โครงการ การฟื้นฟูอาชีพและสุขภาพของเกษตรกรกลุ่มลี้ยงสัตว์ ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล
- จัดเตรียมเอกสารแต่ละกิจกรรมสำหรับบันทึกข้อมูล
- บันทึกข้อมูลลงเว็ปไซต์คนสร้างสุข
- จัดทำรายงานกิจกรรม (รายงาน ส.1 และ ส.2) และรายงานการเงิน (รายงาน ง.1 และ ง.2)
- รายงานกิจกรรม ส.1 และ ส.2 จำนวน 2 ชุด
- รายงานการเงิน ง.1 และ ง.2 จำนวน 2 ชุด
- รายงานฉบับสมบูรณ์ของโครงการ จำนวน 1 เล่ม
ได้รับเชิญจากหน่วยจัดการให้เข้าร่วมและเสนอผลงานในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฯครั้งที่ 2 ณ โรงแรมเซาท์เทิร์นแอร์พอร์ต อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฯ จำนวน 2 คน
1.จัดทำหนังสือเชิญแกนนำและสมาชิกกลุ่มเข้าร่วมกิจกรรมจัดเวทีคืนข้อมูลให้กับสมาชิกและเครือข่าย
2. ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมประชุม
3. ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรมและแนวทางการดำเนินกิจกรรม
4. แบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่มตามแกนนำที่รับผิดชอบให้ดำเนินการดังนี้
4.1 ให้สมาชิกทำแบบประเมินความเครียด
4.2 จัดทำใบงานถอดบทเรียน ซึ่งประกอบด้วยประเด็น
5. สรุปผลการถอดบทเรียนและคืนข้อมูล
- ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 40 คน
- ระดับความเครียดของแกนนำและสมาชิกหลังเข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 70 รองลงมาระดับน้อย จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 15 และระดับสูง 4 คน คิดเป็นร้อยละ 13
- ผลการวิเคราะห์ความมั่นคงทางด้านการเงินหลังเข้าร่วมโครงการ พบว่า
3.1 มีการเพิ่มรายได้ จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 80
3.2 ลดรายจ่าย จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 60
3.3 เงินออม จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 50
- จัดทำหนังสือเชิญแกนนำเข้าร่วมประชุม
- ลงทะเบียน
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรมและแนวทางการดำเนินงาน
- แกนนำรายงานผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการเงินของสมาชิก
- สรุปผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการเงินภาพรวมของกลุ่ม
- แกนนำเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 คน
- ผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ส่วนใหญ่พบว่า ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนให้ได้ตามเป้าหมาย
- ผลการผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินส่วนใหญ่ พบว่า สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 80
- ทำหนังสือเชิญแกนนำเข้าร่วมกิจกรรม
- ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมประชุม
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม และแนวทางการดำเนินกิจกรรม
- คัดเลือกบุคคลและสูตรการผลิตอาหารสัตว์ เพื่อถ่ายทอดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกในการถ่ายทอดประสบการณ์และให้ข้อมูลในการผลิดอาหารสัตว์ คือ นายรัฐพงศ์ วรวรรณสงคราม และนายซอและ เมืองเล่ง
- จัดทำข้อมูลสูตรอาหารสัตว์ที่ใช้ในการเลี้ยงโค สูตรอาหารวัวลดต้นทุนโดยกากปาล์ม ดังนี้ วัตถุดิบ กากปาล์มเนื้อใน 50 กิโลกรัม (หาซื้อตามโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน) กากปาล์มรวม 10 กิโลกรัม (หาซื้อตามโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน) มันเส้น 25 กิโลกรัม กระถินป่น 10 กิโลกรัม พรีมิกซ์ 2 กิโลกรัม (หาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสัตว์) แร่ธาตุ 2 กิโลกรัม เกลือ 1 กิโลกรัม นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกัน แล้วนำไปให้วัวกิน ปริมาณการกิน อยู่ที่ปริมาณ 7 กิโลกรัม ต่อตัวต่อวัน แบ่งให้วัวกินครบทุกมื้อ สูตรอาหารวัวขุน 100 % ให้โปรตีนถึง 15 % พลังงาน 80 % และยังสามารถช่วยในระบบการย่อยสลายอาหารได้เป็นอย่างดี ทำให้วัวท้องไม่อืด ร่างกายแข็งแรง
- แกนนำเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 คน
- ได้สูตรอาหารสำหรับเลี้ยงโค จำนวน 1 สูตร
- ทำหนังสือเชิญแกนนำเข้าร่วมกิจกรรม
- ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมประชุม
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม และแนวทางการดำเนินกิจกรรม
- คัดเลือกบุคคลและสูตรการผลิตอาหารสัตว์ เพื่อถ่ายทอดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกในการถ่ายทอดประสบการณ์และให้ข้อมูลในการผลิดอาหารสัตว์ คือ นายรชต ญาติพัฒน์
- จัดทำข้อมูลสูตรอาหารสัตว์ที่ใช้ในการเลี้ยงโค สำหรับสำรองอาหารโคในยามขาดแคลน 5.1 นำหญ้าสดโดยไม่เปียกน้ำ เลือกหญ้าต้นเล็ก ใบดก หรือหญ้ารูซี นำใส่ถังอัดให้แน่น เพื่อไล่อากาศออกให้หมด 5.2 เมื่ออัดหญ้าแน่นเต็มถังแล้ว นำเกลือมาโรยบนหญ้า 4 กำ 5.3 ปิดฝาถังให้แน่น เพื่อป้องกันอากาศและน้ำเข้านำไปเก็บไว้ในที่ร่ม 5.4 หมักทิ้งไว้ 15 วัน หญ้าเหล่านั้นจะกลายเป็นหญ้าหมัก สามารถนำมาให้โคกินยามขาดแคลน
- แกนนำเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 คน
- ได้สูตรอาหารสำหรับเลี้ยงโค จำนวน 1 สูตร
- ทำหนังสือเชิญแกนนำเข้าร่วมกิจกรรม
- ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมประชุม
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม และแนวทางการดำเนินกิจกรรม
- คัดเลือกบุคคลและสูตรการผลิตอาหารสัตว์ เพื่อถ่ายทอดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกในการถ่ายทอดประสบการณ์และให้ข้อมูลในการผลิดอาหารสัตว์ คือ นายอภิสิทธิ์ แสงทอง และนางสาวอังค์วรา นาคงาม
- จัดทำข้อมูลสูตรอาหารสัตว์ที่ใช้ในการเลี้ยงโค ซึ่งช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อให้กับโค ดังนี้ วัสดุ-อุปกรณ์ :
- หญ้าเนเปียร์ จำนวน 100 กก.
- กากน้ำตาล จำนวน 5 กก.
- น้ำ ปริมาณ 10-20 ลิตร
- ถังหมัก ขนาด 200 ลิตร
- เครื่องบด วิธีการหมักหญ้า
- ตัดหญ้าเนเปียร์มาประมาณ100 ก.ก.
- นำหญ้าเนเปียร์ที่ได้มาทำการสับละเอียดด้วยเครื่องบดสับ
- นำหญ้าที่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆละเอียดแล้วไปใส่ในถังขนาด200 ลิตรจะได้น้ำหนักหญ้าประมาณ 100ก.ก. ..อัดให้แน่น
- ใส่กากน้ำตาล 5% หรือประมาณ5ก.ก.
- เติมน้ำลงไปในถัง ประมาณ10-20 ลิตร(ขึ้นอยู่กับความอวบน้ำของหญ้า-อวบมากใช้น้ำน้อย)
- คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำไปราดบนหญ้าเนเปียร์ในถัง
- ปิดฝาถัง อย่าให้อากาศเข้าได้ ทิ้งไว้นานประมาณ21วันถึงจะใช้ได้
- เมื่อจะนำมาให้วัว-แพะกิน ควรผสมอาหารโปรตีนสูงลงไปด้วย อาทิ กากถั่วเหลือง กากปาล์ม ฯ จะทำให้วัวอ้วน โตเร็วยิ่งขึ้น
- แกนนำเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 คน
- ได้สูตรอาหารสำหรับเลี้ยงโค จำนวน 1 สูตร
- ทำหนังสือเชิญแกนนำเข้าร่วมกิจกรรม
- ลงทะเบียน
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม แนวทางการดำเนินกิจกรรม
- แกนนำลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเก็บข้อมูล ได้แก่ มูลค่าอาหารสัตว์ที่ใช้หลังร่วมโครงการ แปลงหญ้าอาหารสัตว์ เติบโตเป็นอย่างไร และติดตามจำนวนครั้งการร่วมกิจกรรมผลิตอาหารสัตว์ร่วมกับกลุ่มเลี้ยงโค
- สรุปผลการติดตามครั้งที่ 5
- แกนนำเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 คน
- สมาชิกสามารถลดรายจ่ายค่าอาหารสัตว์ได้จำนวน 24 คน
- แปลงที่การลงแขกปลูกหญ้าเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ทั้ง 5 แปลง หญ้ามีการเจริญเติบโตดี
- ทำหนังสือเชิญแกนนำเข้าร่วมกิจกรรม
- ลงทะเบียน
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม แนวทางการดำเนินกิจกรรม
- แกนนำลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเก็บข้อมูล ได้แก่ มูลค่าอาหารสัตว์ที่ใช้หลังร่วมโครงการ แปลงหญ้าอาหารสัตว์ เติบโตเป็นอย่างไร และติดตามจำนวนครั้งการร่วมกิจกรรมผลิตอาหารสัตว์ร่วมกับกลุ่มเลี้ยงโค
- สรุปผลการติดตามครั้งที่ 4
- แกนนำเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 คน
- สมาชิกสามารถลดรายจ่ายค่าอาหารสัตว์ได้จำนวน 17 คน
- แปลงที่การลงแขกปลูกหญ้าเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ทั้ง 5 แปลง หญ้ามีการเจริญเติบโตดี
- ทำหนังสือเชิญแกนนำเข้าร่วมกิจกรรม
- ลงทะเบียน
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม แนวทางการดำเนินกิจกรรม
- แกนนำลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเก็บข้อมูล ได้แก่ มูลค่าอาหารสัตว์ที่ใช้หลังร่วมโครงการ แปลงหญ้าอาหารสัตว์ เติบโตเป็นอย่างไร และติดตามจำนวนครั้งการร่วมกิจกรรมผลิตอาหารสัตว์ร่วมกับกลุ่มเลี้ยงโค
- สรุปผลการติดตามครั้งที่ 3
- แกนนำเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 คน
- สมาชิกสามารถลดรายจ่ายค่าอาหารสัตว์ได้จำนวน 15 คน
- แปลงที่การลงแขกปลูกหญ้าเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ทั้ง 5 แปลง หญ้ามีการเจริญเติบโตดี
- ทำหนังสือเชิญแกนนำเข้าร่วมกิจกรรม
- ลงทะเบียน
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม แนวทางการดำเนินกิจกรรม
- แกนนำลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเก็บข้อมูล ได้แก่ มูลค่าอาหารสัตว์ที่ใช้หลังร่วมโครงการ แปลงหญ้าอาหารสัตว์ เติบโตเป็นอย่างไร และติดตามจำนวนครั้งการร่วมกิจกรรมผลิตอาหารสัตว์ร่วมกับกลุ่มเลี้ยงโค
- สรุปผลการติดตามครั้งที่ 2
- แกนนำเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 คน
- สมาชิกสามารถลดรายจ่ายค่าอาหารสัตว์ได้จำนวน 11 คน
- แปลงที่การลงแขกปลูกหญ้าเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ทั้ง 5 แปลง หญ้ามีการเจริญเติบโตดี
- ทำหนังสือเชิญแกนนำเข้าร่วมกิจกรรม
- ลงทะเบียน
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม แนวทางการดำเนินกิจกรรม
- แกนนำลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเก็บข้อมูล ได้แก่ มูลค่าอาหารสัตว์ที่ใช้หลังร่วมโครงการ แปลงหญ้าอาหารสัตว์ เติบโตเป็นอย่างไร และติดตามจำนวนครั้งการร่วมกิจกรรมผลิตอาหารสัตว์ร่วมกับกลุ่มเลี้ยงโค
- สรุปผลการติดตามครั้งที่ 1
- แกนนำเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 10 คน
- สมาชิกสามารถลดรายจ่ายค่าอาหารสัตว์ได้จำนวน 4 คน
- แปลงที่การลงแขกปลูกหญ้าเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ทั้ง 5 แปลง หญ้ามีการเจริญเติบโตดี แต่ต้องมีการเฝ้าระวังวัวที่เลี้ยงแบบปล่อยเข้ามาในแปลง อาจทำให้แปลงเกิดความเสียหายได้
- ทำหนังสือเชิญแกนนำและสมาชิกกลุ่มเข้าร่วมประชุมและลงแขกปลูกพืชอาหารสัตว์ แปลงที่ 5
- จัดซื้อเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่และพันธุ์หญ้าเนเปียร์แคระ
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรมและแนวทางการดำเนินกิจกรรม
- คัดเลือกแปลงลงปลูกหญ้า ซึ่งในแปลงที่ 5 เป็นการปลูกแบบผสม เป็นการลงแขกหว่านปลูกเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่และหญ้าเนเปียร์แคระ
- ดำเนินการหว่านปลูกเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่และหญ้าเนเปียร์แคระ
แกนนำและสมาชิกกลุ่ม จำนวน 30 คน ร่วมกันลงแขกหว่านเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่และหญ้าเนเปียร์แคระ ในพื้นที่ 5.6 ไร่
- ทำหนังสือเชิญแกนนำและสมาชิกกลุ่มเข้าร่วมประชุมและลงแขกปลูกพืชอาหารสัตว์ แปลงที่ 4
- จัดซื้อเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่และพันธุ์หญ้าเนเปียร์แคระ
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรมและแนวทางการดำเนินกิจกรรม
- คัดเลือกแปลงลงปลูกหญ้า ซึ่งในแปลงที่ 4 เป็นการปลูกแบบผสม เป็นการลงแขกหว่านปลูกเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่และหญ้าเนเปียร์แคระ
- ดำเนินการหว่านปลูกเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่และหญ้าเนเปียร์แคระ
แกนนำและสมาชิกกลุ่ม จำนวน 30 คน ร่วมกันลงแขกหว่านเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่และหญ้าเนเปียร์แคระ ในพื้นที่ 5 ไร่
- ทำหนังสือเชิญแกนนำและสมาชิกกลุ่มเข้าร่วมประชุมและลงแขกปลูกพืชอาหารสัตว์ แปลงที่ 3
- จัดซื้อเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรมและแนวทางการดำเนินกิจกรรม
- คัดเลือกแปลงลงปลูกหญ้า ซึ่งในแปลงที่ 3 เป็นการลงแขกหว่านปลูกเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่
- ดำเนินการหว่านปลูกเมล็ดพันธุ์หญ้ารูซี่
แกนนำและสมาชิกกลุ่ม จำนวน 30 คน ลงหว่านเมล็ดปลูกพันธุ์หญ้ารูซี่
หญ้ารูซี่ (Ruzi Grass) มีอีกชื่อว่า หญ้าคองโก เป็นพันธุ์พืชหญ้าที่มีลักษณะแบบค้างปี ได้รับความนิยมในกลุ่มเกษตรที่ทำการเกษตรกึ่งปศุสัตว์ว่าสามารถปลูกเพื่อเป็นอาหารสัตว์ทดแทนได้มากถึง 60% เป็นทางเลือกและทางรอดของเกษตรกรที่สูญเสียเงินทุนจากค่าอาหารสัตว์มหาศาลต่อปี อีกทั้งการเก็บหญ้าตามธรรมชาติยิ่งทำปศุสัตว์ภายในพื้นที่ชุมชนก็ยิ่งหาได้ยากเพราะมีหลายครัวเรือนที่ทำปศุสัตว์แล้วต้องแบ่งกันเก็บหญ้าในพื้นที่เดียวกันจนบางครั้งก็ไม่ทันใช้ ด้วยความที่พืชหญ้าชนิดนี้มีถิ่นฐานเดิมจากทวีปแอฟริกาแถบประเทศคองโก จึงสามารถเกิดและเจริญเติบโตได้ดีในประเทศที่เป็นเขตร้อน
ลักษณะของหญ้ารูซี่นั้นสามารถสังเกตได้ไม่ยาก เพราะเป็นต้นหญ้าพุ่มที่มีลำต้นสูงประมาณ 150 – 300 เซนติเมตร ส่วนใบแทงออกบริเวณข้อของลำต้น ประกอบด้วยกาบใบที่ค่อนข้างบางคล้ายกระดาษที่มีขนปกคลุม แผ่นกาบใบหุ้มลำต้นยาวประมาณ 9-16 เซนติเมตร โดยหญ้าชนิดนี้มีคุณค่าทางสารอาหารที่ดีกับสัตว์ใหญ่โดยเฉพาะโปรตีน 7-10 เปอร์เซ็นต์ซึ่งรองลงมาจากหญ้าเนเปียร์แต่เป็นที่นิยมปลูกมากกว่าเพราะไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากและสามารถ ใช้เป็นวัตถุดิบของอาหารสัตว์ได้ดี สามารถสร้างรายได้เพราะถือเป็นหญ้าที่ตลาดปศุสัตว์ต้องการ
คุณค่าทางโภชนาการของหญ้ารูซี่จะประกอบไปด้วย
1. โปรตีนรวม 8.5%
2. เยื่อใย NDF 65.5%
3. เยื่อใย ADF 37.6
4. พลังงาน 54
5. ฟอสฟอรัส 0.26
6. แคลเซียม 0.57
- ทำหนังสือเชิญแกนนำและสมาชิกกลุ่มเข้าร่วมประชุมและลงแขกปลูกพืชอาหารสัตว์ แปลงที่ 2
- จัดซื้อเมล็ดพันธุ์หญ้ากินนีมอมบาซ่า
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรมและแนวทางการดำเนินกิจกรรม
- คัดเลือกแปลงลงปลูกหญ้า ซึ่งในแปลงที่ 2 เป็นการลงแขกหว่านปลูกเมล็ดพันธุ์หญ้ากินนีมอมบาซ่า
- ดำเนินการหว่านปลูกเมล็ดพันธุ์หญ้ากินนีมอมบาซ่า
แกนนำและสมาชิกจำนวน 30 คน ร่วมกันปลูกหญ้ากินนีมอมบาซ่า ซึ่งหญ้ากินีมอมบาซา จะมีใบใหญ่กว่า คุณภาพดีกว่า มีน้ำหนักสด น้ำหนักแห้งมากกว่ากินีสีม่วง มีโปรตีนสูง ที่สำคัญยังไม่มีโรคใบไหม้ใบจุดที่พบในข้าวและในหญ้ากินีสีม่วง จึงถือได้ว่าต้านทานโรคได้ดี สามารถปลูกบนพื้นที่ดอน ทนแล้งได้ดี เหมาะกับการตัด แต่ไม่ทนต่อการแทะเล็มที่หนัก หญ้ากินีมอมบาซาเป็นหญ้าที่มีอายุหลายปี เจริญเติบโตแบบกอตั้งตรง มีใบขนาดใหญ่ ใบดก มีลำต้นสูงใหญ่หญ้ากินีมอมบาซาเป็นหญ้าอาหารสัตว์เขตร้อนที่มีคุณภาพดี ให้ผลผลิตสูง กล่าวคือมีโปรตีนหยาบสูงเฉลี่ย 8-10% ให้ผลผลิตน้ำหนักแห้ง 4-5 ตันต่อไร่ต่อปี สามารถปลูกได้เกือบทุกสภาพพื้นที่และเจริญเติบโตได้ในสภาพร่มเงา เป็นหญ้าที่เหมาะแก่การตัดหรือปล่อยสัตว์แทะเล็มได้
- ทำหนังสือเชิญแกนนำและสมาชิกกลุ่มเข้าร่วมประชุมและลงแขกปลูกพืชอาหารสัตว์ แปลงที่ 1
- จัดซื้อพันธุ์หญ้าเนเปียร์แคระ
- ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรมและแนวทางการดำเนินกิจกรรม
- คัดเลือกแปลงลงปลูกหญ้า ซึ่งในแปลงที่ 1 เป็นการลงแขกปลูกหญ้าเนเปียร์แคระ
- ดำเนินการลงปลูกหญ้าเนเปียร์แคระ
แกนนำและสมาชิกกลุ่มจำนวน 30 คน ร่วมปลูกหญ้าเนเปียร์แคระ จัดเป็นหญ้าอาหารสัตว์ที่นิยมปลูกมาก เนื่องจาก ลำต้น และใบมีขนาดใหญ่ และมีคุณค่างทางอาหารสัตว์สูง รวมถึงสามารถเติบโตเร็ว ให้ผลผลิตต่อไร่สูง สามารถเก็บเกี่ยวต้นได้ตลอดทั้งปี และเก็บเกี่ยวได้นาน 5-7 ปี ต่อการปลูก 1 ครั้ง
คุณค่าทางโภชนาการหญ้าเนเปียร์ อายุ 45 วัน : 100 กรัม ดังนี้
1. พลังงาน : 175.40 แคลอรี่
2. โปรตีน : 7.32 กรัม
3. ไขมัน : 0.99 กรัม
4. คาร์โบไฮเดรต : 34.32 กรัม
5. ความชื้น : 8.68 กรัม
6. เถ้า : 11.51 กรัม
7. กาก : 37.21 กรัม
8. แคลเซียม : 247.5 มิลลิกรัม
9. ฟอสฟอรัส : 203.9 มิลลิกรัม
10. เหล็ก : 12.4 มิลลิกรัม
ประชุมแกนนำเพื่อติดตามผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการเงิน
- ประชุมแกนนำในการติดตามผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการเงินกับสมาชิกในกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 10 คน
- ผลการติดตามการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการเงินกับสมาชิกในกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพการเงิน โดยการลดรายจ่ายในครัวเรือน จำนวน 12 คน สำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ มีการออกกำลังกายเพิ่มขึ้นรวมจำนวน 15 คน (เตะฟุตบอลและวิ่ง)
ประชุมแกนนำในการติดตามผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการเงินกับสมาชิกในกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการ
- ประชุมแกนนำในการติดตามผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการเงินกับสมาชิกในกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 10 คน
- ผลการติดตามการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและการเงินกับสมาชิกในกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพการเงิน เนื่องจาก วัตถุดิบในการจัดทำอาหารสัตว์มีราคาสูงขึ้น ทำให้สมาชิกไม่สามารถลดรายจ่ายลงได้ สำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ มีจำนวน 3 คน ที่มีการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ส่วนสมาชิกอีก 27 คน มีการเดินเล็กๆน้อยๆ
ร่วมเข้าประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พร้อมนำเสนอผลการดำเนินงานตามโครงการ ปัญหา และอุปสรรค
ผู้รับผิดชอบโครงการและตัวแทนของโครงการ จำนวน 2 คนเข้าร่วมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฯ พร้อมนำเสนอผลการดำเนินงาน แผนการดำเนินกิจกรรม และปัญหา อุปสรรคการดำเนินงาน
1.ชี้แจงวัตถุประสงค์ของกิจกรรม 2.บรรยาย สูตรอาหารสัตว์ แนวทางการทำอาหารสัตว์ 3.กิจกรรมกลุ่มการประยุกต์พัฒนาสูตรอาหารสัตว์
-สมาชิกกลุ่มเป้าหมาย 30 คน เข้าใจวิธีการทำอาหารโค สามารถทำได้ทุกคน -แกนนำจดสูตรที่ได้ และจัดทำเป็นเอกสารแจกจ่ายให้สมาชิกต่อไป พร้อมทั้งทำเป็นสูตรกลางของกลุ่ม
จัดอบรมสมาชิกกลุ่มเลี้ยงโค 30 คน โดยเชิญวิทยากรมาบรรยาย เรื่อง ความรอบรู้ทางการเงินและสุขภาพ
-วิทยากรสอนการทำบัญชีครัวเรือน และบัญชีรับจ่ายการลดต้นทุนอาหารเลี้ยงโค
-วิทยากรสอนให้วิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเงินและทำแผนปรับพฤติกรรมของตนเอง
-วิทยากรสอนเร่องการดูแลสุขภาพและวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านสุขภาพ พร้อมทำแผนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของตนเอง
-สมาชิกกลุ่มเลี้ยงโค 30 คน มีความรอบรู้ทางการเงินและสุขภาพเพิ่มขึ้นทุกคน -สมาชิกมีแผนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง คนละ 2 แผนได้แก่ ด้านการเงิน และสุขภาพ
ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม
-
ถอนเงินเปิดบัญชี
แกนนำ จำนวน 2 คน ถอนเงินเปิดบัญชีจำนวน 500 บาท
พัฒนาศักยภาพแกนนำ เรื่อง ความรอบรู้ทางการเงินและสุขภาพ
แกนนำจำนวน 10 คน มีความรู้ความเข้าใจในการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงินและสุขภาพ
ประชุมทีมแกนนำ จำนวน 10 คน และวางแผนการดำเนินโครงการร่วมกัน ได้แก่ 1. นายรัฐพงศ์ วรวรรณสงคราม 2. นายซอและ เมืองเล่ง 3. นายบำรุง พรหมมาน 4. นายอภิสิทธิ์ แสงทอง 5. นายรชต ญาติพัฒน์ 6. นายเจริญ สีเพ็ชร 7. นายสุชาติ นามโชติ 8. นายบุญเลิศ บรรดาทรง 9. นายประนอม ยาวศิริ 10. นายหัสนัย พรหมมาน
- กำหนดแผนการดำเนินโครงการ
- ข้อตกลงในการดำเนินโครงการ ได้แก่ สมาชิกต้องเข้าร่วมกิจกรรมอย่างน้อยร้อยละ 80 หากไม่สามารถเข้าร่วมได้ ให้ส่งสมาชิกในครอบครัวเข้าแทนได้
- กำหนดบทบาทหน้าที่ของแกนนำ 3.1 ประธาน คือ นายเจริญ สีเพ็ชร 3.2 รองประธาน คือ นายประนอม ยาวศิริ 3.3 เลขานุการ คือ นายรัฐพงศ์ วรวรรณสงคราม 3.4 การเงิน คือ นายหัสนัย พรหมมาน 3.5 คณะทำงาน คือ 1.นายซอและ เมืองเล่ง 2. นายบำรุง พรหมมาน 3. นายอภิสิทธิ์ แสงทอง 4. นายรชต ญาติพัฒน์ 5. นายสุชาติ นามโชติ และ 6. นายบุญเลิศ บรรดาทรง
จัดประชุมกลุ่มเลี้ยงโค เชิญชวนเป็นกลุ่มเป้าหมายร่วมโครงการ 30 คน
-ได้สมาชิกกลุ่มเป้าหมายร่วมโครงการ 30 คน -สมาชิก 30 คน มีความเข้าใจในกิจกรรมโครงการ ได้แก่ 1. นายรัฐพงศ์ วรวรรณสงคราม 2. นายทิตย์ จันเต็มแก้ว 3. นายสำราญ สงแก้ว 4. นายซอและ เมืองเล่ง 5. นายสมพิศ เพ็ชรรัตน์ 6. นายทักษิณ ชื่นชม 7. นายบำรุง พรหมมาน 8. นายสุพจน์ หมื่นสี 9. นายพะเยาว์ กาญจนโรจน์ 10. นายเม่า ดิสสวัสดิ์ 11. นายประมูล อ่อนมาก 12. นายโชติ นามโชติ 13. นายสุไหลหมาน นราจร 14. นายธวัชชัย เพ็ชรนิล 15. นายภัทรพงศ์ วิรัตแก้ว 16. นายอภิสิทธิ์ แสงทอง 17. นายคล่อง พูลแก้ว 18. นายรชต ญาติพัฒน์ 19. นายณรงค์ฤทธิ์ นานช้า 20. นายเจริญ สีเพ็ชร 21. นางเพ็ญศรี ปุสะมัย 22. นายศุภชัย ขำเพียว 23. นายสุชาติ นามโชติ 24. นายบุญเลิศ บรรดาทรง 25. นายประนอม ยาวศิริ 26. นายสามารถ สองแก้ว 27. นายสมยศ ทองเนียม 28. นายนิคม มาเอียด 29. นายสินไชย บุญสงวน 30. นายหัสนัย พรหมมาน -เกิดข้อตกลงของกลุ่มเป้าหมาย -แกนนำคณะทำงานในการดำเนินงาน 5 คน และต้องหาเพิ่มอีก 5 คน เพื่อให้ดูแลสมาชิกได้ทั่ว 1. นายอภิสิทธ์ แสงทอง 2. นายหัสนัย พรหมมาน 3. นายเจริญ ศรีเพ็ชร 4. นายประนอม ยาวศิริ 5. นายรชต ญาติพัฒน์
จัดทำป้ายโครงการและตรายางโครงการ
ได้ป้านโครงการจำนวน 1 ป้าย และตรายางโครงการ จำนวน 1 อัน
ทำความเข้าใจเป้าหมายร่วมของโครงการ/การเชื่อมโยงระหว่างผลลัพธ์ ตัวชี้วัดและกิจกรรม/การทำความเข้าใจรายละเอียดกิจกรรม ผลผลิต/ผลลัพธ์ ตัวชี้วัดกิจกรรมจากวิทยากร
-แกนนำที่เข้าร่วมกิจกรรม มีความเข้าใจ เป้าหมายร่วมของโครงการ/การเชื่อมโยงระหว่างผลลัพธ์ ตัวชี้วัดและกิจกรรม/การทำความเข้าใจรายละเอียดกิจกรรม ผลผลิต/ผลลัพธ์ ตัวชี้วัดกิจกรรมจากวิทยากร