ชื่อโครงการ | (18)การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์เพื่อสุขภาวะคนหลังสวน |
ภายใต้องค์กร | Node Flagship จังหวัดชุมพร |
รหัสโครงการ | 65-00240-0018 |
วันที่อนุมัติ | 30 เมษายน 2565 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 พฤษภาคม 2565 - 30 เมษายน 2566 |
งบประมาณ | 170,000.00 บาท |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | สมาพันธ์เกษตรอินทรีย์อำเภอหลังสวน |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นาย คนึง จันดา |
เบอร์โทรผู้รับผิดชอบโครงการ | |
อีเมล์ผู้รับผิดชอบโครงการ | |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางสุดาภรณ์ ปัจฉิมเพ็ชร |
พื้นที่ดำเนินการ | อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 1 พ.ค. 2565 | 30 ก.ย. 2565 | 1 พ.ค. 2565 | 30 ก.ย. 2565 | 68,000.00 | |
2 | 1 ต.ค. 2565 | 28 ก.พ. 2566 | 1 ต.ค. 2565 | 28 ก.พ. 2566 | 93,500.00 | |
3 | 1 มี.ค. 2566 | 30 เม.ย. 2566 | 1 มี.ค. 2566 | 30 เม.ย. 2566 | 8,500.00 | |
รวมงบประมาณ | 170,000.00 |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่การเกษตรที่สำคัญ ปลูกพืชหลากหลาย อาทิเช่น ปาล์มน้ำมัน ,มะพร้าว ,ยางพารา ,ทุเรียน ,มังคุด รวมทั้งผักพื้นบ้านอื่น มีตลาดผลไม้ขนาดใหญ่อันดับต้นๆของประเทศไทย โดยเฉพาะตลาดรับซื้อทุเรียน มังคุด และผลไม้อื่น นับเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญสำหรับผู้บริโภคทั้งในประเทศและนอกประเทศ ชาวสวนส่วนใหญ่ยังคงใช้สารเคมีการเกษตรในการทำสวน ไม่ว่าจะเป็น สารกำจัดวัชพืช สารกำจัดศัตรูพืช รวมทั้งสารเร่งการเติบโตของผลไม้เพื่อให้ออกผลนอกฤดูกาลให้ได้ราคาสูงๆ ผลจากการใช้สารเคมีการเกษตร จึงทำให้เกิดความเสียหายเช่น ชาวสวนที่ได้รับสารเคมีจากการทำงาน , ผู้บริโภคที่ได้รับสารเคมีปนเปื้อนในอาหาร รวมทั้งเกิดสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ อากาศ ที่ล้วนส่งผลร้ายทำให้เกิดความเจ็บป่วยที่เกิดจากพิษสารเคมี จนพบผู้ป่วยโรคเนื้องอกในจังหวัดชุมพรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ชุมพรมีผู้เสียชีวิตโรคเนื้องอกเป็นอันดับ1 มาทุกๆปีและมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหาสุขภาพที่สำคัญคืออันตรายจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและมีเกษตรกรส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการใช้สารเคมีฯที่ไม่ถูกต้องปลอดภัยทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง อาการแสดงเฉียบพลันมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนรุนแรงถึงแก่ชีวิตขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้นความเป็นพิษและปริมาณที่ได้รับส่วนอาการเรื้อรังสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจะสะสมในระบบต่างๆ ของร่างกายทำให้เกิดความผิดปกติและโรคต่างๆ เช่น มะเร็งสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทางโดยการสัมผัสทางผิวหนังการสูดหายใจละอองที่ฟุ้งกระจายในอากาศและการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่มีสารเคมีปนเปื้อนซึ่งพฤติกรรมการใช้สารเคมีที่ไม่ปลอดภัยนั้นทำให้เกษตรกรผู้อาศัยในชุมชนและผู้บริโภคมีความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายจากสารเคมีเพิ่มขึ้นความเป็นพิษของสารกำจัดศัตรูพืชชนิดต่างๆ
การจัดระดับความเป็นพิษของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชโดยใช้ค่า ปริมาณสารเคมีต่อน้ำหนักตัวของสัตว์ทดลองที่รับเข้าไปครั้งเดียวแล้วทำให้ตายไป50%(LD50) และมีหลายหน่วยงานได้จัดระดับความเป็นอันตรายของสารเคมีทางการเกษตรเพื่อแยกระดับความรุนแรงของสารเคมีแต่ละชนิดโดยให้สัญลักษณ์
ของอันตรายแต่ละระดับ ดังแสดงในตารางที่ 3
เปรียบเทียบระดับความเป็นพิษของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ต้องเฝ้าระวัง 12 ชนิด โดยใช้ ค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก(WHO) และค่า LD50 ดังตารางที่ 4
สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแต่ละชนิดมีความเป็นพิษที่แตกต่างกันดังนั้นจึงจำเป็นต้องทราบข้อมูลคุณสมบัติความเป็นพิษ ทั้งพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรังที่มีผลต่อร่างกายเมื่อได้รับสัมผัสสารสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเพื่อให้เกิดความตระหนักถึงอันตรายและระมัดระวังในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมากขึ้น
สถานการณ์โรคและภัยสุขภาพจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรกรมวิชาการเกษตรปีพ.ศ.2554ประเทศไทยมีปริมาณการนำเข้าสารกำจัดแมลงเท่ากับ34,672,000กิโลกรัม ปริมาณนำเข้าสารกำจัดวัชพืชเท่ากับ 112,176,000 กิโลกรัม ปริมาณนำเข้าสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทุกชนิดเท่ากับ164,383,000กิโลกรัมจากการคำนวณค่าเฉลี่ยพบว่าคนไทย 64.1 ล้านคน มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมากกว่า 2.6 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ถึงแม้ว่าประเทศไทยได้มีกฎหมายควบคุมการใช้สารเคมีโดยการงดการนำเข้า/ขึ้นทะเบียนสารเคมีบางประเภทแล้ว แต่ยังคงเหลือตกค้างและใช้งานภายในประเทศอยู่เป็นจำนวนมากและสารกำจัด
ศัตรูพืชหลายชนิดที่มีพิษร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิต เช่น คาร์โบฟูราน เมโทมิล ไดโครโตฟอส อีพีเอ็น ซึ่งสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและหลายประเทศในเอเชียเช่น อินเดีย ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ อินโดนีเซีย ได้ยกเลิกการใช้หรือไม่รับขึ้นทะเบียนเนื่องจากมีข้อมูลความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอแต่ประเทศไทยยังคงมีการนำ
เข้าอยู่ และปริมาณการนำเข้าในแต่ละปีมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังแผนภูมิ
ข้อมูลผู้ป่วยนอกและอัตราผู้ป่วยนอกจากกลุ่มโรคสารเคมีกำจัดศัตรูพืช(Toxic effect of pesticides) (กลุ่มอาการ รหัส T600 ตามระบบ ICD-10) ปี พ.ศ. 2553-2556 จากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี พ.ศ. 2556 มีอัตราผู้ป่วยนอกจากกลุ่มโรคสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเท่ากับ 12.37 ต่อประชากรกลางปีแสนคน ลดลงจากปี พ.ศ. 2555 เล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับอัตราผู้ป่วยนอกในปีพ.ศ. 2554 ก็ยังมีอัตราป่วยที่สูงมากกว่าเกือบเท่าตัว
สาเหตุของปัญหา การวิเคราะห์ผลกระทบและแรงเสริม แรงต้าน โดยผังภาพต้นไม้เจ้าปัญหา
พบว่าสาเหตุหลัก
ด้านพฤติกรรม ขาดความรู้การทำผัก ผลไม้อินทรีย์เน้นความสะดวก บริโภคอาหารถุงไม่สนใจเรื่องอาหาร(ผัก ผลไม้) ปลอดภัยไม่นิยมปลูกผัก สะดวกซื้อมากกว่าเชื่อคำโฆษณา การใช้เคมี
ด้านสภาพแวดล้อมทางสังคม การเข้าถึงผู้บริโภคมีน้อยร้านจำหน่ายเคมีภัณฑ์มีมากเข้าถึงง่ายข้อมูลข่าวสาร สารเคมีมีมากการผลิตที่เน้นขายมากกว่าบริโภคกลไกรัฐไม่ตอบสนอง
ด้านกายภาพ มีการใช้สารเคมีรุ่นแรงระบบนิเวศน์ถูกทำลายความเสื่อมขิงทรัพยากร(ดิน น้ำ ป่า)การจัดการน้ำเพื่อการเกษตรการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ด้านกลไก/ระบบที่เกี่ยวข้อง คนปลูกผัก ผลไม้ปลอดภัย ยังมีน้อยพื้นที่ต้นแบบเอการเรียนรู้มีน้อยนโยบายไม่เอื้อต่อคนทำเกษตรอินทรีย์หน่วยงานภาครัฐยังไม่ให้ความสำคัญอย่างจริงจังขาดการเชื่อมโยง จากสาเหตุของปัญหาดังกล่าวทำให้ส่งผลกระทบต่างๆดังนี้ ผลกระทบด้านสุขภาพ มีผลกระทบทางร่างกาย ความเครียด สารเคมีตกค้างในร่างกาย เจ็บป่วยมากขึ้นผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ขาดการจัดการด้านตลาดเกษตรกรมีหนี้สิน ต้นทุน ปัจจัยการผลิตสูงผลกระทบด้าน สิ่งแวดล้อม การสูญพันธุ์ แหล่งอาหารตามธรรมชาติหายไป สารเคมีตกค้างในแหล่ง ผลการดำเนินงานในปีที่ 1 คณะทำงานมีกลไกการขับเคลื่อนที่เข้มแข็งมีแนวทางและแผนดำเนินงานของสมาพันธ์เกษตรกรรมยั่งยืนSDGsPGS หลังสวน เช่น การอบรมหลักสูตรการพัฒนามาตรฐานเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาเกษตรกรที่สนใจการทำเกษตรอินทรีย์เพื่อเชื่อมโยงผลผลิตออกสู่ตลาด การจัดอบรมหลักสูตรพื้นฐานการทำเกษตรอินทรีย์/เกษตรกรรมยั่งยืน โดยอาศัยปราชญ์ชุมชน ที่สามารถเป็นวิทยากรอบรมได้ การทำปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภัณฑ์ และการคัดเลือกจุลินทรีย์ท้องถิ่นมาใช้ประโยชน์/หลักการเกษตรตามแนวแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง/ศาสตร์พระราชา เป็นต้น ให้ความรู้การทำเกษตรอินทรีย์เกษตรกรส่วน ใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อย มีพื้นที่ระหว่าง 5-10 ไร่ และเกษตรกรมีการทำการเกษตรแบบผสมผสานเพื่อเลี้ยง ครอบครัว ซึ่งเกษตรกรกลุ่มนี้ มีรายได้น้อยไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ดังนั้นเพื่อยกระดับอาชีพและเพิ่ม รายได้ในครัวเรือน ส่วนใหญ่ยังทำไม่ได้ตามมาตรฐานการผลิต เนื่องจากภาคเกษตรยังผลิตเพื่อตอบสนองตลาดโดยการใช้สารเคมีเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต จากสถานการณ์ในพื้นที่ปัจจุบันค้นพบว่าได้มีการนำสารเคมีมาใช้ในแปลงเกษตรเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในสวนทุเรียน ทำให้เกษตรมีสารเคมีในกระแสเลือดเพิ่มมากขึ้น การให้ความรู้การทำเกษตรอินทรีย์ โดยคำนึงถึงความต้องการของตลาดตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำเน้นการผลิตที่ปลอดภัยโดยใช้สารชีวภัณฑ์ทดแทนสารเคมีการสร้างความตระหนักของครัวเรือนในเรื่องการลดรายจ่ายหรือไม่ใช้จ่ายตามกระแสนิยม และการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร อาชีพและเศรษฐกิจให้กันคนในชุมชน นำสู่วิสัยทัศน์ “เกษตรสุขภาวะคนหลังสวนโดยมีเป้าหมาย 1) ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้เพียงพอ และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 2) เสริมสร้างสุขภาพอนามัยของประชาชน และ 3) อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ภูมิปัญญาท้องถิ่น 4)พัฒนากลไกการตลาด โดยมีแผนพัฒนา ด้านเศรษฐกิจ การทำเกษตรอินทรีย์ สู่เป็นศูนย์การเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมเพื่อยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรและรายได้ ส่งเสริมการการทำเกษตรปลอดภัยใช้สารชีวภัณฑ์และปุ๋ยหมักพืชสด
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี |
---|
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
---|---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | |||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) |
ลำดับ | กิจกรรมหลัก | งบประมาณ | พ.ค. 65 | มิ.ย. 65 | ก.ค. 65 | ส.ค. 65 | ก.ย. 65 | ต.ค. 65 | พ.ย. 65 | ธ.ค. 65 | ม.ค. 66 | ก.พ. 66 | มี.ค. 66 | เม.ย. 66 |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | สสส.สนับสนุนเพิ่มเติม(1 พ.ค. 2565-30 เม.ย. 2566) | 10,204.00 | ||||||||||||
2 | กลไกสมาพันธ์เกษตรยั่งยืน มีความหลากหลายในการขับเคลื่อน(30 ก.ค. 2565-30 พ.ย. 2565) | 65,530.00 | ||||||||||||
3 | เกิดความร่วมมือภาคี เครือข่ายในพื้นที่(30 ก.ค. 2565-31 ธ.ค. 2565) | 59,416.00 | ||||||||||||
4 | เกิดการจัดการตลาดสินค้า เกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ(1 พ.ย. 2565-28 ก.พ. 2566) | 29,850.00 | ||||||||||||
5 | เกิดพื้นที่การผลิตและรายได้(1 มี.ค. 2566-1 มี.ค. 2566) | 5,500.00 | ||||||||||||
รวม | 170,500.00 |
1 สสส.สนับสนุนเพิ่มเติม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรมย่อย | 25 | 10,204.00 | 5 | 10,204.00 | |
5 มิ.ย. 65 | ปฐมนิเทศโครงการย่อย | 5 | 4,204.00 | ✔ | 4,204.00 | |
30 ก.ค. 65 | อบรมพัฒนาศักยภาพโครงการย่อยด้านบันทึกข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ | 2 | 1,000.00 | ✔ | 1,000.00 | |
31 ต.ค. 65 | ประชุมติดตามประเมินผลลัพธ์โครงการย่อย ARE | 4 | 2,000.00 | ✔ | 2,000.00 | |
9 ก.พ. 66 | กิจกรรม ARE ครั้งที่ 2 | 13 | 2,000.00 | ✔ | 2,000.00 | |
25 เม.ย. 66 | ค่าจัดทำเอกสารการเงินและบันทึกข้อมูลในระบบออนไลน์ | 1 | 1,000.00 | ✔ | 1,000.00 | |
2 กลไกสมาพันธ์เกษตรยั่งยืน มีความหลากหลายในการขับเคลื่อน | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรมย่อย | 360 | 65,530.00 | 9 | 65,530.00 | |
8 มิ.ย. 65 | ประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ 1 | 10 | 1,200.00 | ✔ | 1,200.00 | |
22 มิ.ย. 65 | อบรมผู้ตรวจแปลง | 20 | 12,996.00 | ✔ | 12,996.00 | |
30 มิ.ย. 65 | พัฒนาระบบข้อมูลการรวบรวมข้อมูล สมาชิกและการผลิตปริมาณการผลิต | 50 | 3,750.00 | ✔ | 3,750.00 | |
18 ก.ค. 65 | จัดอบรมให้ความรู้ ระบบเกษตรอินทรีย์ มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ การทำและการนำไปใช้สารชีวภัณฑ์และปัจจัยการผลิตอื่นๆ | 100 | 14,884.00 | ✔ | 14,884.00 | |
10 ต.ค. 65 | ประชุมคณะทำงานครั้งที่ 2 | 15 | 3,000.00 | ✔ | 3,000.00 | |
8 ธ.ค. 65 | ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 3 | 15 | 3,000.00 | ✔ | 3,000.00 | |
25 ธ.ค. 65 | อบรมการนำเทคโนโยีมาใช้ในแปลงเกษตร | 50 | 9,200.00 | ✔ | 9,200.00 | |
19 ม.ค. 66 | อบรมให้ความรู้การทำสารชีวภัณฑ์ | 100 | 17,000.00 | ✔ | 17,000.00 | |
19 ก.พ. 66 | หักเงินยืมเปิดบัญชีโครงการ | 0 | 500.00 | ✔ | 500.00 | |
3 เกิดความร่วมมือภาคี เครือข่ายในพื้นที่ | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรมย่อย | 246 | 59,416.00 | 11 | 59,416.00 | |
23 มิ.ย. 65 | ตรวจแปลงสมาชิก | 8 | 2,400.00 | ✔ | 2,400.00 | |
26 มิ.ย. 65 | ตรวจแปลง | 7 | 2,100.00 | ✔ | 2,100.00 | |
28 มิ.ย. 65 | ลงพื้นที่ตรวจแปลง | 8 | 2,400.00 | ✔ | 2,400.00 | |
29 มิ.ย. 65 | ลงพื้นที่ตรวจแปลง | 10 | 3,000.00 | ✔ | 3,000.00 | |
2 ก.ค. 65 | ตรวจแปลง | 14 | 4,200.00 | ✔ | 4,200.00 | |
3 ก.ค. 65 | ตรวจแปลงของสมาชิก | 9 | 2,700.00 | ✔ | 2,700.00 | |
2 ก.ย. 65 | พัฒนาระบบเกษตรอินทรีย์แปลงต้นแบบ 10 แปลง | 6 | 12,000.00 | ✔ | 12,000.00 | |
4 มี.ค. 66 | จัดประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองและรับรองแปลงเกษตร | 30 | 3,900.00 | ✔ | 3,900.00 | |
6 มี.ค. 66 | พัฒนาระบบแปลงเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ 10 แปลง | 4 | 8,000.00 | ✔ | 8,000.00 | |
31 มี.ค. 66 | อบรมการประเมินไม้และการบันทึกข้อมูลOAN/TCB | 100 | 12,516.00 | ✔ | 12,516.00 | |
20 เม.ย. 66 | รับรองมาตรฐาน SDGsPGSระดับจังหวัด | 50 | 6,200.00 | ✔ | 6,200.00 | |
4 เกิดการจัดการตลาดสินค้า เกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรมย่อย | 235 | 29,850.00 | 4 | 29,850.00 | |
11 พ.ย. 65 | ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแบ่งปันพันธุกรรมพืช ผลผลิต และการเอามื้อ | 35 | 5,250.00 | ✔ | 5,250.00 | |
10 ก.พ. 66 | การเชื่อมโยงการพัฒนาด้านการตลาด ครั้งที่ 1 | 80 | 9,600.00 | ✔ | 9,600.00 | |
7 มี.ค. 66 | พัฒนาผู้ประกอบการชุมชน เกษตรกรต้นแบบ | 20 | 5,000.00 | ✔ | 5,000.00 | |
12 มี.ค. 66 | การเชื่อมโยงและการพัฒนาด้านการตลาดในรูปแบบต่างๆ ครั้งที่ 2 | 100 | 10,000.00 | ✔ | 10,000.00 | |
5 เกิดพื้นที่การผลิตและรายได้ | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรมย่อย | 78 | 5,500.00 | 2 | 5,500.00 | |
9 ก.ค. 65 | จัดเก็บข้อมูลก่อนดำเนินโครงการ | 50 | 2,500.00 | ✔ | 2,500.00 | |
28 มี.ค. 66 | การสรุปบทเรียนและการเมินผลลัพธ์โครงการ | 28 | 3,000.00 | ✔ | 3,000.00 | |
เพื่อให้กลไกสมาพันธ์เกษตรยั่งยืนSDGPGS หลังสวน มีความหลากหลาย ในการขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดระบบการจัดการตลาดสินค้า เกษตรและอาหารเพื่อสุขภาพ
ผลลัพธ์ที่ 1 -กลไกสมาพันธ์เกษตรยั่งยืนมีขีดความสามารถ
ตัวชี้วัดผลลัพธ์ 1.1…คณะทำงานได้รับการฝึกทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและมีทักษะการทำเกษตรอินทรีย์
ตัวชี้วัดผลลัพธ์ 1.2…มีผู้ตรวจแปลงความรู้เกณฑ์การตรวจแปลง 22 ข้อ และสามารถตรวจรับรองมาตรฐานแปลงเกษตรได้ .....แปลง
ผลลัพธ์ที่ 2 เกิดความร่วมมือจากสมาชิกและภาคีที่เกี่ยวข้อง
ตัวชี้วัดผลลัพธ์ 2.1 มีแปลงเกษตรต้นแบบ เรื่อง ผัก ผลไม้อินทรีย์และปัจจัยการผลิต
ตัวชี้วัดผลลัพธ์ 2.2 มีความร่วมมือกับภาคีอย่างน้อย
1 กิจกรรม1 พื้นที่
ตัวชี้วัดผลลัพธ์ 2.3 มีแผนธุรกิจชุมชน 10 ราย
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2565 11:51 น.