงาน จำนวน 45 คน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาและความคิดเห็น และได้ร่วมกันวางแผนการกำหนดแนวทางแก้ไข
- คณะทำงาน แกนนำชุมชน จำนวน 45 คน ร่วมกันคิดและวางแผนเพื่อจะเข้าใจแก้ปัญหา ที่อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ ประธานสภาผู้นำเกริ่นนำการประชุมเกี่ยวกับโครงการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ โครงการ 500,000 บาท ขอให้คนในชุมชนเสนอความต้องการและสะท้อนปัญหาจะได้สนับสนุนตรงกับความต้อง มติเห็นชอบในการสนับสนุนการสร้างที่จัดเก็บน้ำประจำหมู่บ้านไว้ใช้ในยามฝนแล้ง ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สภาผู้นำ(สภาเศรษฐกิจชุมชน)กับคณะทำงาน 45 คน
-
-
-
เพื่อให้เกิดครัวเรือนต้นแบบเป็นศูนย์เรียนรู้ในหมู่บ้าน
- ประชาสัมพันธ์ผ่านการประชุมสภาผู้นำ
- รับสมัครสมาชิกครัวเรือนจำนวน 60ครัวเรือน
- ผู้รับผิดชอบโครงการและคณะทำงานแกนนำชุมชนตำบลบางโกระ ได้คัดเลือกครัวเรือนต้นแบบที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการและปฏิบัติตามข้อตกลงที่วางไว้ทุกกิจกรรม รวมทั้งหมด 60 ครัวเรือน แจ้งให้ทราบถึงผลการคัดเลือกและได้รับเลือกเข้ารับเงินรางวัลพร้อมประกาศนียบัตร ณ อาคารอเนกประสงค์บ้านบางโกระ
ตัวแทนครอบครัว 60 คน1. ได้มีครัวเรือนที่เป็นแบบอย่างให้กับชุมชนในการเก็บออมเงิน จำนวน 4 ครัวเรือน คือ
- บ้านรายนิกร หลักแดง
- นายเติม ปานสังข์
- นายณรงค์ศักดิ์ ช่วยบุญชู
- นายวิเชียร พรัมมณี
นายสมภพ กลิ่นทอง
- ในครัวเรือนมีผักปลอดสารพิษไว้กิน เหลือกินสามารถแบ่งขาย ทำให้มีรายได้เพิ่มจากการที่ได้ปฏิบัติกิจกรรมดังกล่าว ทำให้ครัวเรือนต้นแบบมีผักปลอดสารพิษไว้กิน ช่วยให้มีสุขภาพที่ดีและประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมนี้ชาวบ้านในชุมชนได้รับทราบถึงผลการคัดเลือกและได้เข้าร่วมประชุมการคัดเลือกของคนในชุมชนให้ทราบโดยทั่วกันถึงเหตุผล และกิจกรรมหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก
เป็นครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการเก็บออมธนาคารกระป๋องเดือนละ 30 บาท
- เป็นครัวเรือนที่ปลูกผักไว้กินเองในครัวเรือน จำนวน 4 ครัวเรือน
- เป็นครัวเรือนที่ไม่ซื้อปุ๋ยเคมีจากตลาดและทำปุ๋ยหมักหรือ EM เอง
- เป็นครัวเรือนที่ไม่ฉีดพ่นยาฆ่าแมลง แต่ใช้สมุนไพรในครัวเรือนมาแปรรูปเป็นยาฉีดพ่นแทน
จากผลการคัดเลือก และเข้าตรวจเยี่ยมโดยประธานโครงการและคณะทำงานแกนนำชุมชน ได้คัดเลือกครัวเรือนต้นแบบ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ตัวแทนครอบครัว 60 คนประกอบด้วย วัยทำงาน 40 คนและผู้สูงอายุ 20คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- ประชุมคณะทำงาน
- ประสานแกนนำชุมชน
- เตรียมเอกสารการประเมิน
- เตรียมสถานที่ แกนนำชุมชนและคณะทำงานสภาชุมชน จำนวน 23 คน ได้มาร่วมกันเรียนรู้ วิเคราะห์ปัญหาในชุมชนร่วมกัน โดยให้คณะกรรมการเข้าใจปัญหา และกำหนดทิศทางแก้ไขปัญหาตรงกัน ในแนวทางเดียวกัน โดยจัดให้มีรายงานผลทุกกิจกรรและได้ร่วมกันติดตามความก้าวหน้าของโครงการร่วมกัน
- แกนนำชุมชนและคณะทำงานสภาชุมชน จำนวน 23 คน ได้มาร่วมกันเรียนรู้ วิเคราะห์ปัญหาในชุมชนร่วมกัน โดยให้คณะกรรมการเข้าใจปัญหา และกำหนดทิศทางแก้ไขปัญหาตรงกัน ในแนวทางเดียวกัน โดยจัดให้มีรายงานผลทุกกิจกรรและได้ร่วมกันติดตามความก้าวหน้าของโครงการซึ่งโครงการกำลังจะสิ้นสุดและปิดโครงการในวันที่ 15ตุลาคม 59 สิ่งที่ได้จากโครงการคือการใช้สภาผู้นำในการแก้ปัญหาของชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะทำงานสภาชุมชน จำนวน 15 คน กรรมการตามโครงการ จำนวน 8 คน รวมทั้งหมด 23 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมคณะทำงาน
- ประสานแกนนำครัวเรือน
- เตรียมสถานที่
- เตรียมเอกสารการจัดเก็บเงินออม สมาชิกครัวเรือน จำนวน 60 ครัวเรือนนำเงินออมส่งให้คณะกรรมการ ณ อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ
- ประธานและคณะแกนนำชุมชนนำฝากจากเงินที่เก็บวันละ 1 บาท ฝากทุกๆครัวเรือน เพื่อเป็นต้นแบบกับครัวเรือนอื่น ๆ และครัวเรือนของสมาชิกก็ได้มีเงินเก็บกันทุกครัวเรือน ณ อาคารอเนกประสงค์บ้านบางโกระ ม.2 ในเวลา 13.00 น. - 15.00 น. ชาวบ้านในชุมชนได้นำเงินมาฝากครัวเรือนละ 30 บาท ตามกฏกติกาที่กำหนดไว้ โดยชาวบ้านได้นำเงินมาเข้ากองทุนกับหมู่บ้านในทุกๆเดือนยุแล้ว คนละ 1 หุ้น หุ้นละ 100 บาท ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของการเก็บออมเงินอีกทางหนึ่ง
- ทำให้ชาวบ้านที่มีความตั้งใจมุ่งมั่นในการเก็บเงิน มีเงินเก็บ 2 ทาง คือ 1. กับธนาคารกระป๋อง เดือนละ 30 บาท2. เข้าสมทบเก็บเงินกับกองทุนหุ้นละ 100 บาททำให้ชาวบ้านในชุมชนบ้านบางโกระ ม.2 รู้จักเก็บออมรู้กฎติกาหมู่บ้าน และมีเงินเก็บในครัวเรือนของตนเองทุกๆเดือน จำนวน 60 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 30 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 16,500 บาท
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ครัวเรือนประธานซึ่งเป็นต้นแบบ ครัวเรือนและแกนนำสมาชิก จำนวน 60 ครัเรือน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเตรียมการประชุมสภา
- เตรียมเอกสาร
- เตรียมสถานที่
- ประสานงานคณะำรรมการผ่านเสียงตามสาย คณะทำงาน จำนวน 45 คน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาและความคิดเห็น และได้ร่วมกันวางแผนการกำหนดแนวทางแก้ไข
- คณะทำงาน จำนวน 45 คน ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาและความคิดเห็น และได้ร่วมกันวางแผนการกำหนดแนวทางแก้ไข โดยมีประธานโครงการได้ร่วมรับฟังและร่วมเสนอแนะ และแสดงความคิดเห็นร่วมกับคณะกรรมการ
- คณะกรรมการสามารถมองเห็นปัญหาในชุมชนและได้ร่วมกันวางแผนและแก้ปัญหาบางส่วนที่พอจะแก้ได้ และสามารถดำเนินการกิจกรรมต่อไปได้ในทิศทางตรงกัน เช่นการแก้ปัญหารายได้ไม่เพียงพอกับรายได้ กลุ่มสตรีบ้านบางโกระจัดทำขนมจากเดิมเป็นอาชีพเสริมกลายเป็นอาชีหลักเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สภาผู้นำ(สภาเศรษฐกิจชุมชน)กับคณะทำงาน 45 คน ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน อาสาสมัคร ผู้ใหญ่ กลุ่มสตรี แกนนำชุมชน กรรมการหมู่บ้าน
-
-
-
เพื่อพัฒนาศักยภาพ ประชุมร่วมกับพี่เลี้ยง
นัดผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่การเงินเพื่อปรับแผนงานโครงการ
ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่การเงิน เจ้าหน้าทบันทึกข้อมูลร่วมปรับแผนงานโครงการในการดำเนินกิจกรรมงวดที่2
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ พี่เลี้ยง เจ้าหน้าที่การเงิน
-
-
พี่เลี้ยงแนะนำการบันทึกข้อมูลและบันทึกปฏิทินในการดำเนินกิจกรรมงวดที่2
เพื่อประชุมร่วมกับพี่เลี้ยง
- ผู้รับผิดชอบโครงการและพี่เลี้ยงนัดพูดคุยเพื่อปรับกิจกรรมโครงการ
- ได้มีการปรับแก้กิจกรรมตามแผนงานเพื่อดำเนินการตามแผนงานงวดที่2
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่การเงิน และเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล
-
-
การพัฒนาศักยภาพผู้รับผิดชอบโครงการอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเพื่อวางแผนร่วมกับสตรีในชุมชน
- ประสานวิทยากร
- จัดซื้อวัสดุอุปกรณ์การทำขนม
- จัดเตรียมสถานที่ฝึกอบรมสตรีในชุมชนบ้านบางโกระจำนวน 60 คนฝึกอบรมทำขนม 3 วัน
- วันที่ 1 การฝึกทำ “โดนัทจิ๋ว”
- วันที 2 การฝึกทำ“กะหรี่ปั๊บ”
- วันที 3 การฝึกทำ“ขนมเทียน ขนมเจาะหู ขนมจาก” ณอาคารกลุ่มสตรีบ้านบางโกระ
- กลุ่มสตรีจำนวน 60 คน มีความรู้เกี่ยวกับการทำโดนัทจิ๋วกะหรี่ป๊บ ขนมเทียนขนมเจาะหูขนมจาก โดยวิทยากรเริ่มจาการแนะนำอุปกรณ์ในการทำขนมโดนัทจิ๋ว ดังนี้
- แป้งเค้ก 150 กรัมผงฟู 4 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทราย 100 กรัม นมสดรสจืด 50 กรัม ไข่ไก่ 3 ฟอง เนยสดละลาย 30 กรัม กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา ส่วนผสมตกแต่งลูกเกด ถั่วต่าง ๆ ผงโกโก้
- แบ่งผสมลงในแป้งที่ตีสำเร็จแล้ว คนจนเนียนเข้ากันไม่เป็นเม็ดเป็นอันใช้ได้ค่ะ
- วิธีทำ
- ร่อนแป้งเค้ก+ผงฟู + เกลือ เข้ากันพักไว้
- เตรียมเครื่องตีหัวตะกร้อม นำไข่ไก่ และน้ำตาลทรายตีให้เข้ากันจนส่วนผสมข้นขาว (ความเร็วสูง 3 – 5 นาที)
- นำนมสดผสมกลิ่นวนิลา จากนั้นลดความเร็วต่ำ เติมส่วนผสมของแห้งลงไปสลับกับนมสดที่ผสมกลิ่นวนิลา
- จากนั้นตีต่อความเร็วปานกลางให้ส่วนผสมเข้ากันอีก 2 – 3 นาที ตีจนส่วนผสมเนียน
- ลดความเร็วต่ำ ใส่เนยสดละลาย(อุ่น) ลงไปโดยเทเนยสดให้เป็นสาย จนหมด เพิ่มความเร็วปานกลางตีต่ออีก 1 – 2 นาทีหรือจนส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นตีความเร็วต่ำอีก 1 นาทีเพื่อตัดฟองอากาศและทำให้ขนมเนียน
- ด้วยสูตรขนมแต่ละชนิดมีการดัดแปลงให้เหมาะกับพื้นที่จึงผู้สั่งขนมไปขายหรือทำเป็นอาหารว่างในเวลามีการประชุมทั้งในและนอกหมู่บ้าน อาทิตย์ละ 4 วัน ๆ ละ 300 บาททำให้กลุ่มสตรีมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นเดือนละ 1,200 บาทต่อคน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน รวมทั้งหมด 60 คน เป็นสตรีในชุมชนบ้านบางโกระ
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมคณะทำงาน
- ประสานแกนนำนำชุมชน
- เตรียมสถานที่
- สภาผู้นำ 15 คน คณะกรรมการโครงการ 8 คน จำนวน 23 คน จัดประชุมสภาผู้นำ โดยประธานสภาผู้นำเปิดการประชุมแจ้งเพื่อทราบเกี่ยวกับจัดตั้งกลุ่มแม่บ้าน มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในอาชีพต่างๆให้แก่แม่บ้านสามารถนำไปเป็นอาชีพเสริมก่อให้เกิดรายได้ต่อครอบครัวและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นการร่วมกันคิด กันทำและร่วมพัฒนา ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีในชุมชน
- ที่ประชุมเห็นร่วมให้มีการพัฒนาอาชีพให้แม่บ้าน ทำให้แม่บ้านทำขนมส่งขายตามร้านค้าในชุมชน ครอบครัวสามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สมาชิกเงินออมได้ร่วมมาฝากเงินกับคณะกรรมการประจำทุก ๆ เดือนทำให้ครัวเรือนมีเงินเก็บ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สภาชุมชน 15 คน คณะกรรมการตามโครงการ 8 คน รวมทั้้งหมด 23 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมคณะทำงาน
- ประสานแกนนำครัวเรือน
- เตรียมสถานที่
- เตรียมเอกสารการจัดเก็บเงินออม สมาชิกครัวเรือน จำนวน 60 ครัวเรือนนำเงินออมส่งให้คณะกรรมการ ณ อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ
- สมาชิกที่ได้ลงชื่อสมัครไว้ได้นำเงินเก็บของตนเองที่ได้ใส่กระปุกไว้นำเงินมาฝากตามเวลาที่กำหนด กฎระเบียบที่ได้วางไว้ เดือนละ 1 ครั้ง วันละ 1 บาท โดยมีคณะแกนนำและผู้นำชุมชนมานั่งรอรับฝากเงิน ณ เวลาและสถานที่่ที่ได้กำหนดไว้ และในเดือนนี้สมาชิกก็ได้ถือปฏิบัติเหมือนกับทุกๆเดือน คือนำเงินมาฝากไว้กับคณะกรรมการซึ่งได้นั่งรอรับฝากเงินตามวันเวลาที่กำหนดไว้ ณ อาคารอเนกประสงค์บ้านบางโกระ ม.2 ทางชาวบ้านที่เป็นสมาชิกมีความพร้อมเพรียงและมีความสุขกับการที่ทางครัวเรือนของตนเองมีเงินเก็บออมทุกๆเดือน เป็นจำนวนเงิน 30 - 37 บาท ในแต่ละครัวเรือน
- ทำให้ชาวบ้านในชุมชนบ้านบางโกระ ม.2 รู้จักเก็บออม รู้กฎติกาหมู่บ้าน และมีเงินเก็บในครัวเรือนของตนเองทุก ๆ เดือน จำนวน 60 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 30 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 14,700 บาท
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ตัวแทนครอบครัว สมาชิกครัวเรือน จำนวน 60 ครัวเรือน ประกอบด้วย วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือน
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมประชุมสภา
- เตรียมเอกสารการประชุม
- เตรียมสถานที่
- ประสานคณะกรรมการสภา สภาผู้นำคณะทำงานจำนวน 45 คน ประชุมสภาผู้นำที่อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระตั้งแต่เวลา 10.00 น.
- สภาผู้นำกับคณะทำงาน 45 คนนายปฏิพัทธ์หนักแดง ประธานโครงการและประธานเงินกองทุนได้เปิดให้ชาวบ้านเข้าร่วมสมัครสมาชิก และให้กู้ในวันที่ 5 ของทุกเดือน เวลา 13.00 น. มีชาวบ้านนำเงินหุ้นมาฝากทุกๆเดือน และชาวบ้านที่มีความจำเป็นเดือดร้อนได้ส่งคำร้องขอกู้ เดือนละประมาณ 3-5 คน ทางคณะกรรมการเงินกองทุนได้เข้าร่วมพิจารณาและอนุมัติเฉพาะบุคคลเป็นราย ๆ ไปเท่าที่จำเป็นจริง ๆ ภายใน 3 วัน ทางคณะกรรมการได้โอนเงินเข้าบัญชีสมาชิกได้สามารถไปเบิกถอนใช้ได้ตามที่สมาชิกมีความประสงค์ชาวบ้านในชุมชนได้จัดทำบัญชีครัวเรือน
- ทำให้ทราบถึงปัญหาค่าใช้จ่ายในแต่ละครัวเรือน ทำให้สามารถมองได้เห็นชัดเจนถึงค่าใช้จ่ายบางส่วนที่ไม่มีความจำเป็น สามารถลดและตัดในส่วนนั้นลงไปได้บ้าง จึงทำให้การแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายสามารถเดินมาถูกต้องตามทิศทางที่ทางคณะกรรมการได้กำหนดร่วมกันไว้ในที่ประชุมสมาชิกที่ส่งคำร้องกู้เงิน ได้รับโอนเงินเข้าบัญชีภายใน 3-7 วัน สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือนเป็นค่าใช้จ่าย และค่าเล่าเรียนของลูก ๆ โดยไม่มีดอกเบี้ย
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สภาผู้นำ(สภาเศรษฐกิจชุมชน)กับคณะทำงาน 45 คน ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน อาสาสมัคร ผู้ใหญ่ กลุ่มสตรี แกนนำชุมชน กรรมการหมู่บ้าน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
1.ประชุมสภาผู้นำและคณะทำงานเพื่อวางแผนคัดเลือกครัวเรือนจำนวน 60 ครัวเรือนโดยมีเกณฑ์ในการคัดเลือก
- ครัวเรือนที่มีรายได้เดือนละ 5000 บาท
- เป็นคนในชุมชน ม.2 บ้านบางโกระ
- มีผู้สูงอายุในความรับผิดชอบ 2 คนขี้นไป
2.ประสานงานครัวเรือนจำนวน 60 ครัวเรือน การผ่านคัดเลือกมาอบรมให้ความรู้และแจกพันธุ์ไก่พื้นบ้าน บ้านละ 3 ตัว
3.เชิญเกษตรตำบลให้ความรู้เรื่องการเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นบ้านและการทำอาหารเสริม ดังนี้
- ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมืองด้วยวิธีการ ดังนี้ ปัจจุบันไก่พื้นบ้านได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นมาก เป็นเพราะไก่พื้นบ้านมี เนื้อ รสชาติอร่อยและเนื้อแน่น เป็นที่ถูกปากของผู้บริโภคทั่วไป จนมีแนวโน้มว่า จะสามารถส่งเนื้อไก่พื้นบ้านออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่ปัญหาคือปริมาณไก่ บ้านยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะเกษตร จะเลี้ยงไก่พื้นบ้านแบบหลังบ้านประมาณ 10 20 ตัวต่อครัว เรือน ซึ่งการเลี้ยงก็เป็นการเลี้ยงแบบปล่อยตามยถากรรม จึงเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสย พอสมควร แต่ถ้าเกษตรกรสามารถปรับใช้เทคนิคการเลี้ยงแบบเรือนโรงมาผสม ผสานกับการเลี้ยงแบบพื้นบ้านและมีการปรับปรุงพันธุ์ลูกผสมระหว่างไก่บ้านกับไก่ พันธุ์แท้แล้วย่อมส่งผลทำให้จำนวนไก่บ้านที่จะออกสู่ตลาดมีปริมาณที่สูงขึ้นอย่าง แน่นอน
- ผู้เข้าร่วมจำนวน 60 คน ได้ความรู้ข้อดีและข้อเสียในการเลี้ยงไก่พื้นบ้าน
- ข้อดีของไก่พื้นบ้าน
- หาอาหารเก่ง สามารถเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติได้ ทำให้ประหยัด ค่าอาหารได้มาก
- ทนต่อสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศได้เป็นอย่างดี
- ทนต่อโรคพยาธิได้ดีกว่าไก่พันธุ์อื่น ๆ
- มีความสามารถในการเลี้ยงลูกได้เก่ง
- เนื้อของไก่พื้นบ้านมีรสชาติถูกปากคนไทยมากกว่าเนื้อของไก่ที่ผลิต เป็นอาหารโดยเฉพาะ
2.ข้อเสียของไก่พื้นบ้าน
- โตช้า ใช้เวลาเลี้ยงนานกว่าไก่ทางการค้ามาก
- ให้ไข่น้อยปีหนึ่ง ๆ ให้ไข่เฉลี่ยประมาณ 40-50 ฟองต่อปี โดยจะให้ ไข่เป็น ชุด ๆ ละ 7 - 15 ฟอง2
- เมื่อไข่ครบชุดแล้วไก่พื้นบ้านมีนิสัยชอบฟักไข่ โดยจะฟักไข่ประมาณ 21 วัน ไข่จะออกเป็นลูกเจี๊ยบ และจะเลี้ยงลูกเจี๊ยบต่อไปอีกประมาณ 2 เดือน จึงจะเริ่มกลับมาให้ไข่ใหม่อีกพันธุ์และการผสมพันธุ์ไก่ไก่พื้นบ้านที่เลี้ยงกันอยู์ในปัจจุบัน มีความแตกต่างกันออกไปในเรื่องของพันธุ์ และสายพันธุ์ตามสภาพท้องที่ต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ดีมักจะมีวัตถุประสงค์การเลี้ยงที่ เหมือน ๆ กันคือ เลี้ยงเพื่อเอาไข่และเนื้อ โดยปล่อยให้ไก่เหล่านั้นหาอาหารกินเอง ตามธรรมชาติ มีการเสริมอาหารให้บ้างเล็กน้อย
3.ไก่พื้นบ้านเหล่านี้มีสีต่างๆ กัน แต่ที่นิยมเลี้ยงกันมากและตลาดต้องการคือ ไก่ที่มีผิวหนังสีเหลืองและสีขนดำ การเลี้ยงไก่พื้นบ้าน การปรับปรุงพันธุ์ไก่พื้นบ้าน จากสภาพการเลี้ยงที่ปล่อยตามธรรมชาติ และขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ทำให้การที่จะนำไก่พันธุ์ดีเข้าไปเผยแพร่ เพี่อขจัดข้อเสียของไก่พื้นบ้านดังที่กล่าวมา แล้วเป็นไปได้ยาก เนื่องจากไก่พันธุ์ดีนั้น ๆ ต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างสม่ำ เสมอ ถ้าเอามาเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติจะไม่ ได้ผลเท่าที่ควร ฉะนั้น การที่จะ ส่งเสริมให้มีการเลี้ยงไก่พันธุ์แท้ในสภาพการเลี้ยงดูแบบนี้ด่อนข้างจะลำบาก อย่างไรก็ ตามยังมีหนทางที่จะปรับปรุงไก่พื้นบ้านให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้นโดยการคงสภาพ ข้อดีของไก่พื้นบ้านไว้ และในขณะเดียวกันก็แก้ไขข้อเสียของไก่พื้นบ้านโดยการหาลักษณะที่ดีเด่นของไก่พันธุ์อื่นเข้ามาแทน การปรับปรุงลักษณะเช่นนี้สามารถทำได้ ง่าย ๆ โดยการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างไก่พันธุ์พื้นบ้านกับไก่พันธุ์แท้ที่มีลักษณะที่เรา ต้องการ ไก่ที่นำมาพิจารณา ในกรณีนี้ต้องเป็นไก่ที่เป็นพันธุ์ที่สามารถให้ผลผลิตทั้ง เนื้อและไข่ และค่อนข้างทนต่อสภาพภูมิอากาศแบบบ้านเราได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาให้ดี แล้วจะพบว่า ไก่พันธุ์โรดไอแลนด์เรด ซึ่งนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่าไก่โรดนั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนดังที่กล่าวมา ดังนั้นเมื่อนำไก่ทั้งสองพันธุ์มาผสมข้ามพันธุ์แล้ว จะได้ไก่ที่มีการเจริญเติบโตและการให้ไข่ที่ดีกว่าไก่พื้นบ้านเดิม
4.นอกจากนี้มีความสามารถใน การหากินในสภาพการเลี้ยงแบบปล่อยลานบ้านเหมือนกับไก่พื้นบัานไดัอีกด้วย นอกเหนือจากการปรับปรุงพันธู์ผู้เลี้ยงควรจะปฏิบัติดังนี้ คือ
- ควรมีการคัดเลือกลักษณะไก่ที่ดีเอาไว้ทำพันธุ์ เพื่อทดแทนพ่อแม่พันธุ์รุ่น แรก ๆ อยู่ตลอดเวลา ปกติผู้เลี้ยงไก่มักจะมีการคัดเลือกลักษณะนี้ในทางกลับกัน คือ ไก่ตัวไหนที่โตเร็วแข็งแรงแทนที่จะถูกเก็บไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์ต่อไป มักจะถูกฆ่า เพือใช้บริโภคก่อน เหลือแต่พวกที่มีลักษณะไม่ดีไว้ทำพันธุ์ต่อไป ทำให้ ด้ลูกในรุ่น ต่อ ๆ ไปมีลักษณะเลวลง
- ไม่ควรปล่อยให้พ่อพันธุ์ตัวหนึ่งตัวใดคุมฝูงนานเกินไป เนื่องจากจะทำให้ เกิดปัญหาเกี่ยวกับการผสมเลือดชืดมากขึ้น ซึ่งได้แก่ปัญหาอัตราการฟักออกเป็นตัวต่ำ ปริมาณไข่ลดลงกว่าปกติและมีอัตราการตายของลูกไก่สูงขึ้น เป็นต้น ถ้าไก่พ่อพันธุ์มีจำนวนจำกัด อาจใช้วิธีแลกเปลี่ยนพ่อพันธุ์กับเพื่อนบ้านก็ได้การผสมเลือดชิด การผสมสายเลือดชิด หมายถึง การนำลูกที่เกิดจากพ่อแม่ เดียวกัน หรือที่เกิดจากพ่อตัวเดียวกัน แต่ต่างแม่ หรือแม่ตัวเดียวกันแต่ต่างพ่อ มาผสมกันเอง หรือการนำพ่อหรือแม่มาผสมกับลูก การผสมสายเลือดชิดมักก่อให้ เกิดลักษณะผิดปกติ หรือลักษณะที่เลวร้ายขี้นมาก เช่น อัตราการฟักออกต่ำ ไม่ทนทานต่อสภาพแวดล้อม อัตราการเลี้ยงรอดต่ำ ไม่แข็งแรงการผสมสายเลือดชิดจะพบได้ง่ายในสภาพการเลี้ยงตามชนบท เพราะ เกษตรกรมักจะเลี้ยงไก่โดยใช้พ่อพันธุ์ประมาณ 1-2 ตัว ผสมกับแม่พันธุ์ จำนวนน้อย ตัว ดังนั้นลูกไก่ที่เกิดมาส่วนมากจะเป็นพี่น้องกันทางสายเลือด และถูกเลี้ยงให้ โตมาพร้อม ๆ กันโดยไม่มีพันธุ์ประวัติจึงไม่ทราบว่าตัวใดมาจากพ่อตัวไหน แม่ตัว ไหน เมื่อไก่เริ่มโตถึงวัยผสมพันธุ์ ไก่ที่เป็นพี่น้องกันก็อาจมาผสมกันเองหรืออาจ กลับไปผสมกับพ่อแม่ของตัวเอง ชี่งก่อให้เกิดปัญหาการเลี้ยงไก่ของชาวบ้านต้อง ประสบกับอัตราการตายที่สูงและ มีสุขภาพไม่แข็งแรง การแก้ไขส่าหรับปัญหาการผสมเลือดชิดกัน สามารถทำได้โดยนำไก่รุ่นเพศผู้ ไปแลกกับไก่บ้านเพศผู้ของหมู่บ้านอื่นมาใช้เพื่อคุมฝูงตัวเมียที่เก็บไว้ ส่วนไก่เพศผู้ที่ เหลืออาจจำหน่ายเพื่อนำเงินมาใช้ภายในครอบครัวได้ หรือจะใช้วิธีจำหน่ายไก่เพศผู้ ให้หมด แล้วไปชื้อพ่อไก่รุ่นจากหมู่บ้านอื่น หรือแหล่งอื่นมาทดแทน ซึ่งการทำเช่นนี้ จะช่วยให้ลูกไก่ที่เกิดมามีจำนวนเพิ่มขึ้น ลูกไก่แข็งแรง อัตราการเลี้ยงรอดสูง ขึ้น นอกจากนั้นยังจะทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศได้ดีขึ้นอีกด้วย
- ควรมีการคัดพ่อแม่พันธุ์ที่อายุมาก ๆ ออกจากฝูง ทั้งนี้เพี่อปัองกันไม่ให้ อัตราการผสมติดของไก่ในฝูงต่ำ4. มีอัตราส่วนระหว่างพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่เหมาะสมคือ ตัวผู้ต่อตัวเมีย ประมาณ 1 : 5 ถึง 1 : 10 ไม่ควรเกินกว่านี้ เพราะจะทำให้มีไข่ที่ไม่มีเชื้อมากขึ้นเกิดกระบวนการเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมือง มีพันธุ์ไก่ไว้สำหรับปรุงเป็นอาหารทั้งไก่ไข่และเนื้อไก่ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
กลุ่มเป้าหมายที่วางแผนไว้จำนวน 60 ครัวเรือน ประกอบด้วย ประชาชนในชุมชนจำนวน 60คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงาน
- เตรียมเอกสารการจัดเก็บเงิน
- ประสานงานแกน 60 ครัวเรือนแกนนำชุมชน จำนวน 60 คน นำเงินมาฝากประจำทุกเดือน ตามวันและเวลาที่กำหนดเดือนละ 1 ครั้ง ทุกๆ วันที่ 5 ของเดือนณ อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ
- สมาชิกจำนวน 60 คน ได้ดำเนินการเก็บออมเงินและนำเงินมาฝากประจำทุกๆเดือน ๆละ 1 ครั้ง ณ อาคารอเนกประสงค์ ในเวลา 13.00 น. - 15.00 น. ชาวบ้านในชุมชนบ้านบางโกระได้นำเงินมาฝากกับคณะกรรมการและแกนนำครัวเรือนละ 30 บาท ตามวันเวลาที่กำหนดและได้ร่วมนำเงินกองทุนอีกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน
- ในเดือนนี้ชาวบ้านได้นำเงินมาฝาก จำนวน 60 คนๆละ 30-35 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 18,500 บาท ตามกติกาที่กำหนดไว้ โดยมีสมาชิกที่เป็นแกนนำมารอรับฝากเงินทุก ๆ วันที่ 5 ของเดือนทำให้ชาวบ้านในชุมชนบ้านบางโกระ ม.2 รู้จักเก็บออมรู้กฎติกาหมู่บ้าน และมีเงินเก็บในครัวเรือนของตนเองทุกๆเดือน จำนวน 60 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 35 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 12,900 บาท
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ตัวแทนครัวเรือน 60 ครัวเรือน ประกอบด้วย วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมคณะทำงาน
- ประสานแกนนำนำชุมชน
- เตรียมสถานที่
- เตรียมข้อมูลเพื่อการติดตามโครงการ แกนนำชุมชน คณะทำงานจำนวน 28 คนเข้าร่วมการประชุมติดตามการดำเนินงานกิจกรรมโครงการ ณอาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ
- แกนนำชุมชน คณะทำงานจำนวน 28 คนเข้าร่วมการประชุมติดตามการดำเนินงานกิจกรรมโครงการ ณอาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ ร่วมประเมินผล ติตามกิจกรรมการการสมัครเข้าเป็นสมาชิก และได้ร่วมกิจกรรมกันลงแขกร่วมกันทำแปลงผักในพื้นที่ของหมู่บ้าน โดยได้นัดวันและเวลาที่สมาชิกสะดวกคือในช่วงวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุด มาพร้อมกันช่วนกันทำแปลงเพาะพันธ์ผัก โดยได้รับพันธ์ุผักจากเกษตรอำเภอมาร่วมสนับสนุน เพื่อให้ชาวบ้านได้มีผักปลอดสารพิษได้ทานในครัวเรือน และเหลือสามารถนำไปแบ่งเพื่อนบ้านได้ทาน เจ้าหน้าที่เกษตรได้เข้ามาแนะนำให้คนในชุมชนรู้จักเลี้ยงไก่พันธุุ์พื้นเมือง เพราะไก่พันธุ์พื้นเมืองแข็งแรงไม่มีโรค
- ทำให้ชาวบ้านได้เข้าร่วมโครงการไก่พันธุ์พื้นเมืองเลี้ยงไว้รับประทานเป็นอาหารและขายได้ ทำให้เกิดรายได้อีกส่วนหนึ่งจนเกิดมีแปลงผักร่วมกันของคนในชุมชน ทำให้พื้นที่ว่างในชุมชนและบริเวณรอบๆบ้านมีแปลงผักปลอดสารพิษ ชาวบ้านในชุมชนสามารถใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ส่งเสริมให้คนในชุมชนรู้จักเก็บออมเงิน ส่งเสริมให้คนในชุมชนใช้วัสดุที่มีในหมู่บ้านให้เป็นประโยชน์
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 23 คน ประกอบด้วยสภาชุมชน จำนวน 15 คน คณะกรรมการโครงการ จำนวน 8 คน เพื่อเข้ามากำหนดวิเคราะห์การทำงานปัญหาในชุมชนร่วมกัน
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานสภาผู้นำสภาเศรษฐกิจ จำนวน 45 คน
- เปิดรับสมัครสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน
- เตรียมเอกสารข้อมูล
- เตรียมสถานที่การประชุม สภาผู้นำ คณะทำงาน 45 คนร่วมจัดการประชุมสภาผู้นำ ณ.อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ
- ประธานโครงการ คณะทำงานสภาผู้นำสภาเศรษฐกิจ จำนวน 45 คน ได้เปิดรับสมัครเงินกองทุนหมู่บ้าน ในเวลา 13.00 น. - 15.00 น. ทุกๆวันที่ 5 ของเดือน
- มีชาวบ้านในชุมชนได้ลงสมัครทั้งสิ้น 154 ครัวเรือน เป็นไปตามวัตถุปสงค์ของประชาชนและแกนนำคณะทำงานร่วมกัน ทีมคณะกรรมการในกองทุน สามารถมีเงินเก็บเข้ากองกลางของแม่บ้านเป็นจำนวนเงิน หุ้นๆละ 100 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 15,400 บาท และทางคณะทำงานได้นำเงินจำนวนดังกล่าวนำไปฝากเข้าบัญชีกองกลางหมู่บ้านไว้เพื่อเปิดให้ชาวบ้านที่มีความจำเป็นกู้ในครั้งต่อไป
- มีชาวบ้านในชุมชนสนใจและลงสมัครสมาชิกเงินกองทุน 154 หุ้นๆละ 100 บาทสามารถมีเงินหมุนเวียนไว้ให้ชาวบ้านที่เดือดร้อน สามารถเข้ากู้ได้ทุกหุ้นเท่า ๆ กันหุ้นละ 20,000 บาท โดยไม่มีดอกเบี้ย เพื่อนำเงินดังกล่าวหมุนเวียนให้หุ้นอื่นกู้ต่อไป
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สภาผู้นำ (สภาเศรษฐกิจชุมชน) กับคณะทำงาน 45 คน ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน อาสาสมัคร ผู้ใหญ่ กลุ่มสตรี แกนนำชุมชน กรรมการหมู่บ้าน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชาชนในชุมชนจำนวน 50คน เข้าร่วมฝึกอบรมโดยประสานวิทยากรอบรมให้ความรู้กับชาวบ้านเรื่องการใช้ยาฉีดพ่นทำให้สารตกค้างในผักที่เรานำมารับประทานผักทำปุ๋ยหมักและน้ำหมัก EM
- ชาวบ้านได้ทราบถึงโทษของผักที่ขายตามท้องตลาด จึงได้มีมติกันว่าให้คนในชุมชนพร้อมใจกันจะปลูกผักไว้รับประทานอาหารกันเองในครัวเรือน โดยใช้บริเวณรอบๆบ้าน หลังละ 1 แปลงเป็นอย่างน้อย และได้เป็นแปลงสาธิตไว้ให้ชาวบ้านได้ทำกิจกรรมร่วมกัน จำนวน 1 แปลงรวม โดยได้กำหนดความรับผิดชอบดูแลร่วมกัน และได้จัดแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ มอบหมายความรับผิดชอบของแต่ละกลุ่ม ให้กลุ่มคณะสภาผู้นำ และแกนนำเยาวชนนำผักไปแบ่งให้ชาวบ้านในชุมชน เพื่อปรุงเป็นอาหาร
- เกิดแปลงผักรวมในชุมชนจากการลงมือปฏิบัติการของประชาชนคนจิตอาสาจำนวน 50 คนเข้าร่วมจัดทำและร่วมปลูก และร่วมรับผลประโยชน์ โดยใช้พื้นที่สาธารณะปลููกกินใช้ร่วมกัน ทุกคนในชุมชนมีความเป็นเจ้าของร่วม มีผักปลอดสารพิษทำให้สุขภาพของประชาชนในชุมชนแข็งแรง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
วัยทำงาน 30 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมประชุมสภาผู้นำ
- เตรียมข้อมูลเอกสาร
- ประสานผู้เข้าร่วมประชุม
- เตรียมสถานที่
- ประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 23 คนร่วมประชุมสภาผู้นำณ.อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระตั้งแต่เวลา 10.00น.เพื่อเข้ามากำหนดวิเคราะห์การทำงานปัญหาในชุมชนร่วมกัน เสนอแนะและปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อพัฒนาต่อไป
- ประธานโครงการและสมาชิกได้สรุปผลที่ได้จัดอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกในชุมชนเกี่ยวกับการปลูกผักปลอดสารเคมี อบรมการทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ ดังนี้
- ทำให้ชาวบ้านในตำบลบางโกระได้รับความรู้เกี่ยวกับผักปลอดสารพิษ และทำปุ๋ยหมัก ช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายและรักษาหน้าดินจากปุ๋ยเคมีต่าง ๆ ทำให้ชาวบ้านรวมตัวกันทำแปลงผักรอบ ๆ บริเวณบ้าน และมีแปลงผักรวมของคนในชุมชน
- ทำให้ชาวบ้านมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการทำกิจกรรมร่วมกัน ก่อให้เกิดความสามัคคีอีกส่วนหนึ่ง และได้ใช้ประโยชน์จากพืชผักที่เน่าเสียแล้ว ใช้ทีมในหมู่บ้านนำมาแปรรูปได้ประโยชน์อีกทางหนึ่ง
- จากการดำเนินกิจที่ผ่านการให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกผักปลอดสารเคมี การทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพทำให้ประชาชน ม.2 ตำบลบางโกระ ให้ความสนใจในการดำเนินกิจกรรมในชุมชนโดยเฉพาะ การปลูกผักกินเอง การออมทรัพย์ในแต่ละเดือน เกิดรายได้ ลดรายจ่าย โดยมีผู้เข้าร่วมและให้ความร่วมมือในการดำเนินนกิจกรรม 28 ครัวเรือน และ กลุ่มออมทรัพย์ 60 ครัวเรือน เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชนโดยการแลกเปลี่ยนพืชผักสวนครัว การใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ในการปลูกผักร่วมกันในการใช้สาธารณประโยชน์
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 23 คนประกอบด้วย ชุมชน จำนวน 15 คน กรรมการโครงการ จำนวน 8 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมประชุมสภาผู้นำ
- เตรียมข้อมูลเอกสาร
- ประสานผู้เข้าร่วมประชุม
- เตรียมสถานที่
- ประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 23 คนร่วมประชุมสภาผู้นำณ.อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระตั้งแต่เวลา 10.00น.
- ชาวบ้านในชุมชนบ้านบางโกระ ม.2 ได้สมัครเป็นสมาชิกเก็บออมของธนาคารการออมในกระป๋อง จำนวน 60 ครัวเรือน แกนนำและทีมคณะกรรมการ ผู้นำชุมชนได้นัดหมายให้สมาชิกที่สมัครเข้าโครงการออมเงิน นำเงินมาฝาก ณ อาคารอเนกประสงค์ประจำหมู่บ้าน หมู่ที่ 2 บ้านบางโกระ ในทุกๆวันที่ 5 ของเดือน
- ได้มีคณะกรรมการและแกนนำชุมชนที่ได้เสียสละเวลาเข้ามาทำงานให้กับหมู่บ้านโดยไม่รับค่าตอบแทน ซึ่งในเวลาเก็บออมเงินดังกล่าวในช่วงกลางปีเป็นต้นมา ทางชาวบ้านและคณะกรรมการได้ตกลงร่วมกันว่าจะเก็บออมเงินในคราวเดียวกับการนำเงินกองทุน โดยทางสมาชิกจะฝากกับชุดเก็บออมเงินกับธนาคารกระป๋องหรือฝากกับเงินกองทุนหมู่บ้าน และบางส่วนได้เข้าไว้ทั้งสองกองทุน และในส่วนธนาคารกระป๋องประจำเดือนก็ได้มีสมาชิกซึ่งมาฝากเป็นประจำอยู่แล้วในแต่ละเดือน จำนวน 60 ครัวเรือน เป็นเงิน 18,000 บาท ซึ่งทางผู้นำชุมชนได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปฝากไว้กับธนาคารในทุก ๆ เดือน เพื่อเก็บไว้ให้กับชาวบ้าน
- รวมมีเงินเก็บประจำเดือนนี้ 10,800 บาท
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
ตัวแทนสมาชิกเก็บออมเงิน จำนวน 60 ครัวเรือน ประกอบด้งย วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมประชุมสภาผู้นำ
- เตรียมข้อมูลเอกสาร
- ประสานผู้เข้าร่วมประชุม
- เตรียมสถานที่
- ประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย คณะทำงานกับแกนนำชุมชน จำนวน 45 คนร่วมประชุมสภาผู้นำณ.อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระตั้งแต่เวลา 10.00 น. เพื่อมาพบปะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ คือ ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ไขปัญหาของคนในชุมชนที่กำลังประสบกับเศรษฐกิจ ข้าวยาก หมากแพง เข้าสู่ฤดูร้อน น้ำดื่ม น้ำใช้ก็มีไม่เพียงพอ สำหรับใช้ในปีนี้
- มีสภาผู้นำ จำนวน 45 คนเข้าร่วมประชุม ทางผู้นำหมู่บ้านได้พยายามให้แนวทางในการใช้น้ำกันอย่างประหยัด เพื่อให้ได้ใช้กันทั่วทุกครัวเรือน น้ำที่ใช้แล้วให้หมุนเวียนมารดน้ำต้นไม้ ตลอดจนชั่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อน ใบไม้ร่วงชาวเกษตรกรชาวสวนยาง ส่วนมากไม่สามารถกรีดยางได้ ทำให้รายได้ลดน้อยลงอีกในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยังมีความจำเป็นต้องใช้กันอยู่ ทางแกนนำหมู่บ้านได้พยายามพูดคุยและให้คำแนะนำให้ทุกคนช่วยกันประหยัดและลดในส่วนที่ไม่มีความจำเป็นลง โดยให้ทุกคนจัดทำบัญชีครัวเรือน ซึ่งสามารถทราบได้ว่าส่วนไหนจำเป็น ส่วนไหนไม่มีความจำเป็น และในส่วนหนึ่งของเงินกองทุนที่ชาวบ้านได้กู้มาให้นำไปใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จำเป็นและให้จัดทำ รายรับ-รายจ่าย ออกมาเป็นบัญชี สามารถควบคุมและทราบรายรับ รายจ่ายได้
- เกิดสภาผู้นำสามารถวิเคราะห์ปัญหาคนในชุมชน / ชาวบ้านในชุมชนสามารถจัำทำบัญชีได้ สามารถรู้ถึงปัญหาค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และสามารถบริหารเงินในครอบครัวตามหลักและวิธีที่ถุกต้อง คือใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด แยกรายรับ - รายจ่ายได้ถูกต้อง มองเห้นถึงค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย สามารถตัดออกไปได้สามารถแก้ปัญหารายจ่ายได้บางส่วน ชาวบ้านในชุมชนปราศจากปัญหาหนี้สินนอกระบบ ซึ่งมีดอกเบี้ยที่สูง และปัญหาอีกมากมาย
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สภาผู้นำ(สภาเศรษฐกิจชุมชน)กับคณะทำงาน รวมจำนวน 45 คน ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน อาสาสมัคร ผู้ใหญ่ กลุ่มสตรี แกนนำชุมชน กรรมการหมู่บ้าน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ผู้รับผิดชอบโครงการนัดประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการอบรมการทำปุ๋ยหมักแก่คนในชุมชน
- ประสานแกนนำ ปราชญ์ชุมชนในการเข้าร่วมอบรม
- เตรียมสถานที่การอบรม ตัวแทนครอบครัวจำนวน 60 คนโดยมีปราชญ์ชาวบ้านที่มีจิตอาสาอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำน้ำหมักชีวภาพแก่คนในชุมชน ได้เชิญวิทยากรในชุมชนใกล้เคียง นายธนโชติ สารพร ซึ่งเป็นหมอดิน มาให้ความรู้และฝึกปฏิบัติการทำปุ๋ยหลักร่วมกัน
- ตัวแทนครอบครัวในชุมชนบ้านบางโกระ จำนวน 60 คน เข้าร่วมรับฟังการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ โดยประธานโครงการได้เชิญวิทยากรในชุมชนใกล้เคียง นายธนโชติ สารพรซึ่งเป็นหมอดิน พร้อมทั้งร่วมกันทำปุ๋ยหมัก เรียนรู้การทำปุ๋ยหมักโดยได้ให้ชาวบ้านนำวัสดุในการทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพมาร่วมกันตามขั้นตอนที่ปราชญ์แนะนำ และหมักน้ำหมักชีวภาพ EM โดยชาวบ้านได้นำผักที่มีในหมู่บ้าน เช่น ผักตบ แกบล ขุยมะพร้าว มูลสัตว์ มูลไก่ สารเร่ง EM ต่าง ๆ โดยได้ร่วมกันทำและแยกเป็นกลุ่มๆ หลังจากทำเสร็จเรียบร้อย ได้จัดแบ่งให้กับชาวบ้านนำไปทดลองใช้ เพื่อเป็นตัวอย่างกับครัวเรือนอื่น ๆ ที่ไม่มีโอกาสและเวลาได้เข้าร่วมชาวบ้านได้รับความรู้เกี่ยวับการทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ มีปุ๋ยที่ผลิตเองนำไปใส่ผักสวนตนเอง มีปุ๋ยที่ไม่ต้องใช้เงินไปซื้อ เพราะได้นำวัสดุต่าง ๆ ที่มีในชุมชนมาแปรรูปทำเอง ช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายมาก
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
ตัวแทนครอบครัว 60 คน ประกอบด้วย วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- จัดประชุมคณะทำงาน ผู้รับผิดชอบโครงการ
- เตรียมผู้เข้าร่วมโดยการคัดเลือกหรือสมัครจากคนในชุมชนจำนวน 60 คน
- เตรียมพื้นที่ในการเพาะปลูก ตัวแทนครัวเรือนจำนวน 60 คนในการจัดทำแปลงเพาะเมล็ดพืชซึ่งเป็นที่ดินสาธารณะให้กับคนในชุมชนมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์
- ตัวแทนครัวเรือนจำนวน 60 คน เข้าร่วมกิจกรรมการเตรียมแปลงเพาะพันธ์พืช โดยมีปราชญ์ชุมชนได้แนะนำเห็นถึงความสำคัญร่วมกันทำเกษตร โดยให้พื้นที่ว่าง ๆ บริเวณรอบ ๆ บ้านรวมตัวกัน ทำแปลงผักร่วมกัน เพราะการทำงานร่วมกันก่อให้เกิดความคิดที่แตกต่างตามมา เสนอ และแลกเปลี่ยนกันคิด ได้พูดคุยกันอีกส่วนหนึ่งก่อให้เกิดความสมามัคคีในชุมชน และผักที่ปลูกร่วมกันก็ได้แบ่งปันกันกิน โดยทุกครัวเรือนสามารถมีผักปลอดสารพิษไว้ปรุงอาหาร เป็นการป้องกันจากการซื้อผักในตลาดที่มีสารพิษตกค้าง และช่วยให้ประหยัดในการใช้จ่ายชาวบ้านได้รับความรู้เกี่ยวกับกรปลูกผักปลอดสารพิษ ทราบถึงประโยชน์และโทษของสารตกค้าง ได้เข้าร่วมสมัครเข้าโครงการปลูกผักปลอดสารพิษ ได้มีสมาชิกร่วมทำแปลงผักเพาะเมล็ดพืชไว้กินเองในหมู่บ้าน จำนวน 60 ครัวเรือน เพื่อเป็นครัวเรือนต้นแบบ
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
ตัวแทนครอบครัว 60 คน ประกอบด้วย วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- เตรียมประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดอบรม
- ประสานวิทยากรและคนในชุมชน นายธนโชติ สารพร หมอดินประจำหมู่บ้าน ให้ความรู้เรื่องการทำปุ๋ย การเตรียมดินให้เหมาะสม 3. จัดเตรียมเอกสารในการเข้าร่วมการอบรมโดยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการ ตัวแทนในครัวเรือนจำนวน 60 คนเข้าร่วมอบรมการทำปุ็ยหมักชีวภาพและนำ้หมักชีวภาพโดยมีปราชญ์ชุมชนเป็นวิทยากรจิตอาสา
- ชาวบ้านในชุมชนได้ทราบความรู้เรื่องการใช้ยาฉีดพ่นผักทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ทำให้ค่าใช้จ่ายที่ต้องไปซื้อยาในตลาดราคาแพง ชาวบ้านสามารถทราบและเข้าใจ คณะแกนนำและผู้นำหมู่บ้านได้เปิดรับสมัครสมาชิกที่มีความสนใจเกี่ยวกับการปลูกผัก โดยไม่ใช้สารเคมีชาวบ้านได้เข้าร่วมสมัครร่วมกิจกรรมชาวบ้าน จำนวน 60 ครัวเรือน โดยได้ดำเนินการและมีข้อตกลร่วมกันทุกครัวเรือน จะปลูกผักปลอดสารเคมีไว้กินเองในครัวเรือน โดยไม่ฉีดยาพ่นจากตลาด แต่จะหันมาแปรรูปพืชผักที่มีอยู่นำมาทำเป็นยาฆ่าแมลงฉีดพ่นเอง โดยจะใช้บริเวณรอบ ๆ บ้านที่พอมีเหลือครัวเรือนละ 1 แปลง อย่างน้อย โดยผักที่ปลูกต้องใช้ปุ๋ยหมักและปลอดสารพิษ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ตัวแทนครอบครัว 60 คน ประกอบด้วย วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
เพื่อให้คนไทยในชุมชนบ้านบางโกระได้มีผักปลอดสารเคมีไว้กินในครัวเรือน นอกจากทำให้ดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วยประหยัดเงินค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่ง
- ประชุมคณะทำงาน
- ประสาน เชิญชวนคนในชุมชนผ่านเสียงตามสายในการเข้าร่วมกิจกรรม
- เตรียมข้อมูลเอกสารการประชุม
- จัดประชุมโดยนายปฏิพัทธ์ หนักแดงผู้รับผิดชอบโครงการ ได้เชิญวิทยากรในชุมชน นายธนโชติ สารพร เป็นหมอดินมีความรู้เกี่ยวกับสารเคมีตกค้างในผักการให้ความรู้ เกี่ยวกับการปลูกผักปลอดสารพิษ
- ชาวบ้านในชุมชนจำนวน 60 ครัวเรือนได้รับความรู้เกี่ยวกับสารพิษตกค้างในพืชผักที่เป็นโทษแก่ร่างกายและมีความเข้าใจถึงประโยชน์ของการปลูกผักกินเองทำให้ปราศจากสารพิษที่ตกค้างในร่างกายและหันกลับมาปลูกผักกินเองในครัวเรือนเพื่อลดรายได่เพิ่มรายจ่าย ซึ่งวิทยากรชี้ถึงโทษของสารพิษที่ตกค้างในผักที่ไปซื้อมาจากตลาด และได้แนะนำให้ชาวบ้านในชุมชนใช้พื้นที่บริเวณรอบ ๆ บ้านปลูกผักไว้กินเองในครัวเรือน โดยไม่ต้องซื้อ และไม่ต้องกังวลสารตกค้างในผัก ปราชญ์ชาวบ้านได้อธิบายและให้ความรู้และสอนวิธีการทำยาฉีดพ่นแมลงที่กัดกินผัก โดยนำใบต้นยอ ใบของสะเดานำมาตำให้ละเอียด โดยผสมกับน้ำและกรองเอาน้ำนำไปฉีดพ่นผักของตนเอง โดยไม่ต้องไปซื้อยาฉีดพ่นมาจากตลาดซึ่งมีราคาที่แพง และยาฆ่าแมลงที่ได้ทำกันเองในชุมชน ก็สามารถหาได้ในหมู่บ้าน เพราะเป็นสมุนไพรป่า ซึ่งจะมีอยู่แล้ว เช่น ใบยอ ใบสะเดา ซึ่งมีรสขม ทำให้ชาวบ้านสามารถใช้สมุนไพรที่มีอยู่ได้เลย โดยไม่ต้องนำเงินไปซื้อมาช่วยทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกวิธีหนึ่ง
- และชาวบ้านเมื่อมีความรู้จากปราชญ์หมู่บ้านในครั้งแรกแล้ว สามารถจับกลุ่มหรือทำเป็นครัวเรือนไว้ฉีดพ่นผักของครอบครัวตนเองได้เลย ส่งผลให้ชาวบ้านในชุมชนมีกผักสะอาดปราศจากสารตกค้างรับประทานในครัวเรือน ไม่ทำลายสุขภาพทำให้ชาวบ้านได้ทราบถึงโทษของสารพิษ และมีความคิดเห็นร่วมกันว่า ปลูกผักรอบๆบริเวณบ้านทุกครัวเรือน โดยไม่ใช้สารเคมีฉีดพ่นผัก แต่หันมาใช้สมุนไพรในหมู่บ้านน้ำมาฉีดพ่นผักจนเกิดเครือข่ายปลูกผักปลอดสารพิษ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ตัวแทนครอบครัว 60 คน ประกอบด้วย วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถบำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงาน
- เตรียมข้อมูลการประชุม
- ประสานคณะกรรมการสภา คระกรรมการสภาผู้นำคณะทำงานจำนวน45คนเข้าร่วมประชุมสภาตั้งแต่เวลา 13.00น ณ.อาคารเอนกประสงค์บ้านบางโกระ ได้ร่วมรับฟังและพูดคุยปรึกษาร่วมกัน ทำความเข้าใจตรงกันถึงประโยชน์ในการเข้าร่วมกลุ่มเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน
- แกนนำ จำนวน 45 คน ได้รับสมัครสมาชิกไม่ระบุจำนวน ให้ทุกคนนำเงินมาฝากทุกวันที่ 5 ของทุก ๆ เดือน ทำให้ชาวบ้านในชุมชนเข้าใจถึงประโยชน์ และลงสมัครร่วมเป็นสมาชิกในกองทุนหมู่บ้าน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
สภาผู้นำ(สภาเศรษฐกิจชุมชน)กับคณะทำงาน 45 คน ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน อาสาสมัคร ผู้ใหญ่ กลุ่มสตรี แกนนำชุมชน กรรมการหมู่บ้าน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- เตรียมประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการถอดบทเรียน
- ประสานวิทยากรและคนในชุมชน
- จัดเตรียมเอกสารในการเข้าร่วมการประชุมสภาชุมชนจำนวน 15 คน คณะกรรมการโครงการจำนวน 8 คน รวมทั้งหมด 23 คน ณ อาคารเอนกประสงค์ ม.2 บ้านบางโกระ ตั้งแต่เวลา10.00 น. เพื่อถอดบทเรียนวิเคราะห์การทำงาน ปัญหาในชุมชนร่วมกัน เสนอแนะและปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อพัฒนาต่อไป
- คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 23 คน ได้ร่วมกันเรียนรู้ วิเคราะห์ปัญหาในชุมชนด้านโครงสร้างทางสังคม เช่น การศึกษา สูขภาพ โครงสร้างพื้นฐานและประเพณี วัฒนธรรมโดยการใช้สภาผู้นำ โดยมีวิทยากรนำกระบวนการตั้งคำถามชุมชนและหมู่บ้านมีประชากรทั้งหมดกี่คน กี่ครัวเรือน ลักษณะที่ตั้งของครัวเรือน ลักษณะของครอบครัวเป็นอย่างไร แบ่งเป็นหญิงหรือชายเท่าไหร่ ชุมชนมีสถานที่สำคัญอะไรบ้าง ชุมชนยังขาดโครงสร้างพื้นฐานอะไรบ้าง ชุมชนมีประเพณีวัฒนธรรม ศาสนา ภูมิปัญญาที่ยังแสดงบทบาทและหน้าที่ต่อชุมชนอย่างไรและกำลังประสบปัญหาอะไรคนในชุมชนส่วนใหญ่จบการศึกษาชั้นใด ค่านิยมของผู้ปกครองในการส่งลูกหลานเข้าเรียน ปัจจุบันแตกต่างจากอดีต หรือไม่ คนในชุมชนมีโรคภัยที่เจ็บป่วยที่สำคัญหรือปัญหาที่พบมีอะไรบ้าง ซึ่งข้อมูลที่ได้นำไปสู่การออกแบบเก็บข้อมูลในต่อไป
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
กลุ่มเป้าหมายคือ สภาชุมชนจำนวน 15 คน คณะกรรมการโครงการจำนวน 8 คน รวมทั้งหมด 23 คน
-
-
-
เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชุมคณะทำงาน
- เตรียมเอกสารการจัดเก็บเงิน
- ประสานงานแกน 60 ครัวเรือน แกนนำชุมชน จำนวน 60 คน นำเงินมาฝากประจำทุกเดือน ตามวันและเวลาที่กำหนดเดือนละ 1 ครั้ง ทุกๆ วันที่ 5 ของเดือน
- สมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ 60 ครัวเรือนนำเงินออมในการสะสมให้แก่เจ้าหน้าที่ ณ.อาคารเอนกประสงค์ บ้านบางโกระ ทุกๆเดือนโดยมีเงินออมเดือน 1800 บาท เพื่อเป็นการสร้างวินัยในการออมเป็นแบบอย่างแก่เยาวชนคนรุุนหลัง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ตัวแทนครอบครัว 60 คน ประกอบด้วย วัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
- เพื่อเข้าร่วมประชุมร่วมกับ สสส.และ สจรส.ม.อ.- จัดทำรายงานความก้าวหน้า
- นำเอกสารการเงินมาพบ สจรส. และได้ตรวจเอกสารการเงิน และจัดทำรายงานความก้าวหน้า
- ได้รับคำแนะนำการทำเอกสารการเงิน ยังไม่เรียบร้อย ส่วนใหญ่ขาดลายเซ็นต์ผู้รับเงินค่าอาหาร ซึ่งจะนำไปปรับในชุมชนอีกครั้ง
- ได้หารือการปรับแผนกิจกรรมร่วมกับ สสส.และ พี่เลี้ยง เนื่องจากมีกิจกรรมย่อยเป็นจำนวนมาก ในงวดที่ 2 กิจกรรมไหนที่ทำร่วมกันได้ จะรวมเป็นกิจกรรมเดียวกัน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ผู้รับผิดชอบโครงการและคณะทำงาน
-
-
-
- เพื่อตรวจเอกสารรายงานการเงิน รายงานปิดงวดโครงการงวดที่1
- พี่เลี้ยงนัดตรวจเอกสารตามแผนปฏิบัติการเพื่อปิดงวดโครงการ ตรวจเอกสารการเงิน การบันทึกข้อมูลกิจกรรม
- เอกสารปิดโครงการ1ชุด(ง.1ง.1,ส.1) เอกสารรายงานการเงินทำให้เข้าใจการทำเอกสารรายงานมากยิ่งขึ้นสามารถทำเอกสารงานปิดโครงการตามแผนงานโครงการ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่การเงิน
-
-
เพื่อตรวจเอกสารรายงาน
นัดผู้รับผิดชอบโครงการตรวจเอกสารรายงานการเงิน การจัดทำบัญชี การรายละเอียดการบันทึกข้อมูล
เอกสารรายการบันทึกกิจกรรม การทำบัญชีรับจ่าย เพื่อรายงานปิดโครงการผลจาการตรวจเอกสารรายงานการเงินยังไม่เรียบร้อยขาดเอกสารเซ็นสำเนาถูกต้อง ใบลงทะเบียนยังไม่เรียบร้อยกลับไปจัดการเอกสารใหม่กลับมาเจออีกครั้งวันที่10 กุมภาพันธ์59
เกือบได้ตามเป้าหมาย (2)
ประกอบด้วย
พี่เลี้ยงนัดเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล เจ้าหน้าที่การเงิน
การบันทึกกิจกรรมบนเว็ปไซด์เพิ่อรายละเอียดผลที่เกิดขึ้นตามกิจกรรมโครงการเพื่อง่ายในการจัดทำรายงานปิดโครงการ
- เพื่อประชุมติดตามประเมินผลคณะกรรมการสภาผู้นำ
- คณะกรรมการสภาผู้นำร่วมกับคณะกรรมการโครงการ ประชุมเรื่อง การจัดการปัญหารายได้ไม่พอจ่าย มีการหารือเพื่อกำหนดทำกิจกรรมลดรายจ่ายของชุมชนร่วมกัน และประเมินผลการทำโครงการออมวันละ 1 บาท
- คณะกรรมการสภาผู้นำเปิดการประชุมสภาด้วยการนำปัญหาที่มีอยู่ในชุมชน เช่น ปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่ายเนื่องจากยางราคาตกต่ำ ทำให้มีการเสนอแนวทางโดยการเพิ่มรายได้ลดรายได้จากการออมซึ่งมีการขอความร่วมให้พี่น้องในชุมชนประชาสัมพันธ์กับเด็กเยาวชนมีส่วนร่วมในการออมเพิ่มจำนวนมากขึ้น ผลการประเมินกิจกรรมโครงการสามารถดำเนินกิจกรรมได้เนื่องจากคนในชุมชนมีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้น
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 23 คน
-
-
-
- เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้นลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- คณะกรรมการนัดเก็บเงินออมเดือนละ 30 บาทจำนวน 60 คนนัดทุกเดือนตามแผนที่วางไว้ในปฏิทินโครงการ
- ครั้งที่ 4 เก็บเงินจากสมาชิกวันละ 1 บาท จาก 60 คน ได้เงิน 1,800 บาท ทำให้ผู้เข้าโครงการธนาคารออมในกระป๋องมีความรับผิดชอบในออมทุกเดือน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ตัวแทนครอบครัว 60 คน
- กิจกรรมการออมเป็นกิจกรรมหนึ่งใน 3 - 4 กิจกรรมในแต่ละวัน จำเป็นต้องปรับการออมที่วางตามแผนเป็นวันเสาร์หรืออาทิตย์โดยขอมติผ่านการประชุมสภาผู้นำที่มีการประชุมเดือนละ 1ครั้ง
-
-
- เพื่อประชุมสภาผู้นำให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- สภาผู้นำกับคณะทำงานเตรียมความพร้อมในการประชุมสภาผู้นำครั้งที่ 4 เพื่อกำหนดแผนในการประชุมมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนตามแผนปฏิบัติการตามบทบาทหน้าที่รับผิดชอบและประสานงานความร่วมมือกับคนในชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการประชุมสภาครั้งที่4
- คณะทำงานโครงการนำเสนองบประมาณโครงการจาก สสส.ในงวดที่ 1
- สภาผู้นำกับคณะทำงานมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนตามที่เคยคุยกันไว้ตามข้อตกลง พร้อมทั้งให้นำผลการออกแบบสำรวจทุกครัวเรือนมาออกแบบสำรวจ เพื่อให้รับรู้ถึงปัญหาทุกครัวเรือน โดยวิธีสลับกันพูดคุยเสนอเหตุผลของแต่ละคน คนในชุมชนส่วนมากรายได้จะไม่เพียงพอกับรายจ่าย วัยรุ่นในชุมชนไม่ได้รับการศึกษาต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก ผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องสุขภาพเจ็บป่วยบ่อย เป็นโรคเรื้อรัง คนในชุมชนส่วนมากมีอาชีพกรีดยาง ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินเพิ่ม มีความคิดต่างกัน ก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างครัวเรือน และแบ่งพักแบ่งพวก ไม่ค่อยมีเวลานั่งพบปะพูดคุย ทำให้ห่างเหินกัน กลุ่มสตรีและผู้สูงอายุยังพอมีเวลาว่างหลังจากการกรีดยางแนะนำให้ทุกคนปลูกผักรอบๆบ้านไว้ทานเองในครัวเรือน
- ผู้รับผิดชอบโครงการรายงานคณะกรรมการสภาผู้นำ แกนนำชุมชนในเดืนกุมภาพันธ์โครงการจะปิดงวดโครงการในวันที่15 กุมภาพันธ์ งบประมาณจาก สสส.ในงวดที่1 เป็นเงิน 79,260 บาท มีดอกเบี้ย 39.84 เงินเปิดบัญชี 100 บาท รวมงบประมาณ 79399.84 บาท รายจ่ายสรุปพอสังเขปประมาณ 76,946 บาท มีเงินคงเหลือ 2,453.84 บาทในงวดที่ 1 และปิดโครงการ ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- สภาผู้นำ(สภาเศรษฐกิจชุมชน)กับคณะทำงาน 45 คน
-
-
-
เพื่อฝึกการเขียนรายงานบันทึกกิจกรรมโครงการ
นัดผุู้รับผิดชอบโครงการที่ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพจังหวัดปัตตานีเพื่อฝึกเขียนรายงานบันทึกกิจกรรมโครงการ
ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล พี่เลี้ยงร่วมกันฝึกการเขียนรายงานการบันทึกข้อมูลกิจกรรมโครงการ ตรวจเอกสารรายงานการเงินก่อนปิดงวดโครงการ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล พี่เลี้ยงโครงการ
-
-
-
- เพื่อประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- คณะกรรมการสภาผู้นำ คณะกรรมการโครงการ ร่วมกันวางกำนหดการในการประชุมสภาผู้นำทุกครั้ง ครั้งนี้นำวาระการประชุมเกี่ยวกับโครงการตำบลละ 5 ล้าน เป็นวาระพูดคุยและการนำปัญหาของคนในชุมชนมาคุยในที่ประชุม
- โครงการตำบลละ 5 ที่นำเสนอโดยผู้ใหญ่บ้าน ได้ชี้แจงว่า ชาวบ้านนำเสนอ ให้ทำโครงการการทำขนมเพื่อเป็นอาชีพเสริมแก่คนในชุมชน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพนำเสนอโครงการการดูแลสุขภาผู้สูงอายุ คนพิการ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะพัฒนาตำบลบางโกระให้เป็นตำบลเป้าหมายของสาธารณสุขในต่อไป ทั้งนี้หากมีโครงการอื่นที่จะนำเสนอ สามารถนำเสนอได้ในเวลาจัดประชุมสภาผู้นำทุกเดือน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- วัยทำงาน15 คนผู้สูงอายุ 13 คน
-
-
- เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- คณะกรรมการโครงการผู้รับผิดชอบการเก็บเงินออมวันละ 1 บาท เดือนละ 30 บาท นัดเก็บเงินออมตามแนงานที่วางไว้ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเงินออมเดือนนี้ 1800 บาท
- ครั้งที่ 3 ของการเก็บเงินออมจากคณะกรรมการวันละ 1 บาท เดือนนี้ได้ 1,800 บาท ทางคณะกรรมการมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น คือ เริ่มมีพฤติกรรมสะสมเงิน ซึ่งเป็นเงินเล็กน้อย วันละ 1 บาท แต่พอรวมกันหลายวันกับเป็นเงินที่มากขึ้น
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- วัยทำงาน 40 คนผู้สูงอายุ 20 คนรวมทั้งหมด 60 คน
-
-
-
- เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- คณะกรรมการสภาผู้นำและคณะทำงานโครงการร่วมจัดเวทีพูดคุยและวางแผนเสนอแนวทางเกี่ยวกับการเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านและลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นที่สามารถลดได้ ตัดที่ฟุ่มเฟือยออกไป
- ชาวบ้านในชุมชนมารวมกลุ่มกันเสนอเกี่ยวกับการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และกลุ่มแม่บ้านได้เสนอเกี่ยวกับการทำขนม กลุ่มชาวบ้านที่ทำเกษตร ก็เสนอปลูกผักและเลี้ยงไก่ โดยทุกคนร่วมเสนอความคิดเห็นกันว่าจะทำปุ๋ยหมักแทนการใช้สารเคมี เพราะปุ๋ยเคมีมีราคาสูงมาก และเป็นสารพิษที่ทำลายดินทำให้ดินเสีย และในชุมชนก็มีหมอดินที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำปุ๋ยหมัก สามารถที่จะพูดคุยได้ทุกเวลา เพราะเป็นคนในชุมชนเดียวกันพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ และชาวบ้านก็ยังเสนอแนะว่าจะหาไก่พันธุ์พื้นเมืองมาเลี้ยง โดยนำไก่ที่มีอยู่ในชุมชนมาแลกเปลี่ยนกัน และชาวบ้านบางส่วนได้เสนอให้ปลูกผักปลอดสารพิษไว้กินเองในครัวเรือน ถึงแม้ว่าบริเวณบ้านแต่ละครัวเรือนจะไม่กว้างนักก็สามารถจะปลูกรอบ ๆ บริเวณบ้านได้
- กำหนดข้อตกลงในการปฏิบัติร่วมกันทั้งในเรื่องการเพิ่มรายได้ เช่น จัดตั้งธนาคารหมู่บ้านการออม โดยให้ครัวเรือนร่วมกันออมวันละ 1 บาท ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำอยู่แล้ว
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ผู้หญิงวัยทำงาน 40 คน ผู้สูงอายุ 20 คน
-
-
-
- เพื่อประชุมสภาผู้นำให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- คณะกรรมการสภาผู้นำร่วมกับคณะกรรมการโครงการ ร่วมชี้แจงเหตุผลกับคณะกรรมการว่าให้ทุกคนนำปัญหาต่าง ๆ มาร่วมแสดงความคิดเห็นวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ เดือนละ 1ครั้ง และร่วมกันคิดและวางแผน ที่จะหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน โดยได้จัดทำเป็นรายงานของแต่ละคนและนำมาเสนอในที่ประชุม เพื่อที่จะหาแนวทางและปรับปรุงปัญหาต่าง ๆ และเพื่อการทำงานที่ชัดเจน มีแนวทางการทำงานในแนวทางเดียวกันโดยมีเป้าหมายหลักเดียวกัน
- การประชุมคณะกรรมการสภาผู้นำครั้งนี้ กลุ่มแกนนำ อาสาสมัครในชุมชนมารับฟัง นำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนเกี่ยวกับปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบด้วย ม.2 เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างหมู่บ้านและเป็นเส้นทางสัญจรระหว่างหมู่บ้านและคนภายนอกทำให้เกิดเป็นพื้นที่เสี่ยงในการเกิดเหตุ เสนอขอความเห็นในการดูแลโดยให้มีทหารประจำการณ์ลาดตระเวนและอาสาสมัครดูแลหมู่บ้านพร้อมผู้ใหญ่บ้านจัดเวรยามดูแลความสงบเรียบร้อยในหมูบ้าน การดำเนินการประชุมสภาผู้นำสามารแก้ปัญหาโดยคนในชุมชนร่วมพูดคุยมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของชุมชนร่วมกัน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- สภาผู้นำ(สภาเศรษฐกิจชุมชน)กับคณะทำงาน 45 คน
-
-
-
- เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการออม
- ประธานโครงการฯ เรียกคณะทำงานกับแกนนำชุมชน 28 คน ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการทำงาน กลุ่มเป้าหมายคือสภาชุมชน จำนวน 15 คนคณะกรรมการตามโครงการ 8 คน รวมทั้งหมด 23 คน เดือนละ 1 ครั้ง จำนวน 12 ครั้ง เพื่อร่วมกันเรียนรู้ การวิเคราะห์ปัญหาในชุมชนตลอดระยะเวลาและเป็นแกนนำในการหาแนวทางแก้ไข ร่วมกันกำหนดแผนการดำเนินกิจกรรม โดยให้กรรมการเข้าใจตรงกัน มีทิศทางการทำงานเป็นแนวทางเดียวกัน มีการรายงานผลดำเนินงานทุกกิจกรรม ตลอดจนกรรมการร่วมกันติดตามความก้าวหน้าของโครงการ รับฟังข้อเสนอแนะทีมงาน ปรับปรุงกระบวนการทำงาน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพัฒนากิจกรรมครั้งถัดไป ณ อาคารอเนกประสงค์ หมู่ที่ 2 บ้านบางโกระ
- การประชุมสภาผู้นำครั้งที่ 1 ประกอบด้วยแกนนำที่สมัครใจเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ มีความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการร้อยมือสร้างวิถีชุมชนบ้านบางโกระ และได้สรุปผลจากการจัดเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชน เมื่อวันที่ 25 พ.ย.58 ที่ผ่านมา ซึ่งผลี่เกิดขึ้น คือ ทำให้คนในชุมชนได้เข้าใจกิจกรรมที่ทำ ซึ่งใน 1 วัน ต้องจัดประชุมถึง 3 ครั้ง ของแต่ละเดือน คือ กิจกรรมออมกระป๋อง กิจกรรมประชุมสภาผู้นำ และกิจกรรมถอดบทเรียนสภาผู้นำ ที่ผ่านมาหลายคนยังไม่เข้าใจ และเริ่มเบื่อกับการจัดกิจกรม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 28 คน
-
-
-
- เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- คณะกรรมการเงินออมรับหน้าที่ในการเก็บเงินออมวันละ 1 บาทเดือนละ30 บาทตามกติกาที่กำหนด และได้นำเงินมาฝากเดือนละ 1 ครั้งโดยรับฝากและเก็บเงินเพียงวันเดียวตามแผนงานโครงการ
- เดือนนี้เป็นครั้งที่ 2 ทางคณะกรรมการเก็บเงินออม 60 คน คนละ 30 บาท รวมเงิน1800 บาท และในครั้งนี้มีผู้ใจเข้ามาสมัครเพิ่ม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ตัวแทนครอบครัว 60 คน
-
-
-
- เพื่อถ่ายทอดข้อมูลสู่ชุมชนให้คนในชุมชน
- ประธานโครงการฯ ได้นัดคณะแกนนำและกรรมการทุกคนแบ่งงานในหน้าที่และเปิดรับสมัครสมาชิกที่สนใจเข้าร่วมโครงการในการจัดกิจกรรมครั้งนี้
- จัดเวทีคืนข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชุมชนและครัวเรือน เช่น รายรับรายจ่าย เงินออมหนี้สิน สถาบันการเงินในท้องถิ่น กลุ่มผลิต แหล่งทุน หน่วยงานการสนับสนุนด้านอาชีพและโอกาสการนำทรัพยากรในท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาอาชีพเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตสังคมวัฒนธรรม
- ประชุมชี้แจงการดำเนินโครงการแก่ประชาชนในหมู่บ้าน ชี้แจงรายละเอียด ตอบข้อซักถาม แล้วจัดหมวดหมู่ข้อมูลและสามารถกำหนดแนวทางปฎิบัติในการแก้ไขปัญหาชุมชนให้ชัดเจนและยกร่างทำแผนชุมชน รวมถึงเปิดรับสมัครครัวเรือนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ
- ได้นำเสนอข้อมูลจากการสำรวจ ดังนี้
- ข้อมูลทั่วไปทางกายภาพ แสดงลักษณะภาพรวมของชุมชน ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา
- ข้อมูลทางด้านสุขภาพ ส่วนใหญ่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน และพบว่าส่วใหญ่ยังปลูกผักกินเอง ข้อมูลตรวนี้สามารถนำไปสู่การส่งเสริมให้คนในชุมชนปลูกผักไว้ทานเอง เพื่อทานผกที่ปลอดสารพิษ
- ผู้คนส่วนใหญ่มีหนี้สิน ชาวบ้านนชุมชนจึงมีความเห็นด้วยกับโครงการ สสส.ที่ทำอยู่ เพราะฝึกการออม ทำให้สามารถแก้ปัญหาหนี้สินได้ และเกิดครัวเรือนที่สมัครเข้าร่วมโครงการกิจกรรมออมในกระป๋องจำนวน 60 ครัวเรือน ซึ่งได้ทำกิจกรรมนี้มาแล้ว ก่อนเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- วัยทำงาน 130 คน วัยสูงอายุ 30 คน
-
-
-
- เพื่อพัฒนาให้เกิดกลไกการมีส่วนร่วม ในรูปแบบสภาผู้นำ (สภาเศรษฐกิจชุมชน)
- คณะทำงานโครงการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คนในชุมชน ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลหาสาเหตุปัจจัย รายรับ-รายจ่าย หนี้สิน และเชิญวิทยากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญมาช่วยในการวิคราะห์ร่วมกับเยาวชนและเจ้าของข้อมูลซึ่งจะวิเคราะห์ถึงสาเหตุสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการจัดการปัญหาหนี้สิน รายจ่าย โดยแกนนำครัวเรือนและกลุ่มเยาวชนร่วมกับผู้มีความรู้ โดยใช้ข้อมูลจากแบบสอบถาม และบัญชีรายรับ-รายจ่ายของครัวเรือนมาประกอบ
- สรุปการประชุมวิเคราะห์ผู้สำรวจเก็บข้อมูล วิทยากรร่วมรวบรวมประเด็นและร่วมวางแผนในการแก้ไขปัญหาและความต้องการของชุมชน จากแบบสอบถามมีข้อมูลสภาพทั่วไปที่ตั้งชุมชน ข้อมูลด้านอาชีพ ข้อมูลด้านการศึกษา ข้อมูลความสัมพันธ์ในชุมชนโดยกรอกรายละเอียดตามรายครอบครัวทำให้สามารถแยกกลุ่มอาชีพ ความต้องการ ปัญหาที่ทำกิน การเพาะปลูกพืช การะจายผลผลิต เพื่อขาย ใช้หนี้ เพื่อบริโภค แปรรูป รายได้จาผลผลิต การเลี้ยงสัตว์ รายได้จากการขาย รายได้จากการทำการเกษตร รายจ่ายของครอบครัว สมาชิกกลุ่มองค์กรสามารถแยกกลุ่มปัญหา รายได้ รายจ่าย การศึกษาเป็นแนวทางในการดำเนินการทำแผนต่อไป
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- วัยทำงาน 30 คน ผู้สูงอายุ 15 คน
-
-
-
- เพื่อพัฒนาให้เกิดกลไกการมีส่วนร่วมในรูปแบบสภาผู้นำ (สภาเศรษฐกิจชุมชน)
- คณะทำงานโครงการร่วมกับสภาผู้นำอธิบายรายละเอียดข้อมูลแบบสำรวจข้อมูลโดยให้เยาวชนและคณะทำงานจับคู่กัน จำนวน 5 ทีม ทีมละ 3 คน ออกสำรวจครัวเรือนทุกครัวเรือน จำนวน 160 ครัวเรือน ใช้เวลาในการสำรวจจำนวน 3 วัน ณ หมู่ที่ 2 บ้านบางโกระ
- ได้สำรวจข้อมูลแกนนำชุมชนที่ทำบันทึกรายรับ รายจ่าย พบว่า จากการทำบันทึกทีมแกนนำได้เรียนรู้ว่า ทำให้ตนเองและครอบครัวทราบรายรับ รายจ่าย หนี้สิน และเงินคงเหลือในแต่ละวัน ทำให้ทีมแกนนำได้มาพูดคุยกันในตอนเย็น และจะเปลี่ยนพฤติกรรมประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งของตนเองและครอบครัว
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- แกนนำชุมชน เยาวชน ปราชญ์ชุมชน และผู้ร่วมออกแบบข้อมูล
-
-
-
- เพื่อประชุมร่วมกับพี่เลี้ยงและ สจรส.ม.อ.และเพื่อเรียนรู้การทำเอกสารรายงานการเงิน
- นายสุทธิพงษ์ อุสาหะพงษ์สิน ผู้ประสานงานวิจัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สจรส. มอ. ทีมสนับสนุนวิชาการผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่บันทึก เจ้าหน้าที่การเงินและพี่เลี้ยงโครงการฯ ร่วมอบรมโครงกาพัฒนาศักยภาพ ติดตามประเมินผล แลกเปลี่ยนเรียนรู้การบันทึกข้อมูลการจัดทำบัญชีรายงานการเงินของโครงการฯ ณ สจรส.มอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
- ได้เรียนรู้การจัดทำเอกสารรายงานการเงิน การบันทึกข้อมูล การใช้บิลที่ถูกต้องต้องเป็บบิลใบสำคัญรับเงินที่มีทะเบียนผู้เสียภาษีมีชื่อร้านค้าที่ถูกต้อง ผู้เข้าร่วมมีความเข้าใจในการจัดทำเอกสาร การบันทึกข้อมูล การเสียภาษีโดยเริ่มต้นเสียภาษีในเดือนธันวาคม 58 และค่าใช้จ่ายที่เกิน 1,000 บาท ต้องจ่ายภาษี ณ ที่จ่าย 1 เปอร์เซ็นต์
(0)
ประกอบด้วย
- ผู้รับผิดชอบโครงการ
- เจ้าหน้าที่บันทึก
- เจ้าหน้าที่การเงิน
- พี่เลี้ยงโครงการ
-
-
-
- เพื่อพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านในการจัดการข้อมูล และให้คนตระหนักในการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
- ประธานโครงการฯ เรียกอบรมให้ความรู้ เรื่องการดำรงวิถีพอเพียงชุมชนและการจัดทำบัญชีครัวเรือนแก่คนในหมู่บ้าน และแกนนำนักเรียน กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน ต้องเข้ารับการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีครัวเรือน โดยเชิญวิทยากรจากนักพัฒนาชุมชน ตำบลนาแว มาบรรยายแนวคิดและความสำคัญในการจัดทำบัญชีครัวเรือน
- กลุ่มเป้าหมายที่ทำบัญชีครัวเรือน ได้เรียนรู้การพัฒนาระบบการจัดทำบัญชีครัวเรือนตามวิถีชุมชนพอเพียง โดยการมีส่วนร่วมของสมาชิกในหมู่บ้านแกนนำชุมชน เยาวชน ปราชญ์ชุมชน และผู้ร่วม้รียนรู้หลักการทำบัญชีครัวเรือนการทำบัญชี คือ การจดบันทึก ข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขปัจจัยในการดำรงชีวิตของตัวเอง และภายในครอบครัว ชุมชน ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกจะเป็นตัวบ่งชี้อดีต ปัจจุบันและอนาคตของชีวิตของตัวเอง สามารถนำข้อมูลอดีตมาบอกปัจจุบันและอนาคตได้ ข้อมูลที่ได้บันทึกไว้ จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนชีวิตและกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิต ในครอบครัว
- ได้เรียนรู้ประโยชน์จากการทำบัญชีครัวเรือน คือ การทำบัญชีครัวเรือนเป็นการจดบันทึกรายรับรายจ่ายประจำวันของครัวเรือน และสามารถนำข้อมูลมาวางแผนการใช้จ่ายเงินในอนาคตได้อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดการออม การใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดคุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ดังนั้นการทำบัญชีชีครัวเรือนมีความสำคัญทำให้ตนเองและครอบครัวทราบรายรับ รายจ่าย หนี้สิน และเงินคงเหลือในแต่ละวัน
(0)
ประกอบด้วย
- วัยทำงาน 40 ผู้สูงอายุ 20คน
-
-
-
- เพื่อพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมในรูปแบบสภาผู้นำ (สภาเศรษฐิจชุมชน)
- คณะทำงานร่วมกับคณะกรรมการสภาผู้นำแกนนำชุมชน เยาวชน ปราชญ์ชุมชน และผู้รู้ร่วมกันสร้างแบบสอบถามข้อมูล เกี่ยวกับรายรับรายจ่าย ภาระหนี้สิน ในครัวเรือนของคนในหมู่บ้าน เพื่อนำมาประกอบกับบัญชีครัวเรือนในการทำการวิเคราะห์ข้อมูลสถานะรายรับ-รายจ่ายและหนี้ของครัวเรือนและหมู่บ้าน โดยใช้เวลาสร้างเครื่องมือและเรียนรู้ใช้เวลา 1 วัน
- ได้ออกแบบสมุดบัญชีครัวเรือนรับ/จ่าย หนี้สิน การดำรงชีวิตทั้้งระดับครัวเรือนและชุมชน เด็กเยาวชนและคนในหมู่บ้านมีทักษะในการออกแบบและการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล
- รวมรายรับ
- รวมรายจ่าย
- หมวดที่ 1: หมวดค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพ
- หมวดที่ 2 : ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคในครัวเรือน
- หมวดที่ 3 : ยา และเครื่องนุ่งห่ม
- หมวดที่ 4 : ที่อยู่อาศัย
- หมวดที่ 5 : ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนและงานสังคม
- หมวดที่ 6 : ค่าใช้จ่ายในการศึกษา
หมวดที่ 7 : ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
สรุปเงินคงเหลือหรือติดลบ (รวมรายรับ-รายจ่าย)
- รวมเงินออมและหลักประกัน
- รวมหนี้สิน
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
- แกนนำชุมชนจำนวน 15คน
- การออกแบบสมุดบัญชีรายรับ-รายจ่ายครัวเรือนชาวบ้านไม่ค่อยอยากจดวิธีแก้คือให้ลูกหลานฝึกถามและจดบันทึกแทน
-
-
- เพื่อติดตามกระบวนทำงานภายใต้กิจกรรมโครงการ
- ผู้รับผิดชอบโครงการร่วมกับคณะกรรมการสภาผู้นำร่วมกันทบทวนแผนปฏิบัติการภายใต้โครงการร้อยมือสร้างวิถีชุมชนบ้านบางโกระ
- คณะกรรมการและคณะกรรมการสภาผู้นำทบทวนกิจกรรมโครงการมีความถี่เนื่องจากในช่วงการพัฒนาโครงคณะทำงานใหม่กับการเขียนโครงการลักษณะนี้ทำให้มีความรู้สึกว่าโครงการจำสร้างความลำบากให้กับคนในชุมชนเนื่องจากมรกิจกรรมวัน 2-3กิจกรรมในแต่ละวันทำให้คณะกรรมและสภาผู้นำขอให้ดำเนินการไปจนปิดงวดโครงการและทบทวนกแผนอีกครั้ง
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- คณะทำงานกับแกนนำชุมชน 24 คน
- กิจกรรมตามแผนงานโครงการถี่มากๆวันละหลายกิจกรรมทำให้ผู้เข้าร่วมมีความเบื่อหน่ายในแต่ละกิจกรรมจึงความคิดเห็นจากคณะกรรมการสภาผู้นำปรับวันแต่มิได้ปรับกิจกรรม
-
-
- เพื่อประชุมสภาผู้นำในการแก้ไขปัญหา และกำหนดทางการขับเคลื่อนกิจกรรม
- คณะกรรมการสภาผู้นำร่วมกับคณะทำงานนัดหมายผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยสภาผู้นำ ประชาชนในชุมชน แกนนำกลุ่มมานั่งคุยปรึกษาหารือเรื่องแบบสอบถาม และความต้องการของชาวบ้าน โดยให้ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ โดยในกลุ่มแกนนำบางคน แนะนำเสนอความเดือดร้อนด้านรายรับ รายจ่าย วัยรุ่นว่างงาน ยาเสพติดในชุมชน ส่วนกลุ่มสตรีที่ยังพอมีเวลาเหลือ ได้ใช้เวลาว่างมารวมตัวกันทำขนม ก็สามารถได้ความคิดหลายๆคนมารวมกัน จึงได้มีแนวทางนี้นำมาพูดคุยกัน และจัดแบ่งหน้าที่ เพื่อจะออกไปสำรวจตามครัวเรือน ตามความต้องการที่แท้จริงของแต่ละครัวเรือน
- คณะกรรมการสภาผู้นำและคณะทำงาน แนวคิดที่ว่าต้องการสร้างแกนนำในการตัดสินใจและใช้อำนาจโดยไม่ตกอยู่ที่ผู้ใดผู้หนึ่ง ด้วยการค้นหาคนใจอาสาในหมู่บ้านโดยการกำหนดลักษณะจิตอาสาจัดตั้งเป็นสภาผู้นำชุมชนเป็นครั้งแรกจากกลุ่มอาชีพหรือกลุ่มต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ในแต่ละกลุ่มสมาชิกจะเสนอชื่อคนที่เห็นว่าอาสาทำงานด้วยตนเอง ตามความสมัครใจในการทำงานเช่น มีปัญหาเรื่อง สุขภาพ มีภาระเลี้ยงดูลูกหลานโดยมีหน้าที่ในการประชุมปรึกษาหารือกันถึงปัญหาและความต้องการ จากนั้นตัวแทนนำเรื่องเข้าที่ประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- กรรมการหมู่บ้าน อสม. ครู ปราชญ์ชาวบ้าน สมาชิก อบต. ผู้นำศาสนา กลุ่มแม่บ้าน ผู้สูงอายุ และแกนนำประชาชน คณะกรรมการตามโครงการ
-
-
-
- เพื่อให้ครัวเรือนในหมู่บ้านสามารถทำบัญชีครัวเรือนได้
- ประชาสัมพันธ์รับสมัครผู้เข้าร่วมครัวเรือนมีเงินออมตามกติกา 60 ครัวเรือน สมาชิกสามารถเก็บเงินออมได้และนำเงินมาฝากเดือนละ 1 ครั้งเป็นการประชาสัมพันธ์และสามารถรับสมัครผู้เข้าร่วมเป็นกลุ่มแม่บ้านและบุตรหลานจำนวน 60 คน
- มีแกนนำเข้าร่วมปฏิบัติงานเป็นสมาชิก 60 ครัวเรือน และได้ชี้แจงกฏกติกาให้สมาชิกทราบ เพื่อนำไปปฏิบัติ ประธานได้แนะนำแนวทางในการแก้ไขปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ตัวแทนครอบครัว 60 คน
-
-
-
- เพื่อพัฒนาให้เกิดกลไกการมีส่วนร่วม ในรูปแบบสภาผู้นำ (สภาเศรษฐกิจชุมชน)
- คณะทำงานร่วมกับคณะกรรมการสภาผู้นำชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลแบบสอบถามแก่เยาวชนและพี่เลี้ยงในการลงพื้นที่จัดทำแบบสอบถาม
- เด็กเยาวชนและคนในหมู่บ้านมีทักษะในการสำรวจและการเก็บรวบรวมข้อมูล เด็กและผู้ใหญ่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันโดยการสอบถาม การสัมภาษณ์ การสังเกตุจากข้อมูลแบบสอบถามในบางข้อที่คนในครอบครัวไม่ตอบคำถาม การลงพื้นที่ผู้ให้คำตอบจากแบบสอบถาม 1-2 คนในครัวเรือน เนื่องจากอาสาสมัครเป็นบุคคลในหมู่บ้านทำให้ง่ายกับการพูดคุยและให้ข้อมูลการลงพื้นที่แต่ละครั้งใช้เยาวชนทำงานร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขเป็นพี่เลี้ยงในการจัดทำแบบสอบถาม
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- แกนนำชุมชน เยาวชน ปราชญ์ชุมชน และผู้ร่วมออกแบบข้อมูลเพื่อลงพื้นที่สำรวจจำนวน 15 คน
-
-
-
ชี้แจงประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่หน่วยงานและภาคีเครือข่ายในชุมชน
ประชุมชี้แจงโดยผู้รับผิดชอบโครงการ พี่เลี้ยงโครงการพูดคุยสร้างความเข้าใจประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือในการดำเนินการโครงการจากหน่วยงานภาคีภาครัฐ ท้องถิ่น ชุมชนในความเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมในการดำเนินการ โดยเน้นการคัดเลือกคณะกรรมการสภาผู้นำจิตอาสาซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการหมู่บ้าน แกนนำชุมชน ผู้นำศาสนาข้าราชการ จำนวน20-25คน ภายใต้ภารกิจการประชุมทุกเดือนและมีอำนาจในการตัดสินใจ แก้ไขปัญหาทุกเรื่องของชุมชน
ประชุมสร้างความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์โครงการโดยขอความร่วมมือในการมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมโครงการพร้อมทั้งมีการคัดเลือกคณะกรรมการสภาผู้นำจำนวน25คน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางโกระ ผอ.รพสต.บางโกระ กลุ่มสตรี กลุ่มแม่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข ภาคีเครือข่ายอื่นๆและประชาชนม.2บ้า่นบางโกระ
-
-
ขอความร่วมมือในความเป็นเจ้าของในการดำเนินโครงการผู้รับผิดชอบ คณะกรรมการจำนวน5คนมีภารกิจในการจัดทำการบันทึกข้อมูล รายงานการเงินบุคคลที่สำคัญคือคนในชุมชนที่เป็นเจ้าของโครงการอย่างแท้จริง
- เพื่อพัฒนาให้เกิดกลไกการมีส่วนร่วมในรูปแบบสภาผู้นำ (สภาเศรษฐกิจชุมชน)
- คณะทำงานโครงการนัดชาวบ้าน เข้าร่วมประชุม โดยผ่านทางหอกระจายข่าว ผ่านทางแกนนำกลุ่ม และพี่เลี้ยงโครงการเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าในหมู่บ้านมีโครงการของ สสส.เป็นโครงการท้องถิ่นชุมชนน่าอยู่ และบอกให้ถึงทราบถึงวิธีการทำโครงการ และกิจกรรมต่างที่จะเกิดขึ้น เพื่อที่จะสร้างการมีส่วนร่วมในพัฒนาเป็นแก้ปัญหาเรื่องรายรับ-รายจ่าย หนี้สินของสมาชิกในหมู่บ้าน
- ประธานชุมชนกล่าวเปฺิดกิจกรรมตามโครงการทั้งพร้อมอธิบายเหตุผลและหลักการต่างๆ ที่มาของการเสนอโครงการของบประมาณจาก สสส. บอกถึงประชาชนให้มีส่วนร่วมในขั้นตอนและกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งมีทั้งหมด13 กิจกรรมหลักอยากให้ประชาชนเข้าร่วมดังกล่าว
- คุณกัลยา เอี่ยวสกุล ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงติดตามโครงการชี้แจงความเป็นมาโครงการเรียกว่าโครงการชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ เป็นโครงการของชุมชนสะพานน้ำที่จะต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดและจัดกิจกรรมร่วมกัน การก่อเกิด การจัดตั้งสภาผู้นำเพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนกระบวนการ การแก้ไขปัญหา การรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องในชุมชนสะพานม้า ขอความร่วมมือทั้งหน่วยงานรัฐ ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยุพราชสายบุรี
- ประชาชนในชุมนร่วมกิจกรรมตลอดจนเสร็จสิ้นโครงการขั้นตอนการคัดเลือกคณะกรรมการสภาผู้นำโดยขอความร่วมมจากคณะกรรมการชุมชนกลุ่มเครือข่ายในชุมชนจากคนที่ทำงานจิตอาสาเพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นมีความยั่งยืนสามารถดูแลชุมชนของตนเอง
- เกิดกลุ่มเครือข่ายโดยคัดเลือกจากคณะกรรมการหมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการหมู่บ้านจำนวน15 คน,อสม.2 คน,ครู 2 คน,ปราชญ์ 2 คน,สมาชิก อบต.2 คน,ผู้นำศาสนา 1 คน,กลุ่มแม่บ้าน 3 คน,กลุ่มผู้สูงอายุ 3 คน,แกนนำประชาชน 15 คน รวมทั้งหมด 45 คน
- เกิดกลุ่มอาสาสมัครแกนนำ จำนวน 20 คน ทำหน้าที่สำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของหมู่บ้าน เป็นกลุ่มเยาวชนที่ต้องการสร้างประสบการณ์และทักษะชีวิตในการพัฒนาท้องถิ่น พร้อมให้ความรู้รับรู้ถึงบทบาทหน้าที่ที่ต้องปฎิบัติและรับผิดชอบ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- วัยทำงาน 100 คน ผู้สูงอายุ 60 คน
-
-
-
- เพื่อรณรงค์ให้เยาวชนและประชาชนได้ห่างไกลจากสารเสพติด
- ออกแบบสั่งทำป้ายรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ จำนวน 4 ป้าย
- จัดป้ายรณรงค์พื้นที่ปลอดบุหรี่จำนวน 4ป้าย ในพื้นที่ติดป้ายปลอดบุหรี่เช่นสถานที่ประชุม สถานที่สาธารณะไม่มีการสูบบุหรี่ ชุมชนให้ความร่วมมือในการจัดระเบียบพื้นที่ในการไม่สูบบุหรี่
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ชาวบ้านในพื้นที่บ้านบางโกระ
-
-
-
- เพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินงานของโครงการฯ
- นำโดยนางกัลยาเอี่ยวสกุลพี่เลี้ยงผู้รับผิดชอบโครงการฯ ได้ร่วมประชุมเพื่อชี้แจงและแนะนำการดำเนินงานของโครงการฯ และการบัญทึกข้อมูลผ่านเว๊ปไซ ให้แก่ ผู้ใหญ่บ้านผู้รับผิดชอบโครงการฯ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
- จากการจัดประชุมร่วมกับพี่เลี้ยง ทำให้เข้าใจการทำโครงการมากขึ้น เข้าใจการรายงานในเวบไซต์ โดยได้ทำการบันทึกรายงานกิจกรรมปฐมนิเทศจนเสร็จ และได้จัดทำเอกสารการเงินจนเสร็จ
- ได้วางแผนการทำกิจกรรมร่วมกับพี่เลี้ยง โดยปรับปฏิทินการทำกิจกรรมเพิ่มเติมจากเวทีปฐมนิเทศโครงการ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านบางโกระ ผู้รับผิดชอบโครงการ และผู้ร่วมรับผิดชอบโครงการฯ
-
-
-
- เพื่อให้เกิดมีส่วนร่วมในร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาและการแก้ปัญหาในชุมชน
- ประธานโครงการฯ นัดชาวบ้านเข้าร่วมประชุม ณ อาคารอเนกประสงค์ประจำหมู่บ้าน โดยมีคณะกรรมการหมู่บ้าน อสม.ครู ปราชญ์ชาวบ้านสมาชิกอบต.ผู้นำศาสนากลุ่มแม่บ้านกลุ่มผู้สูงอายุ แกนนำประชาชน และคณะกรรมการตามโครงการฯ เข้าร้วมประชุมพร้อมกัน โดยมีคณะกรรมการบางคนไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ เนื่องจากติดภาระกิจ
- คนในหมู่บ้านได้ทราบถึงกิจกรรมที่จัดขึ้นในชุมชนเกิดการมีส่วนร่วมของชุมชนร่วมกันแก้ไขปัญหาและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
- ประธานได้กล่าวพูดคุยกับคณะกรรมการทั้งหมด โดยเน้นเรื่องปัญหาต่าง ๆ ของชาวบ้านในชุมชน โดยเฉพาะรายรับไม่เพียงพอกับรายจ่ายในครัวเรือน เนื่องจากชาวบ้านในชุมชนส่วนมากประกอบอาชีพทำสวนยาง และตอนนี้ราคายางตกต่ำมากจากที่เคยได้รับอยู่กิโลละ 80 บาท ลดเหลือ กิโลละ 27 บาท ทำให้เกิดปัญหาหนี้สินต่าง ๆ มากมาย แต่ละครอบครัวมีภาระในการส่งเสียค่าเล่าเรียนบุตร
บรรลุผลมากกว่าเป้าหมาย (4)
ประกอบด้วย
- คณะกรรมการหมู่บ้าน อสม.ครู ปราชญ์ชาวบ้านสมาชิก อบต.ผู้นำศาสนากลุ่มแม่บ้านกลุ่มผู้สูงอายุ แกนนำประชาชน และคณะกรรมการตามโครงการฯ
-
-
- การลงพื้นที่ติดตามให้คำแนะนำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
- เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการจัดทำโครงการโดยภาคีเครื่อข่ายในท้องถิ่นรวมถึงกำหนดกรอบแนวทางในการปฎิบัติเพื่อให้ได้มาซึ่งผลสำเร็จในการดำเนินโครงการ
- ประธานโครงการฯได้บอกให้คนในชุมชนทราบว่า ในขณะนี้ทางหมู่บ้านได้รับเงินสนับสนุนงบประมาณจากสสส.จำนวน 195,150 บาท โดยได้แบ่งจ่ายเป็นงวดๆ จัดกิจกรรมตามแผนที่ สสส.กำหนด โดยให้ชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมตามโครงการที่ได้จัดวางไว้ตามแผน
- จากการประชุมได้จัดตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการ ทำให้เกิดกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 3 กลุ่ม คือ
- เกิดสภาผู้นำ จำนวน 45 คน มีการประชุมเดือนละ 1 ครั้ง
- คณะทำงานภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนโครงการ
- ได้คณะทำงานโครงการภาคีเครือข่ายท้องถิ่นทั้งหมด จำนวน 16 คน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- คณะกรรมการโครงการ จำนวน 8 คน และคณะกรรมการหมู่บ้าน จำนวน 8 คน
-
-
- การลงพื้นที่ติดตามให้คำแนะนำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจการจัดทำบัญชี
ชี้แจงสร้างความเข้าใจคณะทำงาน เจ้าหน้าที่การเงินเพื่อลงบันทึกเอกสารการเงินและวิธีการจัดทำบัญชี
ฝึกการลงบัญชีรายรับรายจ่าย การเขียนเอกสารใบสำคัญรับเงินและชี้แจงรายละเอียดการถอนเงินธนาคารตามกิจกรรมในแต่ละเดือน
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่การเงิน คณะทำงานและพี่เลี้ยงโครงการ
-
-
การดำเนินกิจกรรมเสร็จสิ้นในแต่ละครั้งขอให้ลงบันทึกกิจกรรมทุกครั้ง การใช้จ่ายงบประมาณหากมีเงินสดเกิน5000บาทให้ฝากเงินคืนธนาคาร
- เพื่อเข้าร่วมประชุมร่วมกับ สสส.และ สจรส.ม.อ.
- เพื่อปฐมนิเทศโครงการปี 2558
- เข้าร่วมประชุมปฐมนิเทศ ณ สจรส.ม.อ. มีกระบวนการดังนี้
- อ.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ บรรยายเรื่องหลักการทำโครงการร่วมสร้างชุมชนให้น่าอยู่
- สจรส.ม.อ.อธิบายการใช้เวบไซต์คนใต้สร้างสุข รับฟังข้อมูลสถานการณ์ เอกสารสัญญาเพื่อจัดทำเอกสารบันทึกข้อมูลลงเว็ปไซด์คนใต้สร้างสุขและรายงานกิจกรรมการเงิน
- คีย์ข้อมูลโครงการและปฏิทินลงในเวบไซต์
- จากการปฐมนิเทศทำให้รับความรู้เกี่ยวกับการบันทึกข้อมูลและการจัดทำรายงานเอกสารโครงการและการจัดทำเอกสารการเงิน
- ได้วางแผนการทำกิจกรรมและลงในปฏิทินเวบไซต์ได้เสร็จ
บรรลุผลตามเป้าหมาย (3)
ประกอบด้วย
- ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล/การเงิน
-
-
- การลงพื้นที่ติดตามให้คำแนะนำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง