ชื่อโครงการ | โครงการส่งเสริมและพัฒนาขบวนการนาอินทรีย์วิถีเมืองลุง |
ภายใต้โครงการ | Node Flagship จังหวัดพัทลุง |
ภายใต้องค์กร | Node Flagship จังหวัดพัทลุง |
รหัสโครงการ | 61-01865 |
วันที่อนุมัติ | 1 พฤษภาคม 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มิถุนายน 2563 - 30 กันยายน 2564 |
งบประมาณ | 99,400.00 บาท |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | นายอำมร สุขวิน |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายอำมร สุขวิน |
เบอร์โทรผู้รับผิดชอบโครงการ | |
อีเมล์ผู้รับผิดชอบโครงการ | |
พี่เลี้ยงโครงการ | จุฑาธิป ชูสง |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 1 มิ.ย. 2563 | 31 ต.ค. 2563 | 1 มิ.ย. 2563 | 31 ต.ค. 2563 | 49,700.00 | |
2 | 1 พ.ย. 2563 | 28 ก.พ. 2564 | 1 ก.ค. 2562 | 30 ก.ย. 2562 | 39,760.00 | |
3 | 1 มี.ค. 2564 | 30 ก.ย. 2564 | 9,940.00 | |||
รวมงบประมาณ | 99,400.00 |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ในพื้นที่ภาคใต้จังหวัดที่ปลูกข้าวปริมาณมากเพียงพอบริโภคต่อคนในจังหวัด ณ ปัจจุบัน คือ จังหวัดพัทลุงและนครศรีธรรมราช นอกนั้นจังหวัดอื่นในภาคใต้ก็ผลิตเช่นกันแต่ยังไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายใน จังหวัด ดังนั้น เรื่องข้าวจึงเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายในจังหวัดพัทลุง รวมถึงเกษตรกรหลายกลุ่มร่วมกันผลักดันให้เกิดเป็นยุทธศาสตร์ข้าวขึ้นมา โดยเฉพาะในจังหวัดพัทลุง และเข้มข้นขึ้นเมื่อผนวกกับ แนวคิดเรื่องเกษตรอินทรีย์ อย่างไรก็ตามเครือข่ายคนอินทรีย์วิถีเมืองลุง ในฐานะเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อการพัฒนาได้ตระหนักถึงประโยชน์ในการ ยกระดับเรื่องข้าวให้เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งและเป็นเครื่องมือของการพัฒนาจังหวัด เพราะถือว่าวิถีข้าวเป็น วิถีที่สืบสานกันมาอย่างยาวนานในจังหวัดพัทลุง ดังคำขวัญที่ว่า “เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน”
การก่อตัวของเกษตรอินทรีย์ก่อนจะถึงการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาข้าวอินทรีย์จังหวัดพัทลุงที่มี ระยะของแผน 5 ปี คือ 2559-2563 นั้น ได้มีการรวมตัวและพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืนและนาอินทรีย์มีมาก่อนหน้านั้น จุดเริ่มต้นสำคัญคือการรวมกลุ่มวิเคราะห์ปัญหาของเกษตร ซึ่งเป็นปัญหาร่วมกัน นั่นคือ ประการแรก ปัญหาจากสาเหตุภัยธรรมชาติ เนื่องจากในปี 2518 น้ำท่วมนาข้าวทำให้เกิดความเสียหายมากกับชุมชน ต่อมาในปี 2525 ประสบปัญหาน้ำเค็มไหลเข้าในคลองปากประอย่างหนัก และปี 2535 หอยเชอรี่ระบาดทำลายนาข้าว ปี 2548 ประสบกับปัญหาน้ำท่วมอีกครั้งทำให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่นาข้าวทำให้ข้าวเสียหาย และอีกปัญหาที่เป็นจุดเริ่มต้นของการรวมกลุ่มวิเคราะห์ปัญหา คือ ปัญหาการใช้สารเคมีในการเกษตร ในปี 2518 เช่นกัน เกษตรกรใช้ฟูราดาน และสารเคมีทำลายตอยางพาราในพื้นที่ภูเขา ทำให้สารพิษไหลลงสู่แหล่งน้ำ ปลาและพืชอาหารในนาข้าวเริ่มลดลง นอกจากนี้สารพิษตกค้างทำให้ผลผลิตข้าวลดลง ต่อมา ในปี 2522 เกษตรกรเริ่มทำนาปรัง โดยใช้รถไถเดินตามและปลูกข้าวพันธุ์ กข7 ข้าวพันธุ์ กข11 และข้าว พันธุ์ กข13 ทำให้ข้าวพันธุ์พื้นเมืองสูญหาย วัฒนธรรมข้าวสูญหายไป เช่น การทำขวัญข้าว การแรกเก็บข้าว การกวนข้าวยาคู และสุดท้ายเกิดปัญหาหนี้สินตามมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและการใช้จ่ายที่ไม่เพียงพอ เพราะการพึ่งตนเองเองค่อยๆน้อยลง และในปัจจุบันวิถีการผลิตเปลี่ยนจากระบบเกษตรแบบดั้งเดิมไปอย่างมาก ชาวนาหลายคนใน กลุ่มเกษตรกรรมเลือกเมื่อครั้งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเรื่อง เวทีทบทวนความรู้ และพัฒนาโจทย์เพื่อการ ปรับตัวของชาวนาไทยภายใต้การเปลี่ยนแปลงการผลิตและการตลาดข้าว” 1 ได้วิพากษ์เรื่องนี้ความว่า “ความงดงามของวิถีการผลิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ คนในชุมชนมีความสัมพันธ์ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ระหว่างคนในชุมชน และคนกับสิ่งแวดล้อม ถูกเปลี่ยนเป็นระบบเกษตรเพื่อการค้า มีการส่งเสริมการใช้สารเคมีทางการเกษตร การปลูกพืชเชิงเดี่ยว และระบบการผลิตที่ทันสมัย เกษตรกรเป็น นักจัดการนา คือจ้างเกือบทุกอย่าง หนี้สินตามมา และความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนเริ่มหายไป”
ชาวนาเครือข่ายเกษตรทางเลือกเมืองลุงและเพื่อนเครือข่ายชาวอินทรีย์วิถินิเวศน์เมืองลุง ได้มีการปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตสู่เกษตรกรรมยั่งยืน ในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ที่สอดคล้องกับวิถีชุมชน/ท้องถิ่น เพื่อการพึ่งตนเองของชาวนา พัฒนากลุ่ม ยกระดับ ต้นแบบศูนย์เรียนรู้การผลิตข้าวอินทรีย์ครบวงจร วิชชาลัยรวงข้าว มีกองทุนพันธุ์ข้าวพื้นบ้าน พึ่งพาปัจจัยการผลิตจากภายใน ลดรายจ่ายกระบวนการผลิต ใช้ภูมิปัญญาและพัฒนาความรู้ในการทำเกษตรอินทรีย์พึ่งตนเอง กระบวนการเครือข่ายแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาขยายพื้นที่ทำนาอินทรีย์ มีการจัดสมัชชามีข้อเสนอนโยบายสาธารณะเรื่องข้าวในระดับจังหวัด ได้ใช้กลไกเวทีวัฒนธรรม เชื่อมโยงภาคีเครือข่าย เครือข่ายชาวนาจังหวัดพัทลุง ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน ได้ร่วมกันฟื้นวิถีวัฒนธรรมข้าวและมีข้อเสนอเชิงนโยบายชาวนา ขยายพื้นที่นาอินทรีย์และชาวนาสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน มีสุขภาพดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสิ่งแวดล้อมดี และได้มีการยกระดับพัฒนาเสนอจัดหวัดพัฒนายุทธศาสตร์ข้าวอินทรีย์
สำหรับกระบวนการพัฒนายุทธศาสตร์ข้าวอินทรีย์นั้น ได้ทำประชาคมผ่านชาวนา นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน กลุ่มธุรกิจข้าว ภาครัฐ จากการระดมความคิดเห็นค้นพบจุดแข็งของจังหวัดพัทลุง ที่ สามารถเป็นกำลังภายในในการ
ขับเคลื่อนสู่เมืองข้าวอินทรีย์ ดังนี้
1) สภาพพื้นที่เหมาะต่อการปลูกข้าวสังข์หยด ข้าวสังข์หยดได้รับการจดทะเบียนเป็นดัชนีบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Indicator : GI) มีทุ่งนาที่เหมาะต่อการใช้น้ำในนาอินทรีย์ ได้แก่ อ.ป่ าพะยอม อ.ศรีบรรบต, อ.ควนขนุน, อ.เขาชัยสน, อ.บางแก้ว มีพื้นที่เหมาะสมที่จะ ขยายผลในการผลิตเพิ่ม เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร
2) เกษตรกรมีประสบการณ์ในการผลิตข้าวมายาวนาน มีศูนย์เรียนรู้การผลิต
3) กลุ่มชาวนาอินทรีย์วิถีเมืองลุง กระบวนการทำนาอินทรีย์ครบวงจร และวิสาหกิจชุมชนที่ประสบความสำเร็จในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ที่เป็นแหล่ง เรียนรู้แบบครบวงจรในพื้นที่
4) ข้าวอินทรีย์มีลักษณะเฉพาะ เช่น หอม นิ่ม ตรงความต้องการของตลาด มีข้าวสังข์หยดซึ่ง ได้รับการยอมรับว่าอุดมไปด้วยสารอาหาร ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นที่ต้องการของผู้ที่ ดูแลสุขภาพ สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและผู้ผลิต
5) มีเกษตรกรต้นแบบที่พึ่งตนเองด้านพันธุ์ข้าว มีศูนย์วิจัยข้าวในพื้นที่/ชุมชน และมีศูนย์เรียนรู้ ดินและปุ๋ยชุมชนทุกตำบลมีศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน 3 โชน มีพันธุ์ข้าวที่สมบูรณ์และมีคุณภาพ
6) บุคลากรมีความเชื่อมั่นในการทำเกษตรอินทรีย์ เพิ่มขึ้นสามารถกำหนดมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ได้เอง (สินค้าเกษตร) และใช้แนวทางรับรองอย่างมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการรวมกลุ่มและสร้างโอกาสทางการตลาด
7) การควบคุมสินค้าข้าวเปลือก ข้าวสารสะดวกในแต่ละโซนสำหรับคุมคุณภาพมีที่รองรับ ผลผลิตและเมล็ดพันธุ์ข้าวเพียงพอ มีคุณภาพดี
8) มีการแปรรูปโดยใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านแบบดั้งเดิม มีองค์ความรู้ การแปรรูปข้าวเป็นยา เครื่องสำอาง อาหาร ขนม และเครื่องดื่ม
9) จังหวัดพัทลุงเป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรอยู่แล้ว สามารถพัฒนาและเชื่อมโยงยกระดับเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวใหม่มีทั้งอาหาร กิจกรรม ผลิตภัณฑ์ ข้าวอินทรีย์ ฯลฯ ที่ขึ้นชื่อของจังหวัด
ปรากฏการณ์ภูมิใจและนิยมในข้าวพื้นบ้านและข้าวอินทรีย์ของคนเมืองลุง กลายเป็นจุดรื้อฟื้น นิยามใหม่ของวิสัยทัศน์เมืองข้าว เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีเมืองเกษตร ความเป็นเอกลักษณ์ของการผลิตและวัฒนธรรม นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ปรับแนวทางงานพัฒนาเกษตรสู่ระบบที่ยั่งยืน ทิศทาง ของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา พ.ศ.2559-2563 ประกอบด้วยวิสัยทัศน์ พันธะกิจ และประเด็น ยุทธศาสตร์ ดังนี้
วิสัยทัศน์
“ข้าวอินทรีย์พัทลุงคุณภาพสูงมาตรฐานสากล สร้างคุณภาพชีวิตคน สร้างอาชีพเกษตรกร สร้างรายได้ชุมชน สร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน”
จะเห็นได้ว่าการออกแบบแผนยุทธศาสตร์ข้าวอินทรีย์จังหวัดพัทลุง มีพัฒนาการยาวนาน และตกผลึกจากต้นทุนเดิมไม่ว่าในเรื่องของสภาพพื้นที่ที่เป็นที่ราบลุ่มน้ำเหมาะกับการปลูกข้าวนาหรือในพื้นที่ที่เป็นเนิน ควน ก็มีการปลูกข้าวไร่ มีภูมิปัญญาการผลิตที่ตกทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันได้ปรับประยุกต์ใช้ อย่างเหมาะสม วัฒนธรรมข้าวยังคงหลงเหลืออยู่ และการที่ข้าวสังข์หยดได้ถูกกำหนดให้เป็นข้าวบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ยิ่งทำให้ข้าวสังข์หยดและจังหวัดพัทลุงเป็นที่รู้ จักในฐานะเมืองข้าวของภาคใต้มากขึ้น อย่างไรก็ตามภายใต้เป้หมายหมายเชิงหลักการนอกจากต้องการผลิตข้าวให้เพียงพอและมีทางเลือกในการ บริโภคให้กับคนในยังหวัดได้กินข้าวไม่ใช้สารเคมีแล้ว ผลที่ได้การวิธีคิดอย่างเชื่อมโยงทั้งกระบวนการที่เกิด จากคุณูปการของการทำเกษตรอินทรีย์นอกจากทำให้สิ่งแวดล้อมดี ยังสามารถใช้ผลดีของสิ่งแวดล้อมและ เกษตรที่ปลอดภัยสร้างให้เกิดเป็นการท่องเที่ยว นอกจากการจัดการให้เกิดการขายข้าวในแบบตลาด ภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งแผนยุทธศาสตร์ได้ออกแบบเชื่อมโยงหลายภาคส่วนเข้ามาจัดการบริหาร การตลาดอย่างเป็นจริงเป็นจังพร้อมตั้งเป้าหมายการส่งออกที่ได้รับมาตรฐาน และพื้นที่การผลิตอยู่ที่ 20,000 ไร่
อย่างไรก็ตามบทเรียนการทำงานของภาคประชาชนพบว่าการก่อเกิดกระบวนการเกษตรอินทรีย์ ด้วยจิตวิญญาณและเครือข่ายที่เข้มแข็ง ไม่ได้เกิดจากการตั้งตัวเลขหรือฝันถึงพื้นที่เป้าหมายกี่ไร่ แต่พบว่า การขยายงานกลับเกิดจากการเรียนรู้ของภาคประชาชน คนเล็กคนน้อย ไม่ได้เกิดจากจากอำนาจโครงสร้างใดๆ แต่เกิดจากการเรียนรู้จากคนสู่คน กลุ่มสู่กลุ่ม เครือข่ายสู่เครือข่าย สถาบันสู่สถาบัน และหากนับกันจริงๆ ปัจจุบันได้ก่อเกิดแปลงเกษตรกรรมยั่งยืนที่ไม่ได้ถูกนับอยู่ในระบบของภาครัฐขึ้นจำนวนมาก จนก่อเกิดความก้าวหน้า และนวัตกรรมเกษตรอินทรีย์ขึ้นมากมาย
ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายเกษตรทางเลือกเมืองลุงร่วมกับเครือข่ายคนอินทรีย์วิถีเมืองลุง จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาภาคีเครือข่ายคนอินทรีย์วิถีเมืองลุงเพื่อเพิ่มพื้นที่นาอินทรีย์ในจังหวัดพัทลุงขึ้น เพื่อสร้างและพัฒนากลไกเครือข่ายภาคประชาชน เกษตรกรคนเล็กคนน้อยในชุมชนพัทลุง ให้รู้และตระหนักถึงการผลิตข้าวอินทรีย์ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวอินทรีย์เมืองลุงและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จังหวัดของภาคประชาชนในการสร้างพัทลุงให้เป็นเมืองสีเขียวคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในจังหวัดพัทลุงมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการการผลิตข้าวอินทรีย์ครบวงจร
|
0.00 | |
2 | เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำนาอินทรีย์ของเกษตรกรในจังหวัดพัทลุง
|
0.00 | |
3 | เพื่อให้เกิดกลไกการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์และให้มีการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์วิถีคนเมืองลุง
|
0.00 | |
4 | เพื่อเพิ่มพื้นที่นาอินทรีย์วิถีเมืองลุง
|
0.00 |
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
---|---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | 50 | ||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
เครือข่ายชาวนาอินทรีย์วิถีเมืองลุงในจังหวัดพัทลุง | 50 | - |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 650 | 99,400.00 | 13 | 76,300.00 | |
5 พ.ค. 62 | 12 ประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ 1 | 20 | 3,500.00 | ✔ | 2,500.00 | |
25 พ.ค. 62 | 2 เวทีเรียนรู้นาอินทรีย์วิถีเมืองลุง | 30 | 7,900.00 | ✔ | 8,400.00 | |
3 มิ.ย. 62 | 1 เวทีสาธารณะเพื่อการเรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถีเมืองลุง | 100 | 15,300.00 | ✔ | 9,100.00 | |
15 มิ.ย. 62 | 7 ปฏิบัติการขยายผลนาอินทรีย์วิถีเมืองลุง ครั้งที่ 1 | 100 | 16,000.00 | ✔ | 23,200.00 | |
20 มิ.ย. 62 | ประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ 2 | 20 | 2,500.00 | ✔ | 1,500.00 | |
30 มิ.ย. 62 | 6 เวทีเชื่อมร้อยเครือข่ายคนอินทรีย์วิถีเมืองลุง | 30 | 10,100.00 | - | ||
6 ก.ค. 62 | 8 จัดตั้งธนาคารน้ำหมักชุมชนและธนาคารปุ๋ยหมักชุมชน | 50 | 5,500.00 | ✔ | 5,500.00 | |
20 ก.ค. 62 | 14 ประชุมคณะทำงานครั้งที่ 3 | 20 | 2,500.00 | ✔ | 1,500.00 | |
25 ก.ค. 62 | 3 ส่งเสริมและพัฒนาศูนย์เรียนรู้ตามภูมินิเวศเมืองลุง | 50 | 10,000.00 | ✔ | 2,200.00 | |
28 ก.ค. 62 | 13 เวทีประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาการดำเนินงาน | 20 | 7,000.00 | ✔ | 2,000.00 | |
20 ส.ค. 62 | 14. ประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ 4 | 20 | 2,500.00 | ✔ | 1,500.00 | |
21 ส.ค. 62 | 11 เวทีถกแถลงมาตรฐานนาอินทรีย์วิถีเมืองลุง | 50 | 5,500.00 | - | ||
28 ส.ค. 62 | 10 จัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ | 20 | 400.00 | ✔ | 400.00 | |
20 ก.ย. 62 | 14. ประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ 5 | 20 | 2,700.00 | ✔ | 1,500.00 | |
30 พ.ย. 62 | 7 ปฏิบัติการขยายผลนาอินทรีย์วิถีเมืองลุง ครั้งที่ 2 | 100 | 8,000.00 | ✔ | 17,000.00 |
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2562 15:35 น.