ชื่อโครงการ | ฟื้นคืนชีวิตชาวสวนยางด้วยวิถีป่าร่วมยางยั่งยืน |
ภายใต้โครงการ | Node Flagship จังหวัดพัทลุง |
ภายใต้องค์กร | Node Flagship จังหวัดพัทลุง |
รหัสโครงการ | ุ63001690015 |
วันที่อนุมัติ | 1 มิถุนายน 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มิถุนายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 |
งบประมาณ | 108,000.00 บาท |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายสหจร ชุมคช |
เบอร์โทรผู้รับผิดชอบโครงการ | |
อีเมล์ผู้รับผิดชอบโครงการ | |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางสาวจุฑาธิป ชูสง และ นายเสณี จ่าวิสูตร |
พื้นที่ดำเนินการ | จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 20 มิ.ย. 2563 | 31 ต.ค. 2563 | 20 มิ.ย. 2563 | 31 ต.ค. 2563 | 43,200.00 | |
2 | 1 พ.ย. 2563 | 28 ก.พ. 2564 | 1 พ.ย. 2563 | 30 ก.ย. 2564 | 54,000.00 | |
3 | 1 มี.ค. 2564 | 31 มี.ค. 2564 | 10,800.00 | |||
รวมงบประมาณ | 108,000.00 |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันยางพาราเข้าครอบครองพื้นที่ทําการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลพื้นที่ปลูกยางพาราของสถาบันวิจัยยาง ปีพ.ศ. 2558 รายงานว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกยางทั้งสิ้น 18,761,231 ไร่ ประกอบด้วย พื้นที่ปลูกยางของภาคใต้จํานวน 11,906,882 ไร่ รองลงมาคือ พื้นที่ปลูกยางพาราของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จํานวน 3,477,303 ไร่ ภาคตะวันออกรวมกับภาคกลาง จํานวน 2,509,644 ไร่ ส่วนภาคเหนือพื้นที่ปลูกยางพาราน้อยที่สุด จํานวน 867,402 ไร่ พื้นที่ปลูกยางทั้งหมดของประเทศที่กล่าวถึง มีจํานวน พื้นที่ซึ่งเปิดกรีดไปแล้ว จํานวนรวมทั้งสิ้น 10,896,957 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 85 ของพื้นที่ปลูกยางทั้งหมด ในจํานวนนี้ให้ผลผลิตเฉลี่ย 282 กิโลกรัม/ไร่/ปี อย่างไรก็ตามพื้นที่ปลูกยางของประเทศไทยยังมีอัตราที่ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องมาจากสภาวะวิกฤติน้ำมันเชื้อเพลิง มีส่วนช่วยสร้างโอกาสให้กับยางธรรมชาติขึ้นมาอยู่เหนือยางเทียม อย่างไม่คาดคิด ความต้องการยางธรรมชาติในเชิงอุตสาหกรรมจึงสูงขึ้น ช่วยฉุดให้ราคายางพาราสูงตาม ส่งผลให้พื้นที่ปลูกยางพารา ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากป่าบนพื้นที่สูงจะถูกแทนที่ด้วย สวนยางพาราแล้ว บริเวณที่ราบลุ่มที่เคยเป็นบ้านของพืชไร่ วันนี้ยังถูกแทนที่ด้วยยางพาราจํานวนไม่น้อย ทั้งๆ ที่ผลผลิตเฉลี่ยตอไรจะต่ำมากก็ตาม เมื่อรวมพื้นที่ปลูกยางพาราของทั้งจังหวัดสงขลา จังหวัด พัทลุง และจังหวัดนครศรีธรรมราช เขาดวยกันพบวามีพื้นที่ปลูกยาง ทั้งสิ้นประมาณ 3,430,422 ไร ในจํานวนพื้นที่นี้พบวามีพื้นที่ปาอนุรักษรวมอยูดวยจํานวนหนึ่ง จากขอมูลภาพถายทางอากาศเมื่อป พ.ศ. 2545 ซึ่งกรมทรัพยากรปาไมลุมน้ำทะเลสาบสงขลา ไดรายงาน โดยอางจากรายงานโครงการจัดทําแผนแมบทการพัฒนาลุมน้ำทะเลสาบสงขลา สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่ง - แวดลอม ปพ.ศ. 2548 พบวาพื้นที่ปาอนุรักษไดถูกบุกรุกประมาณ 23,618 ตารางกิโลเมตร ซึ่งพื้นที่เหลานี้สวนใหญเปนพื้นที่ในเขตลุมน้ำทะเลสาบสงขลา ที่ครอบคลุมบางสวนของจังหวัดสงขลา จังหวัด พัทลุง และจังหวัดนครศรีธรรมราช การรุกปาเพื่อเปลี่ยนเปนพื้นที่การเกษตร สืบเนื่องจากพื้นที่เดิม ดินเกิดสภาวะเสื่อมโทรมสงผลใหผลผลิตลดจํานวนลง การแกปญหาของเกษตรกรวิธีที่งายที่สุดก็คือการขยายพื้นที่ปลูก เพื่อให ผลิตตอไรคงที่หรือเพิ่มมากขึ้น แตดวยไมมีพื้นที่วางเปลาเหลืออยู เกษตรกรจึงเลือกที่จะรุกเขาไปทําแปลงเกษตรในพื้นที่อนุรักษซึ่งสวนใหญอยูในบริเวณพื้นที่ตนน้ำ แตดวยถูกปลูกฝงมาใหยึดติดกับระบบเกษตรกระแสหลักที่ยึดเอาเทคโนโลยีเปนตัวตั้ง เกษตรกรจึงทําเกษตร ในระบบการปลูกพืชเชิงเดี่ยว สงผลใหสวนยางพาราทั้งหมดในทุกพื้นที่ เปนสวนยางพาราเชิงเดี่ยวทั้งสิ้น ในมิติที่เปนประโยชนของการจัดการ เกษตรกรรมระบบนี้เกษตรกรจะไดคาตอบแทนสูง แตจะชักนําใหตนทุนสูงตามไปดวย ทั้งนี้เพราะตองวิ่งตามเทคโนโลยีไปตลอดไม สิ้นสุด ในทางกลับกันหากพิจารณาในมิติความยั่งยืนของการจัดการเชิงเดี่ยวที่ปลูกในที่พื้นที่เดิมตอเนื่องกันประมาณ 3 รอบ ใชเวลา ประมาณ 60 ปหรือมากกวา จะพบวาอัตราการเจริญเติบโตของตน ยางพาราจะคอยๆ ลดขนาดลงตามลําดับ สงผลใหตนยางพารามี เปลือกบางลง และใหน้ํายางนอย เนื่องจากดินในแปลงปลูกพืช เชิงเดี่ยวเสื่อมคุณภาพลง ดวยเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสรางของดิน ทั้งทางดานกายภาพ เคมีและชีววิทยา ที่สืบเนื่องมาจากการ ใชปุยเคมีและสารเคมีในแปลงปลูกยางพาราเปนเวลายาวนาน ส่งผลกระทบก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของดิน ทําใหเศษซากดังกลาว ตกคางอยูในดินยาวนานกวาที่ควรจะเปน ขณะเดียวกันกลไกดังกลาว มีสวนสนับสนุนใหผิวอนุภาคดินมีไฮโดรเจนไอออนจับเกาะในปริมาณ มากขึ้น จึงไมใชเรื่องแปลกที่ดินจะคอยๆพัฒนาไปสูความเปนกรดขึ้น อยางตอเนื่อง การเสื่อมของคุณภาพดินยังสรางผลกระทบกับวงจรธาตุ อาหารของระบบนิเวศทั้งระบบ เชน วงจรของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและธาตุอาหารอื่น วงจรธาตุอาหารดังกลาวจะถูกตัดตอน ใหขาดเปนชวงๆ ระบบนิเวศของดินในพื้นที่ปลูกยางพาราจึงขับเคลื่อน วงจรธาตุอาหารลดประสิทธิภาพลงอยางตอเนื่อง สงผลใหขาดธาตุ อาหารจําพวกไนโตรเจนในดินลดจํานวนลง สวนฟอสฟอรัสแมจะยังมี อยูก็มิอาจใชประโยชนไดเนื่องจากไมไดอยูในรูปของฟอสเฟตที่ละลายน้ำไดดวยเพราะดินเปนกรด ดินที่ขาดธาตุอาหารหรือมีธาตุอาหารแตอยูในรูปที่ใช ประโยชนไมได จัดเปนดินที่เสื่อมความอุดมสมบูรณพืชที่อาศัยอยูใน ดินลักษณะดังกลาวจึงเติบโตไดนอยและใหผลผลิตต่ำ ทางออกของ เกษตรกรอยางงาย ก็คือการนําเขาธาตุอาหารดังกลาวสูดินมากขึ้นตามลําดับ แตอยางไรก็ตามแมวาจะเพิ่มปุยเคมีลงไปเทาใดก็หาเปน ประโยชนไม เพราะดินที่เปนกรดทําใหธาตุอาหารฟอสฟอรัสไมแตกตัว เปนไอออน โดยจะอยูในรูปสารประกอบของโลหะเปนสวนใหญ รากพืชจึงไมสามารถนําเขาเพื่อใชประโยชนได ดังนั้นแมวาเกษตรกรจะเพิ่มปุยเคมีลงไปในดินมาก สักเพียงใด ก็จะไมเกิดประโยชนกับตนยางพารา ดวยเพราะไม สามารถนําธาตุอาหารชนิดนี้เขาสูรากเพื่อสงตอไปยังสวนตางๆของ เนื้อเยื่อที่ไดรับคําสั่งมา สุดทายก็จะเกิดสภาวะขาดแคลนธาตุอาหาร เมื่อหันกลับมาพิจารณามิติของการปลูกยางพาราเชิง บูรณาการ ที่อาจเปนการใชพืชหลายชนิดปลูกแซม ป่าร่วมยาง หรืออาจพัฒนาให ซับซอนสูการสรางสังคมพืช จะพบวาวิธีนี้เปนวิธีที่สอดคลองกับ ธรรมชาติเนื่องจากมีสวนชวยใหโครงสรางของดิน ทั้งทางกายภาพ เคมีและชีววิทยา ไดมีการพัฒนาตนเองไปสูการสรางสัดสวนขององคประกอบของโครงสรางของดินใหเหมาะสม เชน หากดินมีสภาพ ทางกายภาพที่มีชองวางระหวางเม็ดดินติดตอเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด ก็จะชวยใหอากาศแพรผานลงไปในดินไดลึกมากขึ้น ขณะเดียวกันชวย ใหคารบอนไดออกไซดที่ถูกกักเก็บสามารถแพรออกจากดินสู บรรยากาศไดไมยุงยาก รากพืชก็จะทําหนาที่ไดสมบูรณขึ้น ทุกครั้งที่ฝนตก หากดินมีชองวางระหวาง อนุภาคดินติดตอ เชื่อมโยงเปนเครือขายถึงกันอยางเปนระบบ การระบายน้ำลงสูดินชั้น ลางจะกระทําไดเปยมประสิทธิภาพ จะไมมีน้ำถูกกักขังอยูระหวางชองวางอนุภาคดิน สงผลใหรากพืชไมเครียดเพราะขาดออกซิเจน สําหรับหายใจ เมื่อดินสามารถกักอากาศเอาไวในชองวางระหวาง อนุภาคดินไดมาก ก็จะมีไนโตรเจนสําหรับให้ จุลินทรียตรึงเพื่อ เปลี่ยนเปนไนเตรต ขณะเดียวกันก็มีปริมาณออกซิเจนเพียงพอสําหรับ ใหรากพืช สัตวในดิน และจุลินทรียใชในการหายใจเพื่อสรางพลังงาน หากการสรางพลังงานไมติดขัด การขับเคลื่อนวิถีภายในระบบชีวิตของ แตละสรรพชีวิตก็จะสะดวกและคลองตัว สงผลใหสภาวะแวดลอมของ ดินดีขึ้น สภาวะเชนวานี้จะสนับสนุนใหเกิดการชักนําใหสรรพชีวิตอื่นๆ ในที่อยูอาศัยอื่น ไดอพยพเขามามากขึ้นตามลําดับ หากเปนเชนนี้ไดก็ จะชวยใหดินพัฒนาไปสูสุขภาวะอยางตอเนื่อง ในธรรมชาติพัฒนาการ ของสังคมพืชไดใ ห ความสําคัญ กับความ หลากหลายของพันธุกรรม ทั้งพืช สัตวและจุลินทรีย ไดมีสวนรวมในการทําหนาที่ อ ยางเปนระบบ กรอบ ความคิด ดังกลาวมีสวน สนับสนุนใหเครื่องจักรมีชีวิต ในดินแตละภาคสวนไดทําหน้าที่สนับสนุนการ ขับเคลื่อนวงจรธาตุอาหาร ใหเคลื่อนตัวไดเร็วขึ้น และขยายเครือขายสูวงกวางมากขึ้น ทําใหมีปุยธรรมชาติคืนกลับสูดิน เพียงพอสําหรับการเฉลี่ยและแบงปนกัน ผลลัพธก็คือความแข็งแรง ของระบบนิเวศที่จะทยอยคืนกลับมาอยางชาๆ แตมั่นคง สุดทาย ระบบเกษตรเชนวานี้จะกาวยางสูมิติของความยั่งยืน หากเราสรางกรอบคิดการปลูกยางพารา โดยอาศัยหลักการ และเหตุผลดังกลาวขางตน ก็จะมี สวนชวยใหสังคมพืชปายางพารา ไดปรับตัวจากความเปราะบางสูความแข็งแรงของระบบ แมวาจะมี การคุกคามที่ทําใหเกิดภาวะเครียด จากตัวแปรใดๆ ก็ตาม สรรพชีวิต ก็สามารถปรับตัวโดยอาศัยกลไกการปองกันตัวเอง ชวยแกปญหา ทั้ง การแกปญหาเฉพาะสวนตัวหรือการแกปญหาแบบมีสวนรวม เชน จุลินทรียกลุมหนึ่งอาจชวยกันแยงชิงอาหาร หรือตัวรับอิเล็กตรอน ของจุลินทรียกอโรค ทําใหจุลินทรียกอโรคขาดอาหาร หรือพลังงาน สุดทายจุลินทรียกอโรคจะคอยๆ ลดจํานวนประชากรลงตามลําดับ อยางตอเนื่อง และหายไปในที่สุดโดยเกษตรกรไมตองพึ่งพาสารเคมี ที่เปนพิษแตอยางใด สังคมพืชสวนยางพารา มองดูก็คลายกับสังคมพืชใน ปาดิบชื้น เพียงแตมีจํานวน เรือนยอดของพืชเสมือนรม ขนาดและรูปแบบที่ซอน เหลื่อมในแนวดิ่งจํานวนนอย กวา แตจํานวนที่นอยกวานี้ก็ สามารถทําหนาที่ชวยดูดซับ และสะทอนรังสีอัลตราไวโอเลตไมใหกระทบกับประชากร ของจุลินทรียโดยตรง ทั้งนี้เพื่อใหเครื่องจักรที่มีชีวิตเหลานี้ไดทําหนาที่ ผลิตอินทรียวัตถุ และชวยคืนกลับธาตุอาหารใหกับดินผานกลไกของ การยอยสลายเพื่อสงตอใหกับพืช ทํานองเดียวกันธรรมชาติยังได ออกแบบใหโปรโตซัว คอยทําหนาที่ควบคุมประชากรของแบคทีเรีย ไมใหเพิ่มจํานวนเร็วมากเกินไป ทั้งนี้เพื่อความสอดคลองกับปริมาณใบ พืชที่รวงหลน รวมทั้งเศษซากพืชที่มีจํานวนสอดคลองกับประชากร ของสัตวกินซาก
ขอมูลที่กลาวมาขางตนทั้งหมด ลวนบงชี้ใหเห็นวาระบบ เกษตรเชิงเดี่ยวในบริเวณพื้นที่ปาตนน้ำ นาจะเปนจุดเริ่มตนของ ประเด็นปญหาหลายๆ ประเด็นที่สัมพันธและเชื่อมโยงกันอยางเปน ระบบ จากตนน้ำสูปลายน้ำ และรายทาง กอใหเกิดผลกระทบกับ สรรพชีวิตที่เปนสวนประกอบของโครงสรางระบบนิเวศ ภายใตระบบ ธรรมชาติที่ซับซอน หากประสงคจะแกปญหาดังกลาวจะตองมองให ครบทุกมิติหลังจากนั้นจึงเริ่มตนแกปญหาแบบมีสวนรวมโดยเริ่มที่ตนน้ำ แลวเชื่อมโยงสูกลางน้ำและปลายน้ำอยางเปนระบบ ถึงจะทํา ใหทุกขของสรรพสิ่งของลุมน้ําคอยๆ คลี่คลายลงอยางมีพัฒนาการ
ดังนั้นในการขับเคลื่อนส่งเสริมฟื้นชีวิตคืนเศรษฐกิจชาวสวนยางพัทลุงด้วยกระบวนการพัฒนาสวนยางเป็นพื้นที่พืชร่วมยาง ผลลัพธ์ของการดำเนินงาน เกิดเครือข่ายป่าร่วมยางยั่งยืน สมาชิกในเครือข่ายได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลกระทบของยางเชิงเดี่ยวและการใช้สารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ทำให้มีชาวสวนยางจำนวน 54 ครอบครัว ปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบป่ายางยั่งยืน มีการปลูกพืชแซมในสวนยาง โดยในการขับเคลื่อนงานนั้นการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ได้มีกลไกขับเคลื่อน “คณะทำงานป่าร่วมยาง” มีคณะทำงานจำนวน 20 คน มีแกนนำหลักในการขับเคลื่อนและการบริหารจัดการจำนวน 6 คน ที่ได้มีส่วนร่วมในการร่วมคิด ร่วมทำ และสามารถวิเคราะห์แก้ปัญหาได้ ได้มีการแบ่งบทบาทการทำงาน และรับผิดชอบตามที่ได้รับมอบหมาย มีกติกาข้อตกลง ได้ทำตามข้อตกลงและสมาชิกในเครือข่ายยอมรับและเข้าร่วม สำหรับแกนนำบางส่วนใหม่กระบวนการทำงานเป็นทีมยังขาดทักษะความชำนาญในเรื่องการบริหารจัดการและการขับเคลื่อนงานแบบมีส่วนร่วม การทำงานได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากภาคีความร่วมมือ เนื่องได้มีกระบวนการร่วมในกิจกรรม และแปลงรูปธรรมต้นแบบทำให้ได้รับความยอมรับ และเห็นความตั้งใจร่วมแรงร่วมใจของเครือข่ายฯ เช่น เทศบาลตำบลลำสินธุ์ ธกส. สปก.พัทลุง
เกิดวิชาต้องไม่พาตาย ถ่ายทอดความรู้ของชุมชนสู่คนรุ่นใหม่ มีเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และนำความรู้ที่ได้ไปใช้ ในการเพาะกล้าไม้ การขยายพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิด ที่สามารถขยายพันธุ์พืชสำหรับเตรียมปลูกร่วมในป่าร่วมยาง เกิดธนาคารพันธุ์พืช มีโรงเรือนเพาะและขยายพันธุ์พืชจำนวน 16 โรง มีระบบการกระจายแบ่งปันให้กับสมาชิก และมีรายได้จากการจำหน่ายพันธุ์กล้าไม้ให้กับคนที่สนใจเพิ่มความหลายหลายในแปลง ส่งผลให้ธนาคารพันธุ์พืชมีความเติบโต และมีพันธุ์กล้าไม้ที่เหมาะสมในการปลูกรวมในสวนยางแต่ละระยะจำนวน 30 ชนิด นอกจากนี้ผลผลิตในแปลงที่ปลูก หรือที่เว้นไว้ในส่วนยางมีระบบการรวบรวมและจัดการกระจายผลผลิต และบริโภคในครัวเรือน มีการเพิ่มมูลค่านำพืชใช้ประโยชน์อาหาร ใช้สอย ไม้ประดับ เพิ่มรายได้ให้กับชาวสวนยาง ซึ่งเฉลี่ยมีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละ 1,000 บาท มีระบบตลาด ระบบร้านค้าชุมชน ศูนย์เรียนรู้พันธุกรรมพืชตำบลลำสินธุ ซึงจากการดำเนินการนั้น ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนคนเกษตร ผลผลิตที่นำมานั้นยังสร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าพืชร่วมในสวนยางนั้นยังมีน้อย
ช่องว่างในกระบวนการดำเนินงานในการจัดการกระบวนการขับเคลื่อนของกลไกเครือข่ายที่สามารถดำเนินการขับเคลื่อนงานได้ คณะทำงานร้อยกว่า 50 ของคณะทำงานมีความตั้งใจและสามารถขับเคลื่อนงานได้ แต่มีร้อยละ 50 นั้นขาดทักษะความชำนาญในการบริหารจัดการและขับเคลื่อนงาน หรือบางคนมีการแบ่งเวลาไม่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิต มีการปรับเปลี่ยน
มีกระบวนการทำซ้ำเพื่อเติมส่วนช่องว่างของโมเดลป่าร่วมยางยังยืนที่ยังไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะในการเก็บข้อมูลตัวชี้วัดผลลัพธ์ยังไม่ครบถ้วน และการวิเคราะห์ข้อมูลยังไม่ชัดเจน และทดสอบเพิ่มความมั่นใจโมเดล ในการขยายพื้นที่ป่าร่วมยางยั่งยืนคืนชีวิตชาวสวนยางพัทลุง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาวะ
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มวิถีชุมชนคนเกษตรร่วมกับกลุ่มเครือข่ายคนอินทรีย์วิถีเมืองลุง จึงได้จัดทำโครงการฟื้นคืนชีวิตชาวสวนยางด้วยวิถีป่าร่วมยางยั่งยืน เพื่อปรับกระบวนทัศน์ในการทำสวนยางพาราของคนเมืองลุงให้เปลี่ยนจากระบบพืชเชิงเดี่ยวไปสู่ระบบพืชร่วมยางขึ้น รวมถึงสร้างและพัฒนากลไกเครือข่ายภาคประชาชน เกษตรกรคนเล็กคนน้อยในชุมชนพัทลุง ให้รู้และตระหนักถึงการพิษภัยของการใช้สารเคมีทางการเกษตร เพื่อยกระดับเป็นโมเดลการจัดการป่าร่วมยางยั่งยืน เป็นแนวทางหนึ่งที่นำไปสู่เมืองโดยมีเป้าหมายสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จังหวัดของภาคประชาชนในการสร้างพัทลุงให้เป็นเมืองสีเขียวเกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้ที่มั่นคง และมีความมั่นคงทางด้านอาหาร
เพื่อให้โมเดลป่าร่วมยางยั่งยืน นำไปสู่การขยายผลต่อไปได้ ในปีที่ 2 มีแนวทางในการขับเคลื่อนป่าร่วมยางเพื่อมีปรับเปลี่ยนของชาวสวนยางเข้าสู่ระบบป่าสวนยางยังยืนที่เหมาะสมกับพื้นที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น กระบวนการปลูก การจัดจัดการผลผลิตเชื่อมร้อยแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค มีกระบวนการพัฒนากลไกขับเคลื่อนและพัฒนาศักยภาพแกนนำให้สามารถขับเคลื่อนงานมีคณะทำงานที่อย่างเข้มแข็ง ร่วมคิด ร่วมวิเคราะห์ ประเมินการดำเนินงาน แก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม และขับเคลื่อนงานให้บรรลุตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ได้ พัฒนากลไกเครือข่ายให้มีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบ่งปันพันธุ์พืช ผลผลิต ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กระบวนการในการยกระดับพัฒนาระบบตลาด ตลาดนัดชุมชน แบ่งปันพืชผัก อาหารปลอดภัย งานจักสาน ซึ่งใช้วัสดุจากป่าร่วมยาง และพัฒนาระบบตลาดออนไลน์ มีกระบวนการเพิ่มเติมความรู้ในการจัดการและบรรจุ การขนส่งที่มีคุณภาพที่ดี ส่งเสริมการนำผลผลิตจากป่าร่วมยางสร้างรายได้ เสริมแรงให้ชาวสวนยางปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบป่ายางยังยืน สนับสนุนครัวเรือนอยางน้อยง 50 ครัวเรือนในการทำป่าร่วมยางเพิ่มพื้นที่ป่าร่วมยางในจังหวัดพัทลุง และถอดบทเรียน โมเดลคืนชีวิตชาวสวนยางด้วยระบบป่าร่วมยางยั่งยืน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อให้กลไกขับเคลื่อนป่าร่วมยางได้อย่างเข้มแข็ง
|
15.00 | |
2 | 2. เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่ระบบป่าร่วมยางครบวงจร 1.ชาวสวนยางมีความรู้และความตระหนักความสำคัญของป่าร่วมยาง
2. เกิดครัวเรือนปรับเปลี่ยนการปลูกยางพาราเพียงอย่างเดียวสู่พืชร่วมยางที่มีพืชอย่างน้อย 5 ประเภทไม่น้อยกว่า 30 ครัวเรือน พื้นที่อย่างน้อย 300 ไร่
3. มีระบบการกระจายพืชผักและผลผลิตที่ได้จากป่าร่วมยาง มีตลาดทางเลือกจำนวน 2 ตลาด |
30.00 | |
3 | 3. มีป่าร่วมยางยั่งยืนเป็นพื้นที่ผลิตอาหารปลอดภัยเพิ่มขึ้น
|
300.00 |
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
---|---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | |||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 602 | 108,000.00 | 26 | 104,444.00 | |
20 มิ.ย. 63 | ปฐมนิเทศผู้รับทุนโครงการ NFSจังหวัดพัทลุง | 3 | 5,000.00 | ✔ | 208.00 | |
25 มิ.ย. 63 | 1 ประชุมคณะทำงานครั้งที่ 1 | 20 | 8,500.00 | ✔ | 1,600.00 | |
2 ก.ค. 63 | 2 เวทีพัฒนาศักยภาพแกนนำ | 30 | 4,500.00 | ✔ | 4,500.00 | |
15 ก.ค. 63 | 7 สนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชร่วมยาง และการขยายลดใช้สารเคมีในสวนยาง | 35 | 16,550.00 | ✔ | 16,550.00 | |
10 ส.ค. 63 | กิจกรรมที่ 5 เวทีสาธารณะเพื่อปรับกระบวนการสวนยางสู่ป่ายาง | 80 | 13,700.00 | ✔ | 13,700.00 | |
25 ก.ย. 63 | กิจกรรมที่ 1 ประชุมคณะทำงานเครือข่ายป่าร่วมยาง ครั้งที่ 2 | 20 | 0.00 | ✔ | 1,600.00 | |
7 ต.ค. 63 | เวทีเชื่อมร้อยเครือข่าย | 4 | 0.00 | ✔ | 208.00 | |
15 ต.ค. 63 | กิจกรรมที่ 3 เวทีติดตามประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา ARE ครั้งที่ 1 | 25 | 3,200.00 | ✔ | 3,200.00 | |
25 ต.ค. 63 | กิจกรรมที่ 1 ประชุมคณะทำงาน ครั้งที่ 3 | 20 | 0.00 | ✔ | 2,100.00 | |
14 พ.ย. 63 | ปิดงวดโครงการงวดที่ 1 | 3 | 0.00 | ✔ | 328.00 | |
18 พ.ย. 63 | กิจกรรมที่ 4 เวทีเชื่อมร้อยเครือข่ายคนป่ายาง | 50 | 9,000.00 | ✔ | 9,000.00 | |
25 พ.ย. 63 | กิจกรรมที่ 1 ประชุมคณะทำงานเครือข่ายป่าร่วมยาง ครั้งที่ 4 | 20 | 0.00 | ✔ | 1,600.00 | |
26 พ.ย. 63 | จัดทำป้ายเขตปลอดเหล้าบุหรี่ | 1 | 1,000.00 | ✔ | 1,000.00 | |
2 ธ.ค. 63 | กิจกรรมที 9 พัฒนายกระดับผลผลิตเป็นผลิตภัณฑ์/เมนูอาหารปลอดภัย ครั้งที่ 1 | 20 | 9,700.00 | ✔ | 5,600.00 | |
10 ธ.ค. 63 | กิจกรรมที่ 6 ส่งเสริมการจัดตั้งโรงเรียนใต้โคนยางกระจายตามภูมิเวศเมืองลุง | 30 | 11,400.00 | ✔ | 11,400.00 | |
20 ธ.ค. 63 | กิจกรรมที่ 3 เวทีติดตามประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา ARE ครั้งที่ 2 | 25 | 3,200.00 | ✔ | 3,200.00 | |
21 ธ.ค. 63 | ค่าอินเตอร์เน็ด | 2 | 1,000.00 | ✔ | 1,000.00 | |
15 ม.ค. 64 | กิจกรรมที่ 9 พัฒนายกระดับผลผลิตเป็นผลิตภัณฑ์/เมนูอาหารปลอดภัย ครั้งที่ 2 | 20 | 0.00 | ✔ | 4,100.00 | |
5 ก.พ. 64 | กิจกรรมที่ 10 ส่งเสริมการกระจายผลผลิตจากเครือข่ายคนป่ายางสู่ชุมชน | 50 | 10,000.00 | ✔ | 10,000.00 | |
9 ก.พ. 64 | จัดทำนิทรรศการแสดงผลการดำเนินงานในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้โครงการ | 5 | 1,000.00 | ✔ | 1,000.00 | |
25 ก.พ. 64 | กิจกรรมที่ 1 ประชุมคณะทำงานเครือข่ายป่าร่วมยาง ครั้งที่ 5 | 20 | 0.00 | ✔ | 1,600.00 | |
20 มี.ค. 64 | เวทีประเมินผลการเรียนรู้เพื่อการพัฒนา AREร่วมหน่วยจัดการฯ | 4 | 0.00 | ✔ | 300.00 | |
25 พ.ค. 64 | กิจกรรมที่ 8 ขับเคลื่อนธนาคารพันธุ์พืชพืชพื้นถิ่น | 50 | 1,750.00 | ✔ | 1,750.00 | |
25 มิ.ย. 64 | กิจกรรมที่ 11 เวทีสรุปผลการดำเนินโครงการ | 50 | 8,500.00 | ✔ | 8,500.00 | |
12 ก.ย. 64 | เวทีประเมินผลเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาARE ร่วมหน่วยจัดการฯ | 15 | 0.00 | ✔ | 300.00 | |
30 ก.ย. 64 | ค่าเปิดบัญชีธนาคาร | 0 | 0.00 | ✔ | 100.00 |
1.เมื่อโครงการแล้วเสร็จ หรือเมื่อทุนของ สสส. หมดลง จะมีการดำเนินการต่อเนื่องหรือไม่ อย่างไร
โครงการแล้วเสร็จหรือเมื่อทุนของ สสส. จะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินงานของโครงการนี้เสริมให้เกิดกลไกขับเคลื่อนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ มีการรวมกลุ่มหนุนเสริมการปรับเปลี่ยน มีการปรับเปลี่ยนระบบการผลิตของเกษตรกรชาวสวนยางมีต้นแบบ มีรูปธรรมพืชร่วมยางชัดเจนและสร้างรายได้ ลดต้นทุนการผลิต กระบวนการผลิตไม่ใช้สารเคมี มีความมั่นคงทางด้านอาหาร สิ่งแวดล้อมดีขึ้น คืนระบบนิเวศน์ให้กับชุมชน จากต้นแบบดังกล่าวเป็นตัวอย่างในการขยายผลต่อไป
2.ระบุวิธีการขยายผลจากการดำเนินโครงการ และชุมชน หรือผู้อื่นจะใช้ประโยชน์จากผลของโครงการนี้อย่างไร
กลไกโครงสร้างเครือข่ายป่าร่วมยางยั่งยืนเกิดขึ้น เช่น โรงเรียนใต้โคนยาง ธนาคารปุ๋ยหมัก ธนาคารพันธุ์พืช ตลาดสีเขียว เป็นแหล่งสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่สามารถขยายแนวคิดด้วยการสร้างความรู้ความตระหนักให้กับเกษตรกรในชุมชน และผู้สนใจเรียนรู้และปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชร่วมยางที่สอดคล้องกับภูมินิเวศน์ และมีกลไกสนับสนุนเกิดความมั่นคง กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชื่อมร้อยเครือข่าย และมีกลไกการติดตามหนุนเสริมของเครือข่ายคนอินทรีย์วิถีเมืองลุง และสามารถนำโมเดลเป็นต้นแบบ ประสานความร่วมมือส่งต่อให้กับจังหวัด ใช้ในการขับเคลื่อนเพื่อตอบยุทธศาสตร์เพื่อสุขภาวะ ที่จะนำไปสู่เมืองลุงสีเขียว คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2563 13:50 น.