คนสร้างสุข

พื้นที่หมู่ที่ 7ตำบลตะลุโบะ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี มีประชากรทั้งหมด 1,527 คน แยกเป็นประชากรที่อายุ 35 ปีขึ้นไปจำนวน 627 ประชากรป่วยเป็นโรคเบาหวาน 58 คน ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง 139 คน    มีผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง จำนวน 4 คน มีผู้ป่วยเป็นอัมพาตและอัมพฤกษ์ จำนวน 7 คน และจากการสุ่มตรวจประชากรที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป จำนวน 20 คน พบว่า มีประชากรชายที่มีรอบเอวเกิน 35 นิ้ว จำนวน 6 คน และเป็นผู้หญิงที่มีรอบเอวเกิน 32 นิ้ว จำนวน 9 คน ผู้ประชากรประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทั่ว ได้แก่ รับจ้างทั่วไป อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว อาชีพค้าขาย ประเภทต่าง ๆ เนื่องจากมีเขตพื้นที่ติดชุมชนเมือง มีสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีพฤติกรรมรักความสะดวกสบาย มีค่านิยมรับประทานอาหารที่หลากหลาย ส่งผลให้เกิดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพขึ้นจากสภาพปัญหาประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงสามารถจำแนกสาเหตุดังนี้ ด้านพฤติกรรม - นิยมรับประทานอาหารสำเร็จรูป - ขาดความรู้ด้านโภชนาการอาหาร และ การบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ - ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรค NCDs
- ไม่ดูแลสุขภาพ - ไม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ด้านสภาพสังคมและกายภาพ - มีร้านอาหารที่หลากหลาย ขายของไม่มีประโยชน์ - ตามกระแสการรีวิวอาหารในสื่อโซเชี่ยล - เป็นบริบทสังคมเมือง มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ด้านกลไก - รพสต.ไม่ได้มีการติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง - ขาดการสนับสนุนจาก อปท. ด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชน - ในชุมชนไม่มีการรวมกลุ่มเกี่ยวกับประเด็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จากสาเหตุดังกล่าวนำมาสู่ผลกระทบที่เป็นปัญหาด้าน สุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ
ผลกระทบต่อสุขภาพ - ประชาชนป่วยด้วยโรคเบาหวาน จำนวน 58 คน - ประชาชนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 139 คน - มีผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง จำนวน 4 คน - มีผู้ป่วยเป็นอัมพาตและอัมพฤกษ์ 7 คน ผลกระทบต่อสังคม -เป็นภาระของญาติพี่น้องในครอบครัวที่ต้องดูแลเมื่อเจ็บป่วย - เกิดความขัดแย้งในครอบครัว


ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ -เสียค่ารักษาพยาบาลโดยประมาณ 4,000บาท/ปี - เป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพเนื่องจากร่างกายไม่แข็งแรง - คนในครอบครัวต้องลางานพาไปหาหมอทำให้ขาดรายได้เฉลี่ยอย่างต่ำ 300 บาท/วัน กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลตะลุโบะ ตระหนักดีถึงปัญหาสถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่เป็นปัญหาสุขภาพ ดังนั้นการจัดกิจกรรมเพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยงโรค NCDs และดำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม        ของกลุ่มประชาชนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป จะเป็นอีกมาตรการสำคัญที่จะเสริมสร้างแนวทางการป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชน จะทำให้ลดภาระงานในหน่วยบริการ ที่ส่งผลให้เกิดความแออัด จากสถานการณ์นี้จะยังคงเรื้อรังกับสังคมและชุมชนเป็นเวลายาวนาน จะเป็นอีกมาตรการสำคัญที่จะเสริมสร้างแนวทางการป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพของคนในชุมชนให้ตระหนักถึงการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และมุ่งสู่การมีส่วนร่วมในการจัดการสุขภาพโดยชุมชนอย่างยั่งยืน และเป็นปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อสร้างความเข้มแข็งภาคประชาชน